บันทึกถึง พะเนินทุ่ง
ก่อนอื่น ต้องขอบอกว่าทริปนี้เป็นทริปแรก และอาจจะเป็นทริปสุดท้ายในรอบปีนี้ก็ได้นะคะ เป็นโชคดีมากๆที่ได้ไปช่วงปิดเทอมพอดี


ฟังครั้งแรก พะเนินทุ่ง ไอ้เราก็ฟังแล้วงงๆ มันจังหวัดไหนหว่า ถ้าเป็นทุ่งๆ นี่มันจะเป็นแนวที่ราบรึเปล่าน้อ แต่ก็งงๆว่ามันมีหมอกด้วยเหรอ เอาง่ายๆคือ ไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับที่พะเนินทุ่งเลยอ่ะค่ะ


เราเริ่มเดินทางกันเช้าวันเสาร์ค่ะ แล้วก็มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อซื้อตั๋วก่อน ตรงนี้เองที่ได้รับข่าวร้ายว่า ที่พักบนพะเนินทุ่งเต็ม เอาไงดีละ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า พักบ้านกร่างละกัน ยังเหลือให้กางเต้นท์ได้ เดินทางต่อไปก็แค่อีก 15 กิโลเอ๊ง รถตู้เข้าถึง สบายๆ






พี่แกบอกยิ้มๆอย่างนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไอ้ 15 กิโลเอ๊ง นี่มัน 15 กิโลนรกชัดๆ ทางที่ไปตอนแรกๆก็ราดยางดีหรอกค่ะ แต่พอวิ่งไปได้หน่อยนึง เริ่มโคลงเคลง ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ กระเทือนมากๆ รถตู้เกือบเอาไม่อยู่ คลานราวกับเต่า และบางครั้ง ก็ต้องหลีกทางให้พวกรถโฟร์วีลขับแซงไปก่อน เนื่องจากสมรรถภาพรถเขาดีกว่าเราเยอะ



อ่า พอถึงกลางทาง พี่ตี๋ ที่เป็นคนจัดทริป ก็ทนความปั่นป่วนไม่ไหว จู่ๆบอกให้จอดรถ แล้วเจ้าตัวก็วิ่งเข้าทุ่งซะงั้น ท่ามกลางสายตาของน้องๆ ที่นั่งมองตาม แล้วก็ฮากลิ้ง เพราะพี่เขาเล่นหายไปกับป่าเลยอ่ะค่ะ พวกเรารอพักใหญ่ๆ พี่ก็กลับมาอย่างปลอดภัย ไม่โดนอะไรขม้ำไปซะก่อน



หลังจากโคลงเคลงกันไปอีกพักใหญ่ เราก็มาถึงบ้านกร่างกันซะที ที่นี่ว่ากันว่าเป็นแหล่งผีเสื้อเลยนะคะ แต่วันที่เราไปกัน ผีเสื้อหายหมดเลย เศร้าจัง พี่ธนาที่มักจะชอบถ่ายสัตว์(ประหลาด) ถึงกับเสียดาย



แต่จะถึงยังงั้นก็เถอะ มันยังไม่แย่เท่ากับการไม่มีน้ำไหล เนื่องจากท่อน้ำถูกช้างเหยียบแตก ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เมื่อน้ำไม่ไหล คนมาการเต้นท์ก็เยอะ ไอ้อาบน้ำเนี่ย ไม่ต้องพูดถึง แต่จะเข้าห้องน้ำยังไงล่ะเนี่ย งานนี้ทำให้รู้สึกรักษ์น้ำขึ้นมาทันทีเลยค่ะ








พี่ตี๋ยังแสดงความเป็นพ่อครัวหัวป่าก์ โดยการลงมือทำอาหารเองทุกอย่าง มะอยากบอกว่าทริปนี้ผู้หญิงไปเยอะก็จริง แต่ไม่มีใครทำอาหารเป็น + ทำอาหารเก่งเท่าพี่ตี๋ที่เป็นผู้ชายอกสามศอกสักคนเดียว พี่ตี๋ทั้งหมักหมู ต้มแกงจืด ถ้ามีข้าวคงนั่งหุงเองกับหม้อดินไปแล้ว นับเป็นผู้ชายที่หายากมากๆ ก่อนมาทุกคนก็ฝากกระเพาะกับฝีมือปลายจวักของพี่ตี๋แล้วค่ะ แหะๆๆ มีพี่ไม่มีอดคับน้อง (สโลว์แกนประจำใจทริปนี้ของพี่เขา)







มื้อเย็นเป็นหมูกะทะ และยำใหญ่ใส่ทุกสิ่งที่ปิ้งได้ค่ะ โดยมีแกงจืดเต้าหู้หลอดซดกันคล่องคอ เป็นมื้อที่อิ่มมากๆ อ้อ เราแวะซื้อข้าวโพดระหว่างทางกันด้วย ก็เลยโยนลงไปปิ้งซะทีเดียว เพิ่งรู้ว่าการปิ้งข้าวโพดนี่ ปิ้งยากแฮะ เพราะมันไหม้เร็วมากๆ แถมยังกินแล้วท้องอืดด้วย เนื่องจากมันสุกไม่ทั่วอ่ะค่ะ



น้ำก็ยังไม่ไหลเหมือนเคย T_____T ไกลนั้น น้องแอว และพี่หน่อย ที่นอนเต้นท์เดียวกัน เลยตกลงใจว่า หมักเค็มมันสักวันละกัน แล้วก็เดินด๊อกๆ ไปเคาะประตูบ้านเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ ขอใช้น้ำล้างหน้าที่บ้านพี่เค้า ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี




ได้เห็นการทำงานของพวกเจ้าหน้าที่ที่นี่ รู้สึกประทับใจเหมือนกันนะคะ ถึงแม้ว่าพี่แกจะปล่อยมุขกันถล่มทลายจนพวกเรานี่เซ๋อปนโง่กันไปเลย แต่ยามที่พวกเขาทำงาน ก็ทุ่มเทให้กับงานเต็มที่ อย่างตอนที่เราไปขอแปรงฟัน พี่เขาบอกว่า พวกเขายังไม่ได้กินข้าวกันสักเม็ด ทั้งๆที่เวลามันสามทุ่มกว่า เพราะต้องไปนั่งไล่น้ำขึ้นเขามาให้พวกเราใช้กันอ่ะค่ะ






กลับมาที่เต้นท์ ก็ยืนแหงนหน้ามองทางช้างเผือก ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นซึ่งกรายมา ทะเลดาวในสายหมอกจางๆนี่ มันสวยจังเล้ย และเราก็นอนกันตอนสามทุ่ม อึม เข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่อยู่ต่างจังหวัดถึงมีลูกเต็มบ้าน ^^" เพราะมันไม่มีอะไรทำตอนกลางคืนนี่เอง ทีวีก็ไม่มี โทรศัพท์มือถือก็ไร้สัญญาณ ถ้าไม่มีไฟฟ้าด้วยก็จบไปอีก (รึว่าเราบ้างานกันมากไปหว่า เพราะดันขนงานมาทำด้วยนะคะ แต่สุดท้าย ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่มีไฟ และไม่มีอารมณ์ทำงานด้วย)



เช้าตีห้า พวกเราก็ตื่นอ่ะค่ะ งานนี้คงต้องขออาบน้ำแล้วล่ะ เพราะไม่ไหวแล้ว และน้ำก็มาพอดี ดีใจจัง


ราวๆ เกือบหกโมง เราไปหาเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติกัน เพื่อจะนั่งรถกระบะขึ้นไปบนพะเนินทุ่ง



อากาศตอนเช้าบนภูเขานี่สุดยอดมากๆเลยค่ะ ถ้าได้อยู่คงอายุยืนไปหลายปี มันบริสุทธิ์ สะอาด แล้วก็สดชื่นจนบอกไม่ถูก








งานนี้ก็มีพี่ตี๋อีกแล้ว ที่หิ้วกาสเตนเลสขึ้นไป พร้อมกับกาแฟ ไมโล โอวัลติน หนมปัง กะเอาไว้กินเย้ยตอนชมทะเลหมอกยามเช้า







มีเรื่องฮาเกี่ยวกับกาใบนี้ค่ะ ตอนแรกเราเกือบจะไม่ได้เอากานี้มาซะแล้ว เนื่องจากนัดกันตอนเช้าวันเสาร์ แล้วพี่ตี๋ผู้นำทริปยังไม่ออกจากบ้าน จนเลยเวลานัดไปสายโด่ง ทุกคนเลยรุมกระหน่ำโทรไปหาพี่เขา ปรากฏว่าพี่เขานั่งหากาอยู่ ประมาณว่ากาช้านหายไปไหน ฮ่าๆๆๆ


ไกลนั้นกับน้องแอวก็ไปหาทำเลถ่ายภาพกันอย่างเมามัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพชรบุรีจะมีทะเลหมอกที่หนา และสวยขนาดนี้ มีเจ๊นง พี่ร่วมทริปนี้เล่าว่า สมัยก่อน มันไม่ได้เจริญแบบนี้ การเที่ยวจะเป็นแนวเดินป่า ส่องนก มากกว่าที่จะมาดูแต่ทะเลหมอกอย่างปัจจุบันอ่ะค่ะ อึม ก็ไม่รู้ว่าสมัยก่อนที่เจ๊ว่า นี่คือสมัยกี่สิบปีที่แล้วกันน้อ แนววันวานยังหวานอยู่ว่างั้นเหอะ








เสร็จจากการชมทะเลหมอก เราก็มีโจ๊กร้อนๆ ใส่หมูเด้งกับราเมงเกาหลีรสปลาหมึกกินกันตอนเกือบเที่ยง งานนี้คงไม่ต้องบอกนะคะว่าฝีมือใคร (เริ่มอายหน่อยๆแล้วล่ะ เพราะเราไม่ได้ทำเล้ย กับข้าวกับปลาเนี่ย)



และแล้ว เราก็ได้เวลาโบกมือลาบ้านกร่าง มุ่งหน้าสู่สันเขื่อนแก่งกระจานค่ะ ก็เช่นเคย แวะลงไปถ่ายรูปกันอย่างบ้าระห่ำอีกรอบนึง งานนี้รูปใครอยู่กล้องไหนนี่ Save กันตาเหลือกเล็กน้อย ฮ่าๆๆ





และต่อด้วยพระนครคีรี หรือเขาวังเป็นที่สุดท้ายค่ะ ลิงที่นี่ยังแสบซ่า ท้าใจโจ๋เหมือนเคย มันไม่มีความเกรงกลัวมนุษย์เอาซะเล้ย แถมนั่งๆ อยู่ มันจ้องจะมาฉกกระเป๋าซะงั้น เวรกรรมจริงๆ ทำให้ความน่ารักของมันหดไปกว่าครึ่ง ไม่เหมือนน้องค่างที่เจอตรงพะเนินทุ่งเล้ย






เราออกจากพระนครคีรีกันตอนหกโมงเย็นค่ะ และก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพเลย เป็นอันจบทริปแห่งความประทับใจไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อจากนั้นก็แปลงร่างไปเป็นพนักงานเงินเดือนกันต่อไปค่ะ ^^


ภาพถ่าย: น้องแอว Thaiquest




Create Date : 08 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2550 15:16:27 น.
Counter : 946 Pageviews.

16 comments
  
55+ฮาพี่โณ ดองเค็มค่ะ...วิวสวยมากค่ะพี่โณ แต่ภาพสุดท้าย แอคท่าเหมือนตากล้อง...มากกว่าจะโดนถ่ายเองน่ะค่ะ emo

พี่โณเปิดเทอมยังค่ะ...
โดย: MHE** IP: 124.120.203.117 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:24:22 น.
  
เจ๊ไปครั้งแรกเมื่อประมาณ 2540 เองคร่า

ต๊ายยย ไม่กี่ปีเองเอนะ
โดย: เจ๊นง IP: 202.57.178.167 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:09:49 น.
  
ตามมาเที่ยว ด้วยคนค่ะ บรรยากาศ ดี
emoemoemoemoemoemo
โดย: iamorange วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:54:20 น.
  
หายหน้าไปนานไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยือนโณเลย คงไม่ต้องถามว่าสบายไหม ก็ออกจะหน้าแจ่มใสเด้งขนาดนี้เนาะ

คิดถึงเน้อ
โดย: ณ มน IP: 203.146.63.183 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:33:58 น.
  
อยากไปด้วย emo
โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:20:10 น.
  
กรรมเวรเจงๆๆ เป็นเรื่องให้น้องๆ เอาไปเมาท์กันซะได้เรา
ทริปหน้าจะจัดให้ดีกว่านี้ครับ ถ้าจะจัดทริปใหม่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ ใครอยากไปลงชื่อไว้ก่อนได้ครับ อิอิ
โดย: พี่ตี๋ IP: 61.7.160.4 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:57:44 น.
  
สวยมากๆ อะค่ะโดยเฉพาะรูปที่ถ่ายจากบนดอย เห็นแล้วอยากไปอะไรแบบนี้บ้างจัง

ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะจ๊ะ
โดย: อุรัสยา วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:42:31 น.
  
เห็นภาพแล้วอิจฉา อยากไปมั่งจัง ปีหน้าก่อนเหอะ รับรอง จะหนีเที่ยวให้มันส์ไปเลยล่ะค่ะ
โดย: may (ศศิกัณห์ ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:21:49 น.
  
น้องหมี
ท่านั้นมันเป็นเหมือนท่าหลุดๆนะ อิอิ เพราะกำลังยืนพิงเสาอยู่ พอพี่เขาบอกให้ถ่ายก็แอ็กได้ทันใจเลย ก๊ากกก อ้อ พี่เปิดเทอมแล้วนะคะ


เจ๊นง
-_-" เจ๊นง ที่เจ๊ว่านั่นมันสิบปีที่แล้ว แล้วนะคะ


คุณ iamorange
บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ หากมีโอกาสก็ไปเที่ยวพะเนินทุ่งนะคะ


พี่ นะ
อ่า ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอมค่ะ ไว้ใกล้ๆสอบเมื่อไหร่ หน้าก็คงเหี่ยวแน่นอนพี่นะ


พี่ไก่
โณเที่ยวเผื่อให้แล้วน้า อิอิ


พี่ตี๋
ทริปหน้าโณอาจจะไม่ได้ไปก็ได้นะคะ สงสัยจะติดสอบอ่ะ พี่ตี๋จะไปซ่อมที่เชียงดาวใช่ม๊า ส่งใจไปช่วยให้ซ่อมผ่านละกันค่ะ


พี่เปี๊ยก
อันนี้ไปกันแบบลุยๆหน่อยค่ะพี่เปี๊ยก หากชอบสบายๆ ไม่แนะนำทริปแบบนี้ค่ะ แต่จริงๆก็ไม่ลำบากมากนะคะ ตอนนี้โณสบายดีค่ะพี่เปี๊ยก


เมย์
หากได้เรียนมหาวิทยาลัย พี่ว่ามันจะไม่ได้เที่ยวบ่อยหรอก เพราะงานเยอะพอใช้ได้เลยอ่ะจ้า
โดย: ไกลนั้น วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:14:23 น.
  
บรรยากาศดีนะครับน่าไปเที่ยวชมธรรมชาติอย่างนี้บ้าง
โชคดีจังเลยที่ได้ไปทริบดีๆๆอย่างนี้ อากาศก็ดี หมอกก็สวย ผมยังคิดเลยว่าตนเองคงได้มีโอกาสได้ไปบ้างนะเที่ยวแบบอย่างนี้
โดย: เพกร (เพกร ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:11:36 น.
  
คุณ เพกร
ส่วนมากที่บริษัทชอบจัดทริปไปถ่ายรูปน่ะค่ะ นำแก๊งค์โดยพี่ๆกลุ่มข้างบนตามภาพเลย ^^

อย่างนี้ต้องพยายามชวนคนในบริษัทให้ไปอ่ะค่ะ ไม่ลองไม่รู้นะคะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:39:03 น.
  
ใช่ครับไม่ลองไม่รุ้ ต้องชวนเพื่อนๆในหน่วยงานไปด้วยกันแบบนี้บ้างก็คงดีนะ จะได้ถ่ายรูปและสัมผัสธรรมาชาติด้วย
โดย: เพกร (เพกร ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:44:04 น.
  
ไปเที่ยวไหนก็ลอง up blog มาให้ดูกันด้วยนะคะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:40:26 น.
  
อืมม มีคนเที่ยวพะเนินทุ่งแยะเหมือนกันแฮะ

พี่เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนจ๊า ^^
โดย: :D keigo :D วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:01:07 น.
  
พี่กบ

ก็มันช่วงปลายฝนต้นหนาวนี่คะพี่กบ คนก็เลยขึ้นไปเที่ยวบนภูเขากันน่ะค่ะ


โณชอบตอนขึ้นไปจังเลยอ่ะ มันลุยๆ ดีค่ะพี่กบ โณนั่งรถกระบะขึ้นไปอ่ะค่ะ ลมเย็นๆ พัดตีหน้า รู้สึกดีขึ้นมาทันทีเลค่ะพี่กบ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:59:04 น.
  
เข้ามาดูค่ะ น่าไปจังเลยค่ะ
โดย: ไข่เจียว IP: 117.47.192.89 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:15:59:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไกลนั้น
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



สวัสดีค่ะ ไกลนั้น คือ นามปากกาที่ใช้ในการเขียนนิยายที่ถนนนักเขียนในเวบพันทิพย์ดอทคอมค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านงานเขียนของไกลนั้นมาบ้างแล้ว ในนามปากกาว่า อโณทัย



ไกลนั้นขอฝากผลงานเขียนที่ได้ตีพิมพ์ในปัจจุบัน ตรงด้านล่างด้วยนะคะ ^^ อ่านแล้วคิดเห็นยังไง บอกได้เลยนะคะ


เรื่องสั้น


ต้องหนีเท่านั้น

ความฝันที่หายไป

การกลับมาของอากง

หมอดุ

ความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย


รอวันนั้น


สะเตง...อรุณฉายที่ปลายใจ






เรื่องยาว



Believe...สุดปลายฝันนั้นคือเธอ




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 1




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 2




เพียงความคิดถึง



ทางกลางใจ เล่ม1




ทางกลางใจ เล่ม2
พฤศจิกายน 2550

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30