lozocat
ห้องของเล่นลูกห้องหนังสือลูกห้องท่องเที่ยวเรื่องของลูก450D Gallery
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
เวียตนาม (2) : ชีวิตผู้คน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในฮานอย

เดินเท้า สำรวจวิถีชีวิตคนฮานอย



การเดินเท้าในฮานอย จะทำให้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองฮานอยได้ดีที่สุด ภาพที่เห็นน่าจะเป็น Nursery หรือโรงเรียนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าอนุบาลค่ะ





ร้านอาหารแบบยอง ๆ เหลา ก็จะมีให้เห็นบนถนนเกือบทุกสาย แม่ค้าหาบของขาย ขี่จักรยานขายของ ที่ขายแม้กระทั่ง ปลาทอง!!





แต่เวลาเดิน จะเดินบนทางเท้าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะคะ เพราะบนทางเท้าจะเต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ที่นี่จอดรถบนทางเท้ากันค่ะ









ตามสี่แยกใหญ่ ๆ จะเห็นจราจรยืนบนแท่นอยู่กลางถนนค่ะ คอย “ดู” รถวิ่งไปมา ไม่ค่อยเห็นเค้าทำหน้าที่อำนวยความสะดวกรถที่ขับไปมาสักเท่าไหร่



สีสันอีกอย่างในเมืองฮานอยก็คือ ร้านตัดผมค่ะ จะหันหน้าเข้าหากำแพง แล้วก็ตัดกันบนทางเท้าเลย รับอากาศธรรมชาติดีค่ะ



ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ก็คือตึกแถวทั้งในเมืองและนอกเมืองฮานอย จะทาสีเฉพาะด้านหน้าค่ะ ปล่อยด้านข้างไว้เปล่า ๆ โล่ง ๆ เหตุผลน่าจะมีหลายข้อ ทั้งประหยัดสี, เผื่อคนข้างบ้านมาสร้างต่อ และคนที่อยู่ในบ้านเข้าทางด้านหน้า ไม่ได้เข้าด้านข้าง เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องคำนึงถึงความสวยงามของด้านข้างค่ะ แล้วลักษณะการสร้างบ้านของคนที่นี่ จะสร้างบ้านในแนวแคบ แต่สูง เรียกว่า ใช้พื้นที่คุ้มสุด ๆ ค่ะ และจะเป็นแบบต่างคนต่างสร้าง ไม่ต้องมาสนใจรูปแบบหรือลักษณะบ้านของคนอื่นเลยเพราะฉะนั้น บ้านของผู้คนที่นี่ ก็เลยดูเหมือนตึกแถวทรงสูงที่ดูเลอะเทอะอย่างไรชอบกลค่ะ

ทะเลสาบคืนดาบ หรือ Hoan Kiem Lake หรือภาษาเวียตนามอ่านว่า Hồ Hoàn Kiếm



อยู่ในเมืองค่ะ เมื่อข้ามสะพานไม้สีแดงเข้าไป จะเจอวัดวัดหง๊อกเซิน (Đền Ngọc Sơn)

(ต้องขอขอบคุณคุณ plin สำหรับข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์นะคะ แวะไปอ่านฉบับเต็ม ๆ ได้ที่ //plin.bloggang.com ค่ะ)

“สำหรับชื่อของทะเลสาบคืนดาบ นี้มาจากตำนานการต่อสู้ของจักรพรรดิ Lê Lợi ซึ่งนำทัพเวียดนาม รบได้ชัยชนะในสงครามกับกองทัพจีน ในช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 15 ตำนานเล่าว่า Lê Lợi ได้รับดาบวิเศษ จากเต่ายักษ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ เชื่อกันว่าเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์

ดาบวิเศษนี้ให้พลังอำนาจแก่ Lê Lợi ทำให้รบได้ชัยชนะทุกครั้ง ในที่สุดจีนก็ยอมรับในเอกราชของเวียดนาม หลังจากได้รับเอกราช วันหนึ่งขณะที่จักรพรรดิ Lê Lợi ล่องเรือกลางทะเลสาบนี้ เต่ายักษ์ตนนั้นก็มาคาบเอาดาบคืนไปจากเอวของจักรพรรดิ Lê Lợi แล้วดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบทันที เลยเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ

แล้วเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน มีการพบเต่ายักษ์ในทะเลสาบแห่งนี้จริง ๆ และทางหน่วยงานของรัฐก็ได้สต๊าฟเอาไว้ แล้วตั้งแสดงไว้ภายในวัดหง๊อกเซินแห่งนี้”



หลังจากเห็นเต่าที่อยู่ในตู้กระจกแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นตะพาบน้ำมากกว่าจะเป็นเต่า แล้วเมื่ออ่านในบล็อกของคุณ plin ก็เลยรู้ว่าชื่อของเต่าภาษาอังกฤษที่ว่า Rafetus swinhoei นั้น มีชื่อภาษาไทยว่า "ตะพาบแยงซี" !!!

ถ้าเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ วัด จะเห็นหนุ่มสาวนั่งอิงแอบกันเป็นคู่ ๆ ค่ะ



จากนั้น เดินเล่นในเมือง ชมนิทรรศการภาพถ่ายย้อนรำลึกภาพในอดีตเปรียบเทียบกับภาพปัจจุบัน





เดินเล่นในเมืองจนมืด ชมทัศนียภาพของทะเลสาบคืนดาบตอนค่ำคืน มีหนุ่มสาวนั่งอิงแอบกันเป็นคู่ ๆ นั่งจุมพิตกันหลับตาพริ้ม แบบไม่อายสายตานักท่องเที่ยวเลยค่ะ ส่วนคนเวียตนามคนอื่น ๆ เค้าก็เฉย ๆ ไม่เห็นสนใจกันเลย แต่เราคนไทยกลับรู้สึกอายแทน (อดรู้สึกแปลกใจไมได้ว่า ทำไมประเทศเวียตนาม ซึ่งผู้คนดูเหมือนค่อนข้างปิดตัวเองและเขินอาย ถึงได้รับวัฒนธรรมตะวันตกได้มากมายเสียขนาดนั้น)



Opera House ณ กรุงฮานอย



ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา เป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงชีวิตอันหรูหราของเจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามบูรณะและรักษาอาคารเก่าหลังนี้ไว้ วันที่ไปไม่มีการแสดง แต่ถึงมีการแสดงก็คงเข้าชมไม่ไหว เห็นว่าค่าเข้าชม 100$

ภาพซ้ายด้านบน ไม่ใช่ Opera House แต่เป็นร้าน Esprit ร้านใหญ่มาก ๆ พอดีอยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ



ทางเดินไป Ho Chi Minh Mausoleum ค่ะ ที่ไหนที่บรรยากาศดี ๆ ก็จะเห็นหนุ่มสาวนั่งกันเป็นคู่อย่างที่เห็นในภาพเลยค่ะ

Ho Chi Minh Mausoleum หรือสุสานโฮจิมินห์



ไม่ได้เข้าไปชม เนื่องจากพอไปถึงก็ปิดเสียแล้ว จึงเดินดูรอบ ๆ บริเวณเท่านั้น อ่านข้อมูลจากท่านอื่น ๆ ที่เคยไปเที่ยวที่นี่ บอกว่า ทุก ๆ วัน จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่อแถวเข้าคิว เพื่อแวะไปเคารพศพลุงโฮเป็นจำนวนมากค่ะ

เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนถึงพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ จะพบกับ Chua Mot Cot หรือ เจดีย์เสาเดี่ยว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า One Pillar Pagoda



(ต้องขอขอบคุณคุณ plin สำหรับข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์นะคะ แวะไปอ่านฉบับเต็ม ๆ ได้ที่ //plin.bloggang.com ค่ะ)

"เจดีย์เสาเดี่ยวนี้สร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1049 ตำนานการสร้างมีหลายแบบ แต่ก็เล่าคล้าย ๆ กันว่ากษัตริย์ผู้ครองฮานอย (ในสมัยนั้นคือเมืองทางลอง) ไม่มีพระราชโอรสสืบสันตติวงศ์ คืนหนึ่งก็บรรทมแล้ว ทรงพระสุบินว่าเจ้าแม่กวนอิมพาพระองค์มาที่ศาลแห่งหนึ่งกลางสระบัว แล้วนำพระโอรสมามอบให้

หลังจากที่ทรงพระสุบินในวันนั้นไม่นานนัก พระองค์ก็ได้พระราชโอรสในที่สุด จึงโปรดให้สร้างเจดีย์เสาเดี่ยวนี้ขึ้น เพื่อตอบแทนพระคุณของเจ้าแม่กวนอิม ตัวศาลจะทำจากไม้ อยู่บนเสาที่ทำจากหิน มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.25 เมตร ตั้งอยู่กลางสระบัว ต่อมา ในปี ค.ศ. 1954 เจดีย์เสาเดี่ยวนี้ก็ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพฝรั่งเศส เมื่อสงครามสงบจึงมีการบูรณะขึ้นในภายหลัง"



เดินต่อไปก็จะพบกับ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชของชาวเวียดนาม โดยการย้อนรอยชีวิตของลุงโฮ แต่มาถึงที่นี่ ก็ปิดไปแล้วเช่นกัน จึงไม่ได้เข้าชมค่ะ



ที่นี่ เสียดายอย่างเดียวคือ อยากเห็นบ้านไม้ที่ลุงโฮไปพักอยู่ ที่ไม่ใช่บ้านที่ทางรัฐบาลจัดไว้ให้ เพราะเคยไปเยี่ยมบ้านลุงโฮที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนมมาแล้วค่ะ

ที่ไม่ได้ชมอีกอย่างก็คือ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ หรือ Thang Long Water Puppet Theatre นั่นเอง เพราะตั๋วเต็มหมดทุกครั้ง ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ค่ะ

วิหารวรรณกรรม หรือ ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van mieu)
(ต้องขอขอบคุณเว็บ oceansmile สำหรับข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์นะคะ แวะไปอ่านฉบับเต็ม ๆ ได้ที่ //www.oceansmile.com/Vietnam/Wannakam.htm ค่ะ)





วิหารวรรณกรรมสร้างใน พ.ศ. 1613 สมัยพระเจ้าหลีไทโตง (Ly Thai Tong) อุทิศให้แด่ขงจื้อ วิหารนี้อยู่ติดกับกว็อกตื่อยาม (Quoc Tu Giam) เป็นโรงเรียนของพวกขุนนางและเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม ต่อมาสมัยราชวงศ์ตรันได้เปลี่ยนชื่อเป็นกว็อกช็อกเวียน (Quoc Hoc Vien) บริเวณตรงหัวมุมทางเข้าด้านหน้าจะมีซุ้มสลักด้วยหินข้อความ “ขอให้ผู้มาเยือนลงจากหลังม้าก่อนที่จะเข้าไปข้างใน”





วิหารวรรณกรรมแบ่งออกเป็น 5 ชั้นด้วยกัน ประตูทางเข้าด้านหน้าทำเป็น 2 ชั้น มีประตูรูปวงโค้ง คล้ายก๋งจีน สลักชื่อวิหารวรรณกรรมอยู่ชั้นบนสุด เมื่อลอดซุ้มประตูด้านหน้าเข้ามา จะพบความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ สองข้างทางมีบ่อน้ำสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก 2 บ่อ สังเกตได้ว่ามีการวางแผนผังการก่อสร้างที่ดี คำนึงถึงหลักของฮวงจุ้ยเช่นเดียวกับจีน คงได้รับอิทธิพลนี้มาจากจีน เพราะจีนเคยปกครองเวียดนามมาก่อน

เมื่อเดินผ่านมาถึงอาคารชื่อตึกดาวลูกไก่ เคววันกั๊ก (Khue Van Cac) สถานที่นักอักษรศาสตร์มาท่องบทกวี มีประตูกำแพงใหญ่ได๋แถงห์โมน (Dai Thanh Mon) สัญลักษณ์ของกรุงฮานอย กับสระน้ำขนาดใหญ่ ตรงกลางลานด้านหลังประตูมีชื่อว่า สระแสงงาม เทียนกวางติงห์ (Thien Quang Tinh) เวลาแสงจากพระอาทิตย์สาดส่องจะสะท้อนเข้าสู่ประตูใหญ่ ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง

บริเวณสองข้างสระแสงงามมีอาคารชั้นเดียวอยู่ 5 หลัง ภายในประดิษฐานแผ่นหินจารึกรวม 82 แผ่นหลงเหลือจากของเดิมที่มีอยู่ถึง 117 แผ่น แผ่นหินเหล่านี้จะตั้งอยู่บนหลังเต่าทำด้วยหิน จารึกชื่อ ผลงาน ประวัติทางวิชาการของผู้ที่สอบผ่านการศึกษาหลักสูตร 3 ปี ระหว่างปีพ.ศ.1985-2322 หลายคนจึงเรียกว่า “แผ่นหินจารึกชื่อจอหงวน”








ภายในวัดมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวตามธรรมเนียมค่ะ





จากนั้น กลับมาเดินเที่ยวย่าน Old Quarter แหล่งชอปปิ้งหลักของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮานอยค่ะ ที่นี่ถือเป็นมรดกของอาณานิคมฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่งที่ทิ้งไว้ใจกลางกรุง นั่นก็คือ ถนน 36 สาย ย่านการค้าสำคัญริมฝั่งแม่น้ำแดงที่ฝรั่งเศสได้ออกแบบไว้ ชื่อถนนนั้นตั้งขึ้นตามประเภทของสินค้า เช่น ถนนขายกระดาษ ถนนขายเสื่อ ถนนขายสมุนไพร ฯลฯ





ตกดึกยังมี Night Market ให้เดินเที่ยวและซื้อของค่ะ เรียกว่า ตลาดดองชวน ผู้คนเยอะมากโดยเฉพาะวันเสาร์ เดินสนุก ของเยอะแยะเต็มสองข้างทาง ที่สำคัญมีราคาถูก แทบไม่ต้องต่อราคาเลยค่ะ



จบท้ายที่นาฬิกาดิจิตอลขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคืนดาบ นั่นคือ การนับถอยหลัง 1,000 วันที่ชาวกรุงฮานอยจะฉลองครบรอบปีที่ 1,000 การก่อตั้งนครทางลอง (Thang Long) ศูนย์กลางอำนาจแห่งแรกของอาณาจักรเวียดนามโบราณ (ซึ่งก็คือที่ตั้งกรุงฮานอยเมืองหลวงในปัจจุบัน) ค่ะ วันที่รัฐบาลเวียดนามประกาศให้เป็นวันฉลองวันเกิดของกรุงฮานอยอย่างเป็นทางการคือวันที่ 10 ตุลาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่กองทัพปฏิวัตินำโดยท่านโฮ จิ มินห์ ปลดปล่อยกรุงฮานอยจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสเมื่อปี 2497 ค่ะ

ต่อตอน 3 ภาคจบ เที่ยวฮานอย 3 คืน 4 วัน รวมตั๋วเครื่องบิน 8,500 บาท





Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2551 15:32:11 น. 9 comments
Counter : 1626 Pageviews.

 
มาอ่าน


โดย: นายแจม วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:42:58 น.  

 
ภาพถ่ายได้บรรยากาศมากเลยค่ะ
อยากไปเที่ยวบ้างจัง


โดย: juandmee วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:58:22 น.  

 

เข้ามาอ่านแล้วคิดถึงฮานอยจังครับ
ผมไปมาเมื่อตุลาปีที่แล้ว

จะว่าไปเสียงแตรมอไซค์ในฮานอยยังก้องอยู่ในหูผมอยู่เลยนะ

เค้าบอกว่าที่ฮานอยมีมอไซค์ถึง 4 ล้านคันนะครับ



เก็บภาพตอนไปเที่ยวที่ไร่ฟักทองยักษ์ในฟาร์มจิม ทอมป์สันมาฝากด้วยครับ
อยากดูแบบเต็มๆ Click ที่ภาพได้เลยนะ

ตอนที่ 5 แ ว ะ เ ที่ ย ว ช ม ไ ร่ ฟั ก ท อ ง ยั ก ษ์




โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:23:27 น.  

 
เห็นรูปแล้วต้องหาเวลาฝึกจัดรูปซะแล้วอาจารย์

ส่วนหนุ่มสาวคงเป็นส่วนหนึ่งที่เขาเรียกว่าการหลงวัฒนธรรมล่ะกระมัง

แล้วไม่เมื่อยแย่เหรอนี่มีต่อภาคสามอีกนะ


โดย: chinging วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:28:43 น.  

 
แนน..

ยุ้ยว่าจะมาบอกว่า..

อ้ายน่ะ.. หน้าตาคล้ายกับดาราฝรั่งที่เล่นหนังกับเจ้โจดี้ ฟอสเตอร์เลยอ่ะ
.. เรื่องไรนะ.. ที่เจ้เค้าเที่ยวไล่ยิงใครต่อใครอุตลุตเลยน่ะ..
.. .. ตอนแรก ดูไป ๆ เออ ตำรวจคนนี้หน้าตาคล้ายใครน๊อออ..
.. ตะแล๊น.. ใช่แว้ว..
คล้าย อ้าย นั่นเอง..

จริง ๆ นะ.. หนังเพิ่งลาโรงไปเองมั้ง..
(ปล. พล็อตเรื่องนี้ คล้าย ๆ ที่เจ้แกเล่นอยู่ในเครื่องบินเล้ย.. ขอบอก..)


โดย: ม็อคค่าเย็น วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:23:28 น.  

 
ยังไม่เคยไปเวียนนามกับเขาเลยค่ะ


โดย: Candydolls วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:53:12 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ
กะลังตัดสินใจว่า
ระหว่าง กัมโบเดีย กับ โฮจิมิน ซิตี้
อันไหนน่าสนใจกว่ากัน


แล้วเมื่อมีนา ที่ผ่านมา
ได้พาเด็ก ๆ มาเที่ยวเชียงใหม่หรือเปล่าคะ
ไม่เห็นโทรมาชวนไปแจมเลยยยย



โดย: malarn cha วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:20:00:14 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมค่ะ ชื่นชมครอบครัวนี้จัง เป็นครอบครัวที่น่ารัก อบอุ่น ถ้ามีครอบครัวแล้วขอเรียนแบบนะค่ะ


โดย: คอร์ด IP: 58.8.152.125 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:19:30:41 น.  

 
พี่นายคะ เมื่อมีนานู้น ไม่ได้ไปทำบุญที่เชียงใหม่ค่ะ แต่แนนเพิ่งพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา ว่าจะ up blog เ้รื่องเชียงใหม่อยู่เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวไปชวนมาชมภาพเด็ก ๆ นะคะ

คอร์ด ขอบคุณค่า รีบมีเร็ว ๆ น้า ...


โดย: อัญชนา วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:02:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัญชนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




`๏’- ลูกสอง สามีดุ `๏’-

: จำนวนผู้เข้าชมบล็อค
Friends' blogs
[Add อัญชนา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.