สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
9
11
14
16
17
18
20
21
23
25
26
28
29
31
 
 
All Blog
The Healer (Twilight Fanfic) บทที่ 9 - ยังไม่ถึงเวลา?
3:52 am.
ฉันเหลือบกลับขึ้นไปมองยังเพดานอีกครั้ง เจคอบยังไม่กลับบ้าน ฉันรู้ก็เพราะฉันผุดลุกผุดนั่งอยู่บนเตียงและคอยเงี่ยหูฟังหวังว่าจะได้ยินเสียงรถฉันขับเข้ามาจอดที่โรงรถ น้ำตาเหือดแห้งลงไปบ้างแล้ว แต่ยังคงเอ่อล้นออกมาเป็นระยะๆ

ฉันได้ยินเสียงพูดคุยกันพึมพำที่ชั้นล่าง ถ้าพยายามเสียหน่อยฉันก็สามารถจับใจความทุกคำได้เลย ฉันมั่นใจว่าเสียงเหล่านั้นคงกำลังพูดถึงฉันอยู่แต่ฉันไม่ใส่ใจจะค้นหาคำตอบนั้น ฉันได้ยินคำพูดลางๆ ประมาณว่า “เจ้าหมาโง่” จากปากป้าโรซาลี่แล้วก็เลิกสนใจ พอเหลือบมองผ่านหน้าต่างห้องไปยังบ้านริมสระทีไร ฉันก็ยังคงเห็นแต่ความมืด มีเพียงแสงสลัวๆ จากไฟสระว่ายน้ำที่ส่องไปกระทบเพียงเท่านั้น

แล้วฉันก็ค่อยๆ ล่องลอยไปอีกครั้ง

4:34 am.
ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงรถแล่นใกล้เข้ามา แต่มันก็แค่ผ่านไปเท่านั้น ฉันขยี้ตาแล้วพลิกตัวหันมาอีกด้านหนึ่ง ฉันไม่อยากจะมองบ้านริมสระแล้ว มันน่าสมเพชเหลือเกิน

ฉันเริ่มคิดถึงการผูกวิญญาณ ฉันพลาดความหมายที่แท้จริงของมันไปหรือเปล่านะ? บางทีเจคอบอาจจะไม่ได้ต้องการผูกมัดกับฉันอีกต่อไปแล้วก็ได้ เขาอาจไม่ได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ที่นี่และอาจจะผิดหวังที่เขาไม่มีทางเลือกอื่น แล้วฉันล่ะ? ฉันผิดหวังหรือเปล่าที่ฉันไม่มีทางเลือก? ฉันพยายามนึกภาพของฉันกับผู้ชายคนอื่นแต่ก็นึกไม่ออก ฉันรีบผลักไสมันออกไปจากความคิด ถ้าฉันไม่มีเจคอบ ฉันก็จะอยู่ตัวคนเดียว ความคิดที่จะต้องการในแบบที่ฉันต้องการเขามันเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย

5:24 am.
ฉันยังคงตื่นอยู่และตัดสินใจกลับไปนั่งที่ริมหน้าต่างเหมือนเคย อิงศีรษะกับหน้าต่างและมองดูที่บ้านริมสระอีกครั้ง ฉันไม่ควรทำตัวน่าสมเพชแบบนี้เลย แต่มันหลับไม่ลงจริงๆ ฉันนึกไม่ออกว่าทำไมเจคอบถึงยังไม่กลับบ้านเสียที ฉันเริ่มกังวลว่าเขาจะกลับมาอีกหรือเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนจริงๆ ฉันไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าเขาจะไม่ต้องการฉันในทางนั้น ฉันหวังอย่างแทบจะไม่มีความหวังว่าทุกอย่างจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ หากฉันไม่สามารถมีเขาอย่างที่ฉันต้องการได้ งั้นฉันก็ขอแค่เท่าที่มี
ฉันแค่อยากให้เขากลับบ้าน อยากได้เพื่อนสนิทของฉันคืนมา

ฉันสัญญากับตัวเองว่าทันทีที่เขากลับบ้าน ฉันจะวิ่งลงไปหาเขา บอกขอโทษเขาในสิ่งที่ฉันทำและเราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง

แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้อง แม่นั่งอยู่ข้างฉันแล้ว กลิ่นอายของแม่มักทำให้ฉันผ่อนคลายได้เสมอ สงสัยว่าแม่มานั่งอยู่นานแค่ไหนแล้ว แม่ปัดผมที่เคลียหน้าฉันออกช้าๆ ฉันพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงทั้งที่สุดท้ายจำได้ว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นั่งริมหน้าต่างนี่นา

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ ลูกรัก” แม่เอ่ย

ฉันหาวและพยุงตัวขึ้นเปลี่ยนเป็นนั่ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพร้อมจะคุยเรื่องนั้นไหม

“นอนไม่หลับใช่มั้ยจ๊ะ?” แม่ถาม

ฉันพยักหน้าแล้วมองไปที่แม่ ดูท่าทางแม่ก็คงจะไม่ได้หลับเหมือนกัน เป็นไปได้ว่าแม่อาจจะใช้เวลาทั้งคืนเฝ้าเป็นห่วงเรื่องของฉันอยู่ อยู่ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลไหล

แม่โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน น้ำตาของฉันพร่างพรูออกมา

“พ่อของลูกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังแล้วจ้ะ” ฉันเงยหน้ามองแม่ “ลูกรู้ใช่มั้ยจ๊ะ ว่าพ่อเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่การต้องทนเห็นลูกเสียใจมันแทบจะฆ่าพ่อเขาได้เลย เขาจำเป็นต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” แม่อธิบายพร้อมปาดน้ำตาจากแก้มของฉัน

“แม่รู้ว่าลูกสับสนและเสียใจ แต่เจคอบรักลูกนะจ๊ะ”

ฉันส่ายหน้า

“แต่ไม่ใช่แบบที่หนูรักเขานี่คะ” ฉันตอบพลางสะอื้น

แม่ถอนหายใจ

“เรเนสเม่ บางครั้งผู้ชายก็ลงท้ายด้วยการทำผิดพลาดถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเจตนาที่ดีที่สุดแล้วก็ตาม เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองจ้ะ เขาอยุ่ห่างจากเราได้ไม่นานหรอก”

ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดที่โรงรถ ฉันรีบลุกขึ้นไปมองที่หน้าต่าง เขากลับบ้านแล้ว ฉันเห็นเขารีบร้อนเดินกลับเข้าบ้านริมสระ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์และหมวกเบสบอลหลุบต่ำ

แม่เดินมายืนอยู่ข้างหลังฉัน

“ทำไมวันนี้ลูกไม่ไปไหนสักแห่งกับอลิซล่ะจ๊ะ? ให้เวลาเขาคิดหน่อย”

การช้อปปิ้งกับน้าอลิซเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ฉันรู้โดยไม่ต้องถามว่าแม่หมายถึงที่ไหน ถึงแม้ว่าห้างสรรพสินค้าจะเป็นที่สุดท้ายที่ฉันอยากไป แต่มันจะคงดีกว่าการอยู่บ้านแน่ เพราะฉันคงเอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องเพื่อจะได้มองดูเขา มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง น้าอลิซคงจะเห็นที่แม่แนะนำฉันแล้วเป็นแน่

“ไฮ เนสซี่ ไปห้างกันมั้ยจ๊ะวันนี้ ?” น้าอลิซเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอ่ยชวน

“ค่ะ ขอเวลาหนูสองนาทีนะคะ?” ฉันถาม

“โอเคจ้ะ เราจะรออยู่ข้างล่างนะ”

แม่กอดฉันอีกครั้งแล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะออกไป

ห้างเป็นตัวหันเหความสนใจได้ดีทีเดียว แต่กระนั้นความคิดของฉันก็ยังพาลหวนกลับไปคิดถึงเจคอบจนได้ ไม่ช้าไม่นานนักฉันก็หอบหิ้วถุงของเป็นโหล ฉันแทบจำไม่ได้ว่าได้ลองชุดอะไรไปบ้าง ฉันคงเป็นเพื่อนช้อปที่ใ้ช้ไม่ได้เอาเสียเลย ฉันควรจะซื้ออะไรให้อลิซเสียหน่อยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เป็นเพื่อนช้อปฯ ที่ไม่เอาไหน

ฉันจำได้ว่าเธอเล็งๆ กระเป๋าถือจากร้านที่แล้วเอาไว้ แต่ฉันรู้ว่าอาแจสเปอร์คงบ่นใส่เธออีกแน่ๆ เรื่องที่เธอมีกระเป๋าถือเต็มตู้แต่แทบไม่เคยได้ใช้มันเลย มันกินพื้นที่ฝั่งของอาแจสเปอร์ในตู้เสื้อผ้าไปแล้วเรียบร้อยขนาดว่าไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของน้าอลิซด้วยซ้ำ

(จริงๆ ต้องใช้คำว่า “ห้องเก็บเสื้อผ้าของอลิซ”ดีกว่ามั้ย? เพราะชีมีเยอะเหลือเกิน ขนาดว่าไม่เคยใส่ซ้ำอยุ่แล้วนี่)

ฉันเคยได้ยินอาบ่นกับพ่อ แต่เขาคงว่าไม่ได้หรอกถ้าหากฉันซื้อให้น้าอลิซเป็นของขวัญ

“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ย

ฉันกลอกตาขณะที่น้าอลิซยักไหล่

“น้าคิดว่าเป็นเธอใช่มั้ย น้าเป็นถุงวางอยู่บนเตียงน้า”

“งั้นทำไมเราไม่เดินกลับไปซื้อมันซะล่ะคะ”

“ไปกันเลย”

พอฉันหันหลังกลับก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันเอง

“เฮ้ เนสซี่! รอด้วย”

แอนาเบลนั่นเอง เธอพยายามวิ่งมาหาพวกเรา ฉันสังเกตเห็นป้ายชื่อที่เสื้อ ไม่รู้มาก่อนว่าเธอทำงานที่ห้างด้วย

“หวัดดีจ้ะ แอนาเบล เธอทำงานที่นี่ด้วยเหรอ?” ฉันถาม

“เก็บเงินเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ อลิซ เป็นไงบ้างจ๊ะ?”

“สบายดีจ้ะ ขอบใจที่ถามนะ เธอล่ะเป็นไงบ้าง?”

“ก็แย่หน่อย ฉันลืมไปว่าวันนี้ต้องทำงานแต่เช้า ยังง่วงอยู่เลยเนี่ย สงสัยต้องแอบไปงีบหน่อยแล้ว”

แอนาเบลหันมาทางฉัน “แล้ว.. มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากฉันไปแล้วไหม?”

น้าอลิซคงรู้ว่าฉันไม่สะดวกใจที่จะพูดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอมองฉันเป็นเชิงถามว่าฉันต้องการความช่วยเหลือไหม ฉันส่ายหน้าเร็วๆ ฉันไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แอนาเบลฟังอยู่แล้ว อยู่ใกล้เธอแล้วฉันค่อนข้างสบายใจ

“เฮ้ ฉันต้องไปเอาเสื้อสเว็ตเตอร์ที่นอร์ดสตรอมก่อน ไว้เจอกันที่แผนกกระเป๋าถือนะ?” อลิซถาม

(คั่นเวลา - ร้านนอร์ดสตรอมเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกใช้เป็น costume ใน twilight ส่วนใหญ่ภาคแรกจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามห้าง เช่น Guess , Miss Sixty)

“โอเค ดีเลย” ฉันตอบ ไม่ลืมว่ากำลังอยู่ต่อหน้าแอนาเบล ดังนั้นเราจึงพูดกันแบบพี่น้อง

“ดีใจที่ได้เจอเธอนะ แอนาเบล” อลิซพูดแล้วเดินแยกไป

“เช่นกันจ๊ะ อลิซ” แอนาเบลโบกมือลา

ฉันหันไปหาแอนาเบล “เธอพักอยู่หรือเปล่า?”

“จ้ะ พักสองชั่วโมง แต่ฉันไม่มีอะไรทำแล้วหล่ะ เล่าเรื่องเมื่อคืนหน่อยซิ?”

“เอ่อคือ… เขาไม่ได้… คือมันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่ฉันอยากให้เกิดน่ะ” ฉันพยายามสรรหาคำพูดที่ดูไม่เป็นการปฏิเสธมากนัก เธอเบิ่งตาโตแบบไม่เชื่อ

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย แปลกจริงๆ” เธอบอก “ฉันขอโทษ”

ฉันยักไหล่

“แล้ววันนี้เธอได้คุยกับเขาแล้วหรือยัง?”

“ยังเลยจ้ะ”

“อ้าว แปลกจริงๆ แต่พวกเธออยู่บ้านเดียวกันนี่นะ เพราะแบบนี้ถึงได้มาที่ห้างใช่มั้ยล่ะ”

“จ้ะ อยู่บ้านเฉยๆ คงจะดูพิลึกเข้าไปใหญ่”

“เขาพลาดอย่างแรงเลยนะรู้มั้ย ฉันรู้จักผู้ชาย 5 คนที่พร้อมจะแทนที่เขาในพริบตาเดียวเชียวหล่ะ”

ฉันหัวเราะออกมาได้ “ขอบใจนะจ๊ะที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”

“ฉันพูดจริงนะเนสซี่ มีแต่คนมีถามฉันว่าเธอมีคู่เดทไปงานคืนสู่เหย้าแล้วหรือยัง อันที่จริงมีสาวๆ ฝากมาถามถึงพวกพี่ชายของเธอก่อนน่ะ”

“เรื่องงานนั้นฉันก็ไม่รู้จริงๆ ฉันนึกภาพไปงานกับคนอื่นไม่ออกเลยน่ะ” ฉันตอบเธอไปตามตรง ที่จริงฉันคาดหวังจะไปงานคืนสู่เหย้ามากๆ และคงเศร้าที่ต้องพลาดมันไป แต่ยังไงก็ยังมีปีหน้านี่นา ถึงตอนนั้นอะไรๆ คงเปลี่ยนไปแล้ว ฉันหวังลึกๆ

“ไปกับฉันและเพื่อนๆ สิ! โธ่เนสซี่ มันต้องสนุกมากแน่ๆ ไปกันแต่ผู้หญิง!”
เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางจับต้นแขนทั้งสองของฉันเขย่าไปมา

“โอเค” ฉันหัวเราะ “ฟังดูน่าสนุกนะ” มันฟังดูดีกว่าจริงๆ นั่นแหล่ะ เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องพลาดงานไป

“เฮ้ ต้องไปแล้วหล่ะ ไว้เจอกันนะ”

ฉันโบกมือลาเธอ

พอกลับถึงบ้านฉันก็หิ้วถุงของทั้งหมดเดินขึ้นห้องทันที เมื่อถึงห้องแล้วฉันเหลือบมองผ่านๆ ไปทางหน้าต่าง ฉันสังเกตเห็นเจคอบกำลังเดินออกมาจากประตูบ้านของเขา อ้อมสระว่ายน้ำมาและหมุนตัวเดินกลับไปยังบ้านริมสระอีกครั้ง พอเดินไปถึงประตูบ้านก็หยุดกึก เขาส่ายหัว หันหลังกลับเพื่อที่จะเดินมายังบ้านใหญ่อีกครั้งเพียงแต่คราวนี้เขาหยุดและหันหลังกลับที่กลางทาง

ดูเหมือนฉันจะต้องเล่นบทผู้กล้าหาญเองสินะ? ฉันคิด ฉันคว้าถุงช้อปปิ้งทั้งหลายยัดใส่ตู้เสื้อผ้า ดึงเสื้อยืดตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาและตัดสินใจว่าจะใส่มันเลย พอเดินออกมาจากห้องฉันก็เห็นเขายืนอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องพอดี

“เฮ้” ฉันทัก

“ไฮ”

เราต่างก็เงียบงันกันไปซักพัก เขาก้มหน้ามองที่พื้น นิ้วเกาด้านหลังของศีรษะ ฉันมองไปที่เขารอให้เขาพูดอะไรออกมาก่อน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเงยหน้ามองกลับมาที่ฉัน

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” เขาเอ่ยถามในที่สุด

“โอเค”

เขายังคงไม่ขยับไปไหนเช่นเดียวกับฉัน สายตาเขามองไปทางบันได ฉันได้ยินเสียงคนอื่นในครอบครัว ฉันรู้ว่าเขาคงไม่สะดวกที่จะคุยกันโดยมีคนอื่นอยู่ด้วย ฉันก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

“ไปเดินเล่นหน่อยดีมั้ย?” ฉันแนะ

“อืม”

เราเดินออกจากบ้านไปยังราวป่า ฉันได้ยินเสียงเขาเดินตามมาข้างหลัง พอเราออกมาได้ราวๆ ห้ากิโลเมตรฉันก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา ฉันจ้องหน้าเขาขณะที่เขายังคงก้มลงมองพื้น เขาสูดหายใจลึกอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้น

“ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อคืน ฉันอยากจะอธิบายแต่เธอหนีมาซะก่อน”

ขอโทษเนี่ยนะ? ฉันคิด

ฉันจ้องหน้าเขาตรงๆ “คุณต้องขอโทษเรื่องอะไรมิทราบ?”

“ที่จูบเธอ ฉันมันไม่มีความรับผิดชอบ ฉันไม่ควรทำแบบนั้น”

ฉันถึงกับช็อค ฉันจำได้ว่าฉันเองไม่ใช่หรือที่จู่โจมเขาก่อน นั่นเป็นเรื่องกล้าหาญชาญชัยที่สุดที่ฉันเคยทำมา คนอะไรไม่ให้เครดิตกันซะเลย!

“ฉันจูบคุณแต่คุณผลักฉันออก” ฉันแย้ง

“เปล่า ฉันจูบเธอแล้วผลักเธอออก” เขาเถียง

ฉันส่ายหน้าไปมา

“อีกอย่าง ฉันไม่ควรปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอยังเด็กเกินไปและฉันก็ไม่ทันคิด”

ฉันยอมปล่อยผ่านความเห็นที่ว่าฉันยังเด็กเกินไปก่อน มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องรู้ให้ได้

“คุณอยากจูบฉันงั้นเหรอ?” ฉันถาม

เขานิ่ง มองมาที่ฉันเหมือนกับว่าเขาไม่แน่ใจว่าควรจะตอบคำถามนั้นดีมั้ย หรือไม่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะบอกให้ฉันรู้ดีหรือเปล่า

เขาถอนใจและตอบคำถามในที่สุด

“แน่นอน เป็นอย่างเดียวที่ฉันคิดถึงมาตลอด.. การได้จูบเธอ”

หัวใจฉันกระตุกแรง

“จริงเหรอ?”

“ใช่”

ฉันเดินเข้าไปหาเขา อยากรู้มากกว่านั้น เพื่อยืนยันว่าฉันไม่ได้รู้สึกไปเองฝ่ายเดียว

“คุณหลงรักฉันแบบหญิงสาวหรือว่าแค่รักทั่วๆ ไป?”

เขานิ่งอีกครั้งและจ้องมองเข้ามาในตาฉัน

“มากกว่าหลงรักเสียอีก ฉันหลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว”

ฉันรู้สึกท่วมท้น ร่างเกือบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความดีใจ มันเหมือนว่าเรื่องทุกอย่างกลับมาชัดเจนอีกครั้ง โลกก็กลับมามีความหมายดังเดิม แต่พอมองกลับไปที่เขา ดูเขาจะไม่รู้สึกแบบเดียวกันกับฉันเลย เหมือนกับว่าเขาคิดว่ามันเป็นความรู้สึกร้ายกาจ ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหายไปไหนไม่รู้

“แล้วทำไมถึงผลักฉันออก?” ฉันถาม

“เนสซี่ ฉันต้องทำ เธอรู้ตัวบ้างมั้ยว่าเธอเพิ่งอยู่ในโลกนี้มาได้แค่หกปีเท่านั้น? เธอยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เลย สิ่งที่เกิดขึ้นมันยังไม่ควรเกิดขึ้นจนอีกหลายปีต่อจากนี้”

“เช่นเมื่อไหร่ล่ะ?”

“เมื่อเธอเป็นผู้ใหญ่ตามกฏหมาย”

ฉันหัวเราะ “คุณล้อฉันเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”

“เปล่าเลย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

อารมณ์ต่างๆ ไหลบ่าผ่านร่างฉัน มันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันไม่สามารถไขว่คว้าหรือหยิบฉวยอะไรเอาไว้ได้เลย ครู่หนึ่งฉันดีใจอย่างที่สุดจนหัวใจแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่แล้วกลับมลายหายไปในพริบตาเพราะความกลัวของเขา ราวกับว่าความสุขสำราญใจของฉันมันเป็นสิ่งผิด ฉันผิดหวังเป็นที่สุดที่เขาทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ไม่สิ มันทำให้ฉันโกรธ!

“ที่ฉันรู้สึกนี่มันผิดนักเหรอ?” ฉันถามขณะที่จ้องหน้าเขา

“มันก็ไม่ไม่ผิดหรอก มันแค่..ยังไม่สมควรแก่เวลา”

ฉันขยับก้าวเข้าไปใกล้อีก

“งั้นคุณคิดว่าเราจะทำยังไงกันดี? ให้เราแกล้งทำเป็นว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิด แกล้งว่าเราไม่รู้สึกอะไรต่อกัน แล้วก็รอไปอีกสิบสองปีงั้นเหรอ? รู้มั้ยว่ามันฟังดูตลกแค่ไหน?”

“ไม่ตลกซักนิด” เขาตอบเสียงแผ่ว

“คุณจะให้ฉันคอยไปจนกว่าเราจะเข้าเรียนมัธยมรอบต่อๆ ไป หรือจนกว่าฉันจะมีแฟนงั้นสิ?”

เขาไม่ตอบคำถาม ฉันรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในตัวฉัน ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ฉันควรจะก้าวถอยห่างเขาออกไปแต่กลับก้าวเข้าไปใกล้เขายิ่งขึ้น

“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะเจคอบ”

ทุกขณะแห่งความเงียบงันเร่งเร้าโทสะของฉันให้ก่อตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ฉันอยากเข้าไปเขย่าตัวเขา หรือเตะต่อยให้เขารู้สึกตัวบ้าง

“แปลว่าคุณจะไม่แตะต้องฉัน? ไม่จนกว่าจะครบสิบสองปี?” ฉันจ้องหน้าเขา

ไม่มีคำตอบใดๆ อีกครั้ง น้ำตาสองสามหยดร่วงหล่นจากดวงตาทั้งคู่ของฉัน เขากำลังจะบังคับให้ฉันแสร้งทำเป็นว่าความรู้สึกของเขาและฉันไม่มีตัวตนไปอีกสิบสองปีเชียวนะ! ฉันโมโหจนเดือดพล่านแล้วตอนนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยขัดใจฉันสักอย่างเดียวและอย่างเดียวที่ฉันอยากได้ที่สุด เขากลับไม่ยอมให้ ฉันก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก แทบจะรู้สึกถึงลมหายใจบนใบหน้าเขา หัวใจเขาเต้นแรงและมีสีหน้าเจ็บปวด

ฉันเงยหน้ามองเขา

“ถ้าฉันจูบคุณล่ะ? คุณจะผลักไสฉันอีกไหม?” ฉันถาม เสียงแทบจะลอดไรฟันออกไป

เขามองลงมาที่ใบหน้าฉัน ฉันเห็นริ้วรอยความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งเหตุผลในดวงตาของเขา เขากำลังกล่าวลงโทษตัวเอง.. ลงโทษเรา

“เนสซี่ เธอเพิ่งจะหกขวบ”

ถึงตอนนั้น ฉันก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ฝ่ามืออันสั่นเทาที่แนบอยุ่ข้างตัวยกขึ้นแล้วตบฉาดเข้าไปที่หน้าเขา ฉันได้ยินเสียงกระดูกกรามแตก ฉันรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่รู้ดีว่าเขาจะรักษาตัวเองหายได้ในไม่กี่นาที อยากได้นัก ฉันก็จัดให้ จะให้กระชากกรามหลุดเลยก็ัยังได้นะ ฉันก้าวถอยออกมานิดหนึ่ง

เขาก้มหน้ามองพื้นพลางยกมือขึ้นลูบขากรรไกรตัวเอง

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกตบเพราะไม่ยอมจูบใคร” เขาพึมพำ

ฉันไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ อย่างสิ้นท่า ฉันหันหลังเดินกลับบ้าน เขาเดินตามมาไม่ห่าง

“คุณน่าจะให้คาร์ไลส์ตรวจดูให้เสียหน่อยนะ เผื่อไว้”

ฉันพูดข้ามไหล่ไปโดยไม่หันกลับไปมอง ฉันเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปแล้วสิ ฉันไม่ควรปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำเลยแต่ต้องยอมรับว่าฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

ขณะที่เรากำลังเดินเข้าใกล้ระเบียงหลังบ้านนั้น เจคอบก็คว้าแขนข้างหนึ่งของฉันเอาไว้ ฉันหันกลับไป สีหน้าเขาดูทุกข์ทรมานแสนสาหัส น้ำตาเอ่อรื้นอยู่รอบๆ ขอบตาล่างแต่เขากลั้นมันเอาไว้ได้

“ได้โปรดเนสซี่ ฉันทนเห็นเธอผิดหวังไม่ได้” เขาขอร้อง

“แล้วเราจะคบกันยังไงต่อไปดี?” ฉันถามอย่างไม่รู้คำตอบจริงๆ

เขาไม่ได้ตอบอะไร และฉันก็รู้ดีว่าเขาคงไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจเป็นแน่ อย่างน้อยก็คงไม่ใช่คืนนี้ แต่ฉันก็ทนทะเลาะกับเขาไม่ไหวเหมือนกัน ย้อนกลับไปยังความคิดเดิม ถ้าฉันไม่สามารถมีเขาในแบบที่ฉันต้องการได้แล้วละก็ ฉันก็ขอยอมเท่าที่ได้ เพราะฉันต้องการเขาเหนือสิ่งอื่นใด

ฉันถอนใจพร้อมกับจูงมือเขาเดินเข้าบ้าน




Create Date : 13 สิงหาคม 2552
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 3:05:04 น.
Counter : 4576 Pageviews.

20 comments
  
ตอนนี้จบเศร้าๆ เนอะ ใครเข้ามาอ่านแล้ว ช่วยติชม (ชมอย่างเดียวไม่ต้องติก็ได้นะ) หน่อยละกัน จะได้ไ่ม่รู้สึกว่าบล็อคมันร้าง มีแต่คนอัพ ไม่มีคนอ่าน เหอะๆ ...

ไว้ตอนหน้าว่างๆ จะค้นเรื่องคอสตูม หรือเสื้อผ้าที่ใช้ในหนังภาคแรกมาขยายความให้อ่านอีกที (ถ้าไม่ขี้เกียจ)
โดย: amuro4ever วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:3:08:08 น.
  
ใจดีจังค่ะ ที่แปลให้คุณอุ๋ม ไว้จาติดตามตลอดน่ะค่ะ *-*
โดย: นู๋มด IP: 112.142.141.87 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:7:32:27 น.
  
นึกว่าต้องสมาชิก เท่านั้นถึงเม้นได้ ตอนแรกเม้นม่ายด้าย

ตอนนี้ได้ซะงั้น *-* งง...



แต่ไงก้อเป็นกำลังใจให้คุณอุ๋มน้าคร่า แอบติดตามมาจากบล็อคคุณโซล ค่ะ เข้ามาดูทุกวันเลย ^^

รออ่านตอนต่อไปน้าค่ะ สู้ ๆ ๆ .. ค่ะ
โดย: นุ๋มด IP: 112.142.141.87 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:7:34:50 น.
  
อ้าว...ตอนแรกเคยพิมพ์เม้นท์เยอะแยะแล้วมันขึ้นว่าได้เฉพาะสมาขิกเท่านั้น กลายเป็นว่าได้เหรอคะเนี่ย (แอบเสียดายเม้นท์เก่า โฮกกก)

ชอบเนซซี่ค่า และแอบคิดว่าเจคมันง๊องแง๊งงี่เง่าไปหน่อย เนซซี่หกขวบแล้วไง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุซักหน่อย จะเป็นผู้ใหญ่หรือไม่มันขึ้นอยู่กับความคิดต่างหากเล่า แล้วเนซซี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้ใหญ่มากพอ (ถึงจะมีบางจุดที่ยังเอาแต่ใจก็เถอะ แต่ก็นะ...ตอนสมัยเบลล่าก็แบบนี้เหมือนกัน)

เชียร์ให้แปลต่อนะคะ กำลังสนุกเลย ^^'

ปล. มันน่าให้เนซซี่ไปคบกับคนอื่นระหว่างจอเจคอีก 12 ปียังไงชอบกลนะคะ แบบว่ารอก็ได้...แต่ระหว่างนี้ขอลองพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นหน่อยละกัน หึๆๆ (แน่ใจนะว่าตัวเองอยู่ทีมเจค?)
โดย: Sarren IP: 58.9.78.86 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:16:54:10 น.
  
แอบมาอ่าน ขอบคุณพี่อุ๋มนะคะ จุ๊บๆๆ
โดย: kookkaid IP: 119.42.98.75 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:14:06:00 น.
  
ขอบคุณครับ กำลังหาอะไรอ่านพอดีเลยครับ
โดย: seabreeze IP: 203.118.99.210 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:20:48:24 น.
  
เอาอีก ๆ ๆ ชอบมากค๊า
โดย: น้ำปั่น IP: 112.142.125.82 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:12:31:42 น.
  
ชอบพอๆก็พ่อ-แม่เค้าเลยน้องนู๋เนสซี่
โดย: อิอิ IP: 125.26.253.183 วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:9:05:16 น.
  
ขอบคุณนะค่ะ
ที่แปลให้อ่าน
จะติดตามตลอดค่ะ
โดย: เก้าค่ะ IP: 117.47.6.167 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:06:45 น.
  
with love of GOD | u will be able to pass
every difficulity in this world
belive in him and wait for the miracal
โดย: da IP: 203.144.144.164 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:05:30 น.
  
ขอบคุณค่ะ ไฃอ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดี T^T
โดย: mangpor IP: 117.47.2.21 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:53:36 น.
  
สนุกมากเลยค่ะ (แอบเศร้า) ตอนอ่าน นึกถึงหน้าเคคอปในภาพยนต์แล้ว อินมากๆ เลยค่ะ อยากให้มีฉายเหมือนแวมไพรส์ เนอะ

ใครอยากให้มีฉายยกมือขึ้นค่า.....
โดย: popoko IP: 58.137.63.98 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:08:47 น.
  
บทนี้เศร้าจัง สงสารเจคอบอ่ะ
โดย: khim IP: 182.52.137.238 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:16:08:46 น.
  
เห้อออ อ สงสารทั้งสองคน แต่ก็เข้าใจทั้งสองคนด้วยเช่นกัน T^T
โดย: Veam IP: 223.204.40.41 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:18:05:10 น.
  
พึ่งได้มาอ่าน สนุกมากๆๆค่ะ แปลอีกน่ะค่ะ
โดย: ต้นอ้อ IP: 118.173.236.52 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:39:01 น.
  
อยากถามว่ามีหนังสือวางขายในไทนยังง ???
โดย: สุดสวย IP: 27.130.15.221 วันที่: 31 มีนาคม 2555 เวลา:12:15:45 น.
  
^___^
โดย: แอมแปร์ IP: 210.148.57.5 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:37:31 น.
  
ชอบจัง เจคอบไม่กล้าเหมือนที่ผ่านๆมาเลย
โดย: kaka IP: 1.2.150.215 วันที่: 15 ธันวาคม 2555 เวลา:20:59:58 น.
  
เศร้าอะ
โดย: faifull IP: 182.52.115.165 วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:18:00:45 น.
  
ขอบคุณมากครับ
โดย: SA-I IP: 180.183.239.226 วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:15:07:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amuro4ever
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]