รถไฟฟ้ามาหานะเธอ

รายชื่อนักแสดงนำ
คริส หอวัง
เคน ธีรเดช

ผู้กำกับ
ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม


เรื่องย่อหนัง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ


สภาพจราจรในปี 2552 ยังเป็นปัญหาหนักอกของคนกรุงเทพ ด้วยแม้จะมีถนน สะพาน ทางด่วนใหม่ ๆ ผุดขึ้นหลายต่อหลายสายผิวจราจรเหล่านั้นก็ยังติดขัด และไม่เพียงพอต่อความต้องการ


ถนนใน กทม. ก็เหมือนหนุ่มหล่อแสนดี ที่มีน้อยและไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการ เหมยลี่ (คริส หอวัง) เป็นสาวอายุ 30 ปีที่มีพฤติกรรมป่วนประจำตัวอย่างหนึ่ง คือ การเมาในงานแต่งงานเพื่อน เพราะมันช่างตอกย้ำซ้ำเติมชีวิตโสดสนิทไร้ชายใดมาแผ้วพานของลี่ วันหนึ่งหลังลากสังขารกลับจากการส่งเพื่อนสาวสุดซี้เข้าห้องหอ ลี่ขับรถเสยเข้ากับแผงโจ๊กในตลาดโต้รุ่ง ส่งผลให้รถเก๋งคันงามของเธอถูกป๊าผู้ต่อต้านแอลกอฮอลล์ทุกชนิดขายทิ้ง โทษฐานเมาแล้วขับ


ชีวิตที่ไม่มีชายหนุ่มคอยไปรับไปส่งอย่างลี่ จึงต้องออกไปผจญการจราจรสุดโหดของเมืองบางกอกเพียงลำพัง แต่ละวันลี่ต้องปากกัดตีนถีบ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ต่อรถตู้ โบกแท๊กซี่ โหนรถเมล์ ฯลฯ สารพันความเมื่อยล้าจากการเดินทางแบบเมก้าฮิต ทำให้เวลานอนของลี่แปรปรวน คืนหนึ้งลี่ตื่นขึ้นมากลางดึกและแอบขึ้นไปกินเบียร์บนดาดฟ้า โชคดีปนร้าย ลี่บังเอิญไปเจอลูกจ้างชายหญิงกำลังแสดง "หนังสด" กันอยู่ กลายเป็นคดีอื้อฉาวกลางดึกที่นำพาให้ลี่ได้พบกับ ลุง (เคน ธีรเดช) วิศวกร Maintenance แห่งรถไฟฟ้า BTS


การที่ได้พบกับผู้ชายชื่อแปลกคนนี้แบบไม่เมา ในคืนต่อมาทำให้ลี่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในสามสิบฝน ในหัวลี่อัดแน่นด้วยคำถามผู้ชายที่ทั้งขาว ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ไหงถึงมาซ่อนตัวทำงานรถไฟฟ้ากะดึกอยู่อย่างนี้" ลี่รู้สึกราวลุง คือขุมทรัพย์ที่เธอบังเอิญไปพบลายแทงเข้า หากเธอไม่ลงมือทำอะไร ไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการ เธออาจกลายเป็นหญิงโสดคนสุดท้ายในกรุงเทพมหานคร


ลี่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเคยคิดแต่ไม่กล้าลงมือ นั่นคือ การจีบผู้ชายก่อนแต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดจีบอย่างลี่ ไหนจะเวลาไม่ตรงกัน จนเหมือนอยู่คนละโลก ไหนจะถูกเพลิน (แพท อังศุมาลิน) สาวน้อยข้างบ้านหักหลัง แปรพักตร์จากครูไปเป็นคู่แข่งความรัก ไหนลุงจะมีถ่านไฟเก่าเป็นถึงนางเอกละครหลังข่าวอันดับหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะต้องผจญภัยอุปสรรคไหน ๆ ลี่ก็ไม่คิดถอดใจ

---

วันเสาร์ได้ไปดูเรื่องนี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ค่ะ เป็นหนังที่เรียกว่ากระแสดังที่สุดในตอนนี้ และยังไม่มีท่าทีว่ากระแสจะตกเอาง่ายๆ อาจจะเพราะนักแสดงนำอย่างพี่เคน ธีรเดช ที่เป็นตัวการันตีความฮอต รวมถึงคริส หอวัง สาวมากความสามารถที่เล่นได้น่ารักเหลือเกิน และตัวประกอบสุดน่ารักอย่างน้องแพท อังศุมาลิน ที่ผู้ชายหลายคนถึงกับน้ำลายหกด้วยความน่ารักใสๆ โดยรวมเรื่องนี้ดารากินขาดจริงๆ


ช่วงต่อไปนี้คือการสปอย์นะคะ หากใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปได้เลยค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++
ในเรื่องนี้ไกลนั้นชอบบทมากๆ ค่ะ พอดีเป็นคนจีน ที่พ่อเป็นคนจีนแท้ๆ แม่ก็เป็นคนจีน เลยทำให้รู้ว่า ชีวิตลูกคนจีนเนี่ย มันเหมือนในเรื่องนี้เลย เช่นตอนที่เหมยลี่กลับบ้าน แล้วเปิดประตูมาเจอว่าพ่อแม่ อาม่า ยืนเรียงกันรอการกลับมาของเธอ รวมถึงพ่อที่งดไม่ให้เธอใช้รถ ปล่อยให้เธอต้องระหกระเหินไปบริษัทเอง นี่ก็เป็นสิ่งนึงที่คนจีนค่อนข้างเฮี้ยบ หรือเวลาที่กลับบ้านไม่ตรงเวลา ก็จะมีโทรศัพท์โทรตามตัวจากป๊า ม๊า และทุกคนจะรอจนกว่าลูกจะกลับบ้าน นี่ก็เป็นวัฒนธรรมอย่างนึงที่ซึมเข้าสู่สมองเหมือนกัน พอมันออกฉายในจอภาพยนตร์ เลยเหมือนกระจกสะท้อนชั้นดีของตัวเองเช่นกัน


ในเรื่องนี้ เหมยลี่ไม่มีคนมาจีบ เนื่องจากชีวิตที่เรียนแต่รร.สตรีล้วน มีเพื่อนก็กลุ่มเดิมๆ พอทำงานก็ไม่เคยมองใครเพราะคิดว่ายังมีเพื่อนอยู่ ตราบจนเพื่อนๆ หายไปจากชีวิตทีละคน จนกระทั่งคนสุดท้าย นั่นจึงทำให้เธอเริ่มหวาดกลัวกับการอยู่คนเดียว จึงรีบพยายามมองหาคนที่จะมาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ผลจากการแยกกับเพื่อนมาเดินคนเดียว ทำให้เธอได้เจอกับลุง วิศวกรหนุ่มหล่อบาดใจ ทำให้เธอคิดว่า นี่แหละ ผู้ชายคนนี้ฉันขอ เขาต้องเป็นของฉัน ตรงนี้ได้ใจจริงๆแฮะ


ปฏิบัติการทุกอย่างจึงเริ่มขึ้น เป็นการสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเข้าถึงตัวเขา ซึ่งในเรื่องอาจจะดูแล้วขำๆ แต่บางฉากก็ขำไม่ออกเพราะผู้หญิงคงรู้ว่า หากแอบชอบใครสักคน การสร้างสถานการณ์เพื่อวนเวียนเข้าไปใกล้คนที่ตัวเองชอบนั้น มันเหนื่อยและระทึกแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะได้เจอแล้ว ก็ยังไม่กล้าเข้าไปทักทายตรงๆ ได้แต่มองผ่านกระจกหลังบ้าง หรือแม้แต่เดินเฉียดๆ เข้าไปบ้าง คือแค่ชำเลืองมองห่างๆก็พอใจแล้ว นี่เป็นความละเอียดอย่างนึงที่ในหนังเรื่องนี้มี แต่ในเรื่องอื่นไม่ค่อยเห็นเลยค่ะ




การตีแสกหน้าละครหลังข่าวก็เป็นอีกอย่างที่ฮา เพราะในเรื่องนี้จะมีเรื่อง "น้ำตากามเทพ" เป็นละครหลังข่าว ซึ่งเหมยลี่ต้องกลับมาดูทุกตอน ฉากนี้โดนใจมาก เพราะไกลนั้นเองก็ไม่เคยทนดูหนังแบบนี้ได้เหมือนกัน ต้องรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้านอน ปล่อยป๊ากับม๊านั่งดูละครไป ดูไปก็ด่าไป และก็ยังดูต่ออย่างเมามัน นี่เป็นการสะท้อนชีวิตของคนในกรุงเทพเหมือนกันค่ะ


อ้อ อาม่าในเรื่องนี้พูดภาษาจีนพื้นๆ มากค่ะ ไกลนั้นฟังออกหลายประโยค มีฟังไม่ค่อยทันแต่พอรู้ว่าพูดอะไรเหมือนกัน คิดว่าคนจีนแต้จิ๋วน่าจะฟังภาษาแต้จิ๋วออก




มาดูกันที่ตัวพระเอกบ้าง เรื่องนี้เลือกพระเอกได้ถูกบทที่สุดแล้ว หากไม่ใช่พี่เคน สงสัยไม่รู้จะเลือกใครมาเล่น บทพระเอกคือคนที่หล่อลากดิน หล่อจนหัวใจหญิงสาวละลาย และยังเป็นคนนิสัยดีมากๆด้วย มีหลายฉากที่ไกลนั้นว่าพระเอกรู้แหละ ว่าเหมยลี่แอบชอบเขา แต่เขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ใช้ความชอบนั้น เอารัดเอาเปรียบผู้หญิงคนนี้ นี่เป็นสิ่งโดนใจสุดๆ เลยค่ะ เคยคิดนะคะว่า จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ไม่ใช้โอกาสแบบนี้หาเศษหาเลยกับผู้หญิง ก็ในเมื่อรู้ว่าอ้อยจะเข้าปากช้างแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เหมยลี่แอบเข้าบ้านของลุง และเผลอนอนหลับไป ตื่นมาเธอก็พบผ้าห่มคลุมบนตัว หรือแม้แต่ตอนที่เธอไปรอเจอเขาในป้อมยาม เขาก็ยังไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวเธอ แต่ใช้โทรศัพท์มือถือบ้าง หรือดึงกระเป๋าบ้าง ตรงนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่ารักของผู้ชายคนนี้ จริงๆนะ




ผู้ชายบางคน อาจจะชอบพิสูจน์ความรักของผู้หญิงด้วยการเข้าไปใกล้ๆ และถอยออกมาเมื่อรู้ความจริง โดยที่เขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกของผู้หญิง แต่ในเรื่องนี้ ลุงก็เหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไปที่อยากรู้ว่าเหมยลี่คิดยังไงกับเขา แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวพอที่จะทำร้ายความรู้สึกของเหมยลี่ด้วยการโกหก วินาทีสุดท้ายที่ลุงสารภาพตามตรงว่า ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ตอนหลังเขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฉากนี้เป็นอีกตอนที่โอ๊ย ดูแล้วกรี๊ด แม้ว่าจะเป็นซีนบีบคั้นก็ตาม


แต่ผู้หญิง จะผิดกับผู้ชายตรงที่ เธอต้องการการเอาใจ การดูแล หากคำว่าแฟนหมายถึงการต้องแยกกัน แล้วอย่างนั้นจะมีแฟนไปเพื่ออะไร ความคิดของเหมยลี่ตีโจทย์ความรู้สึกในใจของผู้หญิงทุกคน ในขณะที่ดูเรื่องนี้ แม้โอปอลในเรื่องจะบอกว่า การมีแฟน หมายถึงการที่เรายังรู้ว่าใครสักคนยังรักเราอยู่ แต่ในทางปฏิบัติ เชื่อว่าไม่มีใครทำได้หรอกค่ะ บทสรุปสุดท้ายคือ ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไป เพราะผู้หญิงเองก็ทำใจไม่ได้กับการจากกันของลุง ที่จะต้องไปเรียนต่อเมืองนอก




ชอบอีกอย่างคือ ในเวลาที่คบกันมา เหมยลี่ไม่เคยรู้เบอร์โทรศัพท์ของลุงเลย จนกระทั่งตอนสุดท้ายที่มีเบอร์แปลกๆ เข้ามาในเครื่อง ฉากนี้วี้ดวิ้ว ชอบอ่ะ และคิดดีนะคะ เวลารถไฟฟ้ามีปัญหา คนในรถจะหยิบมือถือโทรไปยังคนที่ตัวเองคิดถึงเป็นคนแรก แต่เหมยลี่ไม่รู้จะโทรไปบอกใคร ในเรื่องลุงก็เลยโทรมาหา แม้ว่าเหตุการณ์จะไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ความรู้สึกของการที่ผู้หญิงคนนึง ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดและบุคคลที่แปลกแยก การมีใครสักคนโทรมาห่วง ทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจ เรื่องนี้เลยเป็นหนังที่น่ารักสุดๆสำหรับไกลนั้นค่ะ


ส่วนฉากมาม่า ที่หลายคนตีความกันในกระทู้ ไกลนั้นมีมุมมองแตกต่างจากนั้นค่ะ ในตอนที่พระเอกบอกว่า ข้างกระป๋องเขียนไว้สามนาที แต่นางเอกก็ทำย่นจมูกแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ โดยไม่สนใจกับคำแนะนำตรงนั้นของพระเอก มองว่าตรงนี้แปลก เพราะปกติ เหมยลี่จะเป็นคนที่พร้อมยอมทำตามพระเอกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พระเอกเข้าไปชวนเล่นสงกรานต์ หรือแม้แต่ยอมถ่างตารอพระเอกในตอนกลางคืนจนตัวเองไม่ได้นอน โดยที่เธอไม่เคยเรียกร้องที่จะขอให้พระเอกมาทำตามเวลาชีวิตของตัวเองเลย


ดังนั้น ฉากนี้จึงชี้ให้เห็นอีกอย่างว่า แม้เหมยลี่จะชอบลุงมากแค่ไหน แต่ในบางอย่างที่เธอชอบอยู่แล้ว เธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เธอขอเป็นตัวของตัวเองบ้าง และในเรื่องนี้ก็ดันไปลงที่เส้นมาม่าค่ะ เหมยลี่บอกแล้วว่าชอบกินมาม่าเส้นกรอบๆ จึงคิดว่า คนอย่างเหมยลี่ ไม่ได้ขี้เกียจที่จะรอ ก็ขนาดคนที่เธอชอบมากๆ อย่างลุง เธอยังมีความอดทนที่จะรอคอยให้เขาเหลียวหน้ามามองเธอบ้าง โดยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ นั่นจึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่า เธอรอคอยไม่เป็น แต่นี่น่าจะเป็นเหตุผลว่า ถึงแม้เธอจะรักใครสักคนมากแค่ไหน หากเธอก็พร้อมจะขอเป็นตัวของตัวเองบ้างในบางโอกาส นี่มากกว่าที่เป็นเหตุผลของการทานมาม่าของเหมยลี่


และเรื่องนี้ก็แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกทม.ได้ดีด้วยค่ะ ไกลนั้นยังไม่เคยไปท้องฟ้าจำลองเลย ไม่เคยรู้ว่ารถไฟฟ้ามีการเจียรางกันยังไง ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า รถไฟฟ้าที่นั่งกันทุกวัน ดูมีความหมายขึ้นไปทันที


ไปดูกันให้ได้นะคะ

อ้างอิงรูปภาพจากเว็บ //www.thaicinema.org/kits157rodfai.asp

Create Date : 25 ตุลาคม 2552 Last Update : 25 ตุลาคม 2552 12:05:55 น. Counter : 4274 Pageviews.		19 comments
Share Tweet