Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Butterfly Effect Part 2



Titile: Butterfly Effect Part 2
Author: Angel Midori
Genre: Romantic
Rating: PG
Pairing: KYUMIN
Note : ฟิค SJ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามา..


************************************
บนเส้นทางที่เงียบเหงา
สองเราเป็นคนแปลกหน้ากัน
หากแต่เพียงสบตาคู่นั้น
ฉันกลับพลันเหมือนรู้จักเธอมานาน

ความเหงาที่ฉันเคยมี
บัดนี้กลับพลันจางหาย
เปรียบดั่งเช่นละอองหิมะที่ละลาย
อยู่บนเรือนผมของเธอ

เรายิ้มให้กัน สบตากัน ปรับทุกข์
ความสุขดูราวอยู่แค่มือคว้า
รอยยิ้ม น้ำเสียง แววตา
แค่หลับตาก็ยังนึกได้ฝังใจ

หิมะหยุดเธอลาจากพร้อมรอยยิ้ม
ความสุขปลิดปลิวราวกับละอองฝุ่น
จะเอื้อมคว้ายื้อหยุดก็มิอาจทำ
ได้แต่จำใจมองเธอจากไป
พร้อมกับหิมะสุดท้ายของปี



เมื่อเสียงทุ้มละมุนของนักร้องหนุ่มชื่อดัง ขับกล่อมเพลงยอดนิยมของเขาจบลง เสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดจากเหล่าๆ แฟนคลับ และผู้ชมก็ดังเสียจนกลบทุกเสียงในสตูดิโออัดรายการเพลงประจำสัปดาห์


เหล่าพิธีกร และบรรดานักร้องที่เข้าร่วมแสดงในรายการต่างก็พากันมารวมตัวกันในช่วงท้ายรายการก่อนจะประกาศเพลงยอดนิยมที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดประจำสัปดาห์นี้

“ที่หนึ่งวันนี้ก็ยังเป็น Last Snow ของคุณคยูฮยอนครับ”

“นี่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 แล้วซินะคะที่ คุณคยูฮยอนได้รางวัลวินเนอร์ประจำสัปดาห์” เสียงของพิธีกรสาวดาราวัยรุ่นชื่อดังเอ่ยเสริมให้กับพิธีกรชายที่เป็นนักร้องหนุ่มจากวงบอยแบนด์ที่กำลังเริ่มโด่งดังปีนี้ ทั้งคู่เชิญคนที่เป็นพระเอกของสัปดาห์ขึ้นมารับรางวัลในตอนท้ายรายการ

“ขอบคุณทีมงานทุกคน แฟน ๆ ของผม และแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมแต่งเพลงนี้ขึ้นมาครับ” แทบจะเป็นรูปแบบสำเร็จรูปในการกล่าวขอบคุณของโจวคยูฮยอน กับเพลงนี้ไปเสียแล้ว หลังจากที่เพลงบัลลาดเพลงนี้พาเหรดกันขึ้นอันดับหนึ่งในทุกชาร์ตเพลงมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะลดความนิยมลงอีกด้วย

Last Snow คยูฮยอนแต่งขึ้นเพื่อนแสดงบนคอนเสิร์ตเดี่ยวของเขาเมื่อสองเดือนก่อน หากแต่เพลงนี้กลับได้รับความนิยมอย่างทันท่วงทีหลังการแสดง แถมทางสถานีโทรทัศน์ชื่อดังยังนำเพลงนี้ไปใช้เป็นเพลงประกอบละครอีกด้วย จึงทำให้ Last Snow ได้รับความนิยมมากขึ้น แทนที่คยูฮยอนจะได้หยุดพักหลังการโปรโมตอัลบัมอันยาวนาน เจ้าตัวกลับต้องออกแสดง และโปรโมตซิงเกิ้ลเพลงพิเศษเพลงนี้ต่อไปอีก

และที่น่าสนใจอีกอย่างคือคำขอบคุณที่คยูฮยอนที่เอ่ยถึงแรงบันดาลใจของเพลงนี้ แรก ๆ นักข่าวต่างก็พุ่งประเด็นไปที่ “แรงบันดาลใจ” ที่นักร้องหนุ่มกล่าวถึงว่าเป็นใคร หากแต่โจวคยูฮยอนตอบเพียงแต่ว่า

“หลาย ๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ล้วนแต่เป็นแรงบันดาลใจของผมครับ”

เมื่ออีกฝ่ายตอบแบบนั้น นักข่าวจึงไม่สามารถจะต่อยอดเขียนข่าวเจาะลึกใด ๆ กับนักร้องหนุ่มผู้นี้ได้อีก ถึงแม้จะมีความข้องใจอยู่มากว่าเพลงนี้เจ้าตัวอาจเขียนมาเพื่อใครคนพิเศษ
.
.
.
.
.


“เฮ้ยเพลาๆ บ้างก็ได้นะรางวัลน่ะ วงน้องๆ มันลำบากแย่แล้ว นายเล่นมาโปรโมตชนน้องๆ มันแบบนี้” เสียงกวนๆ ดังต้อนรับคยูฮยอนทันที ที่เจ้าตัวเปิดประตูห้องพักเข้าไป

คยูฮยอนได้แต่ส่ายศีรษะ ให้กับคนช่างแซวก่อนจะลงไปนั่งที่หน้ากระจกบานใหญ่เพื่อลบเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้า

“พวกลิงนั่นไปไหนหมด” ชายหนุ่มร่างสูงถามคยูฮยอนอีกครั้ง หลังจากผิดสังเกต ที่ไม่เห็นวงรุ่นน้อง เดินตามคยูฮยอนมาอย่างทุกที เพราะปรกติเพื่อนรักของเขา กับกลุ่มวงรุ่นน้องจะใช้ห้องพักห้องเดียวกัน

“ไปถ่ายรายการต่อ”

“อืม”

คยูฮยอนยังคงง่วนกับการเช็ดใบหน้าของตัวเอง แต่บนพื้นกระจก กลับสะท้อนเงาของคนที่นั่งมองเขาอยู่ จากที่แกล้งทำไม่สนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

ทุกทีเพื่อนรักของเขาคนนี้ไม่ใช่จะออกมาพบผู้คนแบบนี้บ่อยๆ เสียเมื่อไหร่

“ว่างหรือไงชางมิน?”

“อืม”

“เลยแวะมากวน?”

“ก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น แค่อยากชวนนายไปหาอะไรกิน แล้วไปฟิตเนตกัน”

“อย่างแรกสน อย่างหลังไม่ไหวว่ะวันนี้เหนื่อย”
คยูฮยอนโยนสำลีใช้แล้วลงในถังขยะใกล้ตัว ก่อนจะเดินหลบไปล้างหน้าตรงอ่างล้างหน้า ทิ้งเพื่อนตัวสูง หน้าหล่อเอาไว้ให้นอนมองดูโทรฟี่ประจำสัปดาห์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ชิมชางมิน หยิบโทรฟี่ขึ้นมาหมุนดูเล่นพลางยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงที่มาของเพลงที่ไอ้เพื่อนรักมันได้รางวัล

“คยูฮยอน นายคิดว่าเขาคนนั้นของนาย จะรู้สึกยังไงที่ได้ฟังเพลงที่นายแต่งให้ว่ะ”

คยูฮยอนที่เดินซับหน้ามาหยุดชะงักแล้วมองเพื่อนรักที่ยิ้มยั่วประสาทอยู่

เขาเองก็อยากรู้ว่าคน ๆ นั้น ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร

“ใครจะไปรู้ว่ะ”
คยูฮยอนแกล้งโยนผ้าผืนชื้นในมือใส่เพื่อนรักแล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับชางมิน ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้มาจับยัดสิ่งของที่เขาวางทิ้งไว้เกลื่อนบริเวณนั้น

“ไม่คิดจะตามหาเขาหรือว่ะ?”

คนถูกถามเหลือบมองด้วยหางตาให้กับคนตั้งคำถาม ทำอย่างกับไม่รู้ว่าคนอย่างคยูฮยอนคิดอะไร

“ขนาดชวนเขา ๆ ยังไม่มา ฉันยังมีหน้าไปตามหาเขาอีกเหรอ”

“นายเล่นรุกขนาดไหน เขาอาจจะกลัวนายก็ได้ ขนาดบรรดาฮยองของวงฉันที่ว่ากันว่าเพลย์บอยสุด ๆ ยังไม่ทำขนาดนายเลย แล้วเขาก็ไม่ใช่พวกเหยื่อตามผับที่เราจะรุกได้ขนาดนั้น เป็นใครๆ ก็ตกใจ” ชางมินคิดว่าถ้าเล่าเรื่องนี้ให้พี่ยูชอนฟัง มีหวังพี่ชายเพลย์บอยของเขา คงได้หัวเราะลั่นแน่ๆ

คยูฮยอนชักสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ซ่อนสีแดงจางๆ บนใบหน้าไม่ได้ พูดกันเรื่องนี้ทีไร ก็อดรู้สึกอายไม่ได้ ว่าวันนั้นเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงกล้าทำกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงขนาดนั้น

“ตามหาซิว่ะ ที่อยู่นายก็รู้ บริษัทเขานายก็รู้จัก เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นะโว้ย”

ชางมินพูดน้ำเสียงจริงจังขึ้น นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวยุเพื่อน หากแต่คนอย่างคยูฮยอนก็ไม่ได้ยุขึ้นได้ง่าย ๆ

ชางมินรู้ว่าคยูฮยอนเองมีเกราะบางๆ ป้องกันตัวเองอยู่ แถมความผิดหวัง หรือการถูกปฏิเสธนั้นห่างไกลจากโลกของเพื่อนคนนี้ แล้วเมื่อผิดหวัง จึงไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาลุยง่าย ๆ ที่ผ่านมาสำหรับเรื่องนี้ เจ้าเพื่อนคนนี้นั้นก็ทำเกินกว่าที่ชางมินจะคาดถึงมากอยู่

“ช่างมันเหอะน่า” คยูฮยอนตัดบทก่อนจะพาดกระเป๋าเป๋ใบโตขึ้นบ่า “ตกลงจะไปกินที่ไหน” เจ้าตัวหันมาถามเพื่อนร่างสูงอีกที

“แถวฟิตเนตนั้นแหละ”

คยูฮยอนเดินนำจ้ำพรวดๆ และเมื่อเดินผ่านรุ่นน้องเด็กใหม่ๆ เด็กเหล่านั้นโค้งให้กับเขา และชางมิน แค่ระยะเวลาเดบิวต์มา 3-4 ปีที่ยืนของทั้งคู่ตอนนี้กลับถูกแทนที่จากคลื่นลูกใหม่ที่ซัดพื้นทรายของวงการเข้ามาทุกเมื่อเชื่อวัน

**********************************

เสียงอังกอร์เพลงฮิตประจำสัปดาห์ยังไม่ทันจบลง โฆษณาท้ายรายการก็วิ่งเข้ามาแทรกโดยไม่ทันตั้งตัว ลีซองมินตกใจเล็กน้อยเมื่อภาพที่เขามองดู กลับถูกเปลี่ยนไปโดยกระทันหัน

“คยูฮยอนได้ที่ 1 อีกแล้ว” เสียงพึมพำดังจากมุมห้องไม่ไกลจากที่ซองมินนั่งอยู่

“เพลงเขาก็เพราะดีนี่”

“มันดังได้เพราะละครหรอก”

“มันดังก่อนละครแล้วต่างหาก”
เสียงเถียงกันแบบไม่ยอมกันและกันดังต่อเนื่องมาจากมุมห้อง ซองมินต้องแอบกลั้นหัวเราะ

เป็นอย่างนี้บ่อยเสียจนชินแล้วที่ ‘ลีทงเฮ’ และ ‘ลีฮยอกแจ’ ต้องนั่งเถียงกันด้วยเรื่องไม่มีสาระ

“พี่ซองมิน พี่ชอบเพลงนี้ได้ยังไง ไม่ใช่เพราะละครใช่ไหม” ลีทงเฮตะโกนจากมุมห้องมาหาผู้ช่วย

“ทำไมถึงคิดว่าพี่ชอบ”

“ก็มันเป็นริงโทนโทรศัพท์พี่นี่” ฮยอกแจคนที่เถียงอยู่แท้ๆ กับทงเฮกลับสวนมาแทน

ซองมินยิ้มเขินๆ และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ ความรู้สึกกลัวว่าเจ้าสองคนนั้นจะรู้เหตุผลว่าทำไมซองมินถึงเลือกเพลงนี้มาเป็นริงโทนถูกกระตุ้นขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็นไปไม่ได้ที่สองคนนั้นจะรู้ เพราะซองมินไม่เคยปริปากเรื่องคยูฮยอนให้รุ่นน้องทั้งสองคนฟังมาก่อนเลย

“ตกลงทำไมพี่ชอบ”

“พี่ชอบเนื้อเพลง” ใช่ซองมินชอบเนื้อเพลงมากที่สุดในเพลงนี้ เพราะมันบอกซองมินว่าเพลงนี้แต่งมา “เพื่อใคร”
ซองมินอาจเคยบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดไปเอง หากแต่หลายๆ อย่างที่ถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลงนี้มันบอกเป็นนัยๆ ว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันเป็นความลับระหว่างซองมิน กับนักร้องหนุ่มคนดัง เรื่องราวในคืนหิมะสุดท้ายของปี แต่ในความเป็นจริง เรื่องราวมันอาจไม่ตรงทั้งหมด คยูฮยอนคงไม่ได้ตกหลุมรักเขาเหมือนชายหนุ่มในเพลง คยูฮยอนอาจแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้มันโรแมนติคขึ้นก็แค่นั้น

แล้วเมื่อวันคอนเสิร์ตที่คยูฮยอนเชิญซองมิน ก็คงอยากจะอวดเพลงนี้ให้ซองมินได้ฟัง

ถ้าถามว่าซองมินเสียดายไหมที่ปฏิเสธที่จะไม่ไปพบกับคยูฮยอน เพียงเสี้ยวหนึ่งของความคิดเด็กหนุ่มเสียดาย หากแต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมันมีท้วมท้นกว่า ซองมินไม่รู้ว่าคยูฮยอนกำลังทำอะไรอยู่ อาจจะแกล้งให้เขาปั่นปวนหัวใจด้วยความคึกคะนอง หรืออาจกำลังบริหารเสน่ห์ซึ่งมันกำลังได้ผลกับซองมิน และที่สำคัญคือซองมินไม่อยากจะกระโจนลงไปในหลุมที่มีอาหารเต็มจนล้น หากแต่อาจเป็นกับดักที่ล่อลวงอยู่

ถ้าถามว่าซองมินชอบคยูฮยอนไหน เขาพึงใจกับคยูฮยอนในฐานะศิลปิน หากแต่ไม่ใช่พึงใจในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง

แต่ถ้าถามอีกว่าทำไมซองมินถึงยอมให้นักร้องหนุ่มใกล้ชิดขนาดนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเสน่ห์ของโจวคยูฮยอนที่ทำให้ซองมินเผลอไผล และเมื่อยามรู้ตัวว่าเสน่ห์นั้นมันอันตราย ซองมินจึงยังอยากรักษาระยะห่างเอาไว้ก่อน เพื่อให้เขาตั้งรับได้

ตั้งรับได้ในวันที่พร้อม ในวันที่ใช่ และในวันที่ซองมินมั่นใจตัวเองมากกว่านี้…
เพราะซองมินไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนเลยว่าหัวใจ และร่างกายของเขาหวั่นไหว กับผู้ชาย........



“พี่ๆ ทำไมวันนี้เงียบๆ อาจารย์เอเจ กับพี่ฮีชอลไปไหน” เสียงเจ้าน้องเล็กอย่างทงเฮเริ่มบ่นงึมงำขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้พวกเขาสามคนซ้อมกันเองมาตั้งแต่บ่าย จนนี่จะเย็นแล้วยังไม่มีใครมาเลย

“ไม่รู้ซิ” ซองมินที่หลุดจากภวังค์เอ่ยตอบทงเฮ และเหลือบมองผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกห้องซ้อม แต่แทนที่เด็กหนุ่มจะพบใครในสองคนที่ทงเฮบ่นหา ซองมินกับเห็น คิมอึนจีแทน



คิมอึนจี ซึ่งเป็นเด็กฝึกหัดเหมือนซองมิน อึนจีอายุน้อยกว่าซองมิน 1 ปี

ทำไมซองมินจะไม่รู้ว่าอึนจีคิดยังไงกับซองมิน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะปฏิเสธ หากแต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบรับเช่นกัน ซองมินปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอึนจีคลุมเครืออยู่อย่างนี้นานกว่าปีแล้ว

เขารู้ว่าอึนจีตีขลุมคอยบอกใครต่อใครว่าซองมินคบหาอยู่กับเธอ แต่ซองมินก็ไม่เคยปฏิเสธ ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ถึงขั้นนั้น ซองมินอาจจะใจดีเกินไปที่กลัวว่าอึนจีจะเสียใจ หรือว่าแท้จริงเขาเองก็อาจจะเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นไว้ ในที่ๆ คว้าไว้ได้ แล้วยิ่งหลังจากเรื่องคยูฮยอน ซองมินก็รู้สึกเหมือนอยากจะยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์นี้ ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าเขาทั้งคู่ไปกันไม่ได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

แล้วซองมินจะยึดเหนี่ยวไว้ทำไม?
หรือจริงๆ เขาอยากจะเอามันปิดบังบางสิ่งในใจตัวเอง?

“ซองมิน” เสียงใสๆ เรียกชื่อเด็กหนุ่ม ซองมินไม่รู้ว่าอึนจีมายืนอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่

“หึ”

“พี่ฮีชอลเรียกพวกนายสามคน พี่เขารออยู่หน้าห้องท่านประธาน” อึนจีพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานมาให้กับซองมิน เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปเก็บข้าวของข้างตัว
อึนจียืนมองตามซองมินสักพัก เมื่อไม่เห็นเด็กหนุ่มสนใจตัวเอง อึนจีก็ค่อยๆ ปิดประตูห้องแล้วจากไปด้วยแววตาเหงาๆ

คนแอบมองอย่างลีฮยอกแจ และลีทงเฮเองก็มองด้วยความสงสัย ถ้าทั้งคู่คบกันทำไมพี่ซองมินถึงชอบทำท่าทีเมินเฉยต่อคิมอึนจี

“เสร็จหรือยัง” ซองมินที่ตอนนี้สวมเสื้อวอร์มทับเสื้อกล้ามเพื่อให้ดูสุภาพ หันมาถามอีกสองหนุ่มที่ยังวุ่นวายกับการหาของโน่นนี่ที่ทิ้งกันเกลื่อนตามพื้น

“เร็วซิสองคนนี่ บางทีเราอาจต้องไปพบท่านประธานนะ”

“ฮะ ๆ”

การเข้าพบท่านประธาน อาจดูเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น หากแต่กับบริษัทเล็ก ๆ ที่มีพนักงานกันอยู่ไม่ถึงสิบคน ทำให้เด็กฝึกทุกคนล้วนสนิทสนมกับท่านประธานทั้งนั้น การเรียกไปคุยบางทีอาจแค่ถามไถ่ทุกข์สุขกัน หากแต่วันนี้ซองมินกลับรู้สึกแปลกๆ ว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้น

“เสร็จแล้ว ๆ ฮะ” เจ้าลิงสองตัวที่ซองมินชอบเรียกวิ่งปรื้อออกนำซองมินไปทันทีเมื่อแต่งตัวเรียบร้อย แล้วเมื่อทั้งสามคนพาตัวเองมายังหน้าห้องท่านประธาน เขาก็เห็น คิมฮีชอลอยู่ที่นั่น รวมถึงพี่เจย์ผู้จัดการของบริษัท

ซองมินคิดว่ามันคงเป็นเรื่องใหญ่ และหวังให้มันเป็นเรื่องที่ดี

“ช้าจริงๆ พวกนายนี่” พี่ฮีชอลบ่นว่าตามนิสัยที่เคยชิน “เข้าไปในห้องกันได้แล้ว ท่านประธานรออยู่”

ทั้งพี่เจย์ และพี่ฮีชอลเดินนำสามหนุ่มที่เดินตัวลีบตามเข้าไปในห้อง ท่านประธานเงยหน้ามายิ้มบางๆ ให้

“นั่งซิ” นั่นคงเหมือนเป็นคำทักทายจากคนผู้สูงวัยที่สุดของห้อง ทุกคนต่างเลือกที่นั่งของตัวเองที่อยู่รอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของท่านประธาน

โต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่ในห้องทำงานสีทึมที่ยังคงมีโปสเตอร์เก่าๆ ของวงเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของค่าย กับรูปถ่ายหมู่เมื่อตอนปีใหม่ล่าสุดของพนักงานทุกคนในอ๊อฟฟิตรวมถึงเทรน์นี่ติดอยู่ใกล้ๆ กัน

ที่ F.M.L ตอนนี้มีเทรนนี่อยู่ราวๆ 10 คน มีผู้ชายอยู่ 6 คน และผู้หญิง 4 คน แต่ในการฝึกปัจจุบันซองมินถูกจัดกรุ๊ปให้อยู่กับฮยอกแจ และทงเฮ ถึงไม่บอกก็รู้เป็นนัย ๆ ว่าถ้ามีการเดบิวต์พวกเขาสามคนอาจได้ทำงานร่วมกัน

“ฉันมีเรื่องสำคัญต้องบอกพวกเธอสามคน”

“ฮะ” ราวกันเป็นการประสานเสียงโดยตั้งใจของสามหนุ่มตระกูลลี

ท่านประธานทำท่าทีอึกอักเพียงเล็กน้อยก่อนจะเปิดยิ้มจางๆ

“พวกเธอฝึกกับเรามาหลายปีแล้วซินะ แต่ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ยังทำความฝันของพวกเธอให้สำเร็จไม่ได้ นอกจากมันไม่สำเร็จในตอนนี้แล้ว ในอนาคตฉันก็อาจไม่สามารถทำให้เธอได้อีก” เสียงพูดเรียบเรื่อยนั้นราวกับใครเอาน้ำแข็งเย็นๆ มาราดทั้งสามหนุ่ม

นี่เป็นการปฏิเสธใช่ไหม? ท่านประธานกำลังจะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาสามคนทำมาตลอดหลายปีกำลังลอยหายไปราวกับควันที่จุดจากก้านไม้ขีด

“ท่านฮะ” ซองมินกำลังจะเอ่ยปากถาม หากแต่ท่านประธานคิมกลับโบกมือเป็นสัญญาณไม่ให้เอ่ยอะไรตอนนี้

“ตอนนี้เราไม่มีทุน เงินทุนส่วนตัวของฉันถูกเอามาใช้มากมายกับงานนี้ เธอน่าจะรู้นะว่าตอนเราทำวงวนิลาเราไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ฉันก็พยายามที่จะหางานให้ทั้งสี่คนนั้นเท่าที่ทำได้ แต่มันก็ยังไม่พอจะจุนเจือเราได้ทั้งหมด เราไม่มีตลาด มีเดีย และที่สำคัญคือเงิน”

“ท่านประธานอย่าบอกนะฮะว่าบริษัทจะปิดตัว” ลีทงเฮพูดโผล่งออกไป แต่สิ่งที่ทั้งสามคนหวังอยากจะได้ยินอาจเป็นเสียงกร่นด่า ว่าลีทงเฮนายพูดอะไรออกมาแบบนั้น

หากแต่มันไม่ใช่ ตอนนี้ท่านประธานคิมกำลังพยักหน้าให้กับทั้งสามคนอยู่

“ขอโทษที่ฉันต้องบอกแบบนี้แต่เรากำลังจะไปไม่ไหวจริงๆ แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ถึงกับปิดมันลง ฉันแค่ขายบริษัทนี้ไปให้บริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง เขายินดีจะรับพนักงานของเราไปทำงานด้วยที่นั่น” ทุกคนดูเหมือนจะถอนหายใจเบาๆ กับสิ่งที่ ท่านประธานเสนอมา

“รวมถึงพวกเทรนนี่ด้วยเหรอฮะ” คราวนี้เป็นลีซองมินบ้างที่ถาม

ท่านประธานยิ้มจางๆ ให้ หากแต่ในแววตากลับไม่สดใสนัก “ไม่ใช่ทุกคนที่ทางโน้นรับไปต่อเขาเลือกแค่บางคน เราขายบริษัทไปให้กับ KG ซึ่งเขากำลังจะเปิดค่ายลูกเอามารองรับในการทำศิลปินที่นอกเหนือจากค่ายใหญ่ ดังนั้นเขาจึงซื้อบริษัทเราไป หากแต่เด็กฝึกหัดจะโอนมาจากโรงเรียนของค่ายใหญ่เขา”

คำพูดของประธานคิมไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามสบายใจเลยสักนิด พวกเขารอวันของพวกเขามาหลายปี ทั้งสามคนมีความหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แรกท่านประธานบอกว่าพวกเขาจะได้เดบิวต์ในอีกไม่นานเพราะใครๆ ก็ชอบไอดอลหนุ่มน่ารัก หากแต่วันดีคืนดีรสนิยมผู้คนก็เปลี่ยนไป กระแสของไอดอลหนุ่มที่ดูเป็นผู้ชายเต็มตัวกลับยึดหัวหาด เสียจนท่านประธานไม่กล้าปล่อยทั้งสามคนให้เปิดตัว พวกเขาต้องรอ ๆ จนถึงเวลา หากแต่ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็กำลังถูกใครไม่รู้มาตัดสินคัดเลือก และอาจกำลังคัดพวกเขาทั้งสามคนทิ้ง

การได้ถูกเลือก ซองมินคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ KG Entertainment เป็นค่ายใหญ่ 1 ใน 4 ของค่ายเพลงมหาอำนาจของเกาหลีตอนนี้ หนทางคงสดใสกว่าอยู่ที่นี่มากขึ้น แต่การต่อสู้ก็คงหนักขึ้นตามไปด้วย แต่การที่ KG เปิดค่ายลูก การแข่งขันในค่ายนี้อาจไม่กดดันเท่าค่ายแม่ มันอาจจะลดลงแค่สื่อ และงบต่างๆ ที่จะไม่เท่ากับที่ทางค่ายจะมอบให้กับการโปรโมตศิลปินเบอร์ที่ออกกับ KG เอง แต่ในเวลานี้ใครจะไปสนใจกันล่ะ แค่ได้ถูกเลือกก็เป็นบุญแล้ว

“ที่ฉันเรียกเธอทั้งสามคนเข้ามา ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ซองมิน ฮยอกแจ ทงเฮ....พวกเขาเลือกเธอสามคน”
เสียงนุ่มๆ ของท่านประธานคิมราวกับเสียงสวรรค์ ทั้งสามหนุ่มยิ้มกว้าง แล้วเมื่อซองมินหันเป็นเห็นทงเฮ ก็เห็นเจ้าเด็กนั่นน้ำตารื้นขึ้นมาเสียแล้ว ลีทงเฮเจ้าเด็กขี้แง!!

“แล้วคนอื่นล่ะฮะ มีใครอีกบ้างที่ทางโน้นเลือก”ซองมินยังมีแก่ใจจะถามถึงเพื่อนที่เคยสุขทุกข์มาด้วยกัน

“มีแค่เธอสามคน และที่สำคัญสำหรับพวกเธอ เธอสามคนจะเป็นโปรเจคแรกของค่ายใหม่ กำหนดเดบิวต์ของพวกนายคืออีก 6 เดือนข้างหน้า”

ให้ตายเหอะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหัวใจของซองมินตกวูบหลุดหายไปกับพื้นห้อง เมื่อคิดว่าอนาคตในการเป็นนักร้องของเขาคนจะหมดไปเมื่อค่ายโดนปิด หากแต่ยามนี้หัวใจที่หลุดหายกลับกระเด็นกระดอนกลับมาเต้นเร้าอยู่ในอกข้างซ้ายราวกับมันจะระเบิด เมื่อรู้ว่าอีกแค่หกเดือน ซองมิน และน้องๆ จะได้ก้าวเท้าสู่การเป็นนักร้องเต็มตัวเสียที

“ดีใจใช่ไหม” คิมฮีชอลที่นั่งนิ่งมานาน หันมายิ้มใส่เด็ก ๆ ทั้งสาม และตอนนี้พี่เจย์กำลังลูบหัวเจ้าเด็กขี้แงเพื่อปลอบอยู่

“นอกจากพวกนายแล้วฉันก็ไปด้วยนะ เจย์ ก็ไปด้วยพี่ๆ อีกหลายคนก็จะตามไปเราจะไปเริ่มต้นใหม่กันที่นั่น” ซองมินยิ้มจนไม่รู้จะยิ้มยังไงให้สมกับเรื่องดีๆ ที่ได้ยิน

“ท่านประธานก็ไปด้วยใช่ไหมฮะ” ลีฮยอกแจหันไปถามคนที่ยิ้มมองพวกเขาสามคนอยู่

“ฉันขายมันให้คนอื่นไปแล้วยังจะไปได้ยังไง”

“อ้าว” เด็กหนุ่มทั้งสามตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ ที่ๆ ใหม่จะไม่มีท่านประธานคิมอีกแล้วหรือ

“ฉันจะตั้งบริษัทใหม่ คราวนี้ฉันจะทำบริษัทโมเดลลิ่งแทน มันใช้ทุนไม่มาก แล้วฉันก็จะเอาเด็กๆ ที่เหลือมาฝึก และหางานให้ต่อพวกเขาจะได้ไม่เคว้ง” คำพูดใจดี จากใบหน้าใจดี ทำให้ซองมินอดรู้สึกทึ้งไม่ได้ ซองมินดีใจที่ในชีวิตได้พบคนอย่างท่านประธานคิม ถึงสุดท้ายซองมินไม่อาจได้เป็นนักร้องในความดูแลของท่านประธาน หากแต่ซองมินจะไม่ลืมท่านแน่นอน

“ค่ายใหม่ที่เธอจะไปทำงานด้วยเขาไม่ได้ใช่ชื่อเดิมของเราหรอกนะ บ้านหลังใหม่ของเธอ พวกเธอสามคนจำไว้ล่ะ Rise Music ที่นั่นเปลี่ยนชื่อเป็น Rise Music”

Rise Music ซองมินรู้สึกเหมือนชื่อนี้ช่างสวยงามเหลือเกินสำหรับเขา



TBC.

...............................................................


โอ้วววววในที่สุดก็เข็นตอนต่ออกมาหลังตากทีได้รับกระแสนิยม พอสมควรว่าให้ต่อเหอะ เพราะที่จบค้างคาเอาไว้มันทำให้อยากบีคอไรท์เตอร์นัก 55 ในจริงก็อยากต่อแหละคะ แต่เพราะเรื่องนี้ยังคิดพล็อทไม่ถึงตอนจบ ตอนนั้นก็เลยไม่กล้าที่จะเขียนให้เป็นเรื่องยาว แต่ตอนนี้ก็คอย ๆ พยายามลองเขียนดูนะคะ

ช่วงแรกพระเอก นายเอกเราอาจจะยังไม่เจอกัน แต่ก็รอไปก่อนคะ เจอกันเร็วไรท์เตอร์ไม่รู้จะแต่งยังไงเลย กร๊ากกกกกกกก

เจอกันตอนหน้านะคะ


ปล.พอดีตอนนี้ไรท์เตอร์ทำ photobook รวมรูป SJ ที่มาเยือนไทย 2009-2010 เอาไว้ดูเอง แต่พอดีมีหลายคนชอบและอยากได้ถ้าใครสนใจลองคลิ๊กไปดูนะคะ

//www.facebook.com/SJphotobook





Create Date : 11 มีนาคม 2554
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 5:24:08 น. 1 comments
Counter : 650 Pageviews.

 
ชอบฟิคเรื่องนี้มากค่ะ TvT
มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก ตัวคนอ่านไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเรื่องระบบค่ายเพลงอะไรแบบนี้เท่าไหร่ (ถึงจะบ้าผู้ชายขนาดไหนก็ตาม 55555) แต่อ่านที่คุณไรท์เตอร์เขียนมาทั้งหมดแล้วก็รู้สึก...เหมือน 3 คนนั้นกำลังจะเดบิวต์จริงๆ 5555
ใครจะไปนึกว่าตาโจแกจะเอามาแต่งเพลงแบบเจาะจงรายละเอียดขนาดนั้น หุๆ น้องมินไม่ได้คิดไปเองหรอก ก็ในเมื่อพ่อพระเอกเขาพูดไว้เองว่า "หวังซิ" จากเมื่อตอนที่แล้ว อิอิ ;)


โดย: Palmira IP: 125.24.103.192 วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:21:06:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.