สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
9
11
14
16
17
18
20
21
23
25
26
28
29
31
 
 
All Blog
The Healer (Twilight Fanfic) บทที่ 8 - ปาร์ตี้สระว่ายน้ำ
ฉันนั่งลงที่ม้านั่งริมหน้าต่างในห้อง มองลงไปหน้าต่างห้องของเจคอบที่อยู่ด้านล่าง มันกลายเป็นนิสัยที่แก้ยากเสียแล้ว พอเข้าห้องเรียบร้อยแล้วก่อนนอนทุกคืน ฉันก็พบว่าตัวเองจะต้องมานั่งมองเขาที่ตรงนี้เสมอ อะไรในตัวเขากันนะที่ทำให้ฉันเสพย์ติดการแอบมองแบบนี้? ฉันรักอากัปกิริยาของเขา ท่าทางที่เขายิ้มหัวเราะเวลาดูอะไรตลกๆ ในทีวี หรือแม้กระทั่งท่าทางที่เขาชอบเกาหัวตัวเองเวลากำลังคิดอะไรบางอย่าง

เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เจคอบอาจจะรู้ตัวว่าฉันนั่งมองเขาอยู่ตรงนี้บ่อยๆ ฉันนึกไม่ออกว่าเขาจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ แต่เอาเถอะฉันไม่แคร์หรอก ฉันเริ่มตั้งใจมองลึกเข้าไปบนใบหน้าของเขาพลันสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของเขานั้นช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน นึกเพียงแค่ว่ามันจะอบอุ่นและนุ่มนวลเพียงไหนหนอเมื่อริมฝีปากเราสัมผัสกัน (เนสซี่จ๊ะ หนูเพิ่มดีกรีความหื่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะนี่!) ฉันยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วกระหยิ่มยิ้มย่องกับตัวเองในใจ คืนนี้ครอบครัวของฉันออกไปข้างนอก ไม่มีคุณพ่อคนขี้หวงมาคอยลอบฟังความคิดในหัวลูกสาว ฉันจึงปล่อยตัวเองให้ล่องลอยไปกับจินตนาการเพริดแพร้วได้อย่างเต็มที่

ฉันนึกภาพตัวเองเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างและมุ่งหน้าไปที่บ้านริมสระ ฉันอยากจะนั่งลงข้างเขาแล้วบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ฉันอยากบอก ฉันอยากบอกเขาเหลือเกินว่าฉันไม่ได้เพียงแค่รักเขาเท่านั้น หากแต่ฉันยังตกหลุมรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก ฉันอยากบอกเขาว่า ฉันไม่ขออะไรมากไปกว่าการที่ได้มีเขาอยู่ข้างกายและถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยไออุ่นจากร่างกายของเขา ฉันอยากจะโอบอุ้มใบหน้าเขาด้วยมือทั้งสอง ไล้ไปตามริมฝีปากของเขาด้วยนิ้วเรียว อยากดึงตัวเข้าใกล้เขาจนถึงจุดที่ริมฝีปากของเราแทบจะสัมผัสกัน และเขาก็รับฉันเข้าสู่อ้อมแขนและบอกทุกอย่างที่ฉันอยากได้ยิน ว่าเขาก็ต้องการฉันดุจเดียวกับที่ฉันต้องการเขาเช่นกัน

จินตนาการอันบรรเจิดของฉันพลันหยุดลงเมื่อสังเกตเห็นว่าเจคอบกำลังเดินออกมาจากบ้านริมสระและมุ่งตรงมายังบ้านใหญ่ ตายละ! ฉันต้องแต่งตัวเตรียมไปงานปาร์ตี้คืนนี้แล้วสินะ ฉันรีบคว้าชุดว่ายน้ำมาสวมแล้วสวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดทับอีกชั้น ฉวยกระเป๋าที่ใส่ผ้าขนหนูเอาไว้แล้วรีบดิ่งลงมาข้างล่างทันที เจคอบกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา

“พร้อมนะ?” เขาถามตอนที่มองขึ้นมา

“อื้อ ไปกันได้เลย”

“เธอรู้ใช่มั้ยว่าเราจะไปที่ไหนกัน?”

ฉันยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา เป็นแผนที่ที่แอนาเบลวาดไว้ให้

ทันทีที่เราอยู่ในรถแล้ว เขาก็มองมาทางฉัน ฉันแทบจะห้ามใจให้นั่งอยู่กับที่แทบไม่ไหวทั้งความตื่นเต้นจากปาร์ตี้คืนนี้และทั้งจากเรื่องที่เพิ่งคิดเมื่อครู่ ฉันเริ่มเคาะเท้ากับพื้นรถ

“ดูเธอตื่นๆ นะ?” เขาถาม

ฉันยักไหล่ “ตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ”

เขาหัวเราะ “ก็ว่า ที่จริงฉันก็เหมือนกัน”

“จริงน่ะ?”

“ก็จริงน่ะซี่ เมื่อก่อนระหว่างช่วงมัธยมที่ฟอร์คส์ดันเกิดเรื่องแปลกๆ มากมาย จนบางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันพลาดอะไรบางอย่างไปเหมือนกัน เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องการต่อสู้กับแวมไพร์เอย ปกป้องแม่เธอเอย คืนนี้ก็เลยเอาซะหน่อย”

ฉัน หัวเราะ ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนนี้เป็นอย่างดี ฉันรู้ว่าไม่ว่าในสถานการณ์ไหนๆ ก็เถอะ มันก็ยังฟังดูพิลึกๆ อยู่ดี แต่เจคอบก็ซื่อสัตย์เป็นที่สุด เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่าง เขาคิดว่าสิ่งที่ดึงดูดให้เขาเข้าหาแม่นั้นคงเกี่ยวกับโชคชะตาที่จะนำพาเขามาหาฉันนั่นเอง (โอ้โห! หวานเลี่ยนซะขนาดนี้ อยากให้มีใครมากระซิบแบบนี้บ้างจัง!

ก็ ถ้าหากเขากันเธอออกไปจากชีวิตในตอนนั้น เขาก็คงไม่ได้พบกับฉัน คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็แทบจะทำให้ฉันทนไม่ได้ ฉันขอบคุณดาวทุกดวงที่ทำให้เขาติดตามแม่อย่างไม่ลดละ นั่นจากที่เคยได้ยินพ่อกับเขาพูดถึอยู่บ่อยๆ น่ะ ฉันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกัน แต่พวกเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกันจนแทบเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันไปแล้วก็ ว่าได้ คริสต์มาสปีนึง พ่อถึงกับซื้อเฟอรารี่ให้เป็นของขวัญ เจคอบทำหน้าตลกมาก ฉันนึกว่าวิญญาณเขาจะกระโดดออกนอกร่างเพราะความปีติยินดีซะแล้วสิ พ่อเองก็ดีใจไม่แพ้กันในขณะที่ตอบว่า “ในที่สุด ฉันก็ได้เห็นท่าทีที่รอมานานเสียที”

เราจอดที่ลานจอดรถซึ่งมีไฟสลัวๆ อยู่เพียงดวงเดียวเท่านั้น ฉันเห็นหลายคนกำลังมุงกันอยู่หน้าประตูไม้ทางเข้า

“เฮ้ เนสซี่! เฮ้ เจคอบ!” แอนาเบลร้องเรียกขณะโบกมือให้เรา

เจคอบกับฉันเดินตรงไปยังพวกเขา

“รถสวยดีนะ” เธอบอก

ฉันเขิน “ขอบใจจ้ะ”

“เฮ้ ทุกคน นี่คือเนสซี่และเจคอบ ฉันว่าพวกเธอคงเคยเห็นเขาที่โรงเรียนกันแล้วนะ” เธอบอกกับทุกคนในกลุ่มแล้วหันมาทางเรา “และนี่คือทุกๆ คนจ้ะ”

“เฮ้” เจคอบทักคนในกลุ่ม

ทุกคนทักกลับอย่างไม่ค่อยเต็มเสียง ท่าทางจะยังเกรงๆ เจคอบอยู่

“ให้ตายเหอะ!” ฉันได้ยินเสียงหนึ่งจากแถวๆ หน้าประตูไม้ดังขึ้น พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นสเป็นซ์ที่กำลังปล้ำอยู่กับประตูไม้

“มีอะไรเหรอ?” อีกเสียงหนึ่งถาม

“ก็ประตูนี่สิ มันล็อคสนิทแนบแน่นเลย เหมือนถูกล็อคโซ่จากข้างในด้วยสิเนี่ย” สเป็นซ์ยังคงพยายามดึงประตูต่อไป

เสียงคร่ำครวญดังขึ้น

“แย่ชะมัดเลย” แอนาเบลพูดกับฉัน

ฉันคงกระโดดข้ามรั้วแล้วกระชากโซ่หลุดได้ง่ายๆ แต่คิดไปคิดมามันคงดูน่าสงสัยไม่ใช่น้อย ฉันรู้สึกผิดหวังจริงๆ อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอให้คืนนี้มาแท้ๆ ฉันไม่อยากให้มันจบลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ

“อ้าว เจคอบไปไหนซะล่ะ?” แอนาเบลถาม

ฉันไม่ทันสังเกตว่าเขาหายไปไหน แล้วอยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงโซ่ขาด แล้วประตูก็เปิดออก

“นายทำงั้นได้ไงเนี่ย?” สเป็นซ์ถามเจคอบ

“ฉันเจอจุดที่รั้วเตี้ยพอจะปีนข้ามไปได้น่ะ แล้วโซ่นี่ก็สนิมขึ้นเกรอะเลย” เขาตอบขณะมองมาที่ฉันแล้วขยิบตาให้เป็นที่รู้กัน ฉันรู้ดีเลยหล่ะว่าโซ่นั่นไม่ได้ขึ้นสนิมแต่อย่างใด ฉันยิ้มให้เขา ขอบคุณที่แผนคืนนี้ไม่พังครืนลง


อ่านแล้วนึกภาพสระว่ายน้ำที่เกิดเหตุว่าเป็นประมาณนี้นะ

ทุกๆ คนขอบคุณเจคอบ แล้วเขาก็กลายเป็นฮีโร่ในค่ำคืนนี้ไปในบัดดล ทุกๆ คนกระโดดลงสระว่ายน้ำ ว่ายน้ำเล่นพร้อมกับอุปกรณ์ที่ต่างคนต่างเอามา ฉันมองเจคอบในขณะที่ทุกๆ คนดูจะพุ่งเข้าหาเขากันทั้งนั้น ฉันมองดูเขาหัวเราะและล้อเล่นกับทุกคนอย่างสนุกสนาน ส่วนฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนด้วยศักดิ์ศรีในฐานะเพื่อนสนิท...ที่หวังเกินไปกว่านั้น ฉันว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ กับเจคอบตอนที่สังเกตเห็นสเป็นซ์กำลังว่ายอยู่ห่างกันไม่กี่ฟุต ฉันตัดสินใจว่ายไปหาเขา

“เฮ้ สเป็นซ์” ฉันทักเมื่อว่ายไปถึงตัวเขา เตือนตัวเองว่าอย่าว่ายเร็วนัก

“อ้าว.. หวัดดี เนสซี่” เขาพูดและรีบหันรีหันขวางเพื่อหาทางหนีทีไล่ (ทำอย่างกะหนูเนสซี่เป็นโรคระบาดจริงๆแฮะ

“เป็นไงบ้าง?”

“เอ่อก็ดี ดี ดีมากๆ” อยู่ๆ เขาก็สบตาเพื่อนเขาแล้วว่ายหนีไปในทันที

“เฮ้ย ทอม!” สเป็นซ์ตะโกนหาเขา ฉันถึงกับเซ็ง

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ” ฉันได้ยินแอนาเบลบอกพร้อมๆ กับที่เธอว่ายเข้ามาหาฉัน

“เขาแค่ยังกลัวพี่ชายเธอไม่หายน่ะ”

ฉันพยักหน้า

“สนุกไหม?” เธอถาม

“จ้ะ สนุกมาก”

เธอมองไปยังกลุ่มที่มีเจคอบอยู่

“เจคอบเท่ห์มากเลยนะ พวกเธอเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไหร่แล้วจ๊ะ?”

“โอ้โห ตั้งแต่ฉันเกิดได้มั้ง”

“เธอรู้จักเขาตั้งแต่เกิดเลยเหรอ?”

“เอ่อใช่จ้ะ ครอบครัวพวกเราสนิทสนมกันมากน่ะ พ่อแม่ฉันก็เลยแทบไม่ต้องคิดเลยที่จะรับเขามาอยู่ด้วย”

การโกหกนี่มันน่ารำคาญชะมัด ฉันเกลียดที่จะต้องคิดเรื่องโกหกเรื่องใหม่ให้เนียนๆ ไปกับเรื่องเก่า

“ว๊าว! งั้นพวกเธอก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เกิดเลยสินะ”

“อื้อ” ก็ทำนองนั้นแหล่ะ ฉันคิด ที่จริงแล้วฉันโตขึ้น ขณะที่เขายังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนต่างหากล่ะ

“ฉันทึ่งมากเลยที่พวกเธอไม่เดทกันซะที?” เธอบอก

ฉันมองเธออย่างแปลกใจ แต่เธอกลับหัวเราะ

“โธ่ ไม่เอาน่าเนสซี่! ไม่เห็นต้องอายไปเลย เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ปิ๊งเธอเหมือนกัน”

หัวใจฉันกระตุกเล็กน้อย

“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ?” ฉันกระซิบ

เธอหัวเราะแล้วพยักหน้า

“แล้วมัวแต่รออะไรกันอยู่ล่ะ?” เธอถามส่วนฉันถอนหายใจ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปในทางนั้นมั้ง”ฉันไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก

“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ วิธีที่เขามองมาที่เธอ มันทำให้ฉันพาลคิดไปเสียอีกว่าเขาต้องการอะไรที่มากกว่านั้น”

ฉันมองกลับไปยังเจคอบและนึกชื่นชมความไม่อินังขังขอบกับอะไรๆ อย่างที่เขาเป็นมาเสมอ นึกชื่นชมความเป็นกันเองในการคบหาเพื่อนใหม่ๆ

“คุมเกมเองเลยสิเนสซี่ เริ่มก่อนเลย” เธอบอกกับฉัน ฉันยิ้ม บางทีฉันอาจเห็นด้วยกับเธอ

ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน คนเริ่มทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว

“ไม่มีเคอร์ฟิวส์เหรอจ๊ะ?” แอนาเบลถามฉัน

ฉันมองตอบด้วยสายตาฉงนสงสัย

“เอ่อ ไม่มีมั้ง?” ฉันตอบ

“ดีจัง! ฉันต้องกลับถึงบ้านภายใน 15 นาทีนี้ ไม่งั้นโดนขังลืมอีกแน่เลย! ฉันควรจะกลับแล้วหล่ะ ไว้เจอกันวันจันทร์นะจ๊ะ”

ฉันมองเธอขึ้นจากสระว่ายน้ำ เธอหยิบผ้าขนหนู หันไปมองทางเจคอบและหันกลับมามองฉันแล้วขยิบตาให้ ท้องไส้ฉันเริ่มปั่นป่วนแล้วสิ ไม่นานในสระก็เหลือเพียงแค่ฉันกับเจคอบเท่านั้น

“คืนนี้สนุกมั้ยล่ะ?” เขาถาม เราเดินเล่นในน้ำห่างกันเพียงไม่กี่ฟุต

“อื้อ ฉันสนุกมากๆ เลย”

“ตกลงว่าฉันงานกร่อยหรือเปล่า? มีใครเม้าธ์ถึงเพื่อนตัวโตของเธอบ้างมั้ย?” เขาถามติดตลก

ฉันหัวเราะ

“เปล่า ตรงข้ามเลย ฉันต่างหากที่ทำงานกร่อย”

“โชคดีที่เธอน่ารักเลยพอยกโทษให้ได้”

ฉันสาดน้ำใส่เขา

“นี่จะเล่นสงกรานต์หรือไง?” เขาถามแล้วสาดน้ำใส่ฉันคืนเหมือนกัน

“งั้นมั้ง” ฉันตอบแล้วสาดน้ำใส่เขาอีกระลอก

“อย่าลองของดีกว่าน่า”

ฉันสาดกลับอีกที “จะลอง จะทำไม?”

เขาว่ายน้ำมาหาฉันขณะที่ฉันพยายามถอยหนี

“ก็รู้อยู่ว่าเธอแพ้แน่” เขาพูดขณะที่เอานิ้วดีดน้ำใส่ฉัน

“ฉันไม่เคยแพ้ย่ะ!”

“เพราะเธอขี้โกงน่ะสิ”

“เปล่า ฉันชนะตลอดต่างหาก”

เขาหยุดชั่วครู่แล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น เป็นเวลาเพียงพอที่ฉันจะกวาดคลื่นน้ำลูกเล็กๆ ใส่เขา

“ว่ายไปได้แล้ว เนสซี่” เขาพูดขณะที่เริ่มว่ายน้ำเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว ฉันหัวเราะหึๆ ฉับพลันนั้นเองฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาว่ายเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้มาก พอฉันหันหลังและตั้งท่าจะว่ายหนี แขนเขาก็คว้าเอวฉันเอาไว้และดึงฉันจมลงไปในน้ำพร้อมกัน กรี๊ดดดดดด!!!!~ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปน๊า~~~ (>_<))



Create Date : 12 สิงหาคม 2552
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 2:45:39 น.
Counter : 5804 Pageviews.

4 comments
  
ฉันพยายามสะบัดตัวหนีแต่แขนเขารัดแน่น ฉันหมุนตัวกลับในวงแขนของเขาขณะเดียวกันก็คิดวางแผนว่าจะผลักตัวออกจากเขา แต่ฉันกลับหยุดในทันใด ฉันรู้ตัวว่าใกล้เขามากขนาดไหน ฉันรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนอุ่นจัดของเขาที่โอบรอบตัวฉันและเนื้อตัวอุ่นๆ ของเขาที่ทาบสนิทอยู่กับร่างกายฉันเช่นกัน (กรี๊ดดดดดด ขอกรี๊ดสดุดีให้คนเขียนหนึ่งรอบ โดนใจจริงๆ เลยช่อตนี้) ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาและพบว่าดวงตาของเขาก็กำลังเขม้นมองลงมาที่ฉันเช่นกัน

ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำอะไรต่อไปดีจนกระทั่งมันเกิดขึ้น ฉันยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาแล้วดึงตัวเองเข้าหา ประทับริมฝีปากตัวเองเข้ากับเขาอย่างแนบแน่น ฉันต้องการเขาอย่างที่สุด ทุกส่วนของเขา ฉันแนบกายเข้าใกล้เขายิ่งขึ้นราวกับว่าเรายังไม่สนิทแนบกันมากพอ

ปากเขาขยับประกบฉันอย่างนุ่มนวลขณะที่รู้สึกว่าเขารั้งตัวฉันให้ใกล้เข้าไปอีก รู้สึกเหมือนความต้องการรุนแรงดุจเดียวกันแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา สมองฉันล่องลอยและเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม มันรู้สึกดีมากๆ เหมือนตัวฉันเข้ากับอ้อมแขนของเขาได้อย่างเหมาะเจาะพอดี ไม่อยากให้ชั่วขณะนั้นจบลงเลย

ราวกับว่าเขาจะอ่านใจฉันได้ ฉันรู้สึกว่ามือของเขาเลื่อนมาที่ข้างลำตัวและผลักฉันออก ฉันจ้องมองเขาด้วยความไม่แน่ใจขณะที่ลมหายใจกลับมาอีกครั้ง

“เนสซี่ ฉัน.. ฉันทำไม่ได้” เขากระซิบ

“ทำไม่ได้?”

“ฉันแค่-”

ฉันไม่อยากได้ยินอะไรแล้ว ฉันว่ายน้ำหนี หยิบเสื้อผ้าและสวมมันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันอับอายเกินกว่าจะทนกับการถูกปฏิเสธ ฉันประเมินสถานการณ์ผิดไปขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ฉันนึกว่าเขาจูบตอบฉัน นึกว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึก

“เนสซี่ ได้โปรด! ให้ฉันอธิบายก่อน”

ฉันกระโดดข้ามรั้วสูงอย่างรวดเร็ว

“เนสซี่ นั่นเธอจะไปไหนน่ะ?” เขาตะโกนถามไล่หลังมา

“ฉันจะวิ่งกลับบ้าน!” ฉันตะโกนตอบ แล้วออกวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้

ต้นไม้ผ่านหน้าฉันไปอย่างเบลอๆ ต้นแล้วต้นเล่า ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ฉันรู้สึกได้ว่าน้ำตาไหลผ่านร่องแก้มอย่างไม่ขาดสาย ลมแรงปะทะเข้ากับสายน้ำเล็กๆ นั้น มันเหมือนกับอยู่ๆ โลกก็ไร้ซึ่งความหมายและฉันไม่รู้ตัวแล้วว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันรู้สึกว่างเปล่าและเจ็บปวด

ฉันได้ยินเสียงพ่อกับแม่ยืนรออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน พ่ออาจจะได้ยินเสียงความคิดของฉันแล้วในตอนที่ฉันเข้าใกล้ตัวบ้าน

ท่านอาจจะอยากปลอบโยนฉันแต่ฉันยังไม่อยากคุยกับใครรในตอนนี้ ฉันผิดหวังเหลือเกินและอยากอยู่คนเดียว
ขณะที่วิ่งเข้าใกล้บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ลดฝีเท้าลงจนกลายเป็นเดินเร็วๆ ฉันเห็นพวกท่านรอคอยอยู่อย่างกระวนกระวายใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวลใจ ฉันมองพวกเขาแล้วส่ายหน้าและเดินเข้าบ้านเงียบๆ ฉันนึกขอบคุณที่พวกเขาไม่ได้เรียกฉันไปคุยเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันอยากซ่อนตัวหลบลี้หนีหน้าจากทุกคนและห้องของฉันก็เป็นที่เดียวที่ฉันนึกออก ฉันคงไม่มีหน้าไปมองเจคอบอีกต่อไปแล้ว

สงสารเนสซี่จังเลยแฮะตอนนี้... จูบแรกในสถานที่ที่น่าจะเรียกได้ว่าโรแมนติกวาบหวิวขนาดนั้นแท้ๆ ไอ้ลูกหมาเจคอบ แกนี่ก็น๊า!
โดย: amuro4ever วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:21:07:30 น.
  
อธิบายระเบียงหน้าบ้านคัลเลน เผื่อนึกภาพกันไม่ออก ระเบียงหน้าบ้านฝรั่งเค้าจะเปิดโล่งๆ มีชานบ้านคลุมอยู่

น่าจะประมาณคล้ายๆ อย่างนี้นะ


โดย: amuro4ever วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:21:14:21 น.
  
ตื่นเต้น ตามค่ะ เนสซี่จ๋า ..อิอิ

ขอบคุณค่ะ ... สู้ ๆ ๆ น้า
โดย: นุ๋มด IP: 112.142.141.87 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:7:36:56 น.
  
จะย้ากกกก สนุกม้วกฟินม้วก😙😙
โดย: พรีมมม💕 IP: 114.109.97.14 วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:2:50:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amuro4ever
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]