ฟิลลิ่ง

 
กุมภาพันธ์ 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
12 กุมภาพันธ์ 2556
 

นครวัด-นครธม เสียมเรียบ ประมาณสะดือ

เสียมเรียบ ประมาณสะดือ (เอิ่ม ล้อมาจากเนปาลประมาณสะดือของ นิ้วกลม)

อาจเป็นเพราะ เป็นมรดกโลก อาจเป็นเพราะ ใช้เพียงพาสปอร์ต 1 เล่ม อาจเป็นเพราะเป็นปีใหม่ ที่น่าจะแปลกออกไป หรือยังไง ... ทำให้ตัดสินใจไป นครวัด-นครธม เสียมเ...รียบ กัมพูชา เพื่อนบ้านติดกัน ที่เรารู้จักเค้าแค่เพียงว่าเป็นเมืองที่มีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอยู่เมืองไทย เป็นจำนวนนับล้านๆ คน
วันแรก 30 ธันวาคม 2555
ทั้ง 5 ชีวิต ต่างที่มา แต่มีใจเดียวกันคือการเดินทาง(คิดเอาเองว่าใจเดียวกัน) ออกเดินทางกันแต่เช้ามืด ตีห้าครึ่ง เพื่อมุ่งสู่ด่านชายแดน บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระยะทางประมาณ 250 กม. อรัญประเทศในวันนี้ดูๆไปแล้วแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เคยสัมผัสเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วบรรยากาศการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ายังคงคึกคัก แม้ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า เรามาถึงกันประมาณ 11 โมงเช้า เริ่มมีอาการหิวข้าวเช้า กันแล้วเลยแวะทานอาหารเช้า+เที่ยง กันที่ใกล้ๆด่าน ประมาณใกล้ๆเที่ยงจึงกันเดินข้ามด่านชายแดนกัน มีคนไทย คนต่างชาติข้ามชายแดนไปกัมพูชากันไม่หนาแน่นมากนัก เรานั่งรถบัสที่มีให้บริการฟรี ต่อไปยัง Poipet Terminal Bus Station ใช้เวลาประมาณ ยี่สิบนาที
เพื่อเหมาแท็กซี่ ต่อไปเสียมเรียบ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ระยะทางประมาณ 150 กม.
แท็กซี่มาส่งเรา ทั้ง 5 ที่จอดรถและให้เราเหมาตุ๊กตุ๊กต่อไปที่โรงแรมเอง (แอบงงเล็กน้อย นึกว่าส่งที่โรงแรม) สุดท้ายมาถึงโรงแรมพร้อมกับมีเพื่อนชาวเขมรโดดขึ้นตุ๊กตุ๊กเพื่อนคันที่สองของเรามาด้วยมาตอนไหนมองไม่ทัน ที่แท้พอถึงโรงแรม จึงรู้ว่าเค้าเป็นคนขับรถแท็กซี่นำเที่ยวในเสียมเรียบ แรกที่เดียว พี่เค้าคิดเรา 1,000 THB /คน สำหรับ การพาไปโตนเลสาบในวันนี้ และการพาเที่ยว 4 ปราสาทในวันรุ่งขึ้น (บันทาย เสรี, ปราสาทบายน, ปราสาทตาพรม หรือ แองเจลิน่าโจลี่ อังกอร์ และ Angor Watt หรือนครวัดของพี่ไทยเรานั่นเอง) ต่อรองกันจนเมื่อยเพลีย ด้วยภาษาอังกฤษที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีจากระบบอุดมศึกษาของรัฐบาลไทย กระทั่งได้ในราคา 380 THB/คน แอบงงว่าแพงไปมั้ยตอนแรกอ่ะ มันลดลงตั้งเกือบสามเท่าเลยนะ แถมด้วย การเหมาแท็กซี่ไปส่งที่ปอยเปต ในวันที่สาม ในราคา 9 USD /คน ซึ่งถูกกว่าขามาซะอีกหน่ะ

เราเก็บกระเป๋าที่ห้องพักและล้างหน้าล้างตา เพื่อรอให้พี่ดารา หรือพี่ทีแท็กซี่ชาวเขมร ที่พูดอังกฤษ คล่องปรื้อ มารับเราตอนบ่ายสอง ครึ่ง เดินทางไปวัดใหม่ หรือ killing fill เสียมเรียบ killing fill ของจริงเห็นว่าอยู่ พนมเปญ เดินวนดูหัวกระโหลกนับร้อยๆอยู่ในเจดีย์ กันสองรอบ ยัง งง งง อยู่(งงส่วนตัวเพราะออกเดินทางตั้งแต่ เที่ยงคืนมาจากบ้าน )
และนั่งรถต่อไปโตนเลสาบ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยบรรยากาศถนนลูกรังสีแดงฝุ่นคลุ้งแดดเปรี้ยง แต่ชั้นแอร์เย็น มาขึ้นเรือยนต์เช่าเหมาลำอย่างหรู ล่องแม่น้ำโขง เพื่อดูความเป็นอยู่ของชาวเขมร และชาวเวียดนาม พลัดถิ่น เห็นไกด์ บนเรือบรรยายว่า คนเวียดนามมาอยู่แถวนี้ช่วงสงครามเวียดนาม มีแพโรงเรียนของเด็กเวียดนาม โรมันคาทอลิก ที่ไกด์จอดให้ขึ้นไปบริจาคน้ำแพคละ 150 บาท นัยว่า ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งจะนำไปช่วยเด็กเวียดนามและเด็กกัมพูชา แถวๆนั้น เพื่อนร่วมทริป ต่างปรึกษากันภายหลังว่า เด็กเยอะเพราะว่า ไม่มีไฟฟ้า รึเปล่าหนอ
โตนเลสาบปลายแม่น้ำโขงช่วงนี้น้ำเยอะ เป็นน้ำสี โอวัลตินเห็นแล้วอยากกินไมโล ภูเขาไฟ มีเด็กหญิงเล็กๆพายกะละมังมาให้เราถ่ายรูปพร้อมกับงูในกะละมัง เด็กส่วนใหญ่มีงูมาด้วยคงคุ้นชินกับงูจนเหมือนเป็นเพื่อนกัน
เที่ยวโตนเลสาบ ไม่ไปรู้ แปลกตาไปอีกแบบ

ประมาณ สี่โมงครึ่งเราก็เดินทางกลับกัน เพื่อกลับเข้าเมืองไปชมรำนางอัปสรา ซึ่งได้ข้อมูลจากชาวGANG ที่เคยมาแล้ว และจากทางเนตมาว่าเป็นรำที่สวยแปลกตาที่สำคัญอาหารบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกหลากหลาย ในเวปบอกว่าให้รีบไปประมาณหกโมงครึ่ง กินอาหารอิ่ม จะได้ดูการแสดงบนเวทีพอดี ซึ่งเราก็ ไปถึงก่อนเวลา จึงไปเดินเยี่ยมชมห้างเปิดใหม่ของเสียมเรียบ ชื่อห้าง LUCKLY เป็นห้างสามชั้น บรรยากาศไม่พลุกพล่านมากนักพอได้เวลาเราก็เดินมาที่ภัตาคาร ที่เราซื้อตั๋วไว้แล้ว เข้าไปทานอาหาร ซึ่งมีให้เลือกเยอะสมกับที่ได้ข้อมูลมา อาหารบางอย่างเหมือนบ้านเรา มีข้าวผัด ไข่เจียว มีต้มยำไก่บ้าน ที่ไม่ใช้มะนาว หรือใช้แต่มะนาวแปลกๆ ไก่ย่าง หมูตุ๋น บาร์บิคิว ที่รสชาติแตกต่างไปจากบ้านเราเล็กน้อย แต่คนที่นี่ไม่มีพริกน้ำปลา หาไม่เจอเลย ที่ไม่ใช่อาหารไทยก็มี เช่น สปาเกตตี้ สลัด ก็มี มีแม้กระทั่งอาหารญี่ปุ่น ก๊วยเตี๊ยว ขนมหวานหน้าตาคุ้นเคย และปิดท้ายด้วยผลไม้ที่เหมือนเมืองไทยแป๊ะกินใกล้ๆอิ่มก็เริ่มมีการแสดง มีเมขลาล่อแก้ว มีรำจับปลา และรำอัปสรา ซึ่งพอการแสดงจบเค้าก็ออกมายืนให้เราได้ถ่ายรูปกัน หลังจากนั้นชาวทริปก็เดินเรื่อยๆเพื่อสำรวจบริเวณเมืองเสียมเรียบยามค่ำคืน ซึ่งมีนักท่องเที่ยว ต่างชาติ ฝรั่ง เกาหลี ไทยจีน มานั่งสังสรรค์ อุ่นเครื่องวันส่งท้ายปีวันพรุ่งนี้กันคับคั่ง ช่างแตกต่างจากเมืองกัมพูชาในอุดมคติเสียจริงๆ
เดินไม่นานักเราก็เหมาตุ๊ก ตุ๊ก ซึ่งที่จริงคือมอเตอร์ไซด์พ่วง แต่เป็นพ่วงทางด้านหลัง ไม่เหมือนบ้านเราพ่วงข้าง กลับที่พัก เพื่อพักผ่อนและลุยเมือง กัมพูชาต่อในวันพรุ่งนี้
วันแรก ค่าใช้จ่ายต่อ 1 คน
ค่ารถกท.-สระแก้ว บวกค่ารับฝากรถ 136 THB
ค่าอาหารเช้าควบเที่ยง 70 THB
ค่าทิป คนนำทางจากปอยเปต ไป Terminal Bus Station 20 THB
ค่าแท็กซี่ ปอยเปต เสียมเรียบ 12 USD
ค่าต่อรถตุ๊กตุ๊ก จาก เทอร์มินอล เสียมเรียบ ไปที่พัก 40 THB
ค่าที่พัก Angkor Boutique Hotel รวมอาหารเช้า 415 THB
ค่าเหมารถแท็กซี่ ไปโตนเลสาบ +เที่ยว 4 Angkor 12 USD
ค่าเรือโตนเลสาบ 16 USD
ค่าทิป ไกด์บนเรือ และคนขับเรือ 60 THB
ค่าน้ำดื่มบนเรือ 1 USD
บริจาคน้ำเพื่อเด็กเวียดนาม บนเรือแพ โตนเลสาบ 1 USD
ค่าเข้าชม รำอัปสรา พร้อมอาหารบุฟเฟ่ 12 USD
น้ำดื่ม (ซื้อที่ห้าง Lucky เพราะกลัวน้ำในภัตาคารแพง) 48 THB
ค่ารถตุ๊กตุ๊ก จาก PUB TREET กลับที่พัก 20 THB
รวมวันแรก 809 THB+54 USD หรือ 2,456 THB ( 1 USD เท่ากับ 30.50 THB)

วันที่สอง 31 ธันวาคม 2555
เราตื่นกันไม่เช้านักตามประสา นักท่องเที่ยวไม่พี้ซัน หลังทานอาหารเช้าที่โรงแรม ไข่ดาว ขนมปัง กาแฟ เก้าโมงครึ่ง เราเดินทางไปเพื่อทำตั๋ว One Day Trip เมื่อเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทาง 60 กม. เพื่อไป ปราสาทบันทาย – เสรี ระหว่างทางสองข้างทางที่ไปเป็นหมู่บ้านชาวเขมรดั้งเดิม ทำด้วยจาก มุงแฝก คล้ายๆแถบชนบท อีสานบ้านเรา แต่ถนนเป็นถนนลาดยางมะตอย ตลอดทาง บันทายเสรี ซึ่งพี่ดารา บอกว่าเป็นปราสาทที่แกะสลักอย่างละเอียดเพราะเป็นฝีมือของผู้หญิง และมีสีชมพู ในปราสาทนี้จะเข้มงวดมากในการเข้าชมจะไม่ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสตัวปราสาท และคนเฝ้าเดินมาบอกให้ ข้าพเจ้าหุบร่มเพราะ จะไปโดนตัวปราสาท เค้าว่า ไม่ต้องกางหรอก not too hot not too cold ว่ะ . แอบเคืองว่าแหม ดูแลเข้มจริงเลยนะ รูปแกะสลักลวดลายไม่เหมือนปราสาทบ้านเราละเอียดแบบพี่ เค้าคุยไว้จริงๆ... เดินชมกันหนึ่งรอบเราก็เดินทางกลับ และแวะทานข้าวที่ร้านใกล้ๆกับ King Swimming Poll เห็นพี่ดาราคนเดิมบอกว่า ใต้น้ำมีวัดด้วย สงสัยอารมณ์ วัดวังค์วิเวการาม ที่สังขละบุรี รึเปล่า อาหารก็หน้าตาแบบอาหารไทยแต่รสชาติตกต่าง และไม่มีน้ำปลาตามเคย กับข้าวจานละ 5-6 USD จัดราคา ค่อนไปทางสูงนะ เพราะหน้าตาแบบนี้ บ้านเรา เจ็ดสิบาทนะจ้ะ

หลังจากนั้น เราก็มุ่งหน้าสู่ ปราสาทตาพรม หรือปราสาททูมไรเดอร์ หรืออีกชื่อ คือแองเจลิน่า โจลี่ อังกอร์ ได้เกร็ดความรู้ว่า แมดด็อก(ลูกชายบุญธรรมของโจลี่) มีฝาแฝดและโจลี่เลือกแมดด็อกเพราะน้องคนนี้ยิ้มให้เธอ ช่างเป็นรอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตจริงๆนะแมดจ๋า ปราสาทตาพรม แฝงมนต์ขลังมาก ต้นไม้ยักษ์มาโอบล้อมปราสาทขนาดใหญ่ ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนี้ที่คนมากมายและเป็นตอนกลางวัน คงรู้สึกกลัวและหลงนึกไปว่าเดินในยุคไดโนเสาร์แน่นอน คิดไปว่าต้องไปหา ลาล่าร์ครอฟ มาดูอีกรอบ

ปราสาทต่อไป ปราสาทบายน ที่เป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของกัมพูชา ปราสาทหินรูปหน้าคน ที่มีรอยยิ้มขนาดใหญ่ ใหญ่ทั้งรอยยิ้มและ หน้าคน พี่ร่วมทริปให้ข้อสังเกตว่า รอยยิ้มและหน้าคน ไม่เหมือนกันเลย เราได้มาสังเกตทีหลังว่าจริงๆแฮะ ไม่เหมือนกันเลย และเหมือนกับมีคนมองเราจาทุกทิศทุกทาง คำพูดพี่แท็กซี่ ไกด์ของเรา
สุดท้าย ฟินเนเร่ สัญลักษณ์ที่ดังทั่วโลก มรดกโลก อังกอร์ วัด หรือนครวัด ไกด์คนเดิมบอกว่า ปราสาทบายน ทางเข้าเล็กปราสาทใหญ่ แต่ที่นี่ ทางเข้าใหญ่ปราสาทเล็ก ฮี่ๆๆๆ จริงด้วย ทางเข้ายาวมาก ชั้นแรก เหมือนจะเป็นปราสาทปลายตัดที่ยังสร้างไม่เสร็จหรืออาจเสร็จแล้วแต่ส่วนยอด พังทลายไป บดบังปราสาทชั้นในที่เป็นภาพจำของกัมพูชาเอาไว้ ว่าแล้วเราก็เดินฝ่าเปลวแดดของเดือนธันวาคม เข้าไปจนถึง ขอบสระบัว ที่สะท้อนยอดปราสาทปลายแหลม เพื่อนร่วมทริปอีก ท่านบอกว่า คนสมัยนู้นต้องรู้แน่ๆว่า พวกเราจะมาถ่ายภาพสะท้อนในน้ำแบบนี้ เค้าเลยตั้งใจสร้างให้อยู่ข้างหลังสระบัว เลยแกล้งเถียงไปว่า คนสมัยก่อนเค้าสร้างถึงข้างๆคลอง ข้างแม่น้ำกันทั้งนั้นแหละ แต่ในใจแอบโอนเอียงว่า อาจจะจริง ปราสาทนครวัดนี้ยิ่งใหญ่ น่าทึ่งจริงๆ
แอบคิด(อีกแล้ว) ว่าถ้านครวัดยังเป็นส่วนหนึ่งขงอาณาจักรไทย(เมื่อก่อนอาณาจักรเสียมราฐ อยู่ใต้การปกครองของสยาม) ปราสาทนี้จะเป็นยังไงกันนะ จะเหลืออยู่ท้าทายยุคสมัยให้คนรุ่นเราตื่นตาตื่นในแบบนี้ มีคนมาเที่ยวเยอะเป็นล้านๆคนต่อปีแบบนี้ เก็บค่าเข้าชม ได้แพงๆแบบนี้ สร้างรายได้ให้ โลคอลพีเพิ่ล มากมายมหาศาลแบบนี้ หรือว่า.... ฮ่าๆๆๆ ไม่อยากคิด

จบการเดินทางเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมกัมพูชา ด้วยความอิ่มตาและร้อนหน้าเพราะแดดแรงมาก แป่ว

เรากลับมา พักผ่อน อาบน้ำ อุ่นสบาย และทานอาหารค่ำกันที่โรงแรมด้วยความปลื้มปลิ่ม ปล. ถูกกว่าตอนกลางวัน ราคาเฉลี่ย 3 USD ต่อจาน เบียร์อังกอร์ 1 USD ต่อกระป๋อง และเบียร์ Cambodia 2 USD ต่อกระป๋อง (ไม่ทราบว่าแพงกว่ากันตรงหนาย) ประมาณสามทุ่มเราใช้บริการตุ๊กตุ๊กฟรีจากโรงแรมไปที่ PUB STREET SIAMRIAP ผู้คนเยะกว่าเมื่อคืนมาก dance กันกระจาย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนจะแห่แหนมาเที่ยวเมืองนี้กันมากมายขนาดนี้ ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย กัมพูชาจริงๆเหรออออออ ข้าพเจ้านึกว่าสงกรานต์เชียงใหม่(ไม่เคยไปนะดูในทีวี) แต่ภาพรวมร้านรวงตกแต่งสวยงามสะอาดตา ไม่มีคนกินเหล้าเมามาย ไม่มีคนสูบบุหรี่พ่นควันเหม็น และ ได้ความรู้อีกอย่างว่าคนกัมพูชาไม่นิยมดื่มเหล้าเพราะว่ามันเมา ว่ะ (พี่แท็กซี่ ช่างคิด ชื่อต้อง คนที่พาเรากลับปอยเปตเฉลยให้ฟัง) เป็นคืนเค้าท์ดาวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนดูอบอุ่นและเป็นมิตรดี ปล. เบียร์คัมบูเดีย ที่ PUB STREET สามป๋อง แถมเสื้อยืด สี่ป๋องแถมหมวก เพื่อนร่วมทริสุดเดิ้น ซื้อเสื้อและหมวก คนที่เหลือได้ดื่มเบียร์ฟรีกันไป เปรม.... นั่งตุ๊กตุ๊กกลับโรงแรม 3 USD เราต่อทันที หนึ่งร้อยบาท ได้ไม๊ ตุ๊กตุ๊ก งง ฮ่าๆๆๆ (ตกลงจะต่อหรือจะแถม)
วันที่สอง ค่าใช้จ่ายต่อ 1 คน
อาหารเช้า รร.ฟรี
ค่าตั๋ว ONE DAY TRIP 20 USD
ค่าอาหารเที่ยง 7 USD
ค่าน้ำอ้อยหวานเจี๊ยบ 20 THB (เพื่อนร่วมทริปกินน้ำมะพร้าว และคอมเมนท์ว่าจืด สู้มะพร้าวน้ำหอมไม่ได้)
ค่าน้ำเปล่า นครวัด 20 THB
ทำบุญ 20 THB
อาหารเย็นที่โรงแรม 6 USD
ทิปคนขับแท็กซี่ หรือไกด์ หรือพี่ดารา 40 THB
ค่าต่อรถตุ๊กตุ๊ก จาก PUB STREET กลับที่พัก 1 USD
ค่าที่พักวันที่สอง Angkor Boutique Hotel รวมอาหารเช้า 415 THB

รวมวันที่สอง 535 THB+34 USD หรือ 1,572 THB ( 1 USD เท่ากับ 30.50 THB)

วันที่สาม 1 มกราคม 2556
ทานอาหารเช้าและเดินทางกลับกันตอนเก้าโมงเช้า พี่แท็กซี่คนใหม่ชื่อต้องมารับตรงเวลาแปะ
ขับรถเลนขวามาเรื่อยๆได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
1. เค้าพูดไทยได้เพราะเคยมาอยู่ปัตตานี สงขลา หลายปี เค้าเคยมีแฟนคนไทยแต่พ่อฝ่ายหญิง เป็นตำรวจกีดกัด เหตุเพราะเค้าเป็นเขมร...
2. ถนนจากปอยเปตถึงวงเวียนก่อนถึงเสียมเรียบไม่ไกล สร้างโดยคนไทย แต่สร้างไม่ถึงเสียมเรียบเพราะเกิดปัญหาชายแดนกันซะก่อน ไม่รู้แอบชมรึเปล่า ว่าถนนที่คนไทยสร้างยังดีอยู่ แต่เส้นต่อจากนั้นเริ่มพัง เค้าบอกว่า ไม่ใช่คนไทยทำ
3. เค้าว่าผู้ใหญ่ทะเลาะกัน คนเล็กๆแย่หมด
4. เค้าเป็นเจ้าของรถคัมลี่ คันที่มาส่งเรา ซื้อมือสองด้วยเงินสดในราคา 4,000 USD ที่กัมพูชา คนนิยมซื้อรถคันใหญ่เพื่อใช้ส่วนตัว ร่วมกับเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เพื่อนโอ๋บอกว่ารวยเนอะ ตอนหลังเลยโดนย้อนว่าพี่รวยเหมือนผมเลย เพราะขับรถมาจอดที่อรัญ.
5. ข้าวหลามข้างทางไม่อร่อย ราคา 30,000 Real
6. ฝรั่งชอบคนดำเพราะคนดำไม่เคยมีใครมาจีบ น่าจะรักจริงใจกว่าคนขาวนับว่าวิเคราะห์ได้ลึกซึ้ง

7. สองข้างทางชาวนากัมพูชายังคงทำงานแม้เป็นวันที่ 1 มกรา และเมื่อวานเด็กกัมพูชายังไปโรงเรียน แม้จะเป็นวันที่ 31 ธันวา ทำให้วัยรุ่นไทย อย่างข้าพเจ้าสะดุดใจและไม่กล้าเกเร ในวันทำงาน วันที่ 2 มกรา
8. วัวที่กัมพูชา ไม่กลัวรถยนต์ และควายอ้วนกว่า บ้านนอกบ้านข้าพเจ้า
9. เวลาคนไทยไปเที่ยวเขมร ไม่โดนตำรวจเรียกตรวจ แต่คนเขมรอยู่เมืองไทยโดนตรวจตลอด พี่แท็กซี่บอก
10. ตำรวจกัมพูชา มีบางอย่างคล้ายตำรวจไทย .... บางอย่างที่คล้ายกันมากๆเห็นมากับตาเลย ไม่น่าเชื่อ

ปล. คนขับแท็กซี่คุยเก่ง ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติ ดูมีความคิดอ่าน ชอบเลยทิป ไป 15,000 Real
กลับมา กรุงเทพ ทิปให้คนขับแท็กซี่บ้านเรา สิบห้าบาท โอ้ย ชีวิตจริง

ประมาณเที่ยงเรามาถึงด่าน แถวยาวมากกก ฝรั่ง เกาหลี จีน ยืนกันเป็นเกือบๆร้อยคนได้มั้ง เพื่อนแสนเริ่ด ใช้ทางด่วน มูลค่าเส้นทาง 100 THB (เอิ๊กคนไทยรึเปล่า) เพื่อย่นระยะเวลาจะได้มีเวลาไปเดินเยี่ยมชม คาสิโนไดมอนท์ ที่ด่านปอยเปต เข้าไปด้อมๆมองๆกันสักพัก ก็แปลกๆดีไม่เคยเห็น แต่ท่าทางคงไม่รุ่งในเส้นทางนี้เลยไม่ได้ลอง ข้ามด่านมองหาข้าวกลางวันบรรยากาศบ้านเกิดไทยแลนด์สไตล์ ที่ตลาดโรงเกลือกินกันดีกว่า เป็นการจบทริป ที่สนุกสนาน ประทับใจจริงๆ ออกุนเจริญ คัมบูเดีย
วันที่สาม 1 มกราคม 2556
ค่าแท็กซี่ขากลับปอยเปต 9 USD
ข้าวหลาม 3,000 real (30 THB)
ทิปคนขับแท็กซี่ 15,000 real (150 THB)
ช่องทางพิเศษย่นเวลา 100 THB
ข้าวเที่ยงที่อรัญ 50 THB
รถตู้ อรัญ กรุงเทพ 230 THB
น้ำเปล่าที่อรัญ 1,500 real(15THB)
รวมวันที่สาม 280 THB+9 USD+19,500 Real หรือ 750 THB ( 1 USD เท่ากับ 30.50 THB, 1THB เท่ากับ 104 Real )

รวมสามวัน 4,778 THB
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่วิเคราะห์เอง
• ทริปนครวัดนครธม แลกตังไป คนละ 100 USD ก้อพอ ถ้ากัน สี่ห้าคนนะ
• เงิน REAL ไม่ต้องแลกเดี๋ยวแม่ค้าก็ทอนมาให้เอง แต่ถ้าอยากแลก แลกที่ POIPET TERMINAL ได้ 1 THB = 104 Real แต่ที่สียมเรียบแลกคืน เงิน Real เป็นเงินไทย 135 Real เป็นหนึ่งบาท มูลค่าเงินลดลงอย่างน่าใจหาย
• แดดร้อนมาก พกหมวก แว่นตาดำ ร่ม ครีมกันแดดไปด้วย
• น้ำประปารสชาติแปล่งๆ ไม่มีใครกินพริกน้ำปลา ไม่กล้าขอด้วยไม่รู้จะพูดว่ายังไง
• ทุกสิ่งอย่างให้ต่อราคาครึ่งต่อครึ่ง แล้วเค้าจะกระซิบกันองว่า “คนไทย “ ฮ่าๆๆๆ
• ภาษาอังกฤษ คนกัมพูชาแข็งแรงกว่าชั้น ไม่อยากจะเชื่อ
• และสุดท้ายกัมพูชาไม่ได้มีแต่โรงเกลือ และแรงงานต่างด้าวนะ ตัวเธอว์

สุดท้ายถ้าไม่เขียนวันนี้มันก็จะผ่านไปเหมือนทุกทริปที่ผ่านมา เอิ๊ก
สุดท้ายของสุดท้าย การอ่านจงเจริญ ออกุนเจริญ พี่น้องชาวไทย



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2559 16:34:17 น. 0 comments
Counter : 432 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

amoderndog
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add amoderndog's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com