เสน่ห์ยุโรปตะวันออก : 11-เวียนนา (Vienna) เมืองแห่งศิลปะและดนตรีของโลก
สวัสดีครับ เมื่อคืนผมพักค้างคืนที่ซาลส์บูร์ก เช้านี้จะเดินทางไปเวียนนาเมืองสุดท้ายของทริปนี้ เวียนนาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของยุโรป ด้วยความงดงามของศิลปะและความโรแมนติกของดนตรีคลาสสิก รวมทั้งความเงียบสงบของเมือง เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ต้องเดินทางไปเยี่ยมชมเวียนนาสักครั้งหนึ่งในชีวิต เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
เวียนนา (Vienna ในภาษาอังกฤษ หรือ Wien ในภาษาเยอรมัน) เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองใหญ่ที่สุด มีประชากรราว 1.6 ล้านคน มีแม่น้ำสายสำคัญของยุโรปคือแม่น้ำดานูบไหลผ่าน เวียนนาเป็นศูนย์กลางทั้งทางเศรษฐกิจและการปกครองของประเทศ ประกอบกับที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของทวีปยุโรปพอดี นครแห่งนี้จึงมีความสำคัญในระดับนานาชาติโดยเป็นสถานที่ตั้งของหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติหลายแห่ง เช่น United Nations Industrial Development Organization (UNIDO), Organization of Petroleum Exporting Countries (OPEC) และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติแห่งที่สามของโลกอีกด้วย
กรุงเวียนนามีปราสาทราชวัง โบสถ์ อาคารสถานที่ ที่มีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่สวยงามมากมาย และมีคีตกวีเอกของโลกทั้งบีโธเฟ่น โมสาร์ท โยฮัน สเตราส พักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ กรุงเวียนนาจึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะและดนตรีของโลก มีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ถึงสองแห่ง คือเขตเมืองเก่าใจกลางกรุงเวียนนา (ค.ศ.2001) และพระราชวังเชินบรุนน์ (ค.ศ.1996)
ทิวทัศน์ทะเลสาบสวยงามที่มองเห็นผ่านหน้าต่างรถ ขณะกำลังเดินทางจากซาลส์บูร์กไปยังเวียนนา ระยะทาง 294 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
เข้ามาถึงเขตตัวเมืองเวียนนาเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว เราจะไปรับประทานอาหารกลางวันก่อนที่จะไปชมเมือง มื้อกลางวันวันนี้เป็นอาหารไทยครับ
เสร็จภารกิจจากอาหารกลางวัน เราจะไปชมพระราชวังเชินบรุนน์เป็นลำดับแรกครับ มาถึงประตูทางเข้าซึ่งด้านหน้าเป็นลานกว้าง บริเวณประตูมีเสาคู่ที่บนส่วนยอดเป็นรูปนกอินทรีซึงเป็นสัญญลักษณ์ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก (Habsburg Dynasty)
เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะพบลานกว้าง อาคารด้านขวามือ(ในภาพ)เป็นที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกเกี่ยวกับพระราชวัง
เดินลึกเข้าไปอีกแล้วมองย้อนกลับมา จะเห็นว่าบริเวณพระราชวังสร้างอาคารประกอบต่อเนื่องกันเป็นกำแพงโดยรอบ (คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
หันหลังกลับไปก็จะพบกับอาคารพระราชวังเต็ม ๆ แล้วครับ
พระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก ในอดีตพระราชวังเชินบรุนน์เคยเป็นที่ประทับฤดูร้อนของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง ค.ศ. 1918 ตัวอาคารพระราชวังหลวงแห่งเชินบรุนน์ บริเวณโดยรอบ และอาคารใกล้เคียง คือ อนุสรณ์สถานทางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งสำคัญของยุคบาโรก (คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
พระราชวังเชินบรุนน์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 เป็นพระราชวังที่มีต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ประกอบด้วยตัวปราสาท อุทยาน และสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง ตัวปราสาทประกอบด้วยห้องทั้งหมด 1,441 ห้อง แต่เปิดให้คนทั่วไปชมเพียง 40 ห้อง พระนางมาเรีย เทเรซา โปรดให้ปรับเปลี่ยนพระราชวังหลังเดิมให้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก ในศิลปะแบบรอโคโค (Rococo) อย่างหรูหราวิจิตรพิสดาร
นักท่องเที่ยวมากมายในวันนั้น
การเข้าชมบริเวณพระราชวังและสวนด้านหลังไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่ถ้าต้องการเข้าชมภายในต้องซื้อบัตร ซึ่งมีให้เลือก 2 ราคา อิมพีเรียลทัวร์ราคา 12.9 ยูโร ให้ชมได้ 22 ห้อง ใช้เวลา 35 นาที ซึ่งแสดงส่วนที่พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟและพระมเหสีอลิซเบธเคยประทับ ส่วนแกรนด์ทัวร์ราคา 15.9 ยูโร ให้ชมได้ถึง 40 ห้อง ใช้เวลา 50 นาที โดยเพิ่มส่วนที่พระนางมาเรีย เทเรซาเคยประทับ
ประตูเข้าชมภายในพระราชวังอยู่ทางด้านซ้ายมือของตัวปราสาท
บริเวณจำหน่ายตั๋ว บางวันจะมีคิวยาวมาก แต่ถ้ามากับทัวร์ ไกด์ท้องถิ่นจะซื้อไว้ให้ล่วงหน้า ทำให้สามารถผ่านเข้าไปตามเวลาที่กำหนดในตั๋วได้เลย
เลี้ยวขวาแล้วเดินตามไกด์ไปเลยครับ
ระหว่างทางเดินมองเห็นสวนด้านหลัง ผ่านบานประตูที่เป็นกระจกใส อีกสักครู่เราจะไปชมกัน
หลังจากผ่านบริเวณตรวจตั๋วแล้ว เราจะเดินเลี้ยวขวาขึ้นบันไดไปชมพระราชวังด้านบน
ภายในพระราชวังสวยงามวิจิตรบรรจงมาก สมดังคำร่ำลือจริง ๆ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเด็ดขาด ผมจึงนำภาพตัวอย่างจากอินเทอร์เน็ตมาให้ชมครับ (จากเว็บไซต์ www.expedia.co.th/en/Schoenbrunn-Palace-Vienna)
เดินออกมาจากพระราชวังเราจะเดินอ้อมไปทางขวามือ เพื่อไปชมอุทยานด้านหลัง ผ่านซุ้มต้นไม้สวยงาม
ซุ้มนี้เป็นกุหลาบสีแดงล้วน
บริเวณสวน
รูปปั้นหินอ่อนในสวน
บริเวณด้านหลังปราสาทเป็นอุทยานมีเนื้อที่กว้างขวาง เป็นสวนแบบฝรั่งเศส มีน้ำพุ ซากอาคารโรมันจำลอง รูปปั้นหินแกะสลัก และสวนสัตว์เวียนนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ปลายสุดของอุทยานคือน้ำพุและสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนกำแพง
ส่วนนี้เรียกว่า โกลเรียตต์ (Gloriette) ตั้งอยู่บนยอดเนินที่สามารถมองได้รอบทิศ ตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มโค้ง 11 ซุ้ม รองรับด้วยเสาดอริกแบบกรีก ยอดบนสุดของอาคารสร้างเป็นรูปนกอินทรีเหยียบลูกโลก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก
สามารถขึ้นไปยังบริเวณนี้แล้วถ่ายรูปย้อนกลับมาทางด้านพระราชวัง จะได้ภาพตัวเมืองเก่าเป็นฉากหลัง สวยงามมาก (ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
น้ำพุเทพเนปจูนแบบโรมัน
สวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้า สวยงามมาก
เมื่อหันกลับไปมองพระราชวัง โดยมีสวนดอกไม้เป็นฟอร์กราวนด์ จะได้ภาพสวยงามมาก เหมือนมีพรมปูอยู่ด้านหน้าเลย
มาชมความสวยงามในส่วนของพระราชวังใกล้ ๆ กันครับ
ได้เวลาพอสมควรเราจะออกจากพระราชวังเพื่อไปชมสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ กันบ้าง
รถโค้ชพาเรานั่งชมสถานที่สำคัญ ๆ ในตัวเมืองเวียนนา โดยใช้ถนนวงแหวน แต่ไม่ได้หยุดแวะจึงทำให้ถ่ายภาพได้ภาพไม่ค่อยชัดเจนนัก
จะขอเลือกมาสัก 1 สถานที่ นี่คือตึกรัฐสภา (Parlament) สร้างขึ้นด้วยศิลปะนีโอคลาสสิกตามแบบกรีกโบราณ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1883 ด้านหน้ามีน้ำพุ ตรงกลางเป็นรูปปั้นเทพีอธีนา (Athena) เทพีผู้พิทักษ์กรุงเอเธนส์ ทรงชุดนักรบพร้อมอาวุธครบมือ
ดูภาพด้านหน้าตึกกันแบบชัด ๆ (ภาพนี้นำมาจากอินเทอร์เน็ต)
รถโค้ชมาจอดให้ลงบริเวณศูนย์กลางของเขตเมืองเก่า คือจัตุรัสสเตฟานส์ (Stephansplatz) ที่มีสถานที่สำคัญของเวียนนาและร้านค้ามากมาย เราจะข้ามสี่แยกไปเดินตามถนน Garben ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
อาคารแรกที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อลงจากรถโค้ชก็คือโรงอุปรากรแห่งชาติ (Wiener Staatsoper หรือ State Opera House) นี่คือโรงอุปรากรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สร้างในปี ค.ศ. 1863-1869 ในแบบนีโอเรอเนซองส์ นับเป็นอาคารหลังแรก ๆ บนถนนเส้นใหม่นี้ เมื่อสร้างเสร็จชาวเมืองไม่ชอบอาคารหลังนี้จนสถาปนิกผู้ออกแบบถึงกับฆ่าตัวตาย เมื่อมีการเปิดการแสดงเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1869 เรื่อง Don Giovanni ของโมสาร์ท จักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟและจักรพรรดินีอลิซาเบธเสด็จทอดพระเนตรด้วย พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟตรัสชมอาคารหลังนี้ว่าทรงพอพระทัยมาก แต่ก็สายไปเสียแล้ว (เพราะสถาปนิกฆ่าตัวตายไปแล้วนั่นเอง)
ภาพโรงอุปรากรแห่งชาติทั้งหลัง (จากอินเทอร์เน็ต)
การข้ามไปยังฝั่งตรงกันข้าม นอกจากจะข้ามถนนตรงทางม้าลายแล้ว ยังสามารถลงอุโมงค์ข้ามไปได้ และนี่คือภายในอุโมงค์ ทางเดินกว้างขวางและมีร้านค้าเต็มไปหมด
ข้ามมาแล้วเราจะเดินตรงไปตามถนน Garben ที่อยู่ด้านหน้า อาคารหลังหนึ่งด้านขวามือติดโลโก้นาฬิกา ROLEX ขนาดใหญ่บนยอดตึก
ห้องชั้นล่างที่อยู่มุมถนนของอาคารนี้เป็นร้านกาแฟสตาร์บัคส์
เดินไปอีกระยะหนึ่งจะพบอนุสาวรีย์เล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางถนน ชื่อว่า Plague Monument กษัตริย์ Leopold I ทรงให้สร้าง Plague Monument เพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้า หลังจากที่พระองค์สวดมนต์อ้อนวอนขอพรต่อพระเจ้าเพื่อให้ช่วยปกป้องประชาชนที่ล้มตายเมื่อครั้งเกิดโรคระบาดในกรุงเวียนนาเมื่อปี ค.ศ. 1679
ยังมีน้ำพุสวยงามอีกหลายแห่งบนถนนสายนี้
อาคารร้านค้าปรับปรุงมาจากอาคารเก่าที่งดงาม
เดินผ่านมาถึงบริเวณนี้ มองเห็นโบสถ์สวยงามอยู่ในซอยซ้ายมือ คือโบสถ์เซนต์ชาลส์ (St.Charles Cathedral) หรือ "คาร์ล เคียร์เชอะ" (Karlskirche) สร้างขึ้นอย่างงดงามด้วยศิลปะแบบบาโรก ที่มาของการสร้างโบสถ์แห่งนี้คือ ในราวปี ค.ศ.1713 ได้เกิดโรคระบาดใหญ่ลุกลามไปทั่วยุโรป ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระเจ้าคาร์ลที่ 6 ได้ทรงอธิษฐานว่าจะสร้างโบสถ์ขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญเซนต์ชาลส์ บอร์โรมีโอ (St.Charles Borromeo) นักบุญแคทอลิกพระนามเดียวกับพระองค์หากโรคระบาดสงบลง ซึ่งในที่สุดก็สงบลง
เดินเข้าไปจนถึงศูนย์กลางของเขตเมืองเก่าพบโบสถ์ใหญ่สวยงามอยู่ด้านหน้า
นี่คือโบสถ์เซนต์สตีเฟน (St.Stephen Cathedral) หรือในภาษาเยอรมันเรียกว่า สเตฟานส์โดม (Stephansdom)
เป็นโบสถ์เก่าแก่สไตล์โกธิกตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 13 ถือเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศออสเตรีย
ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์นี้คือหอคอยทางทิศใต้ที่มีความสูงถึง 136.7 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 75 ปี และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1433 เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในเมือง สามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวอื่น ๆ ทั่วเมือง สามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดหอคอยแห่งนี้ได้จะมองเห็นกรุงเวียนนาได้ 360 องศา
ความงดงามบริเวณมุขด้านหน้าของโบสถ์
และบริเวณภายในโบสถ์
มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากบริเวณด้านหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองเก่า
เราเดินย้อนกลับไปที่จุดนัดหมาย มีโอกาสเห็นงานศิลปะที่งดงามของตึกที่อยู่ด้านซ้ายมืออย่างใกล้ชิด
ค่ำนี้มีกำหนดกลับเมืองไทยแล้ว พอได้เวลาอันสมควร หัวหน้าทัวร์พากลุ่มของเราขึ้นรถโค้ชเดินทางไปยังสนามบินเวียนนา ไม่นานนักก็มองเห็นหอบังคับการบินของสนามบินอยู่ข้างหน้า
เพื่อขึ้นเครื่องบินของสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OS 025 ออกจากกรุงเวียนนาเวลา 23.20 น. และถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 14.20 น. ในวันรุ่งขึ้น
หมายเหตุ ข้อมูลบรรยายภาพต่าง ๆ ในเอนทรี่นี้ ผมเรียบเรียงมาจาก 2 เว็บไซต์ คือ //cherokee.exteen.com/20090609/entry และ //2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11592318/E11592318.html
ขอขอบคุณ คุณ Cherokee และ คุณ Chris Evert ด้วยครับ
การไปท่องเที่ยวเมืองต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกในครั้งนี้ ผมมีความสุขและประทับใจมากที่ได้พบเห็นทิวทัศน์ ปราสาทราชวัง สิ่งก่อสร้าง อาคารสถานที่ที่งดงาม การเดินทางสะดวกปลอดภัย ที่พักและอาหารถูกใจ ผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และผู้ร่วมคณะทัวร์ที่น่ารักทุกคน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมมาโดยตลอด แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ.
Create Date : 24 สิงหาคม 2558 |
|
10 comments |
Last Update : 26 สิงหาคม 2558 9:00:25 น. |
Counter : 3940 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
-----------------------------
ปิดทริปได้อย่างสวยงาม ฟ้าใสต้องคลิกกลับไปอ่านตอนที่ 1 อารัมภบท ...
แล้วกลับมาสรุปอีกทีว่า ทริปนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2558 รวม 8 วัน
อัพบล็อกได้ 11 ตอน สรุปค่าเสียหายด้วย ก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แหะ ๆ
เผื่อใครอยากไปตามรอยบ้าง จะได้เตรียมหยอดกระปุกได้ถูก อิอิ
ขอบคุณที่พาเที่ยวผ่านบล็อกนะคะ ไม่เหนื่อยแล้วก็ตังค์อยู่ครบด้วย
ชอบภาพอุโมงค์ต้นไม้-ดอกกุหลาบแดง อยากมีอย่างนี้บ้างค่ะ