มานับอายุขัยของยางกันเถอะ
ความสำคัญของ "ยางรถยนต์" นั้นขอบอกว่าไม่แพ้กับชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นรถ 1 คันเลย เพราะนอกจากจะช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้แล้ว ยังช่วยในระบบการเบรกเมื่ออยู่ในถนนที่มีสภาพที่ลื่นหรือขรุขระ
ยางที่ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจ และลดการกระแทก ผู้ใช้รถหลายคนลืมที่จะให้ความสำคัญกับยาง แต่กลับไปเน้นที่น้ำมันหรือเครื่องยนต์ จนลืมนึกถึงความสำคัญของยาง ที่เรียกได้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย
ผลวิจัยพบว่า เนื้อยางนั้นจะมีการยืดตัวไปมานับไม่ถ้วน ขณะที่กลิ้งตัวไปตามถนน จนกว่าจะหมดสภาพการใช้งาน ตัวอย่างเช่น ยางขนาด 185/70 R13 หากวิ่งด้วยความเร็ว 130 กม./ชม. จะต้องหมุนถึง 20 รอบ/วินาที นั่นแสดงว่าการออกแบบและการผลิตยางแต่ละเส้นนั้น ได้มีการนำองค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความทนทาน และอายุการใช้งานเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย
โดยทั่วไป อายุของยางรถยนต์ จะเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ไปใช้งานจริงหรือติดล้อวิ่ง ไม่ใช่จากวันเดือนปีที่ผลิตเหมือนอย่างอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ และหากพิจารณาถึงการสิ้นสุดของการใช้งานแล้วล่ะก็ ให้พิจารณาจากความสึกหรอของดอกยาง ซึ่งดูจากสะพานยางที่อยู่ระหว่างร่องดอกยาง ที่มีความสูงประมาณ 1.6 มิลลิเมตร หากพบว่าดอกยางมีอัตราการสึกจนถึงระดับนี้แล้ว แสดงว่ายางเส้นนั้นหมดอายุ และควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ดี หากคุณต้องการให้การขับขี่อย่างมั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้นในสภาพการขับขี่ที่มีฝน ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทุกครั้ง เมื่อตรวจสอบพบว่าการสึกหรอลึกประมาณ 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งานนั้น สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของผู้ผลิต) ก่อนนำไปติดล้อวิ่งจริง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก จนกระทั่งผู้ขับขี่ ไม่จำเป็นที่ต้องให้ความสนใจในการตัดสินใจซื้อยาง แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับการเลือกยางรถให้ถูกกับการใช้งาน ยี่ห้อที่ไว้ใจได้ และมีการดูแลยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยที่แท้จริง
นอกจากนี้หากว่าต้องการยืดอายุการใช้งานของยางให้มากขึ้น เราก็มีเคล็ดลับมาให้ท่านลองทำตามดู
1. ควรตรวจสอบลมยางเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ หรือทุกครั้งก่อนการเดินทางไกล ให้มีความดันลมยางที่เหมาะสม (ควรทำเมื่อยางอยู่ในอุณหภูมิปกติ) นอกจากนั้นควรตรวจสอบความดันลมยางของยางอะไหล่ และควรอ้างอิงความดันลมยางจากคู่มือของบริษัทนั้นๆ
2. ควรเปลี่ยนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางเส้นใหม่ เนื่องจากความกดดันจากแรงหนีศูนย์อาจทำให้ยางลมอ่อน ส่งผลให้ยางเกิดความเสียหายได้
3. การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เพื่อปกป้องช่วงล่าง ช่วยลดการสั่นสะเทือน รองรับแรงกระแทกรวมถึงระบบพวงมาลัยทำให้ยางใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
4. ลักษณะการทรงตัวของรถเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการสึกหรอของยาง การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยไม่ให้ลมยางอ่อน เสื่อมสภาพเร็วและสึก
เก็บรักษายางอย่างไรดี ?
1. การเก็บรักษายางของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดี พร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ ทำความสะอาดยางด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง แกะเอากรวดและก้อนหินต่างๆ ซึ่งอาจติดอยู่ที่ดอกยางออกเสมอ
2. การเก็บรักษาที่ดี ช่วยให้การใช้งานยางของคุณยาวนานมากยิ่งขึ้น * หากใส่ยางเข้ากับล้อแล้ว ควรเก็บโดยการวางราบลงกับพื้น หรือหาที่แขวน * หากยังไม่ได้ใส่ยางเข้ากับล้อ ให้เก็บยางโดยการตั้งยางไว้กับพื้น
3. ขอแนะนำให้ให้คุณเก็บรักษายางไว้ในที่เย็น ไม่ควรเก็บยางไว้ในที่ที่ถูกแสงแดดโดยตรง เมื่อทำการเปลี่ยนยางหรือสลับยางระหว่างล้อ ควรจดจำตำแหน่งในการใส่ให้ถูกต้อง อาทิเช่น ควรทำเครื่องหมาย FL แทนสำหรับ ยางล้อหน้าด้านซ้าย
4. ในกรณีที่คุณมีรถพ่วง หรือยานยนต์ที่มักต้องทิ้งให้จอดอยู่ในโรงรถเป็นเวลานานๆ ขอแนะนำให้คุณเพิ่มแรงดันยางมากกว่าปกติ อย่างน้อย 7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.5 บาร์)
ข้อมูลจาก : //www.manager.co.th
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : ความสำคัญของดอกยางรถยนต์ 11 ข้อน่ารู้ สำหรับยางรถยนต์ สารพันการดูแลยางรถยนต์
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 25 มีนาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 18:13:02 น. |
Counter : 1027 Pageviews. |
|
|
|