ความยึดมั่นถือมั่น คือ บ่อเกิดแห่งทุกข์
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
กาละ ตอนที่ 13

.-“สวัสดีครับคุณแม่ครับ ผมอานนท์ครับคุณแม่ยังดูสาวอยู่เลยนะครับ ทำยังไงถึงได้สวยใสแบบนี้ครับ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับคุณแม่”

ต้องปากหวานไว้มากๆ เข้าถ้ำเสือต้องจัดการแม่เสือก่อน แล้วลูกเสือจะไม่ไปไหน 555 เราซะอย่าง

เอ...แต่ท่านมองหน้าผมแล้ว เหมือนจะพูดอะไร แต่ไม่มีเสียงออกมา ตามองเขม็ง สีหน้าสดชื่นมาก ยิ้มไม่ยอมหุบเลย ทำไมท่านถึงได้ดีใจขนาดนั้น ผมว่าบ้านนี้ชักดูแปลกๆ

“อือ...ตัวจริงดูคล้ายมากจริงๆ มามะ มานั่งในห้องนั่งเล่นก่อน ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิว่ารู้จักกันได้ยังไง แล้วคบกันมานานแค่ไหนแล้วหละ ทำไมไม่เห็นมาเที่ยวที่บ้านบ้างเลยหละ นี่ถ้าแม่ไม่บังคับให้มาก็คงไม่ยอมมาใช่ไหม”

“เอ๋อ...คือว่าผมกับกาละแค่...”

ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ก็เหลือบตามองไปเห็น ผู้หญิงแสนสวยคนที่ผมหลงรักเธอเข้าเต็มเปาค่อยๆ เยื้องย่างกายอันสง่างาม ลงมาจากบันไดที่แสนจะวิจิตรบรรจงสร้างซะเหลือเกิน

แค่บันไดก็น่าจะแพงกว่ารถที่ผมขับซะด้วยซ้ำไป เธออยู่ในชุดผ้าเบาบาง ดูพลิ้วไปมา มองดูแล้วช่างเคลิบเคลิ้มซะนี่กระไร แล้วเธอก็ทักทายผมด้วยวาจาอันละเอียดอ่อน ว่า

“มาแล้วเหรอค่ะ คุณนนท์”

“สวัสดีครับคุณกาละ วันนี้คุณดูสวยมากเลยนะครับ”
ในใจ...ทำไมวันนี้เธอพูดจาเพราะจัง มันจะเกี่ยวกับที่เราตื่นเช้ารึเปล่าว้า

“นี่ไงค่ะคุณแม่ คุณนนท์คนที่ กาละเล่าให้คุณแม่ฟัง แล้วก็เป็นคนที่กาละจะแต่งานด้วย แม่ชอบไหมค่ะ”

แต่งงาน...! นี่มันเรื่องอะไรกันวะนี่ เราเพิ่งเจอเธอแค่ไม่กี่วันเองทำไมถึงจะแต่งงานกับเราซะหละ

“คุณกาละก็พูดล้อเล่นคุณแม่ไปได้”

“ใครล้อเล่น...ก็เราตกลงกันแล้วนี่ว่าอีก 1 เดือนจะแต่ง’งานกันนนท์ลืมไปแล้วเหรอค่ะ”
ในใจ...นี่เราเมา หรือ เธอบ้าวะนี่

“ผมว่ามันชักจะยังไงแล้วนะครับ”

แล้วเธอก็รีบเดินมานั่งข้างๆผม และจ้องตาผม กระพริบตา 1 ครั้ง แล้วก็หยิกที่กลางหลังผมอย่างแรง...ผมร้องเสียงดัง ทั้งเจ็บ และตกใจคิดว่าเธอจะฆ่าผมซะแล้ว

“โอ๊ย...คุณมาหยิกผมทำไมครับ”

แล้วเธอยังมีหน้ามาถามผมกลับอีกว่า

“เป็นอะไรคุณนนท์ ไม่สบายรึเปล่า สงสัยริดสีดวงกำเริบมานี่มะ ตามกาละมาเดี๋ยวเอายาทาให้”

แล้วเธอก็มองด้วยสายตาแบบจิกๆ แกมบังคับ และเปล่งเสียงแผ่วเบาว่า

“ตามมาเร็วๆ”

ผมก็ต้องเดินตามไปให้เธอทาริดสีดวง... (ได้ไงวะ)

“คุณกาละ ทำไมคุณบอกกับคุณแม่ว่าเราจะแต่งงานกันหละครับ...เราเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเองนะครับ”

“คุณนนท์ คุณช่วยทำตามที่กาละบอกไปก่อนได้ไหมค่ะ แล้วกาละจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”

“เอางั้นเหรอครับ...มันจะดีเหรอครับ โกหกผู้ใหญ่มันบาปนะครับ”

“เออ...เอางั้นแหละ(เธอตอบผมมาแบบตะคอกนิดหน่อย ผมคิดว่าเธอเริ่มจะกลายร่างอีกแล้วครับ) ช่วยๆหน่อยแล้วกัน ไม่งั้นฉันทวงเงินคุณนะ”
“ก็ได้ครับ...”

ในใจ...มีขู่ด้วย ทำไมชอบพูดเรื่องเงินๆทองๆด้วยก็ไม่รู้ พูดแล้วมันเครียดทุกทีสิ

แล้วผมกับเธอ เรา 2 คนก็เดินจูงมือกันเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ตามคำสั่งของเธอ ดูเหมือนยังกับคนที่รักกันมานานซัก 10 ปี แล้วผมก็ยิ้มแบบเกร็งๆ เดินมานั่งที่เก้าอี้หลุยอันนุ่มนวล แล้วพูดพร้อมกันว่า

“เราคุยกันแล้วค่ะ...ครับ ว่าอีก 1 เดือน แต่งแน่นอนค่ะ...ครับ”

“ดีแล้วหละจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาซักที แม่รู้อย่างนี้แล้วก็ดีใจนะ นนท์ยังไงแม่ฝากกาละด้วยนะ ตอนสมัยกาละยังไม่เกิด พ่อของกาละท่านก็ชิงเสียชีวิตไปซะก่อน เธอก็เลยเหมือนเด็กที่ขาดความอบอุ่น

เห็นภายนอกดูไม่ค่อยจะเหมือนผู้หญิงแต่ จริงๆแล้ว เธออ่อนไหวมากนะ แม่รักกาละมากที่สุดเหมือนเป็นแก้วตา ดวงใจของแม่เลย เห็นกาละบอกว่า นนท์เป็นคนดี เรียบร้อย สุภาพ แม่ก็สบายใจแล้วหละ ถ้าแม่ตายไปก็นอนตายตาหลับแล้วหละ”

คุณแม่ท่านพูดซะผมเครียดเลย จริงๆผมก็อยากจะบอกกับท่านเหมือนกันว่า ใจผมรักกาละตั้งแต่แรกพบครั้งแรกแล้ว แต่จะให้พูดได้ยังไง เพราะผมก็ไม่รู้ว่ากาละคิดยังไงกับผม

“ครับคุณแม่ครับผมสัญญาครับ ว่าจะรัก และดูแลกาละด้วยชีวิตผมเลย กาละก็เปรียบเหมือนเจ้าหนี้ เอ้ย...คือเหมือนกับว่าผมเป็นหนี้ชีวิตเธอมาแต่ชาติปางก่อนครับ”

“นนท์ เชื่อเรื่องชาติก่อนด้วยเหรอ”

“ผมก็ไม่ทราบครับ เคยดูแต่ในละครครับ คุณแม่ว่ามีจริงเหรอครับ”

“แม่เชื่อนะ แต่เรื่องแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองนั่นแหละถึงจะยอมรับ สักวันนนท์ อาจจะเชื่อก็ได้นะ...คุยกันก็นานแล้ว คงหิวข้าวแล้วมั้ง ไปทานข้าวกันก่อนดีกว่านะ”

หลังจากนั้น เราก็เริ่มรับประทานอาหารเย็น ในใจผมก็ดีใจมากที่ผมจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับ กาละถึงแม้นว่าจะเป็นแค่การแสดง แต่ก็ยังสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงผมก็ยอม

เมื่อเสร็จสิ้นจากการทานอาหารมื้อเย็นในครั้งนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จากคุณแม่ และกาละ ผมแทบจะไม่หลงเหลือความอึดอัดในใจอีกเลย แต่กลับรู้สึกถึงความคุ้นเคยกับท่านมาก่อน

“คุณแม่ทำอาหารอร่อยมากเลยครับ ผมไม่เคยทานอะไรอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยครับ ผมเลยทานเยอะไปหน่อย มันยั้งใจไม่อยู่จริงๆครับ”

“แม่ไม่ได้ทำหรอก โน่น กาละโน่นเธอทำตั้งแต่บ่าย บอกว่าอยากทำให้คนพิเศษของเธอ แล้วปกติกาละไม่เคยทำอาหารให้นนท์ทาน บ้างเหรอ”
“อ๋อ...ก็มีบ้างครับ”

ในใจ... ไม่น่าเชื่อว่าคนสวยขนาดนี้จะ ทำอาหารได้รสชาติดีขนาดนี้

“แล้ว พ่อ แม่ นนท์ เป็นไงบ้างหละ เห็นกาละบอกว่า ท่านเป็นทูตอยู่ที่เยอรมันเหรอ”

ในใจ...พ่อ แม่ เราเป็นทูตตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ผมมองไปที่ใบหน้าแสนสวยของกาละ บัดนั้น เธอก็ทำหน้าแปลความหมายออกมาได้ว่า ถ้าแกไม่เออ ออ ตามไปหละก็แกตายแน่

“อ๋อ...ครับ คือท่านไม่ค่อยกลับมาเมืองไทยครับ เพราะงานที่โน่นยุ่งมากเลยครับ ผมก็ไม่ค่อยได้เจอท่านเท่าไหร่ครับ แต่ก็มีบินไปหาท่านบ้างครับ แต่ไม่บ่อย”

ในใจ...โกหกผู้ใหญ่จะตกนรกไหมว้า

“แล้วนนท์ บอกท่านแล้วยังว่าจะแต่งงาน ต้องให้ท่านมางานแต่งให้ได้นะ เพราะมันสำคัญกับชีวิต นนท์นะ”

ในใจ...นรกแล้วไงเรา...พ่อ แม่ ก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้วด้วย เรามันก็แค่เด็กกำพร้าที่ ลุงคอยเลี้ยงดู แล้ว ลุงก็ม่องเท่งไปแล้ว กาละนี่เล่นซะแล้วไหมหละ

“ครับ...ไม่แน่ใจว่าท่านจะว่างพอมาได้รึเปล่านะครับ แต่ผมจะพยายามครับ”
“ให้แม่โทรไปคุยให้เอามั้ย...จะได้รู้จักกันไว้ ใหนๆก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว”

ผมจะตอบท่านยังไงดีหละนี่ ทำไมกาละ ไม่บอกก่อนล่วงหน้าว้า แล้วใครจะไปนึกวะนี่ว่าวันนี้จะได้เมียแบบสายฟ้าแลบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ หมาซักตัวมันยังไม่เคยหันมามองเราเลย

“อย่าเลยครับ คือว่าท่านไปอยู่ที่นั่นนานมากเลยครับ เลยพูดไทยไม่ค่อยได้ครับวันๆ ท่านก็พูดแต่ เยอรมัน...! เยอรมัน...! ทั้งวันเลยครับ”

“งั้นก็ตามใจนะ แล้ววันหลังต้องมาทานข้าวที่บ้านแม่บ่อยๆนะ”

“ได้ครับคุณแม่...เออ...นี่ก็ดึกมากแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ คุณแม่จะได้พักผ่อนด้วย”

ในใจ...รีบกลับก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อ ความลัพธ์อาจแตก แกเล่นถามไม่หยุดเลย แล้ววันนี้เราตอบอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ คิดแล้วปวดหัวขึ้นมา ตุบๆ สงสัยต้องกลับไปกิน พาราซัก 10 เม็ด...!

“’งั้นเดี๋ยว แม่ออกไปส่ง ปะกาละออกไปส่งพี่เขากับแม่ปะ”

ดู ดูแล้วท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมากๆเลย แต่ทำไมลูกสาวถึง ดุจังวะนี่ จริงๆก็ไม่อยากให้คุณแม่เดินออกมาส่งเลย อายรถที่มันดูยังไงก็ไม่มีค่าเอาซะเลย แต่ทำไงได้

“นั่นรถนนท์เหรอ ทำไมหลังรถไปโดนอะไรมา ถึงบุบขนาดนั้น”

คุณแม่ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจเล็กน้อย อย่าว่าแต่ท่านเลยครับที่ตกใจ บางทีผมมองรถตัวเองยังแทบช๊อค...ผ่อนก็ยังไม่หมด แถมโดนชนซะตูดบี้แบนซะขนาดนี้

“อ๋อ...พอดี โดนคนเมามันขับชนครับ ชนแล้วหนีด้วยนะครับคุณแม่ แย่จริงๆ คนสมัยนี้”

ในใจ...ซะใจจริงวุ้ย...ได้ด่าต่อหน้า 555

“แล้วทำไมไม่เอาไปซ่อมซะหละ แม่ว่าเหมือนมันจะหลุดแล้วนะนั่น น่าเกลียดตายเลยเหมือนรถของกาละ เมื่อ 2 วันก่อนเห็นบอกว่าขับไปชนหมา มันวิ่งตัดหน้ารถ เลยเบรกไม่ทัน”

“....! หมาเหรอครับ น่าสงสารหมานะครับ ไม่รู้ตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง”
“แม่ก็บอกให้กาละไปดูสิว่ามันตายแล้วยัง ชนแรงขนาดนี้ ถ้าตายจะได้เอามันไปเผาซะ ยังไงมันก็เป็นสัตว์โลกเหมือนกับ เราๆ”

“คุณแม่นี่ช่างมีจิตใจงามจริงๆ เป็นห่วงแม้กระทั่งหมาข้างถนน”

“ผมไปแล้วนะครับ”

“สวัสดีครับคุณแม่ ไปแล้วนะครับ กาละ ฝันดีนะครับ”

“ขับรถดีๆหละ ระวังมันจะหลุดลงมาหละ เอาอะไรมัดมันหน่อยดีไหมค่ะ”
นั่นคือเสียงเตือนบวกกับ การเยอะเย้ยเล็กน้อย ถึงปานกลางของคนที่ผมรัก
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ ...”

มาหาว่าเราเป็นหมาได้ไงวะ ฝากไว้ก่อนเถอะเมื่อไหร่เป็นเมียเราแล้วหละก็ จะจับตีก้นให้หนำใจเลย อิอิ แค่คิดก็สยิวกิ้ว ผู้หญิงอะไรสวยไม่เกรงใจคนรอบข้างเลย

ขณะนี้ได้เวลา 4 ทุ่มเศษ ผมก็ได้มาถึงคอนโดที่ น่าขนลุก ขนพอง สยองเกล้า คืนนี้ไม่อยากขึ้นลิฟท์ คนเดียวเลย มันโหวงๆยังไงไม่รู้ ลองจ้างยามมัน 5 บาทให้ขึ้นไปเป็นเพื่อนมันจะเอาไหมวะ

“น้องๆ ขึ้นลิฟท์ ไปกับพี่หน่อยสิ พี่ให้ 5 บาท”

“ไม่ได้หรอกพี่ ผมเป็นยามนะครับ ไม่ใช่พนักงานกดลิฟท์ แล้วพี่คิดอะไรกับผมรึเปล่านี่”

ในใจ...อวกจะแตก ใครจะไปคิดอะไรกับแกวะ ไอ้บ้า...ยืนรอคนขึ้นซัก 2-3 คนน่าจะอุ่นใจกว่า เออ...มีมาและ นักศึกษาซะด้วย...กดรอเลยแล้วกัน

“น้องครับไปชั้นไหนครับ”

“ชั้น 3 ค่ะ...”

ในใจ...ทำไมมันพักชั้นต่ำจังวะ แล้วเราต้องอยู่คนเดียวไปอีก 4 ชั้น กรรมจริงๆ ลองชวนไปเที่ยวชั้นเราดีกว่า ระหว่างรอลิฟท์

“น้องไปเที่ยวชั้น 7 มะ”

“ไอ้ลามก หน้าตาก็ดี ทุเลศ ไม่ไปและลิฟท์ตัวนี้ไปตัวอื่นดีกว่า”

อะไรวะ แค่ชวนไปชั้น 7 แค่เนี้ยทำไมต้องด่าด้วยวะ หรือมันจะหมายความว่า สวรรค์ชั้น 7 คิดได้ไงวะเนี่ย แล้วทำไงหละทีนี้ ไปเองก็ได้วะ ไม่เห็นต้องง้อใครเลย กลัวอะไรกับผี...เดือนหน้าย้ายไปอยู่ชั้น 1 ท่าจะดี

และแล้วก็มาถึงซะที...ไม่เห็นมีอะไรเลย...เรานี่ถ้าจะประสาทกิน ทำไมเราต้องกลัวการขึ้นลิฟท์คนเดียวด้วยวะ แล้วยังจะกลัวไม่กล้าเข้าห้องตัวเองอีก เราก็อยู่มาหลายปีแล้วนี่หว่า ทำไมน้อ โลกนี้มีคนแล้ว ยังส่งผีมาอยู่ด้วยก็ไม่รู้

ตี๊ดๆๆตี๊ดๆๆ...เฮ้ยตกใจหมดเลย ใครมันโทรมาตอนไขกุญแจวะ...อ้าว...กาละนี่หว่า

“สวัสดีครับมีอะไรเหรอครับ อ๋อ...ถึงแล้วครับ ผมกำลังว่าจะโทรไปหาพอดีเลยครับ คือว่ากาละได้เป็นนางแบบโฆษณาแล้วนะครับ ครับพรุ่งนี้จะนัดไป เทสครับ...ได้ครับ 10 โมงเช้านะครับ ฝันดีนะครับแล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

เธอเป็นห่วงเราด้วย แสดงว่าต้องมีใจให้เราแน่ๆเลย งานนี้ได้เมียแน่นอน ดีใจจังวุ้ย รีบนอน รีบตื่นดีกว่า คืนนี้ฝันดีแน่เรา

***ติดตามตอนต่อไปเน้อ***


Create Date : 21 ธันวาคม 2552
Last Update : 21 ธันวาคม 2552 23:34:16 น. 2 comments
Counter : 368 Pageviews.

 
เจิม เจิม เจิม
ได้มาอ่านคนแรกเลย ดีใจ ดีใจ อิอิ

สนุกจังเลย แล้วตอนต่อไปอย่านานนะค่ะ
ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่เลยมีงานเลี้ยงเยอะใช่มั๊ยค่ะ
ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ....



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:12:07:02 น.  

 
ขออ่านต่อ จากน้อง นุ่น แล้วกัน

@ น่าน


โดย: OxyMan วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:20:00:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผัสสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งที่รู้ รู้อะไร รู้ในสิ่งจริง หรือ สิ่งลวง หรือ ลวงในสิ่งจริง

คิด คิด ...คิด แล้ว จะ รู้ หรือ รู้ เพราะ ไม่คิด

".. ผัสสะ
Friends' blogs
[Add ผัสสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.