ช่วยกันบอกต่อ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ..
ช่วยกันบอกต่อ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ... หลายคนคงเคยได้ยินกลลวงมิจฉาชีพที่ชอบหลอกว่า "จะมีเงินโอนภาษีเข้ามาที่บัญชีของคุณ ขอทราบเลขที่บัญชีและเลขที่บัตรประชาชนด้วย..." โฮ้ย...แล้วลูกค้าที่เผลอบอกข้อมูลไปก็มักจะนึกขึ้นได้ และรีบตาลีตาเหลือกขออายัดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีกันทั้งน้าาาน ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็นแม้แต่นิด หากยังมั่นใจได้ว่า บัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีของคุณอยู่กับตัวคุณแน่นอน เจ้าหน้าที่อย่างพวกเราจึงต้องเฝ้าปลอบประโลมลูกค้าว่า มิจฉาชีพยังทำอะไรบัญชีคุณไม่ได้หรอกค่ะ ได้แค่เลขที่บัญชีไปเท่านั้น อย่างมากก็คือโอนเงินเข้ามาให้จริงๆ (อันนี้แอบประชดอยู่ในใจ) แต่กลลวงของพวกนี้ที่ต้องระวังคือ อย่ารับสายพวกมันอีกเด็ดขาด เพราะมันมักโทรมาซ้ำๆๆๆ แล้วหาทางหว่านล้อมบอกให้คุณไปกดเช็คเอทีเอ็มดูว่ามีเงินโอนมารึยัง ซึ่งความจริงกลับเป็นการล่อหลอกให้ลูกค้าโอนเงินไปให้พวกมิจฉาชีพต่างหาก
ก่อนหน้านี้เราก็งงอยู่ว่ามันจะหลอกล่ออีท่าไหนยังไงให้ไปถึงตู้เอทีเอ็ม จนโอนเงินให้พวกมันได้ ปรากฎว่า มีจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย เหยื่อรายนี้น่าสงสารจัง เป็นคุณป้าอยู่แถบอิสาน โทรมาว่า"ขอแจ้งความ!!" เป็นคำพูดที่แปลกหูมาก เพราะเราไม่ใช่ตำรวจนี่ ป้า "ขอแจ้งความด้วยค่ะ สงสัยจะโดนหลอก...เค้าบอกให้มาดูเงินที่ตู้ว่ามีเงินโอนภาษีเข้ามารึยัง...แล้วบอกว่าเงินในบัญชีที่มีอยู่ให้โอนออกไปให้เค้าก่อน ไม่งั้นโอนเข้ามาไม่ได้" (ดูมิจฉาชีพมันพูด หลอกได้แบบซื่อๆ) เรา "แล้วโอนเงินไปเท่าไหร่ค่ะ" ป้า "ป้าโอนไปห้าครั้ง ครั้งละสองหมื่นแปด รวมทั้งหมดก็ประมาณแสนสี่ แล้วนี่ก็นั่งคอยอยู่ไม่เห็นมีเงินโอนเข้ามาเลย สงสัยว่าป้าจะโดนหลอกซะแล้ว.." เรา >____<'' แสนสี่!!! จะเป็นลม... ขออธิบายก่อนว่าการโอนเงินทางตู้เอทีเอ็มนั้นสามารถโอนได้ครั้งละ สามหมื่นบาท โดยคิดค่าธรรมเนียมต่างธนาคาร 35 บาทต่อครั้ง แล้วนี่แต่ละครั้งก็ต้องทำรายการกดตัวเลข กดเลขที่บัญชี กดโอนเงิน ...วุ่นวายหลายสิ่ง กว่าจะโอนจบขั้นตอน แต่ป้าทำโดยไม่ปรึกษาใครซักนิดอ่ะ ที่สำคัญและเศร้าที่สุด คือ เงินที่ป้าโอนไปนั้นเป็นเงินร้อนค่ะ เพราะเป็นเงินกู้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารปล่อยให้ข้าราชการดอกร้อยละเกือบ 10% และคิดดอกทุกวัน
ดูบัญชีป้าแล้วได้แต่ร้องจ๊ากแทน เพราะป้ากู้มาสามแสน แต่ใช้เองไปแล้วแสนห้า เงินที่เหลือนี้ก็โอนให้แก๊งค์มิจฉาชีพหมดเลย...เวรกรรมเป็นที่สุด ฟังแล้วเหมือนการหลอกของแก๊งค์ตกทองใช่มั้ยคะ เพราะหลอกจากความโลภของมนุษย์นั่นเอง คือป้าคงนึกว่าเงินคืนภาษีจะมากกว่าแสนห้าละมั้ง
พอเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าบางคนถ้าไม่ได้กรอกแบบฟอร์มยื่นภาษีเองจะไม่รู้จริงๆว่าต้องได้เงินคืนเท่าไหร่ และคงไม่รู้ด้วยว่าสรรพากรเค้าไม่มีทางคืนเข้าบัญชีด้วยวิธีนี้ เพราะ เค้าให้เลือกตอนกรอกเลยว่าจะรับแบบใด มีแค่สองทางเลือกคือไปรับเอง กับรับเป็นเช็ค ตอนนี้ที่ทำได้คือสวดแช่งไอ้พวกแก๊งค์เหล่านี้ให้ตกนรกหมกไหม้
บอกตามตรงว่าตั้งแต่ทำงานคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร รับสายจากทั่วทุกสารทิศของประเทศไทย รู้สึกเลยว่าคนไทยเราตามต่างจังหวัด ยังไม่ค่อยรู้เรื่องการใช้บัญชีของธนาคารอยู่มาก มีคำถามแปลกๆมาให้ฉงนได้เรื่อยๆ เช่น "บัตรเอทีเอ็มหาย ขออายัดหน่อย...นี่ๆแล้วเดี๋ยวเงินเดือนพี่จะเข้าแล้วเนี่ย เป็นปัญหาไรมั้ย เงินเดือนพี่จะเข้าบัญชีได้ป่าว" ตึง! หรือ "โทรมาอายัดบัตรเอทีเอ็ม.." "...เอ่อ ทานโทษค่ะ ค้นข้อมูลไม่พบนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นบัตรของธนาคารอะไรคะ" "ของธนาคารสูบเลือด" "...คือต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่นี่เป็นธนาคารสูบเนื้อค่ะ อายัดได้แต่บัตรของธนาคารสูบเนื้อนะคะ ถ้าเป็นของธนาคารสูบเลือดรบกวนโทรไปที่เบอร์...นี้ค่ะ" "อ้าววว.. ก็โทรไปแล้วเมื่อกี้นี้อ่ะ แต่ไม่เห็นมีคนรับสายเลย!" "??!!??" เอิ่ม -_______-'' ใครว่าไม่เครียดนะอาชีพเนี้ยะ...
Free TextEditor
Create Date : 01 กันยายน 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 1 กันยายน 2552 23:59:44 น. |
Counter : 711 Pageviews. |
|
|
|
หะต่อมา เป็นคอลเซ็นเตอร์ อย่างนี้ก็ต้องเสียงเพราะสิจ๊ะ อ๊าย เวลาพูดแกดัดเสียงเหมือนพวกที่ฉันเคยเจอไหมวะ แบบต้องทำเสียงสวยเข้าไว้ ถึงแม้ว่าจะเสียงจะขัดกะหนังหน้าก็ตาม