It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
วัง “ฟงเเตนโบล” เสี้ยวประวัติศาสตร์ไทย (1)

โดย : ธวัชชัย เทพพิทักษ์ ttappitak@gmail.com




ฟงแตนโบล (Fontainebleau) เป็นเมืองเล็ก ๆ พื้นที่ 94 ตารางกิโลเมตร พลเมืองราว 17,000 คน อยู่ห่างจากปารีสประมาณ 55.5 กิโลเมตร

ฟงแตนโบล (Fontainebleau) เป็นเมืองเล็ก ๆ พื้นที่ 94 ตารางกิโลเมตร พลเมืองราว 17,000 คน อยู่ห่างจากปารีสประมาณ 55.5 กิโลเมตร เดิมชื่อ Fontaine Belle eau หรือ Fontaine Belleaue

เมือง Fontainebleau เคยเป็นที่พำนักของบุคคลมีชื่อเสียงหลายคน เหนือสิ่งอื่นใด ฟงแตนโบล เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามของประเทศฝรั่งเศส มีเสน่ห์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระราชวังแวร์ซายส์นั่นคือ พระราชวังฟงแตนโบล บางคนบอกว่า.




ฟงแตนโบลเปรียบเหมือนสาวบ้าน ๆ เรียบ ๆ แต่รู้จักแต่งตัวหรือแต่งตัวเป็น ขณะที่แวร์ซายส์เหมือนสาวไฮโซตั้งแต่เกิด ทั้งเรือนร่างประดับประดาไปด้วยแบรนด์เนม

ฟงเเตนโบล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1981 แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 300,000 คน ส่วนอีกสิบกว่าล้านคนไปเยือนป่าของฟงเเตนโบล (Forest of Fontainebleau) ซึ่งเป็นป่าที่กษัตริย์สมัยก่อนใช้เป็นที่ล่าสัตว์ ปัจจุบันมีพื้นที่ 25,000 เฮกแตร์ เพราะมีกิจกรรมให้ผู้ไปเยือนเลือกหลายอย่าง


ความคลาสสิกและโด่งดังของพระราชวัง Fontainebleau ถูกนักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกานำไปเลียนแบบ (ตามถนัด) ตั้งเป็นชื่อของโรงแรมมีทั้งริมชายหาด ไมอามี, ลาส เวกัส, แมรี แลนด์ และนิวยอร์ก



การเดินทางไปฟงแตนโบลไม่ยากเลย จากปารีสซื้อตั๋วรถไฟ SNCF ที่สถานีปาฮรี แกร เดอ ลีออง (Paris Gare de Lyon) ไปลงสถานีฟงแตนโบล-อาฟง (Fontainebleau-Avon) ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ตัวเมืองฟงแตนโบลมากที่สุด ตอนที่ผมไปนั้นตั๋วไป-กลับ ราคาประมาณ 15 ยูโร เขาจะประกาศว่า...ท่านผู้โดยสารที่ลงรถไฟที่ Fontainebleau - Avon ให้ขึ้นเฉพาะ 4 ขบวนหน้า ...เพราะรถไฟนั้นเป็นขบวนพ่วง แต่ทางที่ดีควรถามเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 - 45 นาที


ถ้ามีเวลาขอแนะนำให้ค้างในเมืองฟงแตนโบลสักคืน มีโรงแรมให้เลือกหลากหลายราคา โดยเฉพาะ โรงแรมนโปเลอง (Hotel Napoleon) หรือนโปเลียน ซึ่งอยู่ห่างจากพระราชวังเพียง 300 เมตรเศษ ๆ โรงแรมนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 1849 คลาสสิกมาก ที่สำคัญเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศในการเข้าไปชมวังฟงแตนโบล ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับนโปเลองผู้ยิ่งใหญ่


อาหารการกินในเมืองฟงแตนโบลมีให้เลือกหลากหลาย ขอเพียงท่านไม่พกพาบะหมี่สำเร็จรูปจากเมืองไทยไปด้วยเท่านั้นเอง เช่นร้าน เฟรเดฮริก คาสเซล (Fr?d?ric Cassel) มีของหวานที่อร่อยมากคือ มากาฮรอง (Macaron) มีคนเข้าคิวซื้อกันยาวเหยียด เมนูอาหารทั่วไปของเขาก็อร่อย



มากาฮรอง (Macaron) ของฝรั่งเศส ทำจากไข่ขาว น้ำตาล และ อัลมอนด์บดละเอียดจนเป็นผง นำมาอบเป็นชิ้นกลม ๆ เล็ก ๆ แล้วเอา 2 ชิ้นมาประกบกัน มีไส้ตรงกลาง ส่วนใหญ่เป็นครีมรสชาติต่าง ๆ เช่น ครีมใส่กลิ่นวานิลลา ช็อกโกแลต อัลมอนด์ เกาลัด หรือครีมที่เอาไปตีกับผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ผิวส้ม มะนาว จะต่างจาก มาคารูน (Macaroon) ขนมของชาวอเมริกัน คล้าย ๆ ขนมบ้าบิ่นในบ้านเราใช้มะพร้าวป่นแทนอัลมอนด์บด หรือจะคงส่วนผสมของอัลมอนด์บดไว้บ้าง

นอกจากนั้นก็ยังมีร้าน La Caveau Des Ducs อยู่ที่ถนน rue de Ferrare ตัวร้านสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ขายอาหารฝรั่งเศสแท้ ๆ แบบดั้งเดิม เมนูเด็ดคือพวกซีฟู้ดและหอยทาก ผมฟาดไปหลายตัว !!! จากร้านนี้สามารถมองเห็นฟงแตนโบล อีกร้านชื่อ Restaurant Croquembouche อยู่ที่ถนน rue de France เมนูเป็นฝรั่งเศสเมดิเตอร์เรเนียน ใช้เครื่องปรุงตามฤดูกาล ตกแต่งจานง่าย ๆ แต่อร่อย

อิ่มหนำสำราญแล้วก็ไปสัมผัสฟงแตนโบล เมื่อเข้าประตูใหญ่จะเจอลานที่มีชื่อ กูร์ เดส์ ซาดีเยอซ์ (Cour des Adieux) เพื่อรำลึกถึงนโปเลองที่กล่าวคำอำลาต่อกองทัพก่อนถูกเนรเทศไปยังเกาะเอลบา …Adieu แปลว่า การลาจาก ..ตั๋วค่าเข้าชมฟงแตนโบล 6 ยูโร นักเรียน 4.5 ยูโร ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับวังอื่น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมตัวพระราชวังพร้อมหูฟังไกด์ มีบรรยายเป็นภาษาไทยด้วย เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคนั้น บอกหมดตั้งแต่นโปเลองทำงานที่ไหน นั่งยังไง นอนยังไง ทำธุระส่วนตัวที่ตรงไหน ฯลฯ ยังมีโถส้วมของนโปเลองตั้งโชว์อยู่ด้วย


ฟงแตนโบล เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นงานที่สร้างขึ้นและต่อเติมเปลี่ยนแปลงโดยกษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ แต่ยุครุ่งเรืองที่สุดของพระราชวังคือยุค จักรพรรดินโปเลอหรือนโปเลียน โบนาปาต (Emperor Napoleon Bonaparte) หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสนโปเลอง เรืองอำนาจและเดินทางมายังฟงแตนโบล พบว่าตัวพระราชวังว่างเปล่า จึงตั้งโรงเรียนการทหารที่นี่ นับตั้งแต่ปี 1804 นโปเลองให้ตกแต่งฟงแตนโบลเพื่อต้อนรับสันตะปาปา และใช้เป็นที่พำนัก ตกแต่งส่วนที่เป็น Les Petits Appartements (Small Apartment) เพื่อใช้ส่วนตัวกับมเหสี โจเซฟิน และมารี- หลุยส์ (หลังหย่ากับโจเซฟิน) และใช้ Les Grand Appartements (Grand Apartment) เป็นที่รับรองอย่างเป็นทางการ

กษัตริย์ฝรั่งเศสและต่างแดนหลายพระองค์ มีความเกี่ยวข้องกับฟงแตนโบล อาทิเช่น พระเจ้าฟิลิปที่ 4, พระเจ้าอองรีที่ 3 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ประสูติที่ฟงแตนโบล และพระเจ้าฟิลิป สวรรคตที่นี่ พระราชอาคันตุกะสำคัญ ๆ ของพระราชวัง เช่น สมเด็จพระราชินีนาถคริสติน่าแห่งสวีเดน เสด็จมาประทับอยู่หลายปีหลังสละราชสมบัติ กษัตริย์ราชวงศ์บูร์บอง ที่รวมทั้งพระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย และพระเจ้าคริสเตียนที่ 7 แห่งเดนมาร์ก และกษัตริย์ Alphonse XIII แห่งสเปนหลังจากสละราชบัลลังก์ เป็นต้น


พระราชวังฟงแตนโบล สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง แต่การก่อสร้างครั้งใหญ่เกิดขึ้น สมัยพระเจ้าอองรีที่ 2 (Henri ll) และมเหสีกาธรีน เดอ เมดิชิ (Catherine de' Medici) โดยจ้างฟิลิแบรต์ เดอ ลอร์ม (Philibert DeLorme) สถาปนิกเรอเนส์ซองส์ระดับหัวแถวของฝรั่งเศส และฌอง บุลลองท์ (Jean Bullant) นักออกแบบชาวอิตาเลียนดูแลการตกแต่งภายใน ต่อมาพระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงเพิ่มลาน Cour des Princes, โถงระเบียงดิอาน เดอ ปัวติเยร์ และ โถงระเบียงเซิร์ฟ ที่ติดกันใช้เป็นห้องสมุด ฯลฯ

พระเจ้าฟรองซัวร์ที่ 1 (Francois I) ทรงมีพระราชประสงค์สร้างให้เป็น “New Rome” จึงมีศิลปะแบบอิตาเลียนผสมผสานอยู่มาก มีสถาปนิกชิลส์ เลอ เบรตอง (Gilles le Breton) เป็นผู้สร้างตัวตึกเกือบทุกหลังของลานรูปไข่ (Cour Ovale) รวมทั้งประตูโดเฮร (Porte Dor?e) ที่เป็นทางเข้าด้านใต้ และเชิญ 2 ศิลปินชื่อดัง เซบาสเตียโน เซลลินี (Sebastiano Cellini) และลีโอนาร์โด ดา วินซี (Leonardo da Vinci) มาผสานความยิ่งใหญ่และงดงาม


สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนจดจำฟงแตนโบล คือ บันไดเกือกม้า (Escalier du Fer a Cheval) ที่หน้าพระราชวัง เป็นสถานที่ที่นโปเลอง ทรงมีพระราชบัญชาการรบ เพื่อขยายแสนยานุภาพทั่วทวีปยุโรป ก่อนจะพ่ายแพ้ต่อกองทัพอังกฤษในสงครามวอเตอร์ลู และนโปเลองก็บอกลากองทหารคนสนิทเป็นครั้งสุดท้าย ณ ที่บันไดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1814 ก่อนโดนเนรเทศไปยังเกาะเอลบ้า (Elba) ของอิตาลี ปิดฉากชีวิตบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก


ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมบอกว่า ฟงแตนโบลเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นแรกที่นำฝรั่งเศสเข้าสู่ยุค แมนเนอริสม์ (Mannerism) ในด้านการตกแต่งภายใน และด้านการออกแบบตกแต่งสวน การตกแต่งภายในแบบแมนเนอริสม์ของฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรียกกันว่า การตกแต่งแบบฟงแตนโบล ที่รวมทั้งงานประติมากรรม งานโลหะ จิตรกรรม งานปูนปั้น และงานไม้ ส่วนภายนอกสิ่งก่อสร้างก็เริ่มมีการออกแบบสวนแบบสวนลวดลาย (parterre)




แมนเนอริสม์ ใช้สำหรับจิตรกรกอธิคสมัยหลังที่ทำงานทางตอนเหนือของยุโรปในช่วงปี ค.ศ.1500 - 1530 Mannerism มาจากภาษาอิตาลี “maniera” หรือ “style” ซึ่งตรงกับความหมายที่ว่าเป็นการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของศิลปินที่ทำให้ทราบได้ว่าเป็นของใคร แมนเนอริสม์เป็นศิลปะของการ ทำขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับศิลปะเรอเนส์ซองส์ หรือ บาโรค ที่เป็นศิลปะที่เลียนแบบธรรมชาติ การบรรยายลักษณะแมนเนอริสม์เป็นสิ่งที่ยากพอสมควร


ลักษณะของลัทธิแมนเนอริสม์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลซึ่งมีอิทธิพลหรือมีปฏิกิริยาต่อความกลมกลืนทางอุดมคติ ที่เกี่ยวข้องกับงานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี, ราฟาเอล และงานสมัยแรก ๆ ของมิเกล แอนเจโล แมนเนอริสม์เป็นทั้งศิลปะทางความคิดและความสร้างสรรค์แทนที่จะเป็นธรรมชาติ


ฟงแตนโบลรวมจิตรกรรมที่เป็นอุปมานิทัศน์เข้ากับงานปูนปั้นที่เป็นกรอบรอบ ที่ตกแต่งคล้ายม้วนที่รวมลายอะราเบสก์ (Arabesques) และลายวิลักษณ์ (Grotesques) ความสวยของสตรีในอุดมคติของจิตรกรรมแบบฟงแตนโบล จะเป็นความสวยแบบแมนเนอริสม์คือหัวเล็กบนคอยาว, เรือนร่างและแขนขาจะยาวกว่าปกติ หน้าอกเล็กและสูง ที่เหมือนจะกลับไปมีลักษณะของปลายกอธิค งานศิลปะที่สร้างที่ฟงแตนโบลได้รับการบันทึกอย่างละเอียดเป็นงานพิมพ์ที่เป็นที่แพร่หลายกันในบรรดานักนิยมศิลปะ และ ศิลปินเอง งานที่สร้างเป็นงานพิมพ์จาก ตระกูลการเขียนแบบฟงแตนโบล ที่เป็นลักษณะของการงานศิลปะแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เผยแพร่ไปยังบริเวณทางตอนเหนือของยุโรป โดยเฉพาะที่อันท์เวิร์พ ประเทศเบลเยียม และเยอรมนี และในที่สุดก็ไปถึงอังกฤษ

ปัจจุบันส่วนหนึ่งของปราสาทแบ่งเป็น ?coles d'Art Am?ricaines โรงเรียนสอนศิลปะ หัตถกรรม และดนตรี สำหรับนักเรียนจากสหรัฐ ก่อตั้งโดยนายพล เพอร์ชิ่ง (John Joseph "Black Jack" Pershing) ซึ่งเคยมาที่นี่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1



ครั้งหน้าจะพาเข้าไปข้างใน ชมห้องและส่วนต่าง ๆ ภายในปราสาท ซึ่งมีความงดงาม อลังการ ไม่แพ้พระราชวังอื่น ๆ ทั้งในฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป


ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งของหลายอย่างด้านใน มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และรัฐบาลไทยต้องทำอะไรสักอย่าง ?...ติดตามในตอนหน้า !!!

..............

//www.bangkokbiznews.com


Create Date : 21 ตุลาคม 2553
Last Update : 21 ตุลาคม 2553 3:37:53 น. 1 comments
Counter : 3161 Pageviews.

 
หิวมาการงจังค่ะ


โดย: apple.007 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:20:11:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.