|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
วันนี้ วิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก
พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก พระองค์คือใคร
ทำไมจึงกล่าวได้ว่า "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" พระพุทธเจ้าคือใคร พระพุทธเจ้า คือ บุคคลผู้สามารถเอาชนะ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความทุกข์ทั้งหลาย หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ได้ด้วยการกำจัดกิเลสภายในใจ ซึ่งเป็นต้นเหตุของความทุกข์ปวงได้ด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติตาม และหลุดพ้นตามพระพุทธองค์ไปได้
พุทธคุณ คุณสมบัติของพระพุทธเจ้า
พระวิสุทธิคุณ ทรงมีความบริสุทธิ์ อันมาจากใจที่ไร้ซึ่งกิเลส จึงทำให้พระพุทธองค์มีศีลที่สมบูรณ์ ไม่เบียดเบียนผู้ใด ทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ
พระปัญญาธิคุณ ทรงมีปัญญามากหาที่สุดไม่ได้ ด้วยสัพพัญญุตญาณ จึงทำให้พระพุทองค์สามารถรู้แจ้งเห็นจริงในทุกสิ่ง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
พระมหากรุณาธิคุณ ทรงมีความปรารถนาดี เมื่อตรัสรู้วิธีการพ้นทุกข์แล้ว ยังทรงสั่งสอนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์ตาม พระพุทธองค์ได้ด้วย
ความยากในการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า
พระโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่ปรารถนา และสั่งสมบุญบารมี เพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต
กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องสร้างบารมียาวนาน (อย่างน้อย 20 อสงไขย 100,000 มหากัป)
1 มหากัป คือระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น จนกระทั่งแตกทำลาย
1 อสงไขย คือ จำนวน แปลว่านับไม่ได้ เท่ากับ 1 ยกกำลัง 140 หรือ 1 เติม 0 140 ตัว
ต้องมีเป้าหมายอุดมการณ์มั่นคง แม้ในระยะเวลาที่ยาวนาน จะมีบ้างที่พระโพธิสัตว์ผิดพลาด ไปทำบาปอกุศล จนทำให้ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นกายที่สร้างความดีได้ยากยิ่ง ถึงกระนั้น พระโพธิสัตว์ก็ยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ กัดฟันสร้างบารมีอย่างเต็มที่ ไม่เอาความไม่พร้อมมาเป็นข้ออ้างเงื่อนไขในการสร้างบารมี
ประวัติพระพุทธเจ้าโดยย่อข มหาสุบินนิมิตร
ในคืนที่พระบรมโพธิสัตว์ ถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระราชาผู้ครองนครกบิลพัสดุ์ ในคืนนั้นพระนางทรงพระสุบินนิมิตรว่า มีพญาช้างเผือก ได้นำดอกบัวมาถวาย ณ ที่บรรทม
ประสูติ
ทันทีที่ประสูติ ทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว โดยมีดอกบัวผุดขึ้นรองรับ และทรงเปล่งอาสภิวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ที่เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้ของเราเป็นครั้งสุดท้ายภพใหม่ต่อไปไม่มีสำหรับเรา
อสิตดาบส ทํานายพระลักษณะ
เมื่อประสูติได้ 3 วัน อสิตดาบสก็ได้เข้าไปเยี่ยมพระราชกุมาร เมื่อท่านได้เห็นลักษณะมหาบุรุษของพระราชกุมาร ท่านก็ได้รู้ว่าพระราชกุมารจะได้ตรัสรู้ธรรม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ด้วยความเลือมใสจึงได้น้อมไหว้พระบรมโพธิสัตว์ จึงทำให้ทั้งพระราชบิดา พระราชมารดาและทุกคนต่างก็พนมมือไหว้ พระบรมโพธิสัตว์ตามพระดาบสด้วย
พราหมณ์พยากรณ์
เมื่อประสูติได้ 5 วัน พราหมณ์ทั้ง 7 คน ได้พยากรณ์ว่า ถ้าพระราชกุมารอยู่ทางโลก จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์แต่ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พราหมณ์ที่ชื่อโกณฑัญญะพยากรณ์ว่า พระองค์จะออกบวช และจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ทรงบรรลุปฐมฌานตั้งแต่ทรงพระเยาว์เมื่อพระองค์เจริญพระชนมายุได้ 7 พรรษา ทรงตามเสด็จพระราชาบิดาไปร่วมพิธีแรกนาขวัญ จากนั้นทรงหลีกออกเร้น ประทับนั่งสมาธิ(Meditation)อยู่ใต้ต้นหว้า แล้วสามารถหยุดใจจนบรรลุปฐมฌานเป็นอัศจรรย์พระปรีชาสามารถเป็นเลิศในทุกด้าน
เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงมีพระปรีชาสามารถเป็นเลิศในทุกด้าน เมื่อพระองค์พระชนมายุได้ 7 พรรษา ทรงศึกษาสำเร็จศิลปศาสตร์ 18 ศาสตร์
เสวยพระราชสมบัติอย่างเกษมสำราญ
เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา พระราชบิดาทรงสร้างปราสาท 3 ฤดู ที่อุดมไปด้วยเครื่องบำรุงบำเรอเพื่อให้พระองค์เสวยพระราชสมบัติอย่างเกษม สำราญ เพราะพระราชบิดาไม่ปรารถนาให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช อภิเษกสมรส
เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพา ผู้มีความงามเป็นเลิศกว่าหญิงใด ๆ เพราะได้ลักษณะเบญจกัลยาณี
พบเทวทูตทั้ง 4
เมื่อพระองค์พระชนมายุได้ 29 พรรษา ทรงเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในราชสมบัติยิ่งนัก จึงแอบเสด็จประพาสนอกพระราชวัง ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็น คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวชเป็นครั้งแรก ทำให้ทรงสลดพระทัยในความไม่เที่ยงของชีวิตซึ่งเป็นทุกข์ และก็เชื่อว่า เมื่อมีทุกข์ก็จะต้องมีหนทางดับทุกข์ ซึ่งก็คือการออกบวช
ห่วงเกิดแล้ว ในขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะสลดพระทัยจากการเห็นเทวทูตทั้ง 4 พระนางยโสธราพิมพาก็ได้ประสูติพระโอรสขึ้น ทำให้พระองค์รู้สึกรักและห่วงใยในพระราชโอรสขึ้นมาอย่างท่วมท้น จนถึงกับทรงเปล่งอุทานออกมาว่า ราหุลัง ชาตัง พันธนัง ชาตัง บ่วงเกิดขึ้นแล้ว พันธนาการได้เกิดขึ้นแล้ว
เสด็จออกผนวช
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะแสวงหาหนทางแห่งการดับทุกข์ให้ได้ พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชโดยมีนายฉันนะมหาดเล็กเป็นผู้ติดตาม และมีม้ากัณฐกะเป็นพระราชพาหนะ บรรพชา ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา
เมื่อเสด็จมาถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมา พระองค์ทรงตัดพระโมฬี (ผมที่มุ่นเป็นมวย) ด้วยพระขรรค์ แล้วทรงเปลื้องพระภูษาออก และทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ ที่ฆฏิการพรหมนำมาถวายพร้อมด้วยเครื่องบริขาร จากนั้นทรงตั้งจิตอธิษฐานเพศเป็นนักบวช ความเป็นเลิศพระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
1. รูปสมบัติ
- พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีร่างกายที่งดงาม และแข็งแรงเป็นเลิศ ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ - มีบุญมากสามารถเลือกเกิดได้ ปัญจมหาวิโลกนะ คือ เลือก
1. ทวีป 2. ประเทศ 3. อายุขัยของมนุษย์ 4. ตระกูล 5. มารดา
2. คุณสมบัติ
ทางโลก
มีปัญญามาก ศึกษาจบศิลปศาสตร์ 18 ประการตั้งแต่พระชนมายุเจ็ดปี
1. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ 2. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง 3. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ 4. พาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า 5. อักษรศาสตร์ วิชาวรรณคดี 6. นิรุกติศาสตร์ วิชาภาษาทั้งของตน และของชนชาติ ที่เกี่ยวข้องกัน 7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ 8. โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาว 9. ภูมิศาสตร์ วิชาดูพื้นที่ และรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ 10.โหราศาสตร์ วิชาโหรรู้จักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ 11.เวชศาสตร์ วิชาแพทย์ 12.เหตุศาสตร์ วิชาว่าด้วยเหตุผล หรือตรรกวิทยา 13.สัตวศาสตร์ วิชาดูลักษณะสัตว์ และรู้เสียงสัตว์ว่าดี หรือร้ายช 14.โยคศาสตร์ วิชาช่างกล 15.ศาสนศาสตร์ วิชาศาสนารู้ความเป็นมา และหลักศาสนาทุกศาสนา 16.มายาศาสตร์ วิชาอุบาย หรือตำหรับพิชัยสงคราม 17.คันธัพพศาสตร์ วิชาร้องรำหรือนาฎยศาสตร์ และวิชาดนตรี หรือดุริยางค์ศาสตร์ 18.ฉันทศาสตร์ วิชาการประพันธ์ พระองค์มีบุญมากสามารถเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้
ทางธรรม
เป็นพระสัมมาสัมพุทธ ผู้เลิศกว่าผู้ใดในโลก ด้วยพุทธคุณ คือ
- เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ กำจัดกิเลสได้ด้วยพระองค์เอง ไม่เบียดเบียนใคร - มีปัญญามาก รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งทั้งปวง - มีความกรุณา ทรงสั่งสอนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ตามพระพุทธองค์
3. ทรัพย์สมบัติ
ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ซึ่งเป็นสหชาติ บังเกิดขึ้นมาเมื่อตอนประสูติ ทรงอยู่ใน พระราชวัง ซึ่งเป็นปราสาท 3 ฤดู เป็นรัชทายาท ผู้จะครองราชสมบัติต่อไป มีบุญมาก สามารถเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองทวีปทั้ง 4
4. ความอัศจรรย์ของคำสอน ธรรมคุณ 6
คำสอนของพระพุทธองค์มีจริง ดีจริง พิสูจน์ได้จริง ควรแก่การเข้าถึง เพื่อเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งภายใน
เป็นคำสอนที่ไม่มีโทษ ผู้ปฏิบัติตามย่อมได้รับประโยชน์เพียงอย่างเดียว นั่นคือการกำจัดทุกข์ และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ผู้ปฏิบัติย่อมได้รับผลเสมอ ไม่จำกัดกาลเวลา ใครๆ ก็สามรถพิสูจน์ได้ ไม่จำกัด เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ ให้เกิดขึ้นในตน 5. ปัจฉิมโอวาท คำสอนสุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ขอให้เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน (ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
ชมภาพและฟังคำบรรยายจากเวบ ยูทูบ
Create Date : 01 มิถุนายน 2558 |
Last Update : 1 มิถุนายน 2558 14:42:46 น. |
|
9 comments
|
Counter : 4138 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:22:42:38 น. |
|
|
|
โดย: Opey วันที่: 2 มิถุนายน 2558 เวลา:3:37:39 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 2 มิถุนายน 2558 เวลา:12:27:07 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 5 มิถุนายน 2558 เวลา:23:45:57 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 6 มิถุนายน 2558 เวลา:23:57:08 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 7 มิถุนายน 2558 เวลา:7:36:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- ❀จันทร์ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑✼ภาพหมู่พระธรรมยาตราที่วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
- ❀ภาพ ณ วัดโบสถ์(บน) บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
- ❀ชมภาพ วัดโบสถ์(บน) ,วัดไผ่หูช้าง ,วัดนครอินทร์ ,วัดคลองขวาง จังหวัด นครปฐม - นนทบุรี
- ❃วันที่๒๒มีนาร่วมพัฒนาชุมชน วัดบ่อทอง ,วัดตาก้อง ,วัดรางกำหยาด ,วัดบัวแก้วเกษร ,วัดบ่อทอง จ.นครปฐม
- ✿ภาพชุดชุมชนร่วมพัฒนา วัดบัวแก้วเกษร ,วัดนาราภิรมย์ ,วัดบ่อทอง จ.นครปฐม, ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑
- BlogGang.com
|
|
|
|
ต้องหมวดนี้ถึงจะเหมาะสม
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เตยจ๋า Topical Blog ดู Blog