Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 

เวลาโกรธ ใช้อุบายไหนระงับได้เร็วที่สุด

คัดลอกจาก //managerroom.com/board/viewtopic.php?t=2410&sid=fb8bb342b4d51d1b6298d84ac8519c68

ผมมักจะมารู้สึกตัวหลังโกรธ และจัดการกับคนรอบข้างด้วยวาจาไปแล้ว มาคิดเสียใจทีหลังทุกที
ตอนโกรธรู้สึกตัวสั่น ต้องจัดการอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเรื่องการยึดมั่นถือมั่นอย่างนึงหรือเปล่า
เพื่อนๆ ขอประสบการณ์การระงับความโกรธ ที่ได้ผลหน่อยซิครับ จะได้นำมาใช้บ้าง

เวลาโกรธ ใช้อุบายไหนระงับได้เร็วที่สุด [ 29 มี.ค. 2005 6:03 ]
โดยคุณ น้อย ผู้ตอบ#6629 [ - ]




พระพุทธเจ้าท่านมีสอนไว้ ในเรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง และจริตนิสัยอื่น ๆ แนวทางการปฏิบัติเป็นการสวนทางกับสิ่งที่เกิดกับใจ สวนทางกับสิ่งที่ทำให้เสียหลัก อุบายแก้ความโกรธที่ท่านสอนไว้คือ เมตตามาก ๆ ไม่ใช่ง่ายที่จะแก้ไข ไม่ใช่ง่ายที่จะควบคุม แต่แก้ได้ ฝึกได้ อันดับแรกคือตั้งสติให้ดี ๆ คอยสังเกตุจิตของตนเอง ฝึกที่จะอดทน ฝึกที่จะข่มใจ ฝึกที่จะแผ่เมตตามาก ๆ บ่อย ๆ สุดท้ายฝึกที่จะใช้ปัญญาหาเหตุผล ไม่ใช่งานง่ายที่จะแก้นิสัยตนเอง แต่รับรองแก้ได้ ใช้เวลาหน่อย ใช้ความพยายามหน่อย...จากหนักจะเริ่มเป็นเบาลงได้ ลด ละ เลิกได้ในที่สุด...ที่สำคัญจะต้องมีสติรู้เท่าทันให้ได้ จะต้องควบคุมและแก้ไขให้ ได้ ถ้าตั้งใจแล้วรักษาความตั้งใจแล้วเชื่อมั่นว่าสำเร็จ...ให้กำลังใจช่วยครับ

[ 29 มี.ค. 2005 13:01 ]
โดยคุณ เนรัญชรา ผู้ตอบ#6633 [สมัครสมาชิก: 28 มี.ค. 2005 - ตอบ: 3]




พิจารณาตาม ขันธ์ 5/การเกิดขึ้นตั้งอยู่และการดับไปของจิต

[ 31 มี.ค. 2005 9:56 ]
โดยคุณ - ผู้ตอบ#6673 [ - ]




ลองใช้วิธีนี้ดูนะคะ ตั้งสติให้ดีๆ แค่รู้ ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แสดงว่าเรามีสติ จากนั้นถ้าข่มไม่ไหว ลองหายใจเข้าออก ลึก ๆ สัก๒-๓ที ถ้ายังข่มไม่ไหว อาจารย์ให้ใช้วิธีหลบค่ะ เพื่อตั้งหลักและไม่ให้เราต้องทำวิบากกรรมอะไรที่เราจะต้องมาเสียใจภายหลังค่ะ ขอเอาใจช่วยนะคะ

ลองดูค่ะ [ 31 มี.ค. 2005 22:20 ]
โดยคุณ YOYO ผู้ตอบ#6690 [สมัครสมาชิก: 19 มี.ค. 2005 - ตอบ: 21]









 

Create Date : 18 สิงหาคม 2549
4 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2549 22:23:22 น.
Counter : 1895 Pageviews.

 

เทคนิคทำให้หายโกรธ


ความโกรธ คืออารมณ์เดือดพล่านที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ในยามที่เราต้องเกี่ยวข้องผู้อื่น
อ่านเทคนิควิธีทำให้หายโกรธแบบง่าย ๆ
ท่านสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตครอบครัวและการทำงาน






วิธีที่ ๑. ยามใดเมื่อเราโกรธ เราต้องรู้ตัวของเราเองว่า เรากำลังได้รับพิษร้ายเข้าไปแล้ว
ควรสร้างความรู้สึก"สะดุ้งกลัว"ขึ้นมาทันที และ พยายามระงับความโกรธนั้นไว้
ไม่ให้พิษโกรธกำเริบแสดงเป็นกริยาอาการอะไรออกมาอย่างเด็ดขาด
ด้วยการพิจารณาโทษของความโกรธให้มากที่สุด
ตัวอย่างวิธีคิด
"หากเราโง่เขลาคิดตอบโต้ผู้อื่นด้วยความโกรธเมื่อใด
พิษร้ายของความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นและหมักหมมอยู่ในใจมากขึ้นทุกที
มันจะคอยออกมาเผาลนจิตใจของเราไปชั่วกาลนาน
เสมือนหนึ่งเราได้สร้างนรกให้เกิดขึ้นในใจของตัวเอง "
(เป็นการนำคุณธรรมข้อ "โอตตัปปะ"หรือ "ความสะดุ้งกลัว" มาอธิบาย
ให้ตัวเองเห็นถึงผลร้ายของความโกรธ / สุตตันต.เล่ม ๑๓ ข้อ ๑๑ หน้า ๑๔ )

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๒ มองเห็นผลดีของการระงับความโกรธด้วยเมตตา ว่าทำให้เรานอนหลับฝันดี
มีเพื่อนเยอะแยะ ใครเห็นใครก็รักไคร่ มีสุขภาพจิตดี มีความสุขตลอดเวลา
โห..คุ้มค่าจริง ๆ เลย
(ดูอานิสงส์เมตตา ๑๑ ประการ / สุตตันต.เล่ม ๑๖ ข้อ ๒๒๒ หน้า ๓๖๑ )

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๓. เมื่อรู้สึกโกรธ หรือ เคืองใจใครก็ตาม ให้ตั้งสติระลึกนึกถึงความดีของคน ๆ นั้นไว้ในใจ
เช่นเขาเคยทำดีอะไรให้แก่เราบ้างไหม หรือ เขามีส่วนดีอื่นๆ ที่น่าประทับใจอะไรบ้าง
นึกอย่างนี้มาแทนความคิดไม่ชอบใจ ความโกรธก็จะหายไปเอง
ตัวอย่าง
"นายมีโกรธนายแดงที่พูดจาดูถูกตน แต่พอนายมีนึกถึงเมื่อครั้งนายแดงเคยช่วยมา
ทาสีบ้านให้ทั้งวันเมื่อปีที่แล้ว นายมีก็หายโกรธนายแดง"
"คุณเจ ไม่ชอบหน้าคุณจอนเลย เพราะคุณจอนชอบพูดจากวนประสาท แต่คุณเจก็
พยายามคิดว่าคุณจอนถึงแกจะชอบพูดกวนประสาท แต่แกก็ยังดีที่ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่
คิดได้ดังนี้คุณเจ ก็เกิดความรู้สึกที่ดีต่อคุณจอนขึ้นมาบ้าง "
(ดู วิธีระงับความอาฆาต ด้วยการมองเห็นความดีของเขา /สุตตันต.เล่ม๑๔
ข้อ ๑๖๑-๑๖๒ )

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๔ เมื่อโกรธคนใกล้ตัว เช่น แฟน , พี่น้อง , เพื่อนร่วมงาน หรือ โกรธคนไกลตัวเช่น
นักการเมือง ฯลฯ
ให้ลองนึกมโนภาพหน้าตาของเขาให้เป็นเด็กเล็ก ๆ อายุสัก 1-2 ขวบ
โดยให้คิดเหมือนกับ ว่าเขาเป็นลูกของเรา สร้างความรู้สึกเอ็นดูเมตตาเหมือน
พ่อแม่รักลูก ความโกรธจะหายไปเป็น ปลิดทิ้ง วิธีนี้แม้ดูง่าย ๆ และ น่าขำ แต่ก็
สามารถทำให้หายโกรธได้ผลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
( ดูคำสอนเรื่องให้รักผู้อื่นเหมือนมารดารักบุตร /สุตตันต เล่ม๑๗ ข้อ ๑๐ หน้า ๑๑ )

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๕ คิดตั้งหลายวิธีแล้วก็ยังไม่หายโกรธ มาลองใช้วิธี "ไม่คิด" ดูก็ได้ ด้วยการ
หายใจเข้าปอดลึก ๆ ยาว ๆ ทำลมหายใจให้ละเอียด (นึกจินตนาการว่าลมหายใจ
ของเราเป็นอะไรบางอย่างที่ละเอียด อ่อน บางเบา ในขณะที่หายใจ ) หายใจเข้า
ออกติดต่อกันสัก ๑๐ ครั้ง ความโกรธก็จะสลายหมดไป กลายเป็นความสบายใจ
มาแทนที่
(ดูอานิสงส์อานาปาสติ ทำให้เกิดปีติ สุข จิตใจสงบระงับ ร่าเริง / สุตตันต.เล่ม ๖
ข้อ ๒๘๘ ข้อ ๑๗๐)

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๖ วิธีนี้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับเพื่อนสนิท หรือ คู่รัก ในยามที่เกิดความไม่เข้าใจกัน
หรือ ทะเลาะกันจนต่างฝ่ายต่างโกรธ นั่นคือ "การให้ของขวัญ" เป็นวิธีแก้ไข
ปัญหาความโกรธที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้เป็นการแสดงออกที่ทำให้หายโกรธ
ทั้งผู้ให้และผู้รับ

(ดูสังคหวัตถุ ๔ คือ การให้ พูดจาไพเราะ ช่วยเหลือเจือจาน ร่วมทุกข์ร่วมสุข สมานไมตรีไว้ตลอดกาล/
สุตตันต.เล่ม๓ ข้อ๒๖๗ หน้า๒๒๐)

--------------------------------------------------------------------------------
วิธีที่ ๗ ให้มองว่าทั้งตัวเราและคนที่เราคนโกรธ ต่าง เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น
คือ ไม่มีใครสามารถรอดจากความทุกข์ แก่ เจ็บ ตายได้สักคน ให้คิดจินตนาการ
มองเห็นคนที่เรากำลังโกรธอยู่ เห็นภาพในอนาคตสมมุติว่าเขากำลังป่วยหนัก
ใกล้ตาย เขาจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานแค่ไหน จากนั้นให้หวนคิดถึงตัวเราเองว่า
เราเองสักวันหนึ่งก็ต้องพบกับความทุกขทรมานและความตายเหมือนเขาเช่นเดียวกัน
พวกเราล้วนตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะมามัวโกรธกันอยู่ทำไมกัน
(ดูบทสวดมนต์แผ่เมตตา)
ข้อ ๒๘๘ ข้อ ๑๗๐)

--------------------------------------------------------------------------------

วิธีที่ ๘ ใช้วิธีกราบพระเพื่อระงับความโกรธ
การกราบพระทำให้จิตใจเกิดความอ่อนน้อม หมดความมานะถือตัว สภาพจิตใจเช่นนี้
ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นหากท่านใช้วิธีระงับโกรธหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล
ขอแนะนำให้ใช้วิธีกราบพระ ท่านว่าได้ผลชงัดนัก วิธีง่าย ๆ เมื่อใดที่โกรธ
ให้ก้มลงกราบพระทันที และในขณะที่ท่านกราบพระ ให้นึกถึงใบหน้าของ
คนที่ท่านโกรธ ท่านจะพบด้วยตนเองว่าตราบใดที่ท่านยัง
กราบพระอยู่ ความโกรธจะไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้เลย

( จากเทคนิควิธีกำราบความโกรธส่วนตัวของหลวงพ่อบุดดา ถาวโร )

 

โดย: คนขับช้า 18 สิงหาคม 2549 4:35:24 น.  

 

อีกที่จาก //rianchern.com/webboard

ผมมักจะมารู้สึกตัวหลังโกรธ และจัดการกับคนรอบข้างด้วยวาจาไปแล้ว มาคิดเสียใจทีหลังทุกที
ตอนโกรธรู้สึกตัวสั่น ต้องจัดการอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเรื่องการยึดมั่นถือมั่นอย่างนึงหรือเปล่า
เพื่อนๆ ขอประสบการณ์การระงับความโกรธ ที่ได้ผลหน่อยซิครับ จะได้นำมาใช้บ้าง

ขอความคิดเห็นด้วยครับ
แจ้งผู้ดูแล


น้อย โพสต์เมื่อ: Apr 4 2005, 04:19 PM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 95
สมาชิกลำดับที่.: 70
สมัครเมื่อ: 4-April 05



มีคน Share แล้ว 1 ความคิดเห็น ดังนี้

เวลาโกรธ จะทำอย่างไร:

( โดยส่วนตัว) ผมเอง ก็ ยังทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง นะครับ เอาเป็นว่า เรามาแลกเปลี่ยนกัน ดีกว่า



1. ให้ตระหนักรู้ไว้(อย่างชัดเจน) ว่า โทษของความโกรธ เป็นอย่างไร มันรุนแรงมาก(อาจจะยิ่งกว่า ซือนามิ อีก)

พระพยอม ก็ มักพูดเสมอ ว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า



2. ใช้ สติ จับอารมณ์ รู้ เท่าทัน ว่า อารมณ์โกรธ มาแล้ว นะ อ๋อ เป็นอย่างนี้เอง ชีพจร เต้นเร็วขึ้น มือไม้เริ่มสั่น หรือ อาจจะถึงขั้น เท้าเริ่มกระตุก(พร้อมที่จะถีบใครบางคน!)



3. ใช้ ปัญญา ที่สั่งสมมา อย่างท่วมท้น(แต่เรียกมาใช้ ไม่ค่อยจะทันซะที) ตัวอย่างเช่น ทุกสิ่งเป็นไตรลักษณ์ ไม่มี ตัวตน ไม่มีทั้งตัวเขา(ที่เรากำลังโกรธ) และ ไม่มีตัวเรา

(ที่กำลังโกรธ) ด้วย เมื่อทุกอย่าง คือ ความว่าง แล้ว จะโกรธ อะไร??? แม้ ไอ้ตัวความโกรธเอง มันก็หนีไม่พ้น กฏแห่งไตรลักษณ์ ครับ คุณไม่มีทางโกรธได้นานเกิน 3 ชั่วโมงหรอกครับ มันก็เกิดๆ ดับๆ อย่างนั้นแหละ ท่านพุทธทาส มักพูดเสมอว่า เช่นนั้นเองๆๆๆ (ตถตา)



4. เจริญ เมตตา อยู่เสมอ หมั่นระลึกนึกถึง พระอรหันต์ ทั้งหลายที่ คุณนับถือ พวกท่านนั้นเจริญ เมตตา และ แผ่เมตตา อยู่ทุกลมหายใจ จนกลายเป็น มหาเมตตาธรรม ค้ำจุนโลก เมื่อมีความเมตตา เต็มล้น (แม้จะนำไปฝาก ทุก bank ก็ ไม่พอเก็บ) อยู่อย่างนั้น แล้ว ความโกรธจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เน๊อะ



เพียง 4 ข้อ นี้ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์ นะครับ
แจ้งผู้ดูแล


น้อย โพสต์เมื่อ: May 11 2005, 12:16 AM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 95
สมาชิกลำดับที่.: 70
สมัครเมื่อ: 4-April 05



เวลาโมโหหากคุณมีลูก ให้ลูกสอนก็ได้นะครับ ผมมี 2 กรณีเล่าให้ฟัง

วันงานเลี้ยงปิดเทอมของลูกอายุ 4 ขวบ เป็นการแสดงบนเวทีกลางคืน การแสดงของลูกผมโดนแซงคิว ผมโกรธมาก กระฟัดกระเฟียด พูดจาไม่ดีกับเขาไปทั่ว แต่ลูกกลับพูดว่า "หนูรอได้ค่ะพ่อ"

ในร้านหนังสือ ลูกนั่งบนเก้าอี้ แล้วมีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงมานั่งเบียด ผมเห็นรู้สึกโกรธว่ามาแย่งลูกเรานั่ง แต่ไม่ได้ทำอะไร จนออกนอกร้านหนังสือจึงถามเหตุการณ์กับลูก แกบอกว่า "แบ่งๆ กันนั่งน่ะพ่อ" ผมรู้สึกดีมากที่ไม่โวยวาย และเสริมลูกไปว่า "ดีแล้วลูก คิดถูกต้องแล้ว"

ตอนนี้ผมตกลงกับลูกว่าใครโกรธ หรือ โมโห ให้อีกฝ่ายหนึ่งหยิก เพื่อเตือนสติได้เลย โดนหยิกบ่อยๆ เลยครับ

เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ "เด็กทุกคนเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่กำเนิด อยู่ที่การเลี้ยงดูเพื่อรักษาสถานภาพเขาไว้"

มีความสุขกับการเลี้ยงลูกครับ ผมถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งครับ ดูง่ายๆ อย่างป้อนนมลูกให้หลับตอนเล็กๆ ยากมากเลยครับ ฝึกจิตได้สบาย
แจ้งผู้ดูแล


pisut โพสต์เมื่อ: May 11 2005, 12:51 AM



Advanced Member


Group: Admin
Posts: 492
สมาชิกลำดับที่.: 3
สมัครเมื่อ: 11-June 04



ดีจังครับ คุณ น้อย, ขอเชิญ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมถกกัน เรื่อง การจัดการกับความโกรธ ด้วยกัน

เพื่อ การโยนิโสมนสิการ (พิจารณาโดยแยบคาย แล้ว นำไปใช้) นะครับ


แจ้งผู้ดูแล


เชิงตะกอน โพสต์เมื่อ: May 11 2005, 05:36 AM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 258
สมาชิกลำดับที่.: 10
สมัครเมื่อ: 12-June 04



ขอผ่านเลยครับ กระทู้นี้ เพราะผมยังห่างไกลมากกับคำว่า ระงับ
แจ้งผู้ดูแล


อิ๊กคิวซัง โพสต์เมื่อ: May 11 2005, 06:25 AM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 116
สมาชิกลำดับที่.: 15
สมัครเมื่อ: 15-June 04



ให้ระงับกลิ่นยังพอไหว แต่ถ้าจะให้ระงับความโกรธ ฟังดูเหมือนง่ายแต่ยากอย่าบอกใครเชียว สำหรับผม ถ้าใครทำให้โกรธมาก ๆ ก็นิ่งเอาไว้อย่างเดียวครับ ไม่พูดไม่จาทั้งสิ้น แต่ไม่หน้าแดง ควันออกหู แบบท่านเชิงตะกอนนะ ...ยังจำได้อยู่รึเปล่า
แจ้งผู้ดูแล


Here_and_Now โพสต์เมื่อ: May 12 2005, 12:07 PM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 129
สมาชิกลำดับที่.: 49
สมัครเมื่อ: 12-October 04



โห..ชอบมากเลยค่ะ กระทู้นี้ มีประโยชน์กับชีวิตจริงๆ (กระติกอย่าเพิ่งผ่านนะ..)

มันยากมากค่ะ แต่ก็เป็นหน้าที่ที่เราทุกคนจะต้องฝึก หากหวังความสุขในชีวิต

จากประสบการณ์ของตัวเอง เห็นว่ามีหลายวิธีที่ควรจะใช้ร่วมๆ กันไปค่ะ ทั้งการพิจารณาให้เห็นทุกข์โทษของโทสะ ทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว (แล้วทิ้งเศษซากของหายนะแห่งความสงบสุขของจิตไว้) และที่กำลังเกิดขึ้น (อาการที่โทสะแผดเผาจิตและแสดงออกทางกาย+วาจา) หรือจะเป็นการหมั่นศึกษาและเพียรในโยนิโสมนสิการ หรือจะเป็นการหมั่นเจริญเมตตาภาวนาก็ดี ถึงจุดหนึ่ง ทุกอย่างจะเสริมกันและกัน ช่วยให้นิสัยของเราเปลี่ยนไปได้ค่ะ

เคยโกรธถึงขนาดต้องจับคนนั้นมาแยกธาตุเหมือนกันค่ะ แยกแล้วก็ไม่มีอะไร นอกจากนามรูป ไม่ต่างจากเรา จะต่างโดยนัยสำคัญก็แค่เป็นจิตที่ประกอบไปด้วยวิชชาหรืออวิชชา ก็เท่านั้น เห็นแล้วมันก็ปลงไปเองค่ะ (เดี๋ยวก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย กันทุกคน)

อีกอย่างที่เจอคือ ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่านะคะ พอเราเผลอๆ นึกว่าตัวเองใช้ได้ละ เดี๋ยวค่ะ..เดี๋ยวจะมีอะไรมาทดสอบ แล้วก็เลยได้รู้.. ว่ายังไม่ไปถึงไหนเลย..

แจ้งผู้ดูแล


pisut โพสต์เมื่อ: May 12 2005, 05:11 PM



Advanced Member


Group: Admin
Posts: 492
สมาชิกลำดับที่.: 3
สมัครเมื่อ: 11-June 04



ไม่มีบุคคลใดสมควรแก่การโกรธ

ท่องไว้ ๆ เดี๋ยวดีเอง

หากใครคิดว่า ความโกรธ ยังมีเยอะอยู่ ไปหาอ่าน เล่มนี้ ของท่านพุทธทาส ภิกขุ เรื่อง

เก็บความโกรธไว้ในยุ้งฉาง (โกดังเก็บข้าวเปลือก)
หวังว่า ยุ้งฉาง คงพอเก็บไหวนะ

มี สติ คอยสกัด โกรธ ไว้ ละไม่ได้ก็ช่างมัน ให้รู้เท่าทัน ก็ เพียงพอ
แจ้งผู้ดูแล


sanom โพสต์เมื่อ: May 13 2005, 02:43 AM



Member


Group: Members
Posts: 14
สมาชิกลำดับที่.: 26
สมัครเมื่อ: 21-June 04



ให้ลองคิดดูว่าการที่เราโกรธนะหาสาเหตุแล้วพิจารณาดีๆ เพราะทุกสิ่งที่เกิดย่อมมีเหตุ ถึงจะมีผล
คิดดูดีๆแล้วระงับความโกรธ เพราะเมื่อเรามีความโกรธครอบงำแล้วยิ่งทำให้ตัวเราทุกข์ไปใหญ่
ทุกข์ที่ใจ ที่เราไปโกรธเขา เราโกรธเราก็ทุกข์ คนที่ทำให้เราโกรธเขาไม่ได้ทุกข์ด้วย
แจ้งผู้ดูแล


เชิงตะกอน โพสต์เมื่อ: May 13 2005, 03:31 AM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 258
สมาชิกลำดับที่.: 10
สมัครเมื่อ: 12-June 04



ขอบคุณทั่นอิ๊กคิว ที่เอาความจริงมาพูด 555555 ขอบคุณพี่ปุ๋ม ที่เตือนสติ แต่ว่าวันก่อน เห็นพี่แอ๊ด หน้าแดงนะครับ 55555555
แจ้งผู้ดูแล


pisut โพสต์เมื่อ: May 13 2005, 03:56 AM



Advanced Member


Group: Admin
Posts: 492
สมาชิกลำดับที่.: 3
สมัครเมื่อ: 11-June 04



ถูกต้องละครับ น้อง กระติก

ในสังคม บางทีเราหลบไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับอันธพาล ความไม่สบายใจ อึดอัด ขัดข้อง จึงเกิดขึ้น อย่างที่ผมพูดไง
บางที เราก็อดไม่ได้ อวัยวะเบื้องต่ำ เริ่ม สั่นสท้าน (แต่ก็ยังไม่เคยถีบใคร ตอนโกรธนะ) เมื่อ รู้ทัน ก็ รีบๆคลายออกไป
เป็น ธรรมดา นะ น้องติก พี่ เองก็ยังแค่ ปุถุชน คนขี้เหม็น ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น ที่พยายามหาทางพ้นทุกข์อยู่
เน้อ ..........

กัลยณมิตร ที่ดี ต่อกัน ต้องคอยผลัดกันเตือน
แจ้งผู้ดูแล


ญาพร โพสต์เมื่อ: May 13 2005, 07:00 AM



Unregistered









ขออนุญาตที่แสดงความเห็นค่ะ

ตามสังเกตกายใจ ตามรู้สภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อโกรธเกิดก็ตามรู้ว่าโกรธ(รู้สึกตัว) ไม่กดข่มไว้ (เดี๋ยวระเบิด)
แต่ขอให้มีศีล ๕ เป็นอย่างน้อยคอยคุมกาย วาจา (จะได้ไม่เตะใครนะคุณลุง pisut )
ถ้าสามารถตามรู้ได้เรื่อย ๆ จะเห็นว่า เวลาที่เราใช้ในการปรุงแต่งอารมณ์โกรธน้อยลง (เวลาที่ไหลไปกับอารมณ์โกรธ)
ตามรู้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่า กิเลสเขา กิเลสเราไม่ต่างกัน ต่างคนต่างก็โกรธได้เหมือนกัน
ต่างคนต่างก็ทำให้คนอื่นโกรธได้เหมือนกัน แล้วจะเสียเวลากับการโกรธน้อยลง

โกรธหนึ่งครั้ง ก็เพิ่มความเคยชินในการปรุงแต่งความโกรธเข้าไปอีก
แต่โกรธหนึ่งครั้ง ตามรู้ได้ ก็จะลดความเคยชินในการปรุงแต่งความโกรธได้
แจ้งผู้ดูแล


น้อย โพสต์เมื่อ: May 14 2005, 05:43 AM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 95
สมาชิกลำดับที่.: 70
สมัครเมื่อ: 4-April 05



พระพยอมพูดเสมอว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่
ผมท่องให้ลูกฟังประจำ
แจ้งผู้ดูแล


น้อย โพสต์เมื่อ: Jun 29 2005, 09:21 PM



Advanced Member


Group: Members
Posts: 95
สมาชิกลำดับที่.: 70
สมัครเมื่อ: 4-April 05



เพิ่มเติมจากหนังสือเข็มทิศชีวิต

การป้องกันไม่ให้ความโกรธทำลายชีวิตเราก็คือ ทันทีที่ความหงุดหงิด ความกรุ่นเล็กน้อยในใจเกิดขึ้น รีบรู้มันให้ทัน ก่อนมันจะพัฒนามาเป็นความโกรธแรงๆ เห็นให้ทันว่ามันเป็นคนละส่วนกับใจ เป็นแขกที่เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับ เพราะฉะนั้นมันจะชวนเราไปไหนไม่ได้ เฝ้าระวังจับตาดูมันให้ดี อย่าคะนองปาก อย่าคะนองใจ พูดไปตามที่มันชักนำ หรือคิดว่าเราอยู่ในฐานะเหนือกว่าคู่กรณี จึงแสดงท่าทางที่ท้าทายเขา เพราะปฏิกิริยาโต้ตอบจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง เราจะพบว่าไม่สามารถควบคุมความโกรธได้อีกต่อไป เมื่อนั้นความเสียหายอาจไม่สามารถถูกลบล้างได้

Word cut more than swads. (Thirteenth-century proverb)
แจ้งผู้ดูแล


โบว์ โพสต์เมื่อ: Jul 6 2005, 12:54 PM



Newbie


Group: Members
Posts: 2
สมาชิกลำดับที่.: 77
สมัครเมื่อ: 9-June 05



ไม่มีบุคคลใดสมควรแก่การโกรธ...คำพูดนี้คล้ายๆ กับการ์ตูนเรื่องโคโคเลย !!!

pisut โพสต์เมื่อ: Aug 2 2005, 04:06 AM



Advanced Member


Group: Admin
Posts: 492
สมาชิกลำดับที่.: 3
สมัครเมื่อ: 11-June 04



มีของดีมาฝาก หลวงตาพวงให้มา ผมนำมาขยาย ดับโกรธได้สงัดนัก

1. มี สติ: แล้วแต่อุบายใครฝึกกันมา เช่น มรณสติ คิดว่าถ้าต้องตายลงเดี๋ยวนี้เลย น่าจะ ละโกรธลงได้บ้าง, หรือ จับดูอาการทาง ร่างกายของตัวเราเอง เมื่อเริ่มรู้สึกโกรธ เช่น หัวใจเริ่มเต้นเร็ว, เสียงเริ่มสั่น, เป็นต้น จะได้รู้เท่าทัน ว่า กำลังจะโกรธแล้วนะ พายุลูกใหญ่กำลังมา ถ้าห้ามไม่ทันเดี๋ยวพังแน่!!!

2. แผ่เมตตา: กุศโลบาย ทางเมตตา ของชาวพุทธเรา มีมาก เลือกใช้ได้ตามใจชอบ เช่น คิดว่า ผู้ที่เราโกรธ เป็น คนที่เรารักมากๆ สักคนหนึ่ง เช่น เป็น แม่เรา เป็น ลูกเรา เป็น (พระ) อาจารย์ ของเรา ความโกรธคงหายเป็นปริบทิ้ง

อย่างไรก็ดี ความพยายาม ที่เราแผ่เมตตา หรือ มีจิตเมตตา คิดดี ทำดี พูดดี กันมาตลอด ก็น่าจะช่วยให้เรา เป็น ผู้โกรธน้อยลงเรื่อยๆ หรือ เป็นคนที่โกรธยาก แต่ หายไว ก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆแล้วนะครับ

 

โดย: คนขับช้า 18 สิงหาคม 2549 4:42:33 น.  

 

Thank you for sharing na ka, i know that it's pretty hard but i 'll try to do it too ka.,.Have a good thing for all na ka

 

โดย: MinnyJa 26 สิงหาคม 2549 5:21:30 น.  

 

ต้องตั้งใจและคอยรู้ตามทันอารมณ์ของเราเอง แรกๆก็เห็นโกรธเมื่อโกรธแล้ว นานๆไปก็จะเริ่มดักทางอารมณ์ของเราเองได้ เช่นใครกำลังทำอะไรที่เราไม่ชอบอยู่ เราจะโกรธแน่นอน แต่เราไม่โกรธดู ชัยชนะครั้งแรกที่ไม่โกรธนั้นปลื้มใจมาก และจะเป็นกำลังใจให้เราจะเอาชนะความโกรธครั้งต่อๆไป ..ตอนที่ยังตามอารมณ์ไม่ทันก็ ใช้วิธีออกจากสถานการณ์ ขัดจังหวะอารมณ์นั้นเสีย ..แค่เราหันหน้าหนีและก็ตั้งใจเดินสักไม่กี่ก้าว โลกก็แตกต่างแล้วค่ะ และก็คนในครอบครัวที่กระทบกระทั่งกันต้องให้ความร่วมมือ "ห้ามยั่วยวน" เมื่อขณะที่เริ่มโกรธ ให้อยู่ในความสงบที่สุด ให้คลื่นอารมณ์จางคลายแล้วค่อยคุยกัน ต้องเห็นใจกันนะคะ ความไม่ได้ดั่งใจที่คนอื่นทำให้เรา แต่เขาก็ทำดีที่สุด ถ้าเป็นความผิดพลาด มันก็คือสิ่งที่ผิดไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำอย่างไรที่จะปรับปรุงเพื่ออนาคต

 

โดย: ป่ามืด 27 สิงหาคม 2549 15:55:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนขับช้า
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.