เสน่ห์ตุรกี : 4-พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า
วันที่สามในตุรกีแล้วครับ หลังรับประทานอาหารเช้าในโรงแรมแล้ว วันนี้เราต้องเดินทางไกลไปยังเมืองคอนย่า (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุค ในช่วงปี ค.ศ.1071-1308 ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อจะไปชมสิ่งที่น่าสนใจกันต่อ เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
พักรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารระหว่างทาง ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม
เป็นภัตตาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่แปลกตา รถนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะที่นี่
บริเวณหลังคาด้านหน้าตัวอาคารประดับด้วยธงชาติต่าง ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย นิยมมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย (แต่ไม่มีไทย)
อิ่มแล้วเดินทางต่อ ในที่สุดคณะของเราก็เดินทางถึงพิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองคอนย่า
พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (Mevlana museum) หรือสำนักลมวน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1231 โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม ท่านเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม โดยมีพื้นฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาเลดดิน อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลาน่าด้วย
ทุกๆ ปีในช่วงเดือนธันวาคม สาวกของสำนักลมวนจะจัดพิธี ซีมา (Sema) หรือพิธีเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกถึงเมฟลาน่าผู้ก่อตั้งนิกาย ด้วยการเต้นรำ (Sema Dance) ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเหล่าสาวกสำนักลมวนจะสวมชุดกระโปรงยาวบานสีขาว สวมหมวกทรงกระบอก ออกมาร่ายรำหมุนตัวไปรอบๆ ให้เข้ากับจังหวะกลองและเสียงดนตรี ท่วงทำนองไพเราะลี้ลับ อันเป็นการแสดงออกซึ่งความตายและการรวมเข้ากันเป็นหนึ่งกับพระอัลเลาะห์ ซึ่งทุกวันนี้สำนักลมวนกลายเป็นหนึ่งในตำนานสำคัญของศาสนาอิสลาม ที่ยังทิ้งมรดกสำคัญไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้กัน
การเข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑ์จะต้องสวมถุงพลาสติกเข้ากับรองเท้าเดิมก่อน และภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ จึงถ่ายภาพได้เฉพาะบริเวณภายนอกเท่านั้น
สถาปัตยกรรมเซลจุคสวยงาม ที่พบเห็นได้จากอาคารต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์
ร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ ที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ คือรูปปั้นเมฟลาน่าขนาดต่าง ๆ และหนังสือคำสอนของเมฟลาน่าที่เป็นภาษาตุรกีและภาษาอื่น ๆ เช่นภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ออกจากพิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า เดินทางต่อไปยังเมืองคับปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่มีธรรมชาติสวยงามอีกเมืองหนึ่ง ระหว่างทางแวะชมที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ
เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
ภายในจะมีอาคารรูปทรงแปลก ๆ
มีกำแพงล้อมรอบเพื่อป้องกันลมและฝน รวมทั้งพายุทะเลทรายที่รุนแรง
ลักษณะของที่พักแรมดูคล้ายถ้ำที่มนุษย์ทำขึ้นเอง ประกอบด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงและก่อสร้างด้วยหินล้วน ๆ
ระหว่างเดินทางไปยังโรงแรมที่พักในวันนี้ สามารถมองเห็นภูเขาไฟ 1 ใน 3 ลูกของตุรกี (ที่ยังไม่ดับ) ในระยะไกล ๆ ยอดเขาสูงยังปกคลุมด้วยหิมะแลดูสวยงาม (ภาพนี้ถ่ายในรถขณะกำลังแล่น)
ตอนต่อไปจะเล่าเรื่องโชว์เมฟลาน่าและระบำหน้าท้องของตุรกีที่สวยงาม โปรดติดตามนะครับ.
Create Date : 17 เมษายน 2555 |
|
8 comments |
Last Update : 17 เมษายน 2555 12:03:33 น. |
Counter : 4924 Pageviews. |
|
|
|
Bloggang มีปัญหามา 2 วัน เปิดหน้า mainblog ไม่ได้เลย
วันนี้มาชมตุรกีตอนที่ 4 สงสัยถ่ายรูปมาหลายร้อยภาพแน่ๆ
แต่ก็น่าถ่ายเน้อ มีแต่ภาพสวยๆ อุตสาห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปอีกหรือป่าว
ถ้าปานได้ไปก็คงยิงไม่ยั้ง
บางครั้งเหมือนว่าไม่ได้ชื่นชมสิ่งสวยงาม มัวแต่ห่วงถ่ายภาพ