ความยึดมั่นถือมั่น คือ บ่อเกิดแห่งทุกข์
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
กาละ ตอนที่ 21

หลังจากที่ ฉันได้ฟังเรื่องราวความรัก ของคุณลุงกับภรรยาแล้ว
ทำให้รู้สึกสงสารคุณลุง และภรรยาของแกมาก แต่แกเหมือนกับจะพยายามบอกอะไรกับฉันบางอย่าง

แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณลุงเล่าให้ฟังนั้นจะเป็นจริงได้สักขนาดไหน ความรู้สึกตอนนี้ของฉันมันเหมือนอยากจะร้องให้ ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน

มันเหมือนกับว่าเรื่องที่คุณลุงเล่าให้ฟังทำไมมันถึงได้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน

มันคล้ายๆกับว่าตัวฉันเคยเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆนั้นด้วย

“คุณลุงอยู่ที่ รีสอทร์นี้นานแล้วเหรอค่ะ”

“ประมาณ 20 ปีได้แล้วครับ นับตั้งแต่ภรรยาลุงจากไป...คงน่าจะเท่ากับอายุของหนู”

“แล้วคุณลุงไม่คิดจะมี ภรรยาใหม่เหรอค่ะ”

“ไม่ครับ ลุงสัญญากับภรรยาลุงไว้แล้วว่า จะมีเธอแค่คนเดียว และจะมีแต่เธอคนเดียวตลอดไปไม่ว่าจะชีวิตนี้ หรือชีวิตต่อๆไป”

“คุณลุงช่างเป็นผู้ชายที่หายากนะค่ะ แล้วยิ่งยุคสมัยนี้แล้วด้วยหนูเห็น โดยมากจะมีแฟนกันคนละหลายๆคน มันกลายเป็นแฟชั่นไปแล้วมั้งค่ะ”

“แล้วหนูอยากได้แฟนแบบไหนหละครับ แบบแฟชั่นสมัยนี้ หรือแบบที่ลุงเป็นอยู่”

“ถ้าแบบคุณลุงคงหายากนะค่ะ เพราะสมัยนี้มันเป็นสมัยของวัตถุนิยม ทุนนิยม ใครมีทรัพย์สมบัติมาก และยิ่งถ้ามีอำนาจด้วย ใครๆก็ต้องการหมายปองค่ะ

จนบางทีเขาเหล่านั้นก็ไม่สนใจว่าคนที่เขาเลือกจะรักเขามากขนาดไหน หรือว่าจะรักไปนานแค่ไหน ขอแค่มีสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าไม่ต้องอายเพื่อน ไม่อายวงศาคณาญาติ และทำให้ตัวเองได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นด้วย”

“มันก็พูดยากนะหนูนะ เพราะแต่ละคนความคิดก็หลากหลายกันไป มันเหมือนกับว่าถ้าเราหวังสิ่งใดจากคนๆนั้น เราก็จะได้แบบนั้นครับ เช่น ถ้าหนูหวังทรัพย์สมบัติจากผู้ชายบางคน หนูก็จะได้ทรัพย์สมบัติของเขา แต่หนูก็ต้องแลกด้วยร่างกายของหนู

เพราะเขาคนนั้นคงไม่ยอมลงทุนฟรีๆ หรอกนะครับ มันก็เหมือนกับว่าเขาเหล่านั้นใช้วัตถุเป็นตัวล่อ แล้วเราก็เดินไปตามเกมที่เขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก เมื่อเขาได้เริ่มเล่นเกมที่มันน่าตื่นเต้นของเขา...

จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่เขาเริ่มเบื่อไม่อยากเล่นเกมนี้แล้ว หนูก็ไม่ต่างอะไรไปจากเกมเก่าๆที่เขาเคยเล่นแล้ว เขาก็จะเริ่มเบื่อ และโยนทิ้งไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะเขาจะมองหนูเป็นแค่วัตถุชิ้นหนึ่งเท่านั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย”

“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงหละค่ะว่า คนไหนเขาจะไม่มองเราเป็นแค่วัตถุค่ะ”

“มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวหนูเองก่อนว่าหนูต้องการอะไรกันแน่ ถ้าหนูต้องการคนที่รักหนู หนูก็ต้องมองที่จิตใจเขาและพยายามอย่าไปหวังสิ่งใดจากเขามากจนเกินไปนัก เพราะถ้าหนูหวังที่วัตถุเมื่อไหร่ แล้วเขาไม่สามารถหามาให้ได้

หนูก็จะรู้สึกผิดหวังและอาจจะคิดไปเองว่าเขาไม่รักหนูทั้งๆที่ สิ่งที่หนูต้องการจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ ความรัก ความเอาใจใส่ คนที่พร้อมจะอยู่กันหนูได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลาแห่งความสุข หรือเวลาแห่งความทุกข์ไม่ใช่หรือ”

“ขอบคุณคุณลุงมากเลยนะค่ะ ที่ช่วยสอนให้หนูได้รู้อะไรมากขึ้น...แล้วทำไมคุณลุงไม่หาคนมาช่วยทำงานที่ รีสอทร์หละค่ะ”

“ก็มีเหมือนกันครับ แต่ลุงจะจ้างเป็นรายวัน หนูสนใจมาช่วยลุงไหมหละ”

“ลุงจะจ้างเหรอค่ะ”

“ต้องถามก่อนว่าคิดแพงรึเปล่า เพราะลุงก็ไม่ได้มีเงินมากนะ”

“ไม่แพงค่ะ แค่ขอที่พัก กับอาหาร เท่านั้นเองค่ะ”

“แล้วที่บ้านจะไม่มาฆ่าลุงเหรอ เดี๋ยวเขาจะนึกว่าลุงหลอกลูกสาวเขามาทำอะไร”

“ไม่ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ ท่านไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยค่ะ หนูเกิดที่อังกฤษ แต่ไม่ชอบอยู่ที่นั่นค่ะ อยากกลับมาอยู่กับคุณยายที่เมืองไทยมากกว่า

คุณยายหนูท่านใจดีมากค่ะ ท่านไม่ว่าหรอกค่ะแล้วหนูก็ไม่ชอบอยู่ในเมืองด้วย มันดูวุ่นวาย ผู้คนก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครไว้ใจกันและกัน ต่างคนต่างกลัว หนูก็ไม่รู้ว่าเขาเหล่านั้นอยู่กันได้ยังไงนะค่ะ มันหาความสงบสุขไม่ได้เลยจริงๆ”

“งั้นก็ได้นะครับ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่ว่าอะไร”

ในเวลานั้นเอง เหล่าบรรดาเพื่อนๆ ของฉันก็ตื่นจากบรรทม แล้วก็เริ่มอยากจะหาอะไรเข้าปาก เพราะถ้าไม่หิวก็คงไม่แบกสังขารจากที่นอนมาหาของกิน

“มีอะไรกินบ้างหละลุง”
เสียงแจ๋วๆของเหล่าบรรดาเพื่อนตัวแสบของฉันเอง

“แล้วหนูอยากจะท่านอะไรครับ สั่งมาได้ทุกอย่าง”

“อะไรก็ได้ค่ะลุง ตอนนี้หิวมากค่ะ ไม่เหมือนเพื่อนบางคนแอบมากินคนเดียวไม่เรียกใครเลย สงสัยจะแอบมาจีบลุงรึเปล่าก็ไม่รู้”

“ฉันไม่ได้แอบมากินคนเดียวจ๊ะ แต่พวกแกนอนเป็นหมูเลยไม่อยากจะกวน...นี่ถ้ามีใครมาฉุดฉันไป พวกแกจะรู้ไหมเนี่ย...และที่สำคัญฉันจะมาช่วยคุณลุงทำงานที่รีสอทร์นี้ด้วยนะ มีใครอยากอยู่กับฉันไหม”

“นี่แก เมารึเปล่า แล้วแกไม่กลัวยายแกมาตามที่นี่เหรอ”

“ก็พวกแกช่วยพูดให้หน่อยสิว่าฉันอยากหาประสบการณ์ ฉันชอบที่นี่มากเลย มันเหมือนกับว่าฉันได้กลับมาบ้านของฉันเอง บ้านที่ไม่ได้กลับมานานแสนนาน”

“แกนี่ถ้าจะบ้าหวะ เดี๋ยวก็โดนลุงแกปล้ำเอาหรอก”

“ลุงแกไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ฉันมั่นใจ ฉันอยากจะอยู่ที่นี่ไปสักระยะหนึ่งก่อน ถ้ายังไงแกช่วยโกหก คุณยายว่าฉันมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของพ่อแก กับแกก็แล้วกันนะท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”

“อือ ก็ได้แต่ถ้ายายแกมาอาละวาดกับฉัน หละก็ตัวใครตัวมันนะ”

“ได้ฉันรับรองจะไม่ทำให้แกเดือดร้อน ยังไงก็ขอบใจล่วงหน้านะเพื่อนรัก”

หลังจากเหล่าบรรดาเพื่อนๆทานอาหาร จนอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราก็ออกไปเที่ยวแถวๆละแวกนี้ และสำรวจภายในรีสอทร์ มันทำให้ฉันยิ่งรู้สึกว่าเหมือนเคยมาที่นี่

และในใจฉันตอนนี้คิดว่าสิ่งที่คุณลุงพูดมานั้นมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริง ฉันก็คือคนที่คุณลุงรอคอยมานานแสนนาน และคุณลุงก็คือคนที่ฉันเกิดมาเพื่อรักษาสัญญาอย่างนั้นเหรอ

และแล้ววันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปหลายวัน

ตอนนี้ฉันพักอาศัยอยู่ที่รีสอทร์ มาได้ 1 อาทิตย์แล้ว ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ครบ 1 อาทิตย์ ฉันได้คุยและช่วยงานคุณลุงทุกวัน

จนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความผูกพัน กับคุณลุงมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกไม่อยากจากไปไหน ทำไมฉันถึงได้คิดถึงคุณลุงตลอดเวลา มันเหมือนมีเส้นใยบางๆ คอยยึดรั้งให้ฉันไม่อยากห่างจากไปไหนเลยแม้แต่วินาทีเดียว หรือว่าฉันได้รักคุณลุงซะแล้ว

วันนี้เพื่อนๆของฉันก็จะกลับ ไปในเมืองแล้ว แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย รู้แต่ว่าฉันอยู่ที่นี่กับคุณลุงแบบนี้ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว ไม่อยากไปไหนอีกเลย แต่สักวันฉันก็ต้องจากไปอยู่ดี

เพราะฉันคงโกหกคุณยายไปได้อีกไม่นาน...แค่คิดตอนที่ฉันต้องจากที่นี่ไปจริงๆ มันก็ทำให้ฉันน้ำตาซึมออกมาได้ ฉันไม่อยากไปไหนเลยจริงๆทำไมนะชีวิตของฉันมันถึง ไม่ใช่ของฉันจริงๆฉันต้องทำตามคนอื่นตลอดเวลา

ทั้งๆที่ทุกคนชอบพูดว่าอยากเห็นฉันมีความสุข และตอนนี้มันก็คือความสุขของฉัน แล้วความหมายมันแตกต่างไปจากความสุขของคนเหล่านั้นอย่างไรกันแน่...

เมื่อยามที่ฉันนอนหลับฉันก็ยังฝันเห็นในเรื่องเดิมๆตลอด ทำไมความฝันแบบนี้มันไม่หายไปจากหัวฉันเสียทีนะ ในเมื่อถ้าฉันได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคนรักของฉันในอดีตชาติแล้ว

ทำไมในความฝันของฉัน ผู้ชายคนนั้น ฉันเริ่มจะมองเขาไม่เห็นแล้ว มันเริ่มเจือจาง ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ หรือว่าฉันจะไม่ต้องฝันแบบนี้อีกแล้ว...

เวลาได้เดินผ่านไปเรื่อยๆ

คุณลุงขอให้ฉันเรียกแกว่า นนท์เฉยๆก็ได้ แต่ฉันไม่กล้าเรียก มันรู้สึกแปลกๆ แต่ฉันเรียกแกว่า คุณนนท์แทนเพราะว่ายังไงแกก็อายุมากกว่า มีคุณนำหน้ามันดูจะให้เกรียติแกมากกว่าที่จะเรียกชื่อเฉยๆ ส่วนแกก็ไม่เคยเรียกฉันว่าหนูแล้ว

คุณลุงแกถามฉันว่า

“วารีครับ ถ้าวารีต้องกลับไปอยู่กับคุณยาย แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหมครับ”

“ต้องกลับมาสิค่ะ แต่จริงๆแล้วก็ไม่อยากไปจากที่นี่เลย แต่ยังไงก็ต้องกลับไปค่ะ แล้วจะรีบหาทางกลับมาให้ได้ค่ะ คุณนนท์ไม่ต้องเป็นกังวลนะค่ะ ยังไง วารีก็ต้องกลับมาอยู่กับคุณนนท์แน่นอน”

“ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ ผมไม่ไปไหนอยู่แล้วผมจะรอจนกว่า วารีจะกลับมา”

และแล้วก็มาถึงเวลาที่ฉันต้องไปจากที่ๆฉันรู้สึกว่า ที่นี่แหละคือบ้านที่แท้จริงของฉัน ที่นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเกิดมาเพื่อมาพบกับผู้ชายคนนี้ คนที่เฝ้ารอฉันมานาน...

ฉันจะต้องกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ อีก 4 ปีและก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ มันคงเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก

*****ติดตามตอนจบนะครับ******







Create Date : 29 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 0:00:35 น. 2 comments
Counter : 249 Pageviews.

 
หาเพลงได้เข้ากันดีจัง.....
จะจบแล้วเหรอเนี้ย....ยังไม่ถึง 100 ตอนเลยน๊า
อยากรู้จัง...ว่าจะจบอย่างที่คิดไว้หรือป่าว
หวังว่าคุณผัสสะคงไม่ใจร้ายจนเกินไปนะค่ะ
สงสารคุณลุง......


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 29 ธันวาคม 2552 เวลา:8:28:41 น.  

 
กล่าวอำลากันในปีนี้
ขอให้โชคดีมีชัย
อยากได้สิ่งใด
ขอให้สมดังใจปอง
สุขภาพแสนดี ไม่มีโรคภัยเกี่ยวข้อง
ความรักให้สมใจปองครองรักกันมั่นคง
ที่เคยคิดจีบใครขอให้ได้ดังใจประสงคื
ที่อยู่ด้วยกันแล้วขอให้มั่นคงยืนยงคู่กันตลอดไป


โดย: chabori วันที่: 29 ธันวาคม 2552 เวลา:14:21:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผัสสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งที่รู้ รู้อะไร รู้ในสิ่งจริง หรือ สิ่งลวง หรือ ลวงในสิ่งจริง

คิด คิด ...คิด แล้ว จะ รู้ หรือ รู้ เพราะ ไม่คิด

".. ผัสสะ
Friends' blogs
[Add ผัสสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.