|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
วาสนาวดี วิษณุวัจน์ ตอนที่ 7
ตลอดหลายทิวา แลราตรี ที่เจ้าชายธนทัศ ได้พำนักสถิตอยู่ ณ ราชฐานวังทอง แห่งพาราณสี พระองค์ทรงให้ความสนใจต่อความเป็นอยู่ของผู้คนในราชฐานแห่งนี้ยิ่งนัก
อันองค์จารุทัตต์ราชา ภูบดินทร์แห่งแคว้นกาสีนั้นทรงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองด้วยทศพิศราชธรรม จึ่งทำให้พาราณสีแห่งนี้สุขสงบ รุ่งเรืองยิ่ง ข้าราชบริพาร นางกำนัล ในเวียงวังแห่งนี้มีมากหลาย แลเป็นอยู่กันอย่างสะดวกสบาย
แลเพียงพิศดูจากพระเนตร นครแห่งนี้นั้นมั่งคั่งยิ่งนัก ราชฐานใหญ่โต ประดับตกแต่งด้วย สุวรรณ อัญมณีมากมาย ส่องแสงพรรณราย อวดความมั่งคั่งแห่งเจ้าของนคร ซึ่งเหมาะสมคล้องจองยิ่งกับนามปราสาทวัชรินทร์วิมาน มณเฑียรทองแห่งองค์จารุทัตต์ราชา
แต่ในนครอันงดงามแห่งนี้กลับมีสิ่งหนึ่งที่แปลกยิ่งนัก จักหาได้จากที่อื่นไม่ ก็คือองค์ราชกุมารีแห่งนครนี้ จากที่พระองค์เคยสดับรับฟังผู้คนต่างโจษขานมาเนิ่นนาน ถึงความเลิศลักษณ์ แห่งราชกุมารีทั้งสองแห่งพาราณสี มาบัดนี้พระองค์ได้พบเห็นเองด้วยสายพระเนตร แม้จักทรงได้พบเพียงพระองค์เดียวก็ตาม...
อันพระองค์พี่ เจ้าหญิงอาทิตยา ผู้โศภิต พระองค์ทรงเป็นพระคู่หมายของสมเด็จกิตติพัฒน์ราชา แห่งราชคฤห์ แต่เมื่อครั้งที่พระองค์หญิงทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเข้าพิธีอภิเสกสมรส ยังราชคฤห์ ขบวนเสด็จนั้นถูก อิศราราชา แห่งวังสะมาดักปล้น และฉุดคร่าพระองค์หญิงไป จึ่งเป็นเหตุนองเลือด เกิดสงครามใหญ่โตเมื่อสักสี่ปีที่ผ่านมา แลจากเหตุการณ์นั้นทำให้เสด็จพระองค์หญิงอาทิตยาผู้โสภาสิ้นพระชนม์ลง แต่เป็นผลดีให้กับราชคฤห์ เมื่อองค์พระยุพราชวิษณุวัจน์ทรงปราบอิศราราชา และยึดวังสะได้ ทำให้พระองค์ประกาศความเกรียงไกรแห่งราชคฤห์ไปทั่วชมพูทวีป จนหลายแคว้นนครต่างยอมสวามิภักดิ์อยู่ภายใต้เศวตฉัตรแห่งองค์กิตติพัฒน์ราชา
ส่วนพระองค์น้อง เจ้าหญิงวาสนาวดี จากวาจาต่อวาจา ที่เล่าลือว่าพระองค์หญิงผู้นี้งดงามเสียยิ่งกว่าพระองค์พี่ แต่จักหาผู้คนได้เข้าเฝ้าพบเห็นพระองค์ได้นั้นยากนัก มีแต่กล่าวเล่าลือถึงความงาม แลพระอัจฉริยภาพว่าทรงเป็นราชกุมารีที่ฉลาดเลิศล้ำ แลยิ่งพระชันษาล่วงเลยมาจนบัดนี้พระองค์ก็ยังมิทรงหมั้นหมายกับผู้ใด จึ่งกล่าวลือกันเพิ่มเติมอีกว่าเจ้าหญิงพระองค์มิหมายจักเสกสมรส แลทรงจักทรงเถลิงถวัลยราชเป็นกษัตริยาแห่งพาราณสีเสียเอง
เมื่อทรงได้สดับดังนั้น เจ้าชายธนทัศทรงจินตนาการไว้ว่า พระองค์หญิงวาสนาวดี คงเป็นเจ้าหญิงงามสง่า เต็มไปด้วยพระจริยวัตรที่งดงามเพียบพร้อม ดั่งเช่นขัตติยะนารีควรจักเป็น หาได้คิดว่าพระองค์จะได้พบเจ้าหญิงในคราบเจ้าชาย ถึงแม้จักทรงเถียงมิได้ว่าพระพักตร์แห่งพระองค์หญิงนั้นงามเหนือนารีใด ๆ แต่พระจริยวัตรนั้นแตกต่างจากพระองค์หญิงอื่นๆ ยิ่งนัก
แม้องค์วาสนาวดีจักทรงทำหน้าที่ดูแล เรื่องในราชฐาน แลทำหน้าที่บวงสรวง เทพเทวา ดั่งกิจแห่งราชกุมารีควรจักกระทำ แต่พระองค์หญิงผู้นี้ยังทรงฝึกศาสตราวุธ มีพระจริยวัตรที่ โลดโผน แก่นแก้ว ทรงฉลองพระองค์ดั่งเจ้าชายพระองค์น้อย รวมถึงพระสุรเสียงกังวานแข็งกร้าว กว่าที่จักทรงได้สดับจากราชกุมารีองค์อื่นใด สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าชายธนทัศทรงแปลกพระทัยเสียยิ่งนัก
หากจักมีบางคราที่พระองค์หญิงพระองค์นี้จักกระทำตัวอ่อนหวาน เฉกเช่นนารีควรจักเป็น ก็คงเป็นยามที่พระองค์ทรงศึกษาเพลงพิณเพียงลำพัง กับพระองค์ แลองค์พระยุพราชเท่านั้น
หลายคราที่เจ้าชายธนทัศทรงลอบสังเกตว่า เมื่อยามพระยุพราชแลเจ้าหญิงวาสนาวดีทรงสนทนากันเป็นการส่วนพระองค์ กริยาอาการแห่งองค์วาสนาวดีจะทรงดูอ่อนหวาน อ่อนโยน แลดูมีกริยาดั่งเช่นนารีทั่วไป สายพระเนตรเมื่อพระองค์หญิงลอบทอดพระเนตรมองพระยุพราชก็ดูอ่อนหวานยิ่งนัก หลายๆ ครา เจ้าชายธนทัศก็ทรงอดรู้สึกอิจฉา องค์พระยุพราชมิได้ ที่เป็นพระองค์เดียวที่ได้รับสายพระเนตรเช่นนั้นจากพระองค์หญิง
ถึงแม้เจ้าชายธนทัศจักทรงพยายามสลัดความรู้สึกอิจฉา ริษยา องค์พระยุพราชออกไปแต่หลาย ๆ เพลาก็ทรงอดนึกมิได้ ด้วยว่าทั่วชมพูทวีป แห่งนี้ต่างมีแต่เสียง กล่าวขานชื่นชม ระบือลือลั่น ถึงแต่องค์พระยุพราชพระองค์นี้ ทั้งความเก่งกาจ เกรียงไกร รูปโฉม แลสติปัญญา
คำกล่าวขานนั้น ต่างกล่าวพ้องกันว่าจักหาผู้ใดเกริกเกียรติเทียมเท่า องค์วิษณุวัจน์ผู้นี้มิได้อีกแล้ว แม้แต่องค์กิตติพัฒน์ราชาผู้เป็นพระเชษฐา ที่ผู้คนต่างกล่าวขานเล่าลือกันว่า อำนาจอันเรืองรณที่ทรงมีอยู่นั้นก็ได้มาจากบารมีของพระอนุชา
แล้วอันนามแห่ง ภาณุทัตราชาแห่งกุสินาราเล่าหายไปอยู่ที่ไหนกัน หลายๆ คราที่องค์ธนทัศทรงคิดถาม เสด็จพี่ของพระองค์นั้นก็สามารถเรืองรณ ทั้งสติปัญญา มิแพ้เจ้าชายวิษณุวัจน์ อันภาณุทัตราชา พระเชษฐาของพระองค์ นั้นเป็นกษัตริย์ที่ปกครองกุสินาราด้วยทศพิศราชธรรม กุสินาราเองก็รุ่งเรืองนัก แต่ใยพระนามแห่งพระองค์เป็นรอง องค์พระยุพราชแห่งราชคฤห์เล่า
แลยิ่งเมื่อพระองค์ได้ทรงประทับใกล้ชิดองค์พระยุพราชแล้ว ยิ่งทำให้พระองค์ยิ่งเคืองขุ่นในพระหฤทัย ด้วยทรงเห็นว่ามิมีสิ่งใดที่พระเชษฐาของพระองค์ที่จักสู้เจ้าชายวิษณุวัจน์มิได้
แล้วสิ่งที่ทำให้พระองค์ขุ่นเคืองยิ่งขึ้น คือการที่ราชกุมารีผู้ทรงศักดิ์แห่งพาราณสี ผู้ที่เล่าลือว่าจักทรงมิยอมมอบพระหทัยให้ผู้ใด ณ บัดนี้ ด้วยสายพระเนตรแห่งพระองค์ก็ตอบได้ว่า นางได้มอบพระหทัยให้องค์พระยุพราชผู้เรืองฤทธิ์ผู้นี้ไปเสียแล้ว แม้นางอาจมิรู้สึกพระองค์
สิ่งเหล่านี้ยิ่งดูเหมือนทั้งโลกหล้าได้หมอบราบอยู่ภายใต้พระบาทแห่งองค์พระยุพราชผู้นี้ไปเสียทั้งสิ้นแล้ว
วาทิศ วาทิศสุรเสียงใสดังแว่วเข้ามายังพระโสต ทำให้องค์ธนทัศสะดุ้งเฮือก หลุดออกจาภวังค์
มีอะไรหรือพะยะค่ะ
ก็อยู่ดีๆ เจ้าก็เงียบไป
หม่อมฉันคิดอะไรเพลินๆ อยู่พะยะค่ะ
อืมเหรอ เออเราจักถามเจ้าว่าเราวางนิ้วเช่นนี้ถูกหรือไม่ เราว่าถูกแต่ทำไมเราลองวางแล้วเสียงที่ได้มาจากพิณกลับไม่เหมือนยามที่เจ้าบรรเลง
เมื่อทรงได้ยินดังนั้นเจ้าชายธนทัศก็ทรงพยายามทำทีสนใจในคำถามของพระองค์หญิง แลทรงกระทำการแนะนำ จนเสียงที่ออกมาจากพิณนั้นเป็นดังพระประสงค์
พระยุพราชเพคะ ครานี้เสียงเป็นเช่นไรบ้าง พระองค์หญิงทรงบ่ายพระพักตร์ไปตรัสถามองค์พระยุพราชที่ทรงพระอักษรอยู่ใกล้ๆ
ฟังแล้วดูเสนาะขึ้นนัก เมื่อก่อนหน้านี้ดังแปร่งๆ เออ วาสนาวดีเราบอกให้เจ้าเรียกเราเสด็จพี่ไง ใยยังเรียกพระยุพราชหรือเจ้าชายอยู่อีก
พอเจ้าหญิงวาสนาวดีทรงได้ยิน พระดำรัสแห่งองค์พระยุพราช พระองค์หญิงก็ทรงเบ้พระพักตร์
ใครจะไปกล้าเรียกองค์วาสนาวดีทรงตรัสเบา ๆ กับพระองค์เอง แต่องค์พระยุพราชก็ทรงพยายามเงี่ยพระกรรณฟัง
เมื่อกี้เจ้าว่าอย่างไรนะ วาสนาวดี
หม่อมฉันมิได้กล่าวอะไรเพคะ พระองค์ทรงพระอักษรต่อไปเถิด หม่อมฉันมิมีสิ่งใดจักถามพระองค์แล้ว หากหม่อมฉันข้องใจสิ่งใดจักทรงเรียกพระองค์ใหม่เพคะ
พอพระองค์หญิงทรงตรัสตอบเช่นนั้น องค์พระยุพราชก็ทรงทรงสรวลลึกลงพระศอ พลางส่ายพระพักตร์
นี่เจ้าเห็นเราเป็นอะไร ถึงจักพูดได้ต่อเมื่อเจ้าเรียก
เห็นเป็นที่ปรึกษาไงเพคะ พระองค์น่าจักทรงภูมิใจที่หม่อมฉันเห็นเป็นที่ปรึกษา
พอตรัสตอบแล้วพระองค์หญิงก็ทรงก้มพระพักตร์แลดีดพิณต่อ ทำทีมิสนใจองค์พระยุพราช ปล่อยให้องค์พระยุพราชทรงทอดพระเนตรมองแลขบขันกับวจนะวาจาแห่ง เจ้าหญิงวาสนาวดีต่อไป
***************** ในคืนเดือนหงาย แสงโสมส่องสว่าง อวดแสงงามยวนตา เหนือกว่าแสงดาราดวงใด เงาของจันทราเลื่อมระยับสะท้อนรับอยู่บนพื้นนทีแห่งชลาธารของสระโบกขรณี ในพระตำหนักสุวรรณพิมาน แห่งวาสนาวดีราชกุมารี
องค์พระยุพราชทรงประทับนิ่ง ทอดพระเนตรมองแสงโสมสีทองที่สะท้อนบนพื้นน้ำนั้นอยู่เนิ่นนาน สวนขวัญยามนี้เงียบสงัดนัก ยินเพียงเสียงเมื่อยามวาโยพัดกระทบใบไม้เท่านั้น ที่ยังคงบรรเลงเป็นดั่งเพลงจากธรรมชาติ
มิห่างกันนั้นองค์สมเด็จราชกุมารี ทรงประทับอยู่บนพระอาสน์ แลทรงทอดพระเนตรมองพระปฤษฎางค์แห่งองค์พระยุพราช อยู่อย่างเงียบงัน สายพระเนตรอ่อนโยนนั้นพินิจมอง พระปฤษฎางค์อันบึกบึน แลพระอังสากว้าง แลเมื่อยามทรงทอดพระเนตรมองก็ทรงรู้สึกอบอุ่นลึกในพระหทัย
เนิ่นนานนักที่ทั้งสองพระองค์มิได้เอ่ยตรัสวจีใดออกมา จนเมื่อองค์พระยุพราชทรงบ่ายพระพักตร์มาทอดพระเนตรองค์วาสนาวดีด้วยสายพระเนตรมีแววกังวลพระทัยเจืออยู่ แลเมื่อองค์วาสนาวดีทรงทอดพระเนตรเห็นดังนั้น แววเนตรนั้นก็ทรงข้องพระทัยยิ่ง
ใยพระองค์จึ่งเงียบงันมิตรัสสิ่งใดกับหม่อมฉันเสียทีเพคะ
สวนขวัญของเจ้านั้นงามยิ่งนักวาสนาวดี
หากพระองค์หมายที่จักเพียงมาชมสวนสราญของหม่อมฉัน ก็มิจำเป็นต้องเร่งรีบมาในยามนี้ พระองค์อย่าทรงเฉไฉ โปรดตรัสมาเถิดว่าพระองค์มีเหตุอันใดกัน
องค์พระยุพราชทรงประทับลงเคียงองค์วาสนาวดี แลจับพระหัตถ์นุ่มนั้นขึ้นมา พระเนตรงามนั้นจ้องลึกไปยังพระเนตรคมแห่งองค์ราชกุมารี
วาสนาวดี วันนี้มีราชสาสนจาก ราชคฤห์ มาถึงเรา
หม่อมฉันพอจักทราบมาบ้าง อันสาสนนั้น เป็นข่าวดี หรือข่าวร้ายกันเพคะ
ข่าวดี
หากเป็นข่าวดีใยพระเนตรของพระองค์ดูกังวลยิ่งนัก เป็นข่าวดีชนิดใดกัน
อันองค์พระมเหสีแห่งเสด็จพี่เรา ใกล้จักทรงมีพระประสูติการ ในอีกมิกี่เพลานี้ เสด็จพี่ของเราจึงอยากให้เราเดินทางกลับราชคฤห์เพื่อรับขวัญพระภาติยะของเรา
นั่นเป็นข่าวดีนักเพคะ แต่หม่อมฉันก็ยังมิเข้าใจว่าเหตุใดพระองค์ดูมีแววกังวล
โถ่ วาสนาวดีเจ้ามิได้รู้สึกเลยหรือ เราจักไม่ได้อยู่พาราณสีกับเจ้าแล้ว
เมื่อองค์วาสนาวดีทรงได้รับฟังเช่นนั้นก็เผลอยกพระหัตถ์ที่ยังคงว่างอยู่มาแนบอุระ ในดวงพระหทัยพลันตกวูบ
พระองค์จักทรงเสด็จกลับราชคฤห์เมื่อใด แลพระองค์จักมิทรงกลับมาพาราณสีแล้วฤาเพคะ
กลับซี เราจะมิกลับมาที่นี้ได้อย่างไร ในเมื่อดวงใจของเราอยู่ที่นี่ว่าแล้วองค์พระยุพราชก็ทรงยกพระหัตถ์งามนั้นขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
องค์วาสนาวดีทรงมัวแต่ตกตะลึง จึงมิอาจดึงพระหัตถ์นั้นได้ทัน แลเมื่อองค์วิษณุวัจน์ถอนจุมพิตจากพระหัตถ์แล้ว องค์วาสนาวดีจึ่งทรงรีบชักพระหัตถ์กลับ
พระองค์ทรงทำอะไรกันองค์วาสนาวดีทรงตรัสด้วยสุรเสียงขุ่น แต่องค์พระยุพราชยังคงแย้มพระโอษฐ์อย่างมิรู้สึกรู้สา กับสุรเสียงและสายพระเนตรขุ่นเคืองนั้น
อภัยให้เราเถิดวาสนาวดี เรามิอาจห้ามใจได้
พระองค์หญิงมิได้ตรัสตอบใด ๆ ด้วยทั้งทรง โทสะ และ เขินอายยิ่งนัก จึ่งได้แต่นั่งเงียบ
วาสนาวดี เราจักเดินทางกลับอีกไม่เกินเจ็ดทิวานี้ แท้จริงเรามิอยากจากเจ้าไปเลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้
พระองค์เสด็จกลับไปเถิดเพคะ
หากเรามิอยู่เจ้าจักคิดถึงเราไหมวาสนาวดี
คงไม่คิดถึงกระมั่งเพคะ
โถ่ ใยเจ้าจึ่งใจร้ายกับเรานัก จักคิดถึงห่วงหาบ้างมิมีเลยฤา
พอพระองค์หญิงได้ยินพระดำรัสออดอ้อนนั้นก็เผลอแย้มสรวล แลทอดพระเนตรมองพระพักตร์คมเข้มขององค์วิษณุวัจน์
ยามพระองค์มิอยู่หม่อมฉันคงเหงานัก เพราะคุ้นชินกับการที่พระองค์ติดตามหม่อมฉันราวกับเป็นเงาเสียแล้ว
พอสมเด็จพระยุพราชทรงสดับดังนั้นพระองค์ก็ทรงกระเถิบ แลรวบพระกรโอบกอดพระวรกายพระองค์หญิง อย่างทะนุถนอม พระองค์หญิงพยายามจักดิ้นให้หลุดจากพระกรแข็งแรงราวกับวงรัดของภุชงค์นั้นออก แต่ก็ดูมิเป็นผล พระยุพราชยังคงทรงแย้มพระโอษฐ์พราย พระกรนั้นเล่ายิ่งทรงดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ
ไม่ปล่อย
มิเช่นนั้นหม่อมฉันจักโกรธพระองค์ พอได้ฟังคำขู่ องค์พระยุพราชก็ทรงสรวลลั่น และเบี่ยงพระวรกายพระองค์หญิงให้สามารถเห็นพระพักตร์ได้ชัดขึ้น
พระพักตร์งอง้ำ แต่มีสีแดงระเรื่อเจืออยู่บนพระปราง พระเนตรคมพยายามก้มหลบสายพระเนตรแห่งองค์พระยุพราช ยิ่งพิศดูก็ช่างน่ารัก น่าทะนุถนอมยิ่ง
อย่าโกรธเราเลยจอมขวัญ เพราะด้วยรักจึงอยากกอดเจ้าไว้แนบอุระเช่นนี้ อีกเมื่อไหร่ก็มิรู้ที่จักได้กลับมา เพียงแค่เราคิดว่าจักมิได้เห็นหน้าเจ้า เราก็ปานจะขาดใจ
หากพระองค์ไปพบเจอนารีโศภิตอื่น พระองค์ก็จักลืมหม่อมฉันเองเพคะ
ใยเจ้าจึงพูดเช่นนี้เล่า เราบอกแล้วมิใช่หรือว่ามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เราได้มอบดวงหทัยให้ จากนี้ไปเราก็จักมิมีใครอีก
องค์วาสนาวดีทรงเงยพระพักตร์ จ้องพระเนตรหวานแห่งองค์พระยุพราช พระเนตรนั้นยืนยันพระดำรัสที่กล่าวมาได้ดียิ่งนัก
องค์วาสนาวดีทรงแนบพระเศียรพิงพระอุระกว้าง องค์พระยุพราชจึ่งกระชับวงพระกรประคองกอดองค์กัลยาอย่างแสนรักยิ่ง
วาสนาวดี เจ้าตรึกตรองหรือยังที่จักรับรักเราหรือไม่
ยังเพคะ
ทำไมเจ้าคิดนานเหลือเกิน
ก็ต้องนานซีเพคะ ทีตอนหม่อมฉันโกรธเคืองพระองค์ยังโกรธเคืองมาตั้งสี่ห้าปี
ถ้าเช่นนี้ เรามิต้องรอเจ้าอีกตั้งสี่ห้าปีเชียวฤา
หรือพระองค์จักทรงมิรอเพคะพระองค์หญิงทรงเงยพระพักตร์มององค์พระยุพราช แสดงท่าทีแสนงอน
รอซีเจ้าจะให้เรารอทั้งชีวิตเราก็ยอม พอได้ยินดังนั้นพระองค์หญิงก็ทรงแย้มพระโอษฐ์พราย อย่างพอพระทัย
หม่อมฉันคงไม่ให้พระองค์รอทั้งชีวิตหรอกเพคะ
แล้วอีกนานเท่าไหร่เล่า
ไว้พระองค์กลับมาแล้วหม่อมฉันจะตอบเพคะ
องค์พระยุพราชทรงแย้มพระโอษฐ์กับคำตอบนั้น ถึงแม้มิได้ตรัสโดยตรงขอให้พระองค์เสด็จกลับมา แต่ก็นัยแห่งคำตอบก็ฉายชัดได้ดีว่าหมายถึงอะไร
กลับมาคราวหน้าเราก็อาจมิได้เป็นองค์พระยุพราชแห่งราชคฤห์เสียแล้ว
ด้วยเหตุใดกันเพคะ
หากพระประสูติการนี้ ได้ให้กำเนิดพระราชกุมาร เราหมายจักยกตำแหน่งพระยุพราชนี้ให้พระภาติยะของเรา
แล้วพระองค์มิทรงเสียดายในยศศักดิ์หรือเพคะ
จะเสียดายไปทำไมกันเล่า อันยศศักดิ์ที่เรามีนั้น จริงแท้ก็ใช่จะสุขนัก เรามิเคยอยากได้ ฐานันดรสูงศักดิ์เช่นนี้เลย แลเรามิได้ปลื้มปิติกับอำนาจบารมีที่เรามีเลยสักครา
บางคราหม่อมฉันก็มิอยากเป็นราชกุมารีวาสนาวดี แห่งพาราณสีเช่นกันเพคะ หม่อมฉันอยากเดินทางไปท่องเที่ยวไกล ๆ มิอยากถูกกักขังอยู่แต่ในมณเฑียรทองเช่นนี้ไปทั้งชีวิต
ไว้เราจะพาเจ้าไปท่องเที่ยวนะวาสนาวดี เราจะพาเจ้าไปราชคฤห์ เจ้ารู้ไหมว่าเมืองหลวงของเรานั้น มีบรรพตล้อมรอบถึงห้าบรรพต องค์พระยุพราชทรงตรัสด้วยสุรเสียงสดใส พระองค์หญิงก็ทรงสดับฟังแลพลางนึกถึงวันที่พระองค์จักได้เป็นทอดพระเนตรเห็นนครราชคฤห์ด้วยสายพระเนตรของพระองค์เอง พระหัตถ์นุ่มนั้นก็วางเบา ๆ บนพระกรของพระองค์ชายที่โอบกอดพระองค์อยู่ด้วยทรงรู้สึกอุ่นพระทัยยิ่ง
เราไม่เคยคิดอยากได้ยศศักดิ์อันใดเลย ด้วยเรานั้นรักอิสระยิ่ง หากทิ้งหน้าที่ต่างๆ ของขัตติยะราชไปได้เราคงสุขกว่านี้ยิ่งนัก แต่ตอนนี้เรากลับเริ่มเปลี่ยนใจเสียแล้ว เพราะเราหมายตำแหน่งหนึ่งไว้
พระองค์หญิงสดับก็พลางเลิกพระขนง เงยมองพระพักตร์แห่งองค์พระยุพราชอย่างข้องพระทัย
ตำแหน่งอันใดกันเพคะ
ตำแหน่งราชบุตรเขยแห่งองค์จารุทัตต์ราชา หรืออีกนัยก็คือตำแหน่งพระสวามีแห่งเจ้า เจ้าอยากเป็นกษัตริยาก็เป็นไปแต่เราหมายแค่เป็นพระสวามีแห่งเจ้าเท่านั้น พอองค์พระยุพราชทรงตรัสแล้วก็ทรงสรวลลั่น พอได้ยินดังนั้นองค์ราชกุมารีทรงยกพระหัตถ์รัวตีพระกรของเจ้าชายทันที
นี่ๆ วาสนาวดีเราเจ็บนะ เจ้านี่กล่าวนิดกล่าวหน่อยก็ชอบทุบตีเรา หากเจ้าอยู่ราชคฤห์เราจะจับเจ้าลงโทษเสีย
พระองค์จะทำอะไรกับหม่อมฉัน จะให้ทหารจับขัง เฆี่ยนตีหม่อมฉันฤา
ไม่หรอก โทษแค่นั้นเบาไปสำหรับเจ้า
แล้วพระองค์จักลงโทษหม่อมฉันเช่นไร
อย่างเจ้าต้องขังไว้ในหัวใจเราพอตรัสแล้วองค์พระยุพราชกดพระนาสิกโด่งงามนั้นลงบนพระปรางแห่งองค์วาสนาวดีทันที พระองค์หญิงกระทำได้แต่รัวตีพระกรนั้นแรงขึ้นกว่าคราก่อนอีก
หอมชื่นใจ เป็นกำลังใจให้เรารีบไปรีบกลับมาหาเจ้าอย่างดีทีเดียว
พระองค์ชอบเอาเปรียบหม่อมฉันอยู่เรื่อยเลย หม่อมฉันโกรธพระองค์เสียแล้ว
พระองค์หญิงตรัสแล้วก็ทรงพยายามแกะพระกรแข็งแรงนั้นออก พระพักตร์งามนั้นทำทีงอง้ำ องค์พระยุพราชทรงมิปล่อยพระกรออก แต่พระโอษฐ์งามก็ตรัสพร่ำรำพันขอโทษ ง้องอนพระองค์หญิง จนพระองค์หญิงอดอ่อนพระทัยมิได้
**************************** ในวันนี้องค์ราชกุมารี วาสนาวดีทรงแปรพระราชฐานไปประทับ เพื่อรับการถวายการสอนเพลงพิณ ณ บริเวณอุทยานหลวง มิได้ประทับในพระตำหนักดุสิดาลัยเช่นทุกวัน
องค์ธนทัศทรงรู้สึกแปลกพระทัยนัก ในพระเสาวนีย์ให้ย้ายสถานที่ของพระองค์หญิง และรวมถึงการที่องค์พระยุพราชมิได้เสด็จมา ร่วมรับการถวายการสอนเช่นทุกครา
วันนี้พระองค์หญิงมักทรงใช้เวลาไปกับการ เหม่อมองท้องนภา บางคราก็ทอดถอนพระปัสสาสะอยู่เนืองๆ จนน่าแปลกพระทัยยิ่งนัก
วันนี้ดูพระองค์มิมีพระสมาธิในการ บรรเลงเพลงพิณเลยพะยะค่ะ
อืม วันนี้เราเบื่อหน่ายนัก
มีเรื่องใดทำให้พระองค์มิสบายพระหทัยหรือพะยะค่ะ
พระองค์หญิงมิได้ตรัสตอบสิ่งใด เพียงแต่ทรงแย้มพระโอษฐ์บาง ๆ ให้แด่องค์ธนทัศ
วาทิศ อีกมินานแล้วซีที่เจ้าจักเดินทางกลับกุสินารา
พะยะค่ะ
ถึงเมื่อยามนั้นเราคงเหงายิ่งนักพระองค์หญิงทรงตรัส แล้วก็ทิ้งสายพระเนตรอันเศร้าสร้อยไปยังทิศ แห่งพระตำหนักดุสิดาลัย
แต่เมื่อองค์ธนทัศทรงได้สดับคำนั้น พระองค์ก็รู้สึกปลื้มในพระทัยยิ่ง ด้วยทรงคิดว่าพระองค์หญิงคงรู้สึกอาลัยในพระองค์
อีกไม่กี่วันองค์พระยุพราชก็จักทรงเสด็จกลับราชคฤห์แล้วเช่นกัน เราคงเหงาเหลือเกิน องค์วาสนาวดีตรัสเปรยเบา ๆ แต่พระดำรัสนั้นกลับแจ่มชัดในพระหทัย แห่งองค์ธนทัศนัก อันคำกล่าวเหมือนอาลัยที่พระองค์ทรงคิดว่า หมายถึงพระองค์แต่แรกนั้นที่แท้จริง หมายถึงองค์พระยุพราช วิษณุวัจน์ต่างหากเล่า
หม่อมฉันมิทราบมาก่อนว่าองค์พระยุพราชจักทรงเสด็จกลับราชคฤห์ ด้วยมิเห็นวี่แววใดมาก่อนเลยพะยะค่ะ
มีเหตุเร่งด่วนจึ่งต้องรีบเสด็จกลับ แต่อีกมินานพระองค์ก็คงเสด็จกลับมา แต่เจ้าคงเดินทางกลับไปกุสินาราเสียก่อนแล้ว พระราชกุมารีทรงตรัสตอบ ในพระสุรเสียงนั้นเจือด้วยความคาดหวัง แห่งคำสัญญาที่องค์พระยุพราชได้ให้ไว้ว่าจักทรงรีบเสด็จกลับมาในเร็ววัน
หม่อมฉันว่า ในวันนี้เรางดการถวายการสอนดีไหมพะยะค่ะ ดูแล้วพระองค์เหมือนมิอยากเล่าเรียน
ก็ดีวาทิศ วันนี้เราไม่มีอารมณ์เสียเลยพระองค์หญิงทรงตรัสแลก็วางพิณสายตัวงามนั้นลงเบื้องข้างแห่งพระองค์ สายพระเนตรมองทอดไปยังพฤกษชาตินานาพันธุ์ในอุทยาน ยามนี้อาทิตย์เพิ่งอัสดง วาโยพัดแผ่ว เสียงนกโกกิลาขับขานรับกันบรรยากาศเช่นนี้ช่างเหงาในพระทัยยิ่งนัก
เพียงแค่นี้เรายังเหงายิ่ง แล้วต่อไปเราจักรู้สึกว้าเหว่ แค่ไหนกัน
องค์ธนทัศทรงลอบมอง องค์ราชกุมารีอยู่อย่างเงียบ ๆ ยิ่งทรงพิศ ก็ยิ่งรู้สึกเสียดายนัก ที่พระองค์หญิงพระองค์นี้ มิรู้จักแต่งองค์ให้สวยงามเฉกเช่น นารีอื่น ๆ ด้วยดวงพักตร์เช่นนี้ หากพระองค์หญิงทรงฉลองพระองค์เป็นสตรีคงงามยากจะหาผู้ใดเปรียบได้
ในขณะที่ทั้งสองพระองค์ต่างตกอยู่ในภวังค์ องค์พระยุพราชซึ่งเพิ่งจัดการกับการเตรียมพระองค์เพื่อเดินทางกลับราชคฤห์ ก็ได้เสด็จตามมายังอุทยานหลวง เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นองค์ราชกุมารีทรงนั่งเหม่ออยู่ พระองค์ก็ทรงค่อยๆ ย่องไปยังเบื้องพระปฤษฎางค์แห่งพระองค์หญิง แลลงประทับสวมกอดพระองค์หญิงทันที
องค์วาสนาวดีทรงสะดุ้งสุดพระองค์ แลส่งเสียงดังอย่างตกพระทัย องค์พระยุพราชสรวลลั่นอย่างพอพระทัยยิ่งกับอากัปกริยาแห่งพระองค์หญิง
นี่พระองค์ถือวิสาสะใดมากอดหม่อมฉัน ปล่อยได้แล้วพระองค์หญิงตรัสแล้วก็ทุบตีองค์พระยุพราชอย่างเคืองขุ่น องค์พระยุพราชจึ่งปล่อยพระกรออก แต่ยังมิสามารถหยุดสรวลได้
พระองค์ทรงทำเกินไปแล้วหม่อมฉันตกใจเสียแทบแย่ แลดูซีต่อหน้าวาทิศและองครักษ์พระองค์ยังถือวิสาสะเช่นนี้กับหม่อมฉัน พระพักตร์พระองค์หญิงบูดบึ้ง แลดูเหมือนจักทรงโกรธอย่างจริงจัง องค์พระยุพราชจึ่งทรงหยุดพระสรวล
อย่าโกรธเลยหนา เราแค่จักหยอกเจ้าเท่านั้น
พระองค์เย้าแหย่หม่อมฉันทุกวี่วัน มิคิดเลยหรือว่าหม่อมฉันจักโกรธพระองค์บ้าง
โถ่ วาสนาวดี เรามิได้ตั้งใจให้เจ้าโกรธเคือง โปรดอย่าถือโกรธเราเลย เราแค่เห็นเจ้านั่ง เหม่อลอยอยู่ จึงอยากหยอกเล่นเพียงเท่านั้น องค์พระยุพราชตรัสออดอ้อน แลดูเหมือนเป็นปรกติเสียแล้วที่องค์ธนทัศจักต้องจำเป็นต้องทอดพระเนตรอากัปกริยาเหล่านี้
องค์ธนทัศทรงลอบถอนพระปัสสาสะอย่างเบื่อหน่าย แลหงุดหงิดในพระทัย
องค์ราชกุมารี และพระยุพราชพระเจ้าข้า หม่อมฉันเห็นว่าถึงเวลาอันควรที่หม่อมฉันต้องกลับแล้ว จึ่งขอกราบทูลลาพะยะค่ะ
เชิญตามสบายเถิดวาทิศองค์พระยุพราชรีบตรัสอนุญาต ส่วนองค์วาสนาวดีนั้นทอดพระเนตรมองท่าทางรื่นเริงแห่งองค์พระยุพราชอย่างทรงหมั่นไส้ยิ่งนัก
เจ้าชายธนทัศพระราชดำเนินออกจากราชอุทยาน แต่สายพระเนตรยังคงทอดมองสองพระองค์นั้นอย่างมิอาจละได้ ยิ่งทอดพระเนตรมอง ในพระทัยแห่งพระองค์ก็ทรงรุ่มร้อนยิ่งขึ้น
************************** เมื่อเจ้าชายธนทัศเสด็จออกไปแล้ว องค์พระยุพราชก็ทรงลุกขึ้นจับจูงพระหัตถ์ของพระองค์หญิง ชักชวนให้เสด็จพระดำเนินไปชมทิวทัศน์ แลเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานอยู่ทั่วราชอุทยาน
นี่สุริยาก็ตกแล้ว จักมาทอดพระเนตรชมดอกไม้ในยามนี้ด้วยเหตุใดกันพระราชกุมารีตรัสบ่นงึมงำ แต่พระองค์ก็ยังพระดำเนินตามเสด็จพระยุพราช
เอาเถิดหนา หากเราได้เดินชมอุทยานกับเจ้า จักเวลาไหนดอกไม้ก็สวยทั้งนั้น
หม่อมฉันเบื่อวาจาหวานเลี่ยนของพระองค์ยิ่งนัก
ถึงหวานเลี่ยนแต่เราก็กล่าวจากใจ ด้วยมิเคยได้กล่าวกับใครนอกจากเจ้า
หม่อมฉันจักทรงเชื่อได้อย่างไร พระองค์ตรัสราวกับเป็นเรื่องธรรมดาเสียทุกครา
โถ่ยอดดวงใจ เรามิเคยกล่าวเช่นนี้กับใครจริงแท้นัก เมื่อใดเล่าเจ้าจักเชื่อเรา องค์พระยุพราชตรัสรำพัน แลโอบพระกรรอบพระกฤษฎีของพระองค์หญิง ส่งสายพระเนตรเว้าวอน จนพระองค์หญิงอดแย้มสรวลมิได้
หม่อมฉันเชื่อพระองค์ก็ได้
เจ้าน่ารักนัก น่ารักเช่นนี้จักมิให้เรารักได้อย่างไร
ทรงไม่เบื่อบ้างหรือไรเพคะ พระองค์บอกกับหม่อมฉันทุกวี่วันว่ารัก
กลัวเจ้าลืมว่าเรานั้นแสนรักเจ้าเพียงไหน
ใครจักไปลืมได้เล่า พระองค์นี่ก็แปลกยิ่งนักพระองค์หญิงตรัสแลทรงก้มหลบสายพระเนตรด้วยรู้สึกเขินอาย
วาสนาวดี อีกเพียงสี่วันเราก็จักต้องไปจากเจ้าแล้ว
กำหนดวันเดินทางแล้วฤาเพคะ
อืม เพิ่งกำหนดเมื่อก่อนมาพบเจ้านี่เอง ด้วยเราตระเตรียมสัมภาระใกล้จักเรียบร้อยแล้ว แลคิดว่าเมื่อเดินทางไปถึงราชคฤห์แล้ว คงทันเวลาพอดี
แล้วเมื่อไหร่พระองค์ถึงจักเสด็จกลับมาเพคะพระองค์หญิงรีบตรัสถาม พอทรงนึกได้ว่ามิควรตรัสถามเช่นนี้ ก็มิทันเสียแล้ว
เมื่อพระราชพิธีต่าง ๆ ที่โน่นแล้วสิ้น เราจักรีบกลับมาทันที คงใช้เวลามินานนักองค์พระยุพราชแย้มพระโอษฐ์แลทอดพระเนตรมองวงพักตร์งามแห่งพระองค์หญิง ยิ่งทรงทอดพระเนตรเห็นแววเนตรใส ที่มองพระองค์ราวกับอาลัยนั้น พระหทัยก็สั่นไหวแทบมิอยากจากไกล องค์เยาวมาลย์ผู้สถิตอยู่ในอ้อมพระกรนี้เลย
วาสนาวดี เราเคยขอเจ้าอย่างเจ้ายังมิได้ทำให้เราเลย
สิ่งใดกันที่พระองค์ทรงขอจากหม่อมฉันองค์เยาวเรศ ทรงพยายามนึกคิดถึงพระประสงค์ที่องค์พระยุพราชเคยร้องขอ แต่ทรงนึกเท่าใดก็นึกมิออก
เราเคยขอให้เจ้าเรียกเราเสด็จพี่อย่างไร พอพระองค์หญิงได้สดับแล้วก็ทรงเบ้พระพักตร์ทันใด
ทำไมทำหน้าอย่างนั้นเล่า สิ่งที่เราขอนั้นมิเห็นยากเย็นเลย
แต่หม่อมฉันรู้สึกแปลก ๆ หากจักเรียกพระองค์เช่นนั้น
แปลกตรงไหนกัน โถ่ วาสนาวดี โปรดตามใจเราสักนิดเถิดหนา
แค่นี้หม่อมฉันก็ตามพระทัยพระองค์มากแล้วเพคะ เห็นทีเรื่องนี้หม่อมฉันคงขอจักไม่ตามพระทัยพระองค์ พอพระองค์หญิงทรงตรัสดังนี้ องค์พระยุพราชก็ทรงใช้พระกรทั้งสองของพระองค์ รวบพระวรกายพระองค์หญิงแน่น แลก้มพระพักตร์คมเข้มของพระองค์จนใกล้วงพักตร์ขาวผ่องแห่งพระองค์หญิง แม้พระองค์หญิงจักทรงถอยหนีเพียงใด องค์พระยุพราชก็ทรงยื่นพระพักตร์ตามเท่านั้น
พระองค์จักทรงทำสิ่งใดกัน จักแกล้งอะไรหม่อมฉันอีก
ก็ถ้าเจ้าไม่พูด ครานี้เราจูบเจ้าแน่วาสนาวดี องค์พระยุพราชตรัส แล้วยิ้มพรายส่งสายพระเนตรหยอกล้อให้แด่พระองค์หญิง
พระองค์จักทรงกลั่นแกล้งมาบังคับหม่อมฉันเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ทำไมจะไม่ได้ นี่เรามิได้ขู่เจ้านะวาสนาวดี ถ้าเจ้าไม่พูดเราทำจริงองค์พระยุพราช ตรัสมิตรัสเปล่า เพราะพระองค์เคลื่อนพระพักตร์มาใกล้วงพักตร์ของพระองค์หญิงโดยมีระยะห่างเพียงองคุลีเดียวเท่านั้น
พอเห็นว่าองค์พระยุพราชนั้นทำจริงแน่ องค์วาสนาวดีก็ทรงดิ้นสู้ แต่สู้เท่าไหร่ก็ไม่ชนะ วงพักตร์คมเข้มก็ยิ่งใกล้พระองค์เข้าเสียทุกที
หม่อมฉันยอมแล้วพระองค์หญิงตรัสสะบัด แลนั่นทำให้องค์พระยุพราชทรงหยุดการรุกรานทันที
ยอมแล้วก็เรียกซิ
พระองค์หญิงทรงสูดพระอัสสาสะอย่างแรงด้วยต้องทรงทำพระทัยก่อนจะตรัสเบา ๆ ออกมา
เสด็จพี่เพคะ สุรเสียงนั้นเบาราวกระซิบ จนองค์พระยุพราชต้องทรงเงี่ยพระกรรณฟัง
นี่เจ้าพูดแล้วหรือวาสนาวดี เมื่อกี้เรานึกว่าลมพัดผ่าน เสียงดังกว่านี้หน่อยมิได้ฤา
ทำไมพระองค์ทรงมากเรื่องเสียจริง
ไม่ได้เรื่องมากเสียหน่อย แต่เราไม่ได้ยินที่เจ้าพูดเลยสักนิด หรือเจ้าจะให้เราจูบเจ้าจริงๆพอพระองค์หญิงทรงได้ยินคำขู่นั้นก็รีบเร่งตรัสทันใด
เสด็จพี่เพคะครานี้สุรเสียงดังฟังชัด จนองค์พระยุพราชนั้นอดสรวลมิได้
เจ้านี่หนาน่ารักเสียจริงองค์พระยุพราชตรัสแล้วก็ก้มลงประทับพระนาสิกที่พระปรางอย่างมิให้พระองค์หญิงทรงทันตั้งตัว
พระองค์หญิงส่งเสียงอุทานด้วยตกพระทัย และยกพระหัตถ์มาคลำที่พระปรางทันที
ไหนว่าพระองค์สัญญาว่าหากหม่อมฉันเรียกพระองค์เสด็จพี่แล้ว พระองค์จักไม่รังแกหม่อมฉันไงเพคะ
อ้าวนี้เราหอมเจ้า ไม่ได้จูบเสียหน่อยผิดสัญญาตรงไหนกัน องค์พระยุพราชรัสเล่นลิ้น พระองค์หญิงได้แต่ทรงกัดพระทนต์แน่นด้วยเสียรู้
ต่อไปหม่อมฉันจะไม่เชื่อพระองค์แล้วพระองค์หญิงตรัสอย่างหงุดหงิด และพยายามดิ้นออกจากวงพระกรนั้น
โถ่ เจ้าโกรธเราอีกแล้วเจ้าก็รู้ว่าเรารักเจ้า จึงอยากกอดอยากหอมเจ้าบ้าง
พระองค์ทรงเอาเปรียบหม่อมฉันยิ่งนัก เช่นไรหม่อมฉันก็เป็นหญิง หากมีผู้ใดมาพบเห็น แลเอาไปกล่าวเล่าลือเสียหาย หม่อมฉันจักเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันพระองค์หญิงตรัสกล่าว บนแววเนตรใสนั้นมีน้ำพระเนตรคลออยู่ พอเห็นดังนั้นพระทัยของสมเด็จพระยุพราชก็พลันตกวูบที่ทำให้องค์เยาวมาลย์ผู้เป็นที่รักนั้น เสียพระทัย
วาสนาวดีเราขอโทษ เรามิได้ตั้งใจที่จะทำให้เจ้าเสียใจ ต่อไปเราจะไม่กลั่นแกล้งเจ้าเช่นนี้แล้วองค์พระยุพราชทรงตรัสแล้วก็หยิบผ้าแพรขึ้นมาซับน้ำพระเนตรที่ดวงเนตรงามนั้น
พระองค์ทรงลูบมุ่นพระเกศาของพระองค์หญิงเบา ๆ อย่างรักใคร่ ด้วยหมายปลอบประโลมให้พระองค์หญิงทรงคลายจากความกังวลและเสียพระทัย
หายโกรธเราแล้วหรือยังวาสนาวดี
หม่อมฉันมิได้โกรธพระองค์ เพียงแต่เสียใจที่พระองค์ไม่ให้เกียรติหม่อมฉันเลย ที่นี่เป็นอุทยานหลวง หากมีนางกำนัลราชองครักษ์มาพบเห็น หม่อมฉันคงอับอายยิ่งนัก
เราขอโทษเจ้าแล้วไง วาสนาวดี ต่อไปนี้เราจักมิแกล้งเจ้าแล้ว
เพคะ หม่อมฉันรับคำขอโทษก็ได้ และพระองค์ปล่อยหม่อมฉันจากอ้อมพระกรนี้เสียทีเถิดพระองค์หญิงตรัสสะบัด แลองค์พระยุพราชก็ทรงรีบปล่อยพระกรทันใด
ครานี้เจ้าหายโกรธเราแน่ใช่ไหมวาสนาวดี
เพคะ
วาสนาวดี ที่เราทำไปก็เพราะด้วยรัก แลหวังแค่ให้เจ้าเรียกเรา อย่างสนิทสนมแค่นั้น เราอยากให้เจ้าเข้าใจเรา เรามิได้หมายเอาเปรียบใด ๆ กับเจ้าเลย
เพคะหม่อมฉันเข้าใจ
ถ้าเช่นนั้นต่อไปเจ้าก็จักเรียกเรา เสด็จพี่ อย่างที่เราขอใช่ไหม พอพระองค์หญิงได้ยินคำกล่าวนั้นก็ทรงแทบกลั้นพระโอษฐ์มิให้แย้มมิได้ ด้วยขบขันที่องค์พระยุพราชยังคงทรงห่วงกังวลเรื่องนามเรียกขานนั้น
เพคะ ต่อไปหม่อมฉันจะทำตามคำขอของพระองค์
องค์พระยุพราชแย้มพระโอษฐ์อย่างรื่นเริงพระทัย เมื่อได้สดับคำรับรองนั้น
|
|
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 14:51:37 น. |
Counter : 1242 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|