Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

Butterfly Effect Part 3



Titile: Butterfly Effect Part 3
Author: Angel Midori
Genre: Romantic
Rating: PG
Pairing: KYUMIN
Note : ฟิค SJ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามา..


************************************
เสียงโวยวาย สลับกับการลงไม้ลงมือกันพอประมาณของเด็กหนุ่มรุ่นน้องสองคนที่เดินนำหน้าอยู่ เรียกให้ซองมินอดยิ้มขำไม่ได้ ภาพข้างหน้าเป็นภาพที่แสนจะเคยชิน แต่เขาเองก็ไม่เบื่อและยินดีที่จะได้เห็นภาพแบบนี้ไปอีกแสนนาน

“ซองมินฮยอง ไอ้ฮยอกมันแกล้งทงเฮอีกแล้ว” เสียงจากรุ่นน้องหน้าตาน่ารักหันมาฟ้อง ทั้ง ๆ ที่ภาพในสายตาเป็นภาพที่ลีทงเฮกำลังเอากระเป๋าเป้ฟาดเพื่อนตัวผอมอยู่

“ใครกันแน่ที่แกล้ง” ซองมินแกล้งแหย่ทงเฮ ก่อนจะเดินเลยทั้งคู่ไป
จะให้เขาเข้าข้างใครได้ยังไง ก็ในเมื่อคุยกันเอง แหย่กันเอง ทะเลาะกันเองแบบนั้น

“ซองมินฮยองเย็นนี้ฮยองจะไปหาอึนจีใช่ไหม” ซองมินชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินนำ และหันไปพยักหน้าเบาๆ ให้กับฮยอกแจ

“ถ้าอย่างนั้นผมกับทงเฮแยกไปซื้อของตรงนี้เลยแล้วกัน”

“แล้วพวกนายสองคนไม่ไปกับฮยองเหรอ”

ทงเฮหยักไหล่ก่อนส่ายหัวดิก
“อึนจีอยากเจอฮยองไม่ได้อยากเจอพวกผมนิ”

ซองมินนึกอยากจะยื้อให้สองคนนั้นไปด้วย แต่ดูท่าทางแล้วคงจะยาก เด็กหนุ่มจึงจำใจโบกมือลาเจ้ารุ่นน้องตัวแสบของเขา

****************************

ซองมินลากฝีเท้าเดินไปตามทางอย่างช้าๆ วันนี้เขานัดอึนจีที่ร้านกาแฟใกล้ๆ กับหอพักใหม่ หอพักที่เขา และเจ้าสองแสบย้ายมาอยู่ได้สองเดือนแล้ว และเป็นสองเดือนที่เขาไม่ได้เจอคิมอึนจีเช่นกัน ตั้งแต่วันเลี้ยงอำลา ซองมินก็ไม่ได้มีโอกาสเจอเพื่อนรุ่นน้องคนนี้อีกเลย จะมีแต่อึนจีที่โทรศัพท์มาหาเขา หรือติดต่อผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยครั้งมาก เพราะการซ้อมในบริษัทใหม่นั้นเข้มงวดเสียยิ่งกว่าที่เดิมหลายเท่า จนซองมินเองก็ไม่มีเวลา หากแต่ลึก ๆ ซองมินก็รู้ ว่าเขาเองเลือกที่จะห่างเหินกับอีกฝ่ายด้วย และจนเมื่อสองสามวันก่อนอึนจีขอร้องให้ซองมินมาพบเธอให้ได้ จึงทำให้เด็กหนุ่มต้องมาพบคิมอึนจีในเย็นวันนี้

ซองมินเดินมาสักพักเขาก็หยุดเงยหน้ามองอาคารพาณิชย์สี่ชั้นเบื้องหน้า ที่ชั้นบนสุดมีซาลอนชื่อดังตั้งอยู่ ส่วนชั้นอื่นๆ ก็มีกิจการหลากหลายปะปนกันไป เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้และเหลือบมองเข้าไปในร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึก

คิมอึนจีนั่งอยู่ตรงโต๊ะบริเวณหน้ากระจก และกำลังส่งยิ้มโบกมือให้เขา... รอยยิ้มที่ทำให้ซองมินรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด

“รอโอปป้านานไหม” ซองมินถามหลังจากที่ทรุดนั่งลงตรงข้ามรุ่นน้องหน้าสวย
“ไม่นานค่ะ โอปป้าอยากทานอะไรเดี๋ยวอึนจีสั่งให้”
“เออ....”
“โกโก้ร้อนดีไหม ซองมินโอปป้าชอบนิ”
“ก็ได้”
คิมอึนจีกุลีกุจอเรียกบริกรและจัดการสั่งเค้กรสโปรดของเธอมาเพิ่ม ก่อนที่จะกลับมาโปรยรอยยิ้มให้กับคนนั่งฝั่งตรงข้าม

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“อืม...”
“ที่ใหม่ซ้อมหนักมากใช่ไหม”
“ก็ใช่ หนักมากเลยล่ะ ซ้อมทุกวัน บางทีก็เลิกดึกเลย แต่เรามีเวลาอีกไม่มากแล้ว ก็เลยต้องเร่งซ้อม”
“พวกโอปป้าโชคดีนะคะที่ได้มีโอกาสแบบนี้”
ซองมินเห็นแววตาของอึนจีที่แฝงไปด้วยความเศร้ามากับคำพูดนั้น เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าอึนจีรู้สึกอย่างไร ในเมื่อพวกเขาร่วมฝึกมาด้วยกันเป็นแรมปี หากแต่ตอนนี้อึนจีกลับเหมือนต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แต่พวกเขาสามคนกลับได้ไปต่อในเส้นทางนี้ แต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเพียงเพราะพวกเขาโชคดี หากแต่เชื่อว่าอย่างน้อยความสามารถของพวกเขาน่าจะเป็นสิ่งที่นำพาให้พวกเขาทั้งสามคนเป็นคนที่ถูกเลือกมากกว่า

“แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่” ซองมินถามคำถาม พร้อมยกแก้วโกโก้ที่เพิ่งมาเสริฟเป่าเบาๆ ท่าทางในการเป่าควันสีขาวที่ลอยวน ที่ดูน่ารักนั้น อึนจีมองแล้วก็อดยิ้มให้ไม่ได้

ไม่ว่าจะกี่ปีพี่ชายคนนี้ของเธอก็ดูน่ารักเหลือเกิน น่ารักเสียจนเธออดตกหลุมรักไม่ได้

“ก็เรียนหนังสือค่ะ”
“แล้วงานใหม่ที่ ผอ. จะหาให้ล่ะ”
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ ผอ.ว่าจะเริ่มเปิดบริษัทใหม่อีกสองสามเดือน และคงใช้ที่ตั้งบริษัทเดิม”
“คิดถึงทุกคนจัง” ซองมินรำพึงเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปตัด Cheese Tart ที่วางอยู่ข้างหน้า
“โอปป้าคะ” เสียงเรียกของอึนจีทำให้ซองมินชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียก
“หืม?”
“อึนจีมีอะไรจะถามโอปป้าค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
เด็กสาวกัดริมฝีปากสีสดเน้นเบาๆ ราวกับกำลังชั่งใจ ซองมินเอียงคอมองท่าทางที่ราวกับกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ของรุ่นน้องเบื้องหน้าอย่างงงๆ
“อึนจีมีอะไรจะถามพี่” คำถามที่กระตุ้นเตือนทำให้เด็กสาวก้มหลบตา ก่อนจะเลื่อนมือของเธอมาจับบนมือที่หนากว่าที่วางไว้บนโต๊ะ ซองมินบีบกระชับอุ้งมือเล็กราวกับให้กำลังใจ

หากแต่พอทั้งคู่มองหน้าสบตากัน ซองมินก็พลันเหมือนจะรับรู้ได้ว่า คิมอึนจีกำลังจะถามเรื่องอะไรกับเขา...

ถ้าซองมินเดาไม่ผิดมันคงเป็นคำถามที่เขาเลี่ยงจะตอบมาเนิ่นนาน.......

“โอปป้า อึนจีอยากจะถามเรื่องของเรา” มือเล็กบีบมือของซองมินแน่นขึ้น ราวกับต้องการทั้งกำลังใจ และเรียกร้องคำตอบ ในเวลานี้ซองมินเองก็กำลังคิดว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร

“เรื่องอะ....”

“เฮ้ย!! โอปป้าออกมาแล้ว วิ่งไปเร็ว”

ซองมินกำลังจะเอ่ยปากถามอึนจีหากแต่ไม่ทันหมดประโยค สภาพรอบข้างของทั้งซองมิน กับอึนจีก็เปลี่ยนไป กลุ่มเด็กสาวที่นั่งถัดจากโต๊ะของทั้งคู่ หรือแม้กระทั้งโต๊ะที่อยู่ข้างหลังต่างก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งส่งเสียงดังฮือขึ้นมาจนทำให้ซองมิน และอึนจีต้องละความสนใจไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น

และยังไม่ทันได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกลุ่มเด็กสาวก็วิ่งตื้อออกไปยังนอกร้านเสียแล้ว ซองมินมองตามกลุ่มเด็กสาวไปจนเห็นว่าพวกเธอเหล่านั้นไปหยุดยืนบริเวณหน้าร้าน และที่ตรงนั้นก็มีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่

“ชางมินโอปป้า” เสียงใสจากเด็กสาวอีกกลุ่มที่เพิ่งวิ่งออกไป เป็นคำเฉลยอย่างดีให้ซองมินรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้

ใช่แล้วชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลา คนนั้นคือชิมชางมิน หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอยู่ในเวลานี้ และเด็กสาวที่อยู่ในร้านพวกนี้ก็คงเป็นแฟนคลับของเขาซินะ

ซองมินมองเหตุการณ์นั้นด้วยความสนใจ และเขาก็เหลือบไปเห็นว่าข้างกายของนักร้องดังมีคนยืนอยู่ด้วย ซองมินจึงละสายตาไปมองคน ๆ นั้นแทน ชายที่ยืนเคียงกันกับชิมชางมินมีส่วนสูงเกือบจะใกล้เคียงกัน หากแต่ชิมชางมินดูจะสูงกว่าเล็กน้อย และซองมินก็แอบนึกว่าคน ๆ นั้นอาจจะเป็นคนดังไม่แพ้กันอีกด้วยเพราะกลุ่มแฟนคลับสาวๆ เหล่านั้นก็ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับคนๆ นั้นเช่นกัน

จนเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นดึงฮู้ดที่คลุมศีรษะลง หัวใจซองมินก็เต้นถี่หนัก และมันก็ยิ่งหนักขึ้นเมื่อคนๆ นั้นหันมาสบตากับซองมิน

มือที่ถูกอึนจีกุมจับไว้มันร้อนจนแทบระอุ และในหัวของเขานั้นก็โล่งว่างเปล่า จนเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นถอนสายตาจากไป แล้วเขาก็เดินไปขึ้นรถตู้ที่เพิ่งมาจอดรอรับ เมื่อนั้นแหละที่ซองมินค้นพบว่าหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่หนักมันได้ลอยจากไปพร้อมกับผู้ชายคนนั้น....โจวคยูฮยอน

******************************

“คยูนายจะให้แวะไปส่งที่คอนโดของนายเลยไหม หรือจะกลับบริษัท” ชิมชางมินหันมาถามเพื่อนข้างตัวที่ตั้งแต่ขึ้นรถมายังไม่อ้าปากพูดอะไรกับเขาสักคำ แล้วดูพอถามแล้วไอ้เจ้าเพื่อนยากมันยังเหม่อไม่ตอบเสียอีก

“เฮ้ย!! เป็นอะไร นั่งเงียบเป็นใบ้ แล้วเหม่อไปไหนว่ะ” ไม่ใช่แค่เสียงดังขึ้น หากแต่คราวนี้ชางมินแถมไปด้วยสัมผัสแรง ๆ ที่ไหล่อีกต่างหาก

“พูดเบาๆ ซิว่ะ ตกใจหมด” คนเหม่อสะดุ้งเฮือก เมื่อโดนปลุกจากภวังค์ แถมยังบ่นซ้ำเพิ่มขึ้นไปอีก

“ถามไม่ตอบนี่หว่า”
“ถามอะไร?”
“ถามว่าจะกลับบ้านเลย หรือจะให้ไปส่งออฟฟิศ เพราะฉันจะเข้าออฟฟิศก่อนแล้วจะไปทำงานต่อ”
“ส่งออฟฟิศ รถอยู่ที่นั่น” พอตอบเสร็จเจ้าตัวก็กลับไปอยู่ในภวังค์ของตัวเองอีกครั้ง ราวกับขีดเส้นไม่ให้เพื่อนรักเข้ามาในโลกส่วนตัว

นี่ถ้าหากเป็นเวลาปรกติคนที่ไม่ค่อยพูดน่ะมันเป็นชิมชางมิน แต่คนพูดมากกว่ามันเป็นโจวคยูฮยอน หากแต่ทำไมวันนี้มันกลับกัน

“ตกลงมีอะไรหรือเปล่าว่ะ”
คยูฮยอนหันมามองเพื่อนช่างซักก่อนจะถอดหายใจเบาๆ
“ฉันเจอเขา”
“เจอใครว่ะ?”
“ซองมิน”
“ซองมิน?” ชางมินทวนชื่อนั้น พลางนึกว่าคน ๆ นี้เป็นใคร คุ้นชื่อหากแต่ไม่รู้จัก
“คนที่ฉันแต่งเพลงให้”
“เฮ้ย!! ไปเจอตอนไหน ทำไมไม่รู้ว่ะ” ชางมินอุทานเสียงดัง เพราะงงกับเรื่องที่ไอ้เพื่อนรักมันพูดอยู่เสียเหลือเกิน อยู่ด้วยกันทั้งวัน มันเอาเวลาไหนไปเจอเขากันอีก
“เมื่อกี้ ก่อนขึ้นรถ เขานั่งอยู่ในร้านกาแฟ.................กับผู้หญิงคนหนึ่ง” น้ำเสียงที่ทอดเบาลงในประโยคสุดท้ายทำให้ชางมินเดาได้ทันทีว่าทำไมไอ้เพื่อนรักของเขาถึงหงอยนัก
“ทำไมไม่บอกก่อนว่ะ จะได้บอกให้รถรอก่อน นายจะได้ไปทักเขา”
“ยังคิดว่าจะกล้าอีกเหรอชางมิน เขาไม่อยากเจอฉีย แถมเมื่อกี้ก็คงจะเป็นแฟนเขา”
“รู้ได้ยังไง”
“เขานั่งจับมือกันอยู่”
ชางมินนึกอยากจะตบเข่าสักฉาดใหญ่ๆ ไอ้เพื่อนเขานี่มันไม่มีดวงจริงๆ เจอกันทั้งทียังไปเจอซีนบาดใจเข้า

“ทำไมถึงลืมคิดไปได้นะว่าเขาอาจจะมีแฟนแล้ว เขาถึงปฏิเสธ ตอนนี้เขาคงรังเกียจฉันแล้วด้วยซ้ำ” คยูฮยอนหันกลับไปมองที่กระจกรถอีกครั้งพลางให้นึกตลกตัวเองขึ้นไปอีกว่าทำไมเขาถึงโง่นัก คนที่บังเอิญเจอกันในที่แบบนั้น เขาคิดไปเองได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นจะมีรสนิยมแบบเขา

การที่เป็นผู้ชายหน้าหวาน ตัวเล็ก มันไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าคน ๆ นั้นจะชอบผู้ชายด้วยกัน ก็เหมือนกับเขาที่ไม่เคยมีใครรู้ถึงรสนิยมแท้จริงนอกจากไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งที่นึกขอบใจชางมินที่มันเข้าใจเขาขนาดนี้

“คิดมากไปหรือเปล่าว่ะ”
“อย่ามาปลอบใจเลยชางมิน มันหมดหวังไปตั้งแต่แรกแล้ว แค่ตอนนี้มันทำให้ฉันตัดใจได้มากยิ่งขึ้นแค่นั้นเอง”
“อืมก็ดี ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานนายคงเจอคนที่ใช่สำหรับนาย” ชางมินตบบ่าเพื่อนรักหนักๆ เป็นกำลังใจให้ คนได้รับกำลังใจทำได้แต่ฝืนยิ้มตอบไปให้

ความรักของเขา มันช่างมาเร็วจนแทบไม่รู้สึกตัว และจากไปเร็วราวกับสายลมเหลือเกิน

********************************

“อึนจีพี่ขอกลับก่อนนะ” ซองมินดึงมือของตัวเองออกจากมือเล็กนั่น และคว้ากระเป้ใบใหญ่ข้างตัวขึ้นมาพาดบ่า หากแต่พอเขาจะวิ่งออกไปจากร้านก็พลันนึกได้ว่าไม่ควรจะทิ้งหญิงสาวเอาไว้แบบนี้

ซองมินวิ่งกลับมาที่โต๊ะ และรีบควักเงินจำนวนหนึ่งที่คาดเดาเอาเองว่าน่าจะพอกับค่าขนมและเครื่องดื่มวางไว้หน้าคิมอึนจี และเขาก็รีบสาวฝีเท้าจากไป
ทิ้งให้คิมอึนจีทำอะไรไม่ถูก อยู่ตรงนั้น

นี่มันเหตุการณ์บ้าบออะไรกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสักนิดที่เธอจะตัดสินใจทำแบบนี้ได้ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เกิดเหตุการณ์บ้าๆ นี้ขึ้น และเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่า ลีซองมินเป็นอะไร ถึงจากเธอไปแบบนี้

ซองมินรีบเร่งฝีเท้า และบ่ายหน้ากลับไปยังที่พักของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ หากเพียงแต่คิดว่าเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนั้นอีก ภาพดวงตาดำขลับที่สบกับเขานั้นยังฝังอยู่ในหัว พอ ๆ กับเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนเริ่มย้อนกลับเข้ามา

จากที่ไม่กล้ายอมรับ ตอนนี้เขายอมรับกับตัวเองได้ทันทีว่า โจวคยูฮยอนมีอิทธิพลกับหัวใจของเขามากเหลือเกิน

ตอนนั้นซองมินอยากจะตะโกนเรียก อยากจะอธิบายถึงเหตุผลมากมายที่เขาปฏิเสธที่จะพบกับคยูฮยอน แต่สายตาที่มองมาที่ซองมินมันทำให้เขาชะงัก สายตาที่นิ่งสนิทราวกับท้องน้ำในวันที่ไร้ลม สายตาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคยูฮยอนยังยินดีกับการที่ได้พบเขาไหม มันทำให้ซองมินไม่กล้าแม้แต่จะมองหรือสบตาคู่นั้นอีก

และไอ้อาการที่เขาเป็นแบบนี้มันยืนยันแล้วใช่ไหมว่าเขาหวั่นไหวต่อ ‘ผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอน’

ถึงตอนนี้ซองมินเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า สิ่งที่เขาเคยได้ตัดสินใจไปนั้นมันถูกต้องไหม.....
และเขาจะยังมีโอกาสอีกไหมที่จะอธิบายสิ่งที่เขาได้กระทำไปให้คน ๆ นั้นได้รับรู้ว่าทำไมซองมินจึงตัดสินใจเช่นนั้น

ไม่ซิมันต้องมีทาง ในเมื่อตอนนี้เขาได้ก้าวย่างเข้ามาใกล้คน ๆ นั้นมากขึ้นอีกนิดแล้ว และอีกไม่นานเขาคงได้มีโอกาสก้าวไปยืนอธิบายให้คนๆ นั้นได้เข้าใจในสถานะที่เท่าเทียมกัน

***********************************

คยูฮยอนเหลือบมองน้องชายร่วมค่ายที่อยู่ดีๆ ก็ติดรถของเขามาด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ในระหว่างที่เขาวุ่นวายกับการเก็บกระเป๋า แต่ชเวมินโฮ กลับรื้อข้าวของของเขามาเสียจนรกไปหมด

และมันทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจสำหรับคนขี้เกียจอย่างโจวคยูฮยอนว่าแล้วใครล่ะจะเป็นคนเก็บ

“มิโนถ้านายอยากจะรื้อของ ทำไมนายไม่ไปรื้อที่บ้านนาย”
“ผมรื้อหมดแล้ว” คำตอบน่าแถมหลังมือไปให้สักที
“ฮยองอย่าซีเรียสน่า ห้องฮยองมันรกอยู่แล้วจะหวงอะไรอีก แล้วรีบๆ จัดกระเป๋าให้เสร็จเสียทีเหอะพรุ่งนี้บินเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ถ้านายรู้ทำไมนายยังไม่กลับไป มากวนฉันทำไม”
“ผมจะนอนที่นี่ ฮยองไม่น่าคิดได้นะว่าผมจะกลับ” คนกวนประสาทเจอเด็กกวนประสาทกว่าแบบนี้ มันทำให้เขานึกอยากจะไล่ไอ้น้องรักนี่กลับไปเสียตอนนี้เลย
“อย่ามากวนฉันนะมิโน”
“ผมกวนที่ไหนล่ะ ผมจะนอนกับฮยองจริงๆ เดี๋ยวฮยองจะไปญี่ปุ่นตั้งหลายวันผมคิดถึง”
คราวนี้ชเวมินโฮ เล่นบทอ้อน เจ้าตัวส่งสายตาปริบๆ น่าสงสารมาให้ฮยองคนสนิท
“อย่ามาตลก นายกับฉันเราไม่เคยเจอกันเป็นเดือนๆ ก็มี ตกลงที่มาวุ่นวายนี่อยากได้อะไรพิเศษหรือเปล่า”
“ฮยองฉลาดว่ะ ก็มีนิดหน่อย”
“อะไร?”
“ไปญี่ปุ่นทั้งที ฮยองซื้อของเล่นผู้ใหญ่แปลก ๆ มาฝากผมหน่อยซิ” ได้เด็กหน้าเป็นมันหยักคิ้วหลิวตาให้ คนเป็นพี่ทำหน้างงๆ กับไอ้ของเล่นผู้ใหญ่ที่ไอ้รุ่นน้องมันว่า ก่อนจะขมวดคิ้วฉับ
‘มันจะซื้อไปเล่นกับใคร’
“แกจะบ้าหรือไงฉันจะบากหน้าไปซื้อของพวกนั้นให้แกได้ยังไง”
“หรือฮยองไม่สนใจ”
พูดแบบนี้มานั่งในใจกันเลยดีกว่าไหม ชเวมิโน
ไอ้สนใจมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มๆ แต่สำหรับเขาตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเขาเองก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรใครจะไปกล้าเสี่ยงทำอะไรบ้าๆ ถึงแม้อยากจะรู้อยากจะเห็นก็เหอะ แถมไอ้เขานะจะไปซื้อของพวกนั้นมาใช้กับใคร
“แล้วแกจะให้ฉันซื้อมาให้แกใช้กับใคร”
“ซื้อมาเพื่อเป็นการศึกษาในอนาคตเฉยๆ”
“ไอ้บ้า”
ชเวมิโนหัวเราะลั่นก่อนจะ ไถตัวเองลงบนที่นอนนุ่มและท้าวคางนอนมองพี่ชายสุดหล่อที่กำลังโยนเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างไม่มีระเบียบ
ไอ้ที่เขาอยากจะมานอนที่นี่นั้น มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องร้อยแปดพันประการที่อ้างมาหรอก หากแต่ที่มาเพราะพี่ชายคนสนิทอีกคนต่างหากที่ไหว้วานเขามา

ชางมินฮยองบอกว่าให้มาอยู่เป็นเพื่อนคยูฮยอนฮยองหน่อย เพราะไอ้รุ่นพี่หล่อบัลลาดนี่มันกำลังอกหัก กลัวอยู่คนเดียวเดี๋ยวจะดราม่า มีใครมาอยู่เป็นเพื่อนสักหน่อยจะได้ไม่เศร้ามาก พอได้ฟังก็สงสารคนอกหัก เลยอาสามา หากแต่พอถามจากชางมินฮยองว่าคยูฮยองอกหักจากใคร ก็ไม่ยอมตอบเสียอย่างนั้น จะหลอกถามจากเจ้าตัวก็ยังไม่กล้าพอ เพราะดูแล้วบรรยากาศรอบตัวอึมครึมเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นเวลาปรกติลองเขามาที่นี่คยูฮยอนฮยองไม่ชวนเขาชิมไวน์ ก็ต้องชวนเขาเล่นเกมส์ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาไม่มีอะไรทำแบบนี้

“ฮยองไม่คิดจะพับผ้าบ้างหรือไง หรือจะไปทั้งอย่างนั้นเลย”
“อืม”
“บางทีฮยองควรต้องหาแฟนนะ”
พอทักกันแบบนี้ คยูฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมามองรุ่นน้องหน้าหล่อด้วยความข้องใจ
“ชีวิตฮยองได้มีระเบียบขึ้นไง หล่อเสียเปล่าแต่โครตเละเลย” ว่าไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวยังมองไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เจ้าของห้องเอาไว้ทั้งทำงานและเล่นเกมส์ หน้าคอมพิวเตอร์จำนวนสามเครื่องเต็มไปด้วยถ้วยอาหารสำเร็จรูป หนังสือ และข้าวของที่ระบุประเภทไม่ได้
“แม่บ้านก็ทำได้”
“แต่แม่บ้านเขาจัดการกับชีวิตฮยองไม่ได้ ว่างๆ เอาเวลาไปหาแฟนบ้างก็ดีนะ”
“ฉันอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ขอให้จริงเหอะ ไม่ใช่ว่าลองหาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จนะ” คนตั้งใจลองเชิงเอ่ยปนหัวเราะ แล้วก็ดูจะได้ผล เพราะพี่ชายหน้าหล่อชักสีหน้าแปลกๆ ใส่เขาทันทีแถมยังดจะเถียงไม่ออกอีก
“พูดมาก ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว ฉันต้องจัดของ” คยูฮยอนขว้างเสื้อในมือใส่หัวไอ้รุ่นน้องตัวแสบ ก่อนจะแกล้งทำเมินกับเสียงหัวเราะบาดใจนั่น
ไอ้เจ้านี่มันยิ่งกว่ามานั่งในใจเขาเสียอีกนะ ชเวมินโฮ พูดแทงใจดำชะมัด



TBC.

...............................................................


โฮกกกกกในที่สุดก็ทำสำเร็จสำหรับตอนสาม หลังจากทิ้งเรื่องนี้ไปชาติกว่าเพราะต้องเอาเวลาไปปั่นงานกับปั่นฟิคเรื่องเดิมจนสำเร็จออกมาเป็นรวมเล่มคราวนี้คงจะมีเวลามาปั่นเรื่องนี้จริงๆ จังๆ เสียที แต่คงต้องขอปัดสนิมออกจากร่างหน่อยเพราะทิ้งไว้นานเกือบต่อไม่ติด 5555







 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2554
1 comments
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 5:37:52 น.
Counter : 622 Pageviews.

 

555555555+ ฮามินโฮ "เอาเวลาไปหาแฟนบ้างก็ดีนะ"
ก็จริงนะกี้... นี่ตากี้ยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าโดยไม่พับเรอะ!! = ="
เฮ้อ... ไม่น่าเล้ย ไปเจอฉากจับมือซะงั้น ความจริงไม่ได้มีอะไรเลยแต่พ่อพระเอกก็ตีโพยตีพายไปซะแล้วสินะ
นุ้งมินก็นะ... สบตากันระยะไกลแค่นั้น กระต่ายก็ใจเต้นทำอะไรไม่ถูกแล้ว
เอาว้า~ ยังไงซะสถานะของซองมินก็จะใกล้คยูมากขึ้นเรื่อยๆ
จะรอนะคะ ไรท์เตอร์~ อยากอ่านต่อ อย่าดองน้า~ T_T

 

โดย: Palmira IP: 125.24.103.192 11 กันยายน 2554 21:40:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.