|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Butterfly Effect Part 2
Titile: Butterfly Effect Part 2 Author: Angel Midori Genre: Romantic Rating: PG Pairing: KYUMIN Note : ฟิค SJ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามา..
************************************ บนเส้นทางที่เงียบเหงา สองเราเป็นคนแปลกหน้ากัน หากแต่เพียงสบตาคู่นั้น ฉันกลับพลันเหมือนรู้จักเธอมานาน
ความเหงาที่ฉันเคยมี บัดนี้กลับพลันจางหาย เปรียบดั่งเช่นละอองหิมะที่ละลาย อยู่บนเรือนผมของเธอ
เรายิ้มให้กัน สบตากัน ปรับทุกข์ ความสุขดูราวอยู่แค่มือคว้า รอยยิ้ม น้ำเสียง แววตา แค่หลับตาก็ยังนึกได้ฝังใจ
หิมะหยุดเธอลาจากพร้อมรอยยิ้ม ความสุขปลิดปลิวราวกับละอองฝุ่น จะเอื้อมคว้ายื้อหยุดก็มิอาจทำ ได้แต่จำใจมองเธอจากไป พร้อมกับหิมะสุดท้ายของปี
เมื่อเสียงทุ้มละมุนของนักร้องหนุ่มชื่อดัง ขับกล่อมเพลงยอดนิยมของเขาจบลง เสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดจากเหล่าๆ แฟนคลับ และผู้ชมก็ดังเสียจนกลบทุกเสียงในสตูดิโออัดรายการเพลงประจำสัปดาห์
เหล่าพิธีกร และบรรดานักร้องที่เข้าร่วมแสดงในรายการต่างก็พากันมารวมตัวกันในช่วงท้ายรายการก่อนจะประกาศเพลงยอดนิยมที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดประจำสัปดาห์นี้
ที่หนึ่งวันนี้ก็ยังเป็น Last Snow ของคุณคยูฮยอนครับ
นี่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 แล้วซินะคะที่ คุณคยูฮยอนได้รางวัลวินเนอร์ประจำสัปดาห์ เสียงของพิธีกรสาวดาราวัยรุ่นชื่อดังเอ่ยเสริมให้กับพิธีกรชายที่เป็นนักร้องหนุ่มจากวงบอยแบนด์ที่กำลังเริ่มโด่งดังปีนี้ ทั้งคู่เชิญคนที่เป็นพระเอกของสัปดาห์ขึ้นมารับรางวัลในตอนท้ายรายการ
ขอบคุณทีมงานทุกคน แฟน ๆ ของผม และแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมแต่งเพลงนี้ขึ้นมาครับ แทบจะเป็นรูปแบบสำเร็จรูปในการกล่าวขอบคุณของโจวคยูฮยอน กับเพลงนี้ไปเสียแล้ว หลังจากที่เพลงบัลลาดเพลงนี้พาเหรดกันขึ้นอันดับหนึ่งในทุกชาร์ตเพลงมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะลดความนิยมลงอีกด้วย
Last Snow คยูฮยอนแต่งขึ้นเพื่อนแสดงบนคอนเสิร์ตเดี่ยวของเขาเมื่อสองเดือนก่อน หากแต่เพลงนี้กลับได้รับความนิยมอย่างทันท่วงทีหลังการแสดง แถมทางสถานีโทรทัศน์ชื่อดังยังนำเพลงนี้ไปใช้เป็นเพลงประกอบละครอีกด้วย จึงทำให้ Last Snow ได้รับความนิยมมากขึ้น แทนที่คยูฮยอนจะได้หยุดพักหลังการโปรโมตอัลบัมอันยาวนาน เจ้าตัวกลับต้องออกแสดง และโปรโมตซิงเกิ้ลเพลงพิเศษเพลงนี้ต่อไปอีก
และที่น่าสนใจอีกอย่างคือคำขอบคุณที่คยูฮยอนที่เอ่ยถึงแรงบันดาลใจของเพลงนี้ แรก ๆ นักข่าวต่างก็พุ่งประเด็นไปที่ แรงบันดาลใจ ที่นักร้องหนุ่มกล่าวถึงว่าเป็นใคร หากแต่โจวคยูฮยอนตอบเพียงแต่ว่า
หลาย ๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ล้วนแต่เป็นแรงบันดาลใจของผมครับ
เมื่ออีกฝ่ายตอบแบบนั้น นักข่าวจึงไม่สามารถจะต่อยอดเขียนข่าวเจาะลึกใด ๆ กับนักร้องหนุ่มผู้นี้ได้อีก ถึงแม้จะมีความข้องใจอยู่มากว่าเพลงนี้เจ้าตัวอาจเขียนมาเพื่อใครคนพิเศษ . . . . .
เฮ้ยเพลาๆ บ้างก็ได้นะรางวัลน่ะ วงน้องๆ มันลำบากแย่แล้ว นายเล่นมาโปรโมตชนน้องๆ มันแบบนี้ เสียงกวนๆ ดังต้อนรับคยูฮยอนทันที ที่เจ้าตัวเปิดประตูห้องพักเข้าไป
คยูฮยอนได้แต่ส่ายศีรษะ ให้กับคนช่างแซวก่อนจะลงไปนั่งที่หน้ากระจกบานใหญ่เพื่อลบเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้า
พวกลิงนั่นไปไหนหมด ชายหนุ่มร่างสูงถามคยูฮยอนอีกครั้ง หลังจากผิดสังเกต ที่ไม่เห็นวงรุ่นน้อง เดินตามคยูฮยอนมาอย่างทุกที เพราะปรกติเพื่อนรักของเขา กับกลุ่มวงรุ่นน้องจะใช้ห้องพักห้องเดียวกัน
ไปถ่ายรายการต่อ
อืม
คยูฮยอนยังคงง่วนกับการเช็ดใบหน้าของตัวเอง แต่บนพื้นกระจก กลับสะท้อนเงาของคนที่นั่งมองเขาอยู่ จากที่แกล้งทำไม่สนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
ทุกทีเพื่อนรักของเขาคนนี้ไม่ใช่จะออกมาพบผู้คนแบบนี้บ่อยๆ เสียเมื่อไหร่
ว่างหรือไงชางมิน?
อืม
เลยแวะมากวน?
ก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น แค่อยากชวนนายไปหาอะไรกิน แล้วไปฟิตเนตกัน
อย่างแรกสน อย่างหลังไม่ไหวว่ะวันนี้เหนื่อย คยูฮยอนโยนสำลีใช้แล้วลงในถังขยะใกล้ตัว ก่อนจะเดินหลบไปล้างหน้าตรงอ่างล้างหน้า ทิ้งเพื่อนตัวสูง หน้าหล่อเอาไว้ให้นอนมองดูโทรฟี่ประจำสัปดาห์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ชิมชางมิน หยิบโทรฟี่ขึ้นมาหมุนดูเล่นพลางยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงที่มาของเพลงที่ไอ้เพื่อนรักมันได้รางวัล
คยูฮยอน นายคิดว่าเขาคนนั้นของนาย จะรู้สึกยังไงที่ได้ฟังเพลงที่นายแต่งให้ว่ะ
คยูฮยอนที่เดินซับหน้ามาหยุดชะงักแล้วมองเพื่อนรักที่ยิ้มยั่วประสาทอยู่
เขาเองก็อยากรู้ว่าคน ๆ นั้น ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร
ใครจะไปรู้ว่ะ คยูฮยอนแกล้งโยนผ้าผืนชื้นในมือใส่เพื่อนรักแล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับชางมิน ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้มาจับยัดสิ่งของที่เขาวางทิ้งไว้เกลื่อนบริเวณนั้น
ไม่คิดจะตามหาเขาหรือว่ะ?
คนถูกถามเหลือบมองด้วยหางตาให้กับคนตั้งคำถาม ทำอย่างกับไม่รู้ว่าคนอย่างคยูฮยอนคิดอะไร
ขนาดชวนเขา ๆ ยังไม่มา ฉันยังมีหน้าไปตามหาเขาอีกเหรอ
นายเล่นรุกขนาดไหน เขาอาจจะกลัวนายก็ได้ ขนาดบรรดาฮยองของวงฉันที่ว่ากันว่าเพลย์บอยสุด ๆ ยังไม่ทำขนาดนายเลย แล้วเขาก็ไม่ใช่พวกเหยื่อตามผับที่เราจะรุกได้ขนาดนั้น เป็นใครๆ ก็ตกใจ ชางมินคิดว่าถ้าเล่าเรื่องนี้ให้พี่ยูชอนฟัง มีหวังพี่ชายเพลย์บอยของเขา คงได้หัวเราะลั่นแน่ๆ
คยูฮยอนชักสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ซ่อนสีแดงจางๆ บนใบหน้าไม่ได้ พูดกันเรื่องนี้ทีไร ก็อดรู้สึกอายไม่ได้ ว่าวันนั้นเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงกล้าทำกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงขนาดนั้น
ตามหาซิว่ะ ที่อยู่นายก็รู้ บริษัทเขานายก็รู้จัก เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นะโว้ย
ชางมินพูดน้ำเสียงจริงจังขึ้น นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวยุเพื่อน หากแต่คนอย่างคยูฮยอนก็ไม่ได้ยุขึ้นได้ง่าย ๆ
ชางมินรู้ว่าคยูฮยอนเองมีเกราะบางๆ ป้องกันตัวเองอยู่ แถมความผิดหวัง หรือการถูกปฏิเสธนั้นห่างไกลจากโลกของเพื่อนคนนี้ แล้วเมื่อผิดหวัง จึงไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาลุยง่าย ๆ ที่ผ่านมาสำหรับเรื่องนี้ เจ้าเพื่อนคนนี้นั้นก็ทำเกินกว่าที่ชางมินจะคาดถึงมากอยู่
ช่างมันเหอะน่า คยูฮยอนตัดบทก่อนจะพาดกระเป๋าเป๋ใบโตขึ้นบ่า ตกลงจะไปกินที่ไหน เจ้าตัวหันมาถามเพื่อนร่างสูงอีกที
แถวฟิตเนตนั้นแหละ
คยูฮยอนเดินนำจ้ำพรวดๆ และเมื่อเดินผ่านรุ่นน้องเด็กใหม่ๆ เด็กเหล่านั้นโค้งให้กับเขา และชางมิน แค่ระยะเวลาเดบิวต์มา 3-4 ปีที่ยืนของทั้งคู่ตอนนี้กลับถูกแทนที่จากคลื่นลูกใหม่ที่ซัดพื้นทรายของวงการเข้ามาทุกเมื่อเชื่อวัน
**********************************
เสียงอังกอร์เพลงฮิตประจำสัปดาห์ยังไม่ทันจบลง โฆษณาท้ายรายการก็วิ่งเข้ามาแทรกโดยไม่ทันตั้งตัว ลีซองมินตกใจเล็กน้อยเมื่อภาพที่เขามองดู กลับถูกเปลี่ยนไปโดยกระทันหัน
คยูฮยอนได้ที่ 1 อีกแล้ว เสียงพึมพำดังจากมุมห้องไม่ไกลจากที่ซองมินนั่งอยู่
เพลงเขาก็เพราะดีนี่
มันดังได้เพราะละครหรอก
มันดังก่อนละครแล้วต่างหาก เสียงเถียงกันแบบไม่ยอมกันและกันดังต่อเนื่องมาจากมุมห้อง ซองมินต้องแอบกลั้นหัวเราะ
เป็นอย่างนี้บ่อยเสียจนชินแล้วที่ ลีทงเฮ และ ลีฮยอกแจ ต้องนั่งเถียงกันด้วยเรื่องไม่มีสาระ
พี่ซองมิน พี่ชอบเพลงนี้ได้ยังไง ไม่ใช่เพราะละครใช่ไหม ลีทงเฮตะโกนจากมุมห้องมาหาผู้ช่วย
ทำไมถึงคิดว่าพี่ชอบ
ก็มันเป็นริงโทนโทรศัพท์พี่นี่ ฮยอกแจคนที่เถียงอยู่แท้ๆ กับทงเฮกลับสวนมาแทน
ซองมินยิ้มเขินๆ และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ ความรู้สึกกลัวว่าเจ้าสองคนนั้นจะรู้เหตุผลว่าทำไมซองมินถึงเลือกเพลงนี้มาเป็นริงโทนถูกกระตุ้นขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็นไปไม่ได้ที่สองคนนั้นจะรู้ เพราะซองมินไม่เคยปริปากเรื่องคยูฮยอนให้รุ่นน้องทั้งสองคนฟังมาก่อนเลย
ตกลงทำไมพี่ชอบ
พี่ชอบเนื้อเพลง ใช่ซองมินชอบเนื้อเพลงมากที่สุดในเพลงนี้ เพราะมันบอกซองมินว่าเพลงนี้แต่งมา เพื่อใคร ซองมินอาจเคยบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดไปเอง หากแต่หลายๆ อย่างที่ถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลงนี้มันบอกเป็นนัยๆ ว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันเป็นความลับระหว่างซองมิน กับนักร้องหนุ่มคนดัง เรื่องราวในคืนหิมะสุดท้ายของปี แต่ในความเป็นจริง เรื่องราวมันอาจไม่ตรงทั้งหมด คยูฮยอนคงไม่ได้ตกหลุมรักเขาเหมือนชายหนุ่มในเพลง คยูฮยอนอาจแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้มันโรแมนติคขึ้นก็แค่นั้น
แล้วเมื่อวันคอนเสิร์ตที่คยูฮยอนเชิญซองมิน ก็คงอยากจะอวดเพลงนี้ให้ซองมินได้ฟัง
ถ้าถามว่าซองมินเสียดายไหมที่ปฏิเสธที่จะไม่ไปพบกับคยูฮยอน เพียงเสี้ยวหนึ่งของความคิดเด็กหนุ่มเสียดาย หากแต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมันมีท้วมท้นกว่า ซองมินไม่รู้ว่าคยูฮยอนกำลังทำอะไรอยู่ อาจจะแกล้งให้เขาปั่นปวนหัวใจด้วยความคึกคะนอง หรืออาจกำลังบริหารเสน่ห์ซึ่งมันกำลังได้ผลกับซองมิน และที่สำคัญคือซองมินไม่อยากจะกระโจนลงไปในหลุมที่มีอาหารเต็มจนล้น หากแต่อาจเป็นกับดักที่ล่อลวงอยู่
ถ้าถามว่าซองมินชอบคยูฮยอนไหน เขาพึงใจกับคยูฮยอนในฐานะศิลปิน หากแต่ไม่ใช่พึงใจในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
แต่ถ้าถามอีกว่าทำไมซองมินถึงยอมให้นักร้องหนุ่มใกล้ชิดขนาดนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเสน่ห์ของโจวคยูฮยอนที่ทำให้ซองมินเผลอไผล และเมื่อยามรู้ตัวว่าเสน่ห์นั้นมันอันตราย ซองมินจึงยังอยากรักษาระยะห่างเอาไว้ก่อน เพื่อให้เขาตั้งรับได้
ตั้งรับได้ในวันที่พร้อม ในวันที่ใช่ และในวันที่ซองมินมั่นใจตัวเองมากกว่านี้
เพราะซองมินไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนเลยว่าหัวใจ และร่างกายของเขาหวั่นไหว กับผู้ชาย........
พี่ๆ ทำไมวันนี้เงียบๆ อาจารย์เอเจ กับพี่ฮีชอลไปไหน เสียงเจ้าน้องเล็กอย่างทงเฮเริ่มบ่นงึมงำขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้พวกเขาสามคนซ้อมกันเองมาตั้งแต่บ่าย จนนี่จะเย็นแล้วยังไม่มีใครมาเลย
ไม่รู้ซิ ซองมินที่หลุดจากภวังค์เอ่ยตอบทงเฮ และเหลือบมองผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกห้องซ้อม แต่แทนที่เด็กหนุ่มจะพบใครในสองคนที่ทงเฮบ่นหา ซองมินกับเห็น คิมอึนจีแทน
คิมอึนจี ซึ่งเป็นเด็กฝึกหัดเหมือนซองมิน อึนจีอายุน้อยกว่าซองมิน 1 ปี
ทำไมซองมินจะไม่รู้ว่าอึนจีคิดยังไงกับซองมิน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะปฏิเสธ หากแต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบรับเช่นกัน ซองมินปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอึนจีคลุมเครืออยู่อย่างนี้นานกว่าปีแล้ว
เขารู้ว่าอึนจีตีขลุมคอยบอกใครต่อใครว่าซองมินคบหาอยู่กับเธอ แต่ซองมินก็ไม่เคยปฏิเสธ ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ถึงขั้นนั้น ซองมินอาจจะใจดีเกินไปที่กลัวว่าอึนจีจะเสียใจ หรือว่าแท้จริงเขาเองก็อาจจะเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นไว้ ในที่ๆ คว้าไว้ได้ แล้วยิ่งหลังจากเรื่องคยูฮยอน ซองมินก็รู้สึกเหมือนอยากจะยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์นี้ ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าเขาทั้งคู่ไปกันไม่ได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่
แล้วซองมินจะยึดเหนี่ยวไว้ทำไม? หรือจริงๆ เขาอยากจะเอามันปิดบังบางสิ่งในใจตัวเอง?
ซองมิน เสียงใสๆ เรียกชื่อเด็กหนุ่ม ซองมินไม่รู้ว่าอึนจีมายืนอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่
หึ
พี่ฮีชอลเรียกพวกนายสามคน พี่เขารออยู่หน้าห้องท่านประธาน อึนจีพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานมาให้กับซองมิน เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปเก็บข้าวของข้างตัว อึนจียืนมองตามซองมินสักพัก เมื่อไม่เห็นเด็กหนุ่มสนใจตัวเอง อึนจีก็ค่อยๆ ปิดประตูห้องแล้วจากไปด้วยแววตาเหงาๆ
คนแอบมองอย่างลีฮยอกแจ และลีทงเฮเองก็มองด้วยความสงสัย ถ้าทั้งคู่คบกันทำไมพี่ซองมินถึงชอบทำท่าทีเมินเฉยต่อคิมอึนจี
เสร็จหรือยัง ซองมินที่ตอนนี้สวมเสื้อวอร์มทับเสื้อกล้ามเพื่อให้ดูสุภาพ หันมาถามอีกสองหนุ่มที่ยังวุ่นวายกับการหาของโน่นนี่ที่ทิ้งกันเกลื่อนตามพื้น
เร็วซิสองคนนี่ บางทีเราอาจต้องไปพบท่านประธานนะ
ฮะ ๆ
การเข้าพบท่านประธาน อาจดูเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น หากแต่กับบริษัทเล็ก ๆ ที่มีพนักงานกันอยู่ไม่ถึงสิบคน ทำให้เด็กฝึกทุกคนล้วนสนิทสนมกับท่านประธานทั้งนั้น การเรียกไปคุยบางทีอาจแค่ถามไถ่ทุกข์สุขกัน หากแต่วันนี้ซองมินกลับรู้สึกแปลกๆ ว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้น
เสร็จแล้ว ๆ ฮะ เจ้าลิงสองตัวที่ซองมินชอบเรียกวิ่งปรื้อออกนำซองมินไปทันทีเมื่อแต่งตัวเรียบร้อย แล้วเมื่อทั้งสามคนพาตัวเองมายังหน้าห้องท่านประธาน เขาก็เห็น คิมฮีชอลอยู่ที่นั่น รวมถึงพี่เจย์ผู้จัดการของบริษัท
ซองมินคิดว่ามันคงเป็นเรื่องใหญ่ และหวังให้มันเป็นเรื่องที่ดี
ช้าจริงๆ พวกนายนี่ พี่ฮีชอลบ่นว่าตามนิสัยที่เคยชิน เข้าไปในห้องกันได้แล้ว ท่านประธานรออยู่
ทั้งพี่เจย์ และพี่ฮีชอลเดินนำสามหนุ่มที่เดินตัวลีบตามเข้าไปในห้อง ท่านประธานเงยหน้ามายิ้มบางๆ ให้
นั่งซิ นั่นคงเหมือนเป็นคำทักทายจากคนผู้สูงวัยที่สุดของห้อง ทุกคนต่างเลือกที่นั่งของตัวเองที่อยู่รอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของท่านประธาน
โต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่ในห้องทำงานสีทึมที่ยังคงมีโปสเตอร์เก่าๆ ของวงเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของค่าย กับรูปถ่ายหมู่เมื่อตอนปีใหม่ล่าสุดของพนักงานทุกคนในอ๊อฟฟิตรวมถึงเทรน์นี่ติดอยู่ใกล้ๆ กัน
ที่ F.M.L ตอนนี้มีเทรนนี่อยู่ราวๆ 10 คน มีผู้ชายอยู่ 6 คน และผู้หญิง 4 คน แต่ในการฝึกปัจจุบันซองมินถูกจัดกรุ๊ปให้อยู่กับฮยอกแจ และทงเฮ ถึงไม่บอกก็รู้เป็นนัย ๆ ว่าถ้ามีการเดบิวต์พวกเขาสามคนอาจได้ทำงานร่วมกัน
ฉันมีเรื่องสำคัญต้องบอกพวกเธอสามคน
ฮะ ราวกันเป็นการประสานเสียงโดยตั้งใจของสามหนุ่มตระกูลลี
ท่านประธานทำท่าทีอึกอักเพียงเล็กน้อยก่อนจะเปิดยิ้มจางๆ
พวกเธอฝึกกับเรามาหลายปีแล้วซินะ แต่ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ยังทำความฝันของพวกเธอให้สำเร็จไม่ได้ นอกจากมันไม่สำเร็จในตอนนี้แล้ว ในอนาคตฉันก็อาจไม่สามารถทำให้เธอได้อีก เสียงพูดเรียบเรื่อยนั้นราวกับใครเอาน้ำแข็งเย็นๆ มาราดทั้งสามหนุ่ม
นี่เป็นการปฏิเสธใช่ไหม? ท่านประธานกำลังจะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาสามคนทำมาตลอดหลายปีกำลังลอยหายไปราวกับควันที่จุดจากก้านไม้ขีด
ท่านฮะ ซองมินกำลังจะเอ่ยปากถาม หากแต่ท่านประธานคิมกลับโบกมือเป็นสัญญาณไม่ให้เอ่ยอะไรตอนนี้
ตอนนี้เราไม่มีทุน เงินทุนส่วนตัวของฉันถูกเอามาใช้มากมายกับงานนี้ เธอน่าจะรู้นะว่าตอนเราทำวงวนิลาเราไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ฉันก็พยายามที่จะหางานให้ทั้งสี่คนนั้นเท่าที่ทำได้ แต่มันก็ยังไม่พอจะจุนเจือเราได้ทั้งหมด เราไม่มีตลาด มีเดีย และที่สำคัญคือเงิน
ท่านประธานอย่าบอกนะฮะว่าบริษัทจะปิดตัว ลีทงเฮพูดโผล่งออกไป แต่สิ่งที่ทั้งสามคนหวังอยากจะได้ยินอาจเป็นเสียงกร่นด่า ว่าลีทงเฮนายพูดอะไรออกมาแบบนั้น
หากแต่มันไม่ใช่ ตอนนี้ท่านประธานคิมกำลังพยักหน้าให้กับทั้งสามคนอยู่
ขอโทษที่ฉันต้องบอกแบบนี้แต่เรากำลังจะไปไม่ไหวจริงๆ แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ถึงกับปิดมันลง ฉันแค่ขายบริษัทนี้ไปให้บริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง เขายินดีจะรับพนักงานของเราไปทำงานด้วยที่นั่น ทุกคนดูเหมือนจะถอนหายใจเบาๆ กับสิ่งที่ ท่านประธานเสนอมา
รวมถึงพวกเทรนนี่ด้วยเหรอฮะ คราวนี้เป็นลีซองมินบ้างที่ถาม
ท่านประธานยิ้มจางๆ ให้ หากแต่ในแววตากลับไม่สดใสนัก ไม่ใช่ทุกคนที่ทางโน้นรับไปต่อเขาเลือกแค่บางคน เราขายบริษัทไปให้กับ KG ซึ่งเขากำลังจะเปิดค่ายลูกเอามารองรับในการทำศิลปินที่นอกเหนือจากค่ายใหญ่ ดังนั้นเขาจึงซื้อบริษัทเราไป หากแต่เด็กฝึกหัดจะโอนมาจากโรงเรียนของค่ายใหญ่เขา
คำพูดของประธานคิมไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามสบายใจเลยสักนิด พวกเขารอวันของพวกเขามาหลายปี ทั้งสามคนมีความหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แรกท่านประธานบอกว่าพวกเขาจะได้เดบิวต์ในอีกไม่นานเพราะใครๆ ก็ชอบไอดอลหนุ่มน่ารัก หากแต่วันดีคืนดีรสนิยมผู้คนก็เปลี่ยนไป กระแสของไอดอลหนุ่มที่ดูเป็นผู้ชายเต็มตัวกลับยึดหัวหาด เสียจนท่านประธานไม่กล้าปล่อยทั้งสามคนให้เปิดตัว พวกเขาต้องรอ ๆ จนถึงเวลา หากแต่ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็กำลังถูกใครไม่รู้มาตัดสินคัดเลือก และอาจกำลังคัดพวกเขาทั้งสามคนทิ้ง
การได้ถูกเลือก ซองมินคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ KG Entertainment เป็นค่ายใหญ่ 1 ใน 4 ของค่ายเพลงมหาอำนาจของเกาหลีตอนนี้ หนทางคงสดใสกว่าอยู่ที่นี่มากขึ้น แต่การต่อสู้ก็คงหนักขึ้นตามไปด้วย แต่การที่ KG เปิดค่ายลูก การแข่งขันในค่ายนี้อาจไม่กดดันเท่าค่ายแม่ มันอาจจะลดลงแค่สื่อ และงบต่างๆ ที่จะไม่เท่ากับที่ทางค่ายจะมอบให้กับการโปรโมตศิลปินเบอร์ที่ออกกับ KG เอง แต่ในเวลานี้ใครจะไปสนใจกันล่ะ แค่ได้ถูกเลือกก็เป็นบุญแล้ว
ที่ฉันเรียกเธอทั้งสามคนเข้ามา ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ซองมิน ฮยอกแจ ทงเฮ....พวกเขาเลือกเธอสามคน เสียงนุ่มๆ ของท่านประธานคิมราวกับเสียงสวรรค์ ทั้งสามหนุ่มยิ้มกว้าง แล้วเมื่อซองมินหันเป็นเห็นทงเฮ ก็เห็นเจ้าเด็กนั่นน้ำตารื้นขึ้นมาเสียแล้ว ลีทงเฮเจ้าเด็กขี้แง!!
แล้วคนอื่นล่ะฮะ มีใครอีกบ้างที่ทางโน้นเลือกซองมินยังมีแก่ใจจะถามถึงเพื่อนที่เคยสุขทุกข์มาด้วยกัน
มีแค่เธอสามคน และที่สำคัญสำหรับพวกเธอ เธอสามคนจะเป็นโปรเจคแรกของค่ายใหม่ กำหนดเดบิวต์ของพวกนายคืออีก 6 เดือนข้างหน้า
ให้ตายเหอะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหัวใจของซองมินตกวูบหลุดหายไปกับพื้นห้อง เมื่อคิดว่าอนาคตในการเป็นนักร้องของเขาคนจะหมดไปเมื่อค่ายโดนปิด หากแต่ยามนี้หัวใจที่หลุดหายกลับกระเด็นกระดอนกลับมาเต้นเร้าอยู่ในอกข้างซ้ายราวกับมันจะระเบิด เมื่อรู้ว่าอีกแค่หกเดือน ซองมิน และน้องๆ จะได้ก้าวเท้าสู่การเป็นนักร้องเต็มตัวเสียที
ดีใจใช่ไหม คิมฮีชอลที่นั่งนิ่งมานาน หันมายิ้มใส่เด็ก ๆ ทั้งสาม และตอนนี้พี่เจย์กำลังลูบหัวเจ้าเด็กขี้แงเพื่อปลอบอยู่
นอกจากพวกนายแล้วฉันก็ไปด้วยนะ เจย์ ก็ไปด้วยพี่ๆ อีกหลายคนก็จะตามไปเราจะไปเริ่มต้นใหม่กันที่นั่น ซองมินยิ้มจนไม่รู้จะยิ้มยังไงให้สมกับเรื่องดีๆ ที่ได้ยิน
ท่านประธานก็ไปด้วยใช่ไหมฮะ ลีฮยอกแจหันไปถามคนที่ยิ้มมองพวกเขาสามคนอยู่
ฉันขายมันให้คนอื่นไปแล้วยังจะไปได้ยังไง
อ้าว เด็กหนุ่มทั้งสามตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ ที่ๆ ใหม่จะไม่มีท่านประธานคิมอีกแล้วหรือ
ฉันจะตั้งบริษัทใหม่ คราวนี้ฉันจะทำบริษัทโมเดลลิ่งแทน มันใช้ทุนไม่มาก แล้วฉันก็จะเอาเด็กๆ ที่เหลือมาฝึก และหางานให้ต่อพวกเขาจะได้ไม่เคว้ง คำพูดใจดี จากใบหน้าใจดี ทำให้ซองมินอดรู้สึกทึ้งไม่ได้ ซองมินดีใจที่ในชีวิตได้พบคนอย่างท่านประธานคิม ถึงสุดท้ายซองมินไม่อาจได้เป็นนักร้องในความดูแลของท่านประธาน หากแต่ซองมินจะไม่ลืมท่านแน่นอน
ค่ายใหม่ที่เธอจะไปทำงานด้วยเขาไม่ได้ใช่ชื่อเดิมของเราหรอกนะ บ้านหลังใหม่ของเธอ พวกเธอสามคนจำไว้ล่ะ Rise Music ที่นั่นเปลี่ยนชื่อเป็น Rise Music
Rise Music ซองมินรู้สึกเหมือนชื่อนี้ช่างสวยงามเหลือเกินสำหรับเขา
TBC.
...............................................................
โอ้วววววในที่สุดก็เข็นตอนต่ออกมาหลังตากทีได้รับกระแสนิยม พอสมควรว่าให้ต่อเหอะ เพราะที่จบค้างคาเอาไว้มันทำให้อยากบีคอไรท์เตอร์นัก 55 ในจริงก็อยากต่อแหละคะ แต่เพราะเรื่องนี้ยังคิดพล็อทไม่ถึงตอนจบ ตอนนั้นก็เลยไม่กล้าที่จะเขียนให้เป็นเรื่องยาว แต่ตอนนี้ก็คอย ๆ พยายามลองเขียนดูนะคะ
ช่วงแรกพระเอก นายเอกเราอาจจะยังไม่เจอกัน แต่ก็รอไปก่อนคะ เจอกันเร็วไรท์เตอร์ไม่รู้จะแต่งยังไงเลย กร๊ากกกกกกกก
เจอกันตอนหน้านะคะ
ปล.พอดีตอนนี้ไรท์เตอร์ทำ photobook รวมรูป SJ ที่มาเยือนไทย 2009-2010 เอาไว้ดูเอง แต่พอดีมีหลายคนชอบและอยากได้ถ้าใครสนใจลองคลิ๊กไปดูนะคะ
//www.facebook.com/SJphotobook
|
|
Create Date : 11 มีนาคม 2554 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 5:24:08 น. |
|
1 comments
|
Counter : 650 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Palmira IP: 125.24.103.192 วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:21:06:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก ตัวคนอ่านไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเรื่องระบบค่ายเพลงอะไรแบบนี้เท่าไหร่ (ถึงจะบ้าผู้ชายขนาดไหนก็ตาม 55555) แต่อ่านที่คุณไรท์เตอร์เขียนมาทั้งหมดแล้วก็รู้สึก...เหมือน 3 คนนั้นกำลังจะเดบิวต์จริงๆ 5555
ใครจะไปนึกว่าตาโจแกจะเอามาแต่งเพลงแบบเจาะจงรายละเอียดขนาดนั้น หุๆ น้องมินไม่ได้คิดไปเองหรอก ก็ในเมื่อพ่อพระเอกเขาพูดไว้เองว่า "หวังซิ" จากเมื่อตอนที่แล้ว อิอิ ;)