Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

ได้เวลาเปิดสอนวิชา สมบัติผู้ดี ๑๐๑ เป็นวิชาบังคับในสถาบันอุดมศึกษา

ปัญหาเรื่องคุณภาพของผลผลิตทางการศึกษาของไทยในปัจจุบันเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ในขณะที่ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี โท และปริญญาเอก โดยแต่ละปีมีผู้สำเร็จการศึกษานับหมื่นคน แต่ในทางกลับกัน คุณภาพของบัณฑิตเหล่านั้นโดยทั่วไปกลับต่ำลงอย่างน่าใจหาย แม้ว่าผู้เขียนมิได้เคยสำรวจงานวิจัยเพื่อยืนยันความคิดนี้ แต่จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นๆ ร่วมกับการพิจารณาจากประสบการณ์ในการสอนทั้งระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก มากว่า ๑ ทศวรรษ ทำให้มีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า ประเทศไทยเต็มไปด้วยบัณฑิตไร้คุณภาพจริงๆ

การเดินทางไปสอน นศ.ระดับปริญญาตรีครั้งหลังสุดเมื่อ ๒๘ ส.ค.๕๐ ระหว่างที่เดินเท้าจากลานจอดรถยนต์ไปสู่ห้องเรียน จะต้องผ่านนักศึกษาหลายคนที่จับกลุ่มพูดคุยกันหลายกลุ่ม ถ้อยคำที่คนเหล่านั้นกล่าว ล้วนเต็มไปด้วยความหยาบคายและไร้สาระ มีความรู้สึกว่าเดินในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไม่ต่างจากการเดินซื้อกับข้าวในตลาดทั่วไป ต่างกันตรงที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดนั้น ล้วนมุ่งมั่นทำการค้าของตน เพื่อเลี้ยงครอบครัว ถึงจะใช้วาจาด่าทอกันบ้าง ก็เป็นไปตามธรรมชาติของคนเหล่านั้น แต่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับสูง ควรจะมีความคิด หรือควรแลกเปลี่ยนความเห็นกันในเรื่องวิชาการหรือการพัฒนาตนเองบ้าง การกล่าวคำหยาบคายด่าว่าเพื่อนฝูงในกลุ่มของตน ไม่ควรจะมีในชนชั้นที่สังคมฝากความหวังว่าเป็นปัญญาชน แต่ข้อเท็จจริงที่พบนี้กลับกลายเป็นว่า แม้หญิงและชายในสถาบันแห่งนั้นส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมเรียบร้อยเป็นปกติ แต่บางคนแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก กลับใช้วาจาต่ำช้าซึ่งกันและกันจนเคยชิน และเห็นเป็นเรื่องปกติ หากคนใดพูดจาสุภาพเรียบร้อยคงถูกไล่ออกจากกลุ่มเป็นแน่ (ข้าพเจ้าคิดเช่นนั้น) แม้อยู่ในห้องเรียนก็ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ จนต้องเรียกมาสั่งสอนให้เข้าใจว่าควรจะต้องประพฤติตนอย่างไร

เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับอีกสถาบันหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยสอนในระดับปริญญาตรีก็มีลักษณะคล้ายกัน ในสถาบันแห่งนั้นมีการแพร่ภาพให้นักศึกษาชมผ่านทางระบบโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งไว้ทั่วสถาบัน ซึ่งแทนที่จะจัดรายการที่มีสาระความรู้ หรือเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จมาเชิดชูเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างกำลังใจในทางที่ดีแก่นักศึกษา กลับแพร่ภาพการแสดงดนตรีของนักดนตรีต่างชาติ ด้วยจังหวะที่กระแทกกระทั้นร้อนแรง ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ ซึ่งนอกจากจะเป็นการรบกวนสมาธิของผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือแล้ว ก็รังแต่จะเพิ่มความก้าวร้าวให้แก่ลูกศิษย์ของตน ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถเข้าใจหลักคิดของผู้บริหารของสถาบันนั้นได้เลยจนบัดนี้

ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นที่น่าวิตกต่ออนาคตของสังคมไทย ที่จะเต็มไปด้วยเด็กไร้สาระ บ้าแต่งตัว แต่งหน้า ทาปาก ทาเล็บ แข่งรถยนต์ หาแก่นสารไม่ได้ อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังต่อไปนี้

๑. ความไม่สนใจของผู้บริหารสถาบันแต่ละแห่ง ที่มีต่อความสำคัญในการสร้างคนในด้านจริยศึกษา

๒. ความไม่ได้เรื่องของคนรับจ้างสอนหนังสือที่สถาบันเหล่านั้นจ้างมาสอนแต่กลับขาดแคลน “ครู” ที่แท้จริง

๓. การที่นักศึกษาบางคนขาดการสั่งสอนอบรมจากครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง และวงศาคณาญาติทั้งหลาย และ

๔. สังคม ที่มีสื่อมวลชนซึ่งไร้ความรับผิดชอบจำนวนมาก ต่างผลิตละคร สินค้า
การโฆษณา เพื่อมอมเมาเด็กไร้สติ ให้หลงละเมอตามจินตนาการที่ขาดแก่นสาร จนไม่รู้ว่าในชีวิตจริงนั้น คุณธรรม ความถูกต้อง ความดีงาม และหลักธรรมตามแนวทางของศาสนาต่างๆ เท่านั้น ที่จะสามารถส่งเสริมให้บุคคลมีความก้าวหน้าและมีความสุขในชีวิตได้อย่างมั่นคงแท้จริง

หนังสือ “สมบัติผู้ดี” ซึ่งเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปีย มาลากุล) ได้กรุณาเรียบเรียงไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๕ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดายุคโบราณ ยังมีความทันสมัยอยู่เสมอ ทุกชาติทุกภาษาล้วนให้ความเคารพ ศรัทธา ต่อบุคคลที่รู้จักกาลเทศะ รู้ควรไม่ควร รู้จักการใช้ภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งคนเดี๋ยวนี้รู้จักน้อยลงเรื่อยๆ ผมได้กล่าวแก่นักศึกษาในห้องเรียนว่า หากนักศึกษาอยากจะเป็นคนธรรมดา ก็ไม่ควรเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษา เพราะเราเป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว แต่หากต้องการเป็นผู้นำ ต้องการเป็นชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง จะต้องมีการฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ภายใต้คำแนะนำของครู อันจะนำพาบุคคลเหล่านั้นไปสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศได้อย่างสง่างาม พร้อมทั้งนำสังคมไทยให้ก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง

เนื้อหาสาระของหนังสือ “สมบัติผู้ดี” ประกอบด้วยบทเรียน ๑๐ บท คือ

บทที่ ๑ ว่าด้วยเรื่อง ผู้ดี ย่อมรักษาความเรียบร้อย
บทที่ ๒ ผู้ดี ย่อมไม่ทำอุจาดลามก ทั้งกายกิริยา วจีกิริยา และมโนกิริยา
บทที่ ๓ ผู้ดี ย่อมมีสัมมาคารวะ
บทที่ ๔ ผู้ดี ย่อมมีกิริยาอันเป็นที่รัก
บทที่ ๕ ผู้ดี ย่อมเป็นผู้มีสง่า
บทที่ ๖ ผู้ดี ย่อมปฏิบัติการงานดี
บทที่ ๗ ผู้ดี ย่อมเป็นผู้ดี
บทที่ ๘ ผู้ดี ย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว
บทที่ ๙ ผู้ดี ย่อมรักษาความสุจริตเที่ยงตรง
บทที่ ๑๐ ผู้ดี ย่อมไม่ประพฤติชั่ว

ได้เวลาเปิดสอนวิชา สมบัติผู้ดี ๑๐๑ เป็นวิชาบังคับสำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแล้ว

ชื่อวิชา สมบัติผู้ดี ๑๐๑

ความมุ่งหมายของหลักสูตร

เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ในการปฏิบัติตนเมื่อเข้าสมาคมกับบุคคลระดับต่างๆ การสร้างเสริมบุคลิกภาพและภาวะผู้นำในการงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ รวมทั้งให้นักศึกษามีความเข้าใจถึงความสำคัญของกิริยามารยาทและสามารถแสดงกริยาที่เหมาะสมได้ในแต่ละโอกาส พร้อมทั้งมีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและมีระเบียบวินัยในตนเองอย่างเคร่งครัด

ขอบเขต

แนวความคิดเกี่ยวกับฐานะทางสังคม และความสมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพของบุคลที่มีต่อความสำเร็จในการทำงานและการเสริมสร้างวัฒนธรรมไทย หลักการปฏิบัติตนตามมาตรฐานสากลในเรื่องกิริยามารยาทในชีวิตประจำวันทั่วไป มารยาทในการติดต่อสื่อสาร มารยาททางการทูต การใช้ราชาศัพท์ หลักการเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม หลักธรรมของศาสนาต่างๆ ที่ส่งเสริมการดำรงชีวิตของคฤหัสถ์เพื่อความสุขและความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและมั่นคง

หนังสืออ่านประกอบ

ศรีสว่าง ภิบาลแทน และเรช มุ่งในธรรม. มารยาทไทย. กรุงเทพฯ:สำนักหอสมุดกลาง ๐๙. ๒๕๓๐
ปรีชา แก่นสา. แนวปฏิบัติด้านพิธีการทูตสำหรับด้านพิธีการและงานเลี้ยงรับรอง. กรุงเทพ:อัดสำเนา. ๒๕๕๐.
//www.khonthai.com/Vitithai/marayat7.htm
//www.kanchanapisek.or.th/kp8/mthai/
//www.kanchanapisek.or.th/kp8/mthai/
//www.kanchanapisek.or.th/kp8/mthai/
//www.kanchanapisek.or.th/kp8/mthai/
//www.khonthai.com/Vitithai/marayat9.htm
//www.khonthai.com/Vitithai/marayat8.htm

ถ้าหาครูสอนวิชานี้ไม่ได้ ผมขอสอนเองครับ

พ.อ.ดร.อนุชาติ บุนนาค
๓๐ ส.ค.๕๐




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2550
12 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2550 9:32:41 น.
Counter : 1596 Pageviews.

 

ผมว่าครอบครัวต้องเริ่มปลูกฝังก่อนเลยครับ
ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกเบี้ยวแล้วมันก็จะเบี้ยวไปตลอดครับ

 

โดย: นายสันขวาน (นายสันขวาน ) 30 สิงหาคม 2550 9:49:30 น.  

 

ถูกใจมากเลยค่ะ ทั้งข้อมูลเรื่องวัยรุ่น และข้อมูลเรื่องหลักสูตร เป็นหลักสูตรที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ พวกเราครูบาอาจารย์บ่นกันอยู่บ่อยๆค่ะ โดยเฉพาะยุคสมัยนี้

คนที่มีอาชีพอื่นก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่คนที่มีหน้าที่อบรมสั่งสอนเด็กโดยตรง และต้องทำงานอยู่กับเด็กทุกวัน จะรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว และด้วยความที่เราต้องปะทะสังสรรค์กับเด็กอยู่เสมอ ทำให้เราเห็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง และกลายเป็นคนขี้บ่นไปเสียแล้ว

 

โดย: mrs.postman 30 สิงหาคม 2550 12:51:36 น.  

 

๑. เห็นด้วยกับคุณสันขวานเต็มที่
๒. ขอบคุณ mrs.postman ที่กรุณาสนับสนุนครับ

 

โดย: พ.อ.ดร.อนุชาติ บุนนาค IP: 58.8.108.15 30 สิงหาคม 2550 13:16:48 น.  

 

เห็นด้วยทั้งหมดกับข้อเขียนข้างต้นครับ และขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาทุกอย่างในบ้านเมืองของเราอยู่ที่คน ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่คนก่อน และขอแสดงความชื่นชมกับผู้ที่เอาเอาภาระทุกท่านครับ

 

โดย: นายข้าพุทธ ขาวดารา IP: 210.86.146.125 1 กันยายน 2550 11:56:29 น.  

 

ขอบคุณครับคุณข้าพุทธฯ แห่งพรรค "เพื่อฟ้าดิน" เพื่อนเก่าร่วมรุ่นในสถาบันพระปกเกล้านี่เอง

 

โดย: พ.อ.ดร.อนุชาติ บุนนาค (anuchartbunnag ) 1 กันยายน 2550 19:52:58 น.  

 

เข้ามาอ่านครับ

 

โดย: เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว 3 กันยายน 2550 18:20:57 น.  

 


เข้ามาสนับสนุนเรื่องการสอน สมบัติผู้ดีค่ะ
ทั้งการพูดและการแต่งกายที่ปัจจุบันนี้ดูไม่ได้เลย
เห็นและยินแล้วอเน็จอนาถใจเหลือเกินค่ะ

อย่าว่าเด็กเลยนะคะ
แม้แต่อาจารย์(หญิง)บางท่าน ยังใช้วาจาไม่ค่อยสุภาพเลยค่ะ

ปัจจุบันดูโทรทัศน์แล้วอ่อนใจ
พิธีกรบางคน แต่งกายโดยไม่ให้เกียรติตัวเองและผู้ชมเลย

บ่นไปก็เท่านั้นนะคะ
จะมีใครใส่ใจเรื่องนี้บ้างหนอ


 

โดย: ป้าเเอ๊ด (addsiripun ) 18 กันยายน 2550 1:15:42 น.  

 

อย่างน้อยผมก็สนใจอย่างที่ป้าแอ้ดว่าแหละครับ สงสารบรรพบุรุษไทย แม้แต่ภาษาลูกหลานไทยมันยังทำเสียกลายพันธุ์ ไม่นับเลขไทยที่ใกล้ตายเต็มที แต่ผมก็ยังใช้เลขไทยเสมอมานะครับ แม้คนไทยทั่วไปจะเห็นว่าผมผดผู้ผิดคนก็ตาม

 

โดย: พ.อ.ดร.อนุชาติ บุนนาค IP: 202.29.84.2 18 กันยายน 2550 13:44:50 น.  

 

มารยาทผู้ดีสมัยนี้ดูเหมือนว่าผู้ปฏิบัติจะดูว่าเชยโดยเฉพาะในกลุ่มของวัยรุ่น, การใช้วาจาแบบพูดคำด่าคำเหมือนแสดงถึงความเจ๋ง.., การให้ความเคารพนพนอบด้วยกริยาหรือคำพูด เหมือนเป็นการยอมสยบ มีผู้ใหญ่หลายคนคิดเช่นนั้นแทนที่จะยกย่อง บางครั้งกลับยกย่องผู้ทำตนเสมอท่าน โดยเฉพาะกับอาจารย์หรือเจ้านายบางคน...
แล้วอย่างนี้สังคมผู้ดีอยู่ที่ใหนเล่า..ท้องถนน..ในรั้วมหา"ลัย..หรือที่ทำงาน.. แต่มี..ผม..คนหนึ่งละที่จำได้เสมอว่า..แม่..พ่อ..สอนว่าอย่างไร(คุณสมบัติผู้ดี) และได้ปฏิบัติเสมอมาทั้งกาย..วาจา..และใจ..
ช่วยกันรณรงค์นะครับ...
ชายแท้..มิใช่กระเทย..

 

โดย: สมศรี หมื่นยุทธ์ IP: 124.120.53.188 4 ตุลาคม 2550 11:16:03 น.  

 

เกรียนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 

โดย: 555 IP: 203.113.77.9 15 ตุลาคม 2550 12:26:53 น.  

 

ดีค่ะ เป็นความคิดที่ดีนะคะ

 

โดย: เมย์ IP: 161.200.173.11 7 พฤศจิกายน 2550 18:14:33 น.  

 



มีความสุขตลอดปี 2551 และทุก ๆ ปีต่อ ๆ ไปนะค่ะ
ยินดีที่ทำให้มีความสุข แม้ว่าจะเป็นเพลงที่เคยฟังในวัยเด็ก แต่ก็เป็นเพลงที่ฟังได้ทุกวัยไม่ใช่หรือค่ะ

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 29 ธันวาคม 2550 20:40:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


anuchartbunnag
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add anuchartbunnag's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.