|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บนเส้นทางสายน้ำตา...ที่พาไปสู่ความไส้แห้ง
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำที่เขาเรียกนักเขียนด้วยความยกย่องแกมประชดว่า นักประพันธ์ไส้แห้ง กันมาบ้างแล้ว มันช่างดูเป็นอาชีพที่ยึดถือเป็นอาชีพไม่ได้เอาเสียเลยเนื่องจากคำว่า ไส้แห้ง นั้น หมายถึงความไม่มีจะกินหรือจนนั่นเอง ตั้งแต่เล็กจำความได้ ฉันมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียน ครู และนักโบราณคดี ไปพร้อม ๆ กัน หลาย ๆ คนได้ยินเข้าก็หัวเราะขำ คิดว่าเด็กยังไม่จบประถมปีที่หนึ่งดีจะรู้จักนักเขียนและนักโบราณคดีได้อย่างไร เด็กเหงาอย่างฉันมีแต่หนังสือเป็นเพื่อน อ่าน อ่าน และอ่าน จินตนาการในโลกของหนังสือทำให้ฉันลืมความจริงอันปวดร้าวของชีวิต ฉันหัวเราะ ร้องไห้ ยิ้มหัวไปกับบทบาทของตัวละครในหนังสือนิยาย ฉันตื่นเต้นไปการการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทราบมาก่อนด้วยหนังสือสารคดี ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ไม่มีที่ไหนจะอบอุ่นเท่ากับการได้ท่องโลกส่วนตัวไปกับหนังสือเพื่อนรักของฉัน
อยู่มาวันหนึ่ง ฉันก็ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องส่งไปลง สตรีสาร เมื่อยังไม่ครบเจ็ดขวบเต็ม การเล่าเรื่องประกอบภาพของฉันประสบความสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมาฉันเฝ้าเขียน เขียน แล้วก็ชื่นชมกับผลงานของตัวเอง ค่าตอบแทนที่เด็ก ๆ อย่างฉันได้รับคือหนังสือนิทาน สมุดคำศัพท์ ฯลฯ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ตัวหนังสือของฉันที่ปรากฏบนหน้ากระดาษต่างหากเล่า เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันภูมิใจในตัวเองที่สุด ฉันไม่เคยต้องการให้ใครมายกย่องว่าฉันเก่งที่เขียนหนังสือแล้วได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร แต่ฉันจะมีความสุขอย่างที่สุดเมื่อมีคนมาบอกว่าชอบอ่านเรื่องของฉันมาก สนุก มันทำให้ฉันปลื้มใจสุด ๆ และมีกำลังใจที่จะเขียนเรื่องต่อ ๆ ไป
เมื่อฉันเริ่มเรียนมัธยม พ่อก็ได้จากไป ทิ้งฉันไว้ให้อยู่กับแม่ ฐานะความเป็นอยู่ลำบากมากขึ้นเพราะแม่ไม่เคยทำงานมาก่อน เป็นแต่แม่บ้านที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น ฉันหมกตัวอยู่กับหนังสือมากขึ้นในขณะที่ก็พยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด พ่อเคยพูดกับฉันว่า อาชีพที่ฉันอยากทำล้วนแต่เป็นอาชีพที่ค่าตอบแทนน้อยนิด นักเขียน ครู หรือนักโบราณคดี ก็ดี จะทำให้ฉันลำบากเพราะหาเงินได้น้อย โดยเฉพาะการเป็นนักเขียนนั้น ฉันอาจไม่ได้เงินเลยก็ได้ หรือได้ก็แต่น้อย แต่จะได้ กล่อง แทน พ่อย้ำเสมอว่าถ้าพ่อเป็นอะไรฉันต้องดูแลแม่ให้ดีเท่าที่พ่อเคยทำ กล่อง จะทำให้แม่ไม่มีความสุขเพราะเราจน
ฉันยังทยอยเขียนหนังสือไปเรื่อย ๆ ผลงานก็มีประปรายลงในนิตยสารต่าง ๆ เช่น สตรีสารเจ้าเก่า และแพรวทั้งเล่มใหญ่และสุดสัปดาห์ แต่ก็ยังเป็นบทความเกี่ยวกับผู้หญิง ๆ หรือเรื่องสั้นบ้าง มีหนังสือเกิดขึ้นมาเยอะและดับไป ไม่ต้องบอกก็ทราบว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่ฉันไม่ได้รับค่าตอบแทนเพราะหนังสือปิดตัวไป หรือทางหนังสือบอกตามตรงว่า ยังไม่ สะดวก ซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะใจมันรักเสียแล้ว
ปีสุดท้ายของการเรียนที่บพิตรพิมุข ฉันได้แรงบันดาลใจมากขึ้นเพราะเลือกเรียนมัคคุเทศก์เป็นวิชาเอกในปีสุดท้าย ได้เรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ตลอดจนเยี่ยมชมโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ได้เห็นโบราณวัตถุทั้งสวยงามและที่ถูกทำลายด้วยมือมนุษย์ และด้วยกาลเวลา ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าฉันจะต้องเป็นนักโบราณคดีให้จงได้ ฉันจะสอนเด็กรุ่นหลังให้รักและภูมิใจในประเทศของเรา ประวัติศาสตร์ของเรา และฉันจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เพื่อทำให้คนสนใจในประวัติศาสตร์ของเรามากขึ้น ฉันต้องทำ.....
ในที่สุด เรื่องสั้นขนาดยาวอิงแนวประวัติศาสตร์ อรรธนารีศวร ก็ได้รับการตีพิมพ์ในสกุลไทย ความภาคภูมิใจของฉันตอนนั้นยังจำได้ว่าสำหรับเด็กอายุ ๑๗ มันแทบทะลักออกมานอกทรวงอก ค่าตอบแทนที่ได้ฉันให้แม่จนหมด ถึงแม้จะไม่มากนักแต่ก็ถือว่าพอสมควรสำหรับนักเขียนเรื่องสั้นหน้าใหม่ แม่ยิ้มกริ่ม ฉันรู้ว่าแม่ดีใจที่ฉันเอาเงินค่าเขียนเรื่องให้แม่มาโดยตลอด แต่แม่ก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรมากมายในเรื่องผลงานเพราะแม่อ่านหนังสือได้น้อย ไม่ค่อยแตกฉานนั่นเอง
ฉันอยากเขียนนิยาย ฉันจะเขียนนิยายเรื่องยาวให้ได้ พอทีสำหรับเรื่องสั้น ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่าคำพูดของพ่อไม่เป็นความจริง ดังนั้นเมื่อสกุลไทยเปิดรับนิยายเรื่องยาวจากนักเขียนหน้าใหม่ ๓๐ ตอนจบ ฉันจึงส่งนิยายแนวลึกลับ สยองขวัญ อิงบรรยากาศจากสมัยอยุธยาเรื่อง หุ่นหลวง ไปทางไปรษณีย์ ผลก็คือ เรื่องของฉันได้ลงเป็นเรื่องสุดท้าย ฉันเดินทางไปรับเงินค่าเรื่องมือสั่นเทา เงินที่ได้ฉันนำมาให้แม่มากกว่าครึ่ง ที่เหลือเก็บไว้เป็นค่าเทอมส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย ฉันมีโอกาสได้คุยกับบรรณาธิการสกุลไทย ได้ทราบว่ามีคนชื่นชมผลงานของฉันมาก ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นเด็กแค่อายุ ๑๘ ทุกคนให้กำลังใจให้ฉันเขียนต่อไปในแนวนี้ แม้จะต้องค้นคว้าอ้างอิงและเป็นงานเขียนที่ใช้เวลานานกว่านิยายรัก แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้อ่านโดยเฉพาะเยาวชนทั้งหลาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำพูดของคุณสุแห่งสกุลไทยทำให้ฉันตัวแทบลอยไม่ติดพื้น ฉันจะได้เป็นนักเขียนเต็มตัวแล้ว
เมื่อเรื่องของฉันตีพิมพ์เป็นตอน ๆ จนจบลง ตามปรกติก็ต้องมีการรวมเล่มพิมพ์ ฉันเฝ้ารอและรอแต่ก็ไม่มีใครติดต่อมา ไม่เหมือนนิยายก่อนหน้าที่ลงไป ๒ เรื่อง รอนานมาก ๆ เข้า ด้วยความอยากเห็นนิยายเล่มแรกของตัวเอง ฉันจำต้องออกเดินหน้าไปหาสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อให้เขารวมเล่มนิยายตัวเอง ไม่ต้องบอกก็คงทราบว่า เขาไม่พิมพ์เรื่องของฉัน เพราะมัน ขายยาก ตลาดชอบเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรือ เรื่องผีด้วยอิงสมัยโบราณด้วย ใครเขาจะอ่าน ฯลฯ ฉันก็เดินหน้าต่อด้วยถือคติว่า ตระกร้าสร้างนักเขียน แต่ไม่ว่าจะเดินก้าวหน้าไปเท่าไหร่ ฉันก็ยังก้าวไปไม่ได้ ไม่มีใครอยากได้เรื่องของฉันแม้ว่ามันจะมาจากสกุลไทยซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นสุดยอดแห่งหนังสือรายสัปดาห์ที่มีนิยายเด็ด ๆ
ฉันใช้เวลาเพียงแค่ ๓ ปีก็เรียนจบปริญญาตรี เอกวรรณคดีอังกฤษ ฉันเริ่มหางานทำ ขณะเดียวกันก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเป็นนักเขียนไปด้วย ฉันเปลี่ยนงานไปมา พยายามหาที่เงินเยอะ ๆ เพื่อเอามาใช้จ่ายและเลี้ยงแม่ ทุกครั้งที่จะลงมือเขียนเรื่อง ฉันนึกถึงสิ่งที่พ่อเคยพูดเสมอว่าให้ดูชีวิตของ ป.อินทรปาลิตเอาไว้ให้ดี ดูให้เป็นตัวอย่าง งานเขียนของท่านมีมาก พล นิกร กิมหงวน เป็นหัสนิยายที่ดีที่สุด คนรู้จักมากที่สุด พิมพ์ไม่รู้ว่ากี่ครั้ง แต่ท่านไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย (หรือเรียกอีกอย่างว่าจนก็ได้) ต่อเมื่อท่านตายไปแล้วคนถึงมาเชิดชูผลงาน และยังนักเขียนต่างประเทศอีกหลาย ๆ ท่าน ที่เจ็บปวดที่สุดคือพ่อฉันพูดถึงจิตรกรอย่างแวนโกห์กับผลงานและชีวิตอันแสนเศร้าของเขา และสุดท้ายเขาก็ฆ่าตัวตายเนื่องจากวิปลาส ไม่มีใครเข้าใจในผลงานของเขา
อย่าเข้าใจผิดนะว่าฉันเทียบตัวเองกับศิลปินระดับโลกอย่างเขา แต่พ่อเคยบอกฉันว่า หากฉันเขียนงานแบบ พาณิชย์ศิลป์ ฉันอาจจะทำมาหาเลี้ยงตัวได้ แต่งานเขียนของฉันที่ต้องทำการอ่าน ค้นคว้า อ้างอิง และรอแรงบันดาลใจนั้น มันจะพาไปสู่ความเป็นคนไส้แห้งและทำให้ฉันเสียใจได้
ฉันคิดว่าจะลองเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หวานแหววดูกับเขาบ้าง ฉันก็ทำได้แต่ต้องฝืนใจเต็มที เรื่องรักน้ำเน่าของฉันได้พิมพ์เป็นพ็อคเกตบุคเล็ก ๆ เล่มละ ๑๐ บาทในสมัยนั้น แต่ฉันทำได้เพียงแค่ ๒ เรื่องก็รู้สึกไม่ไหว แล้วใครเล่าที่ว่าค่าตอบแทนดี มันไม่จริงเลย
ฉันถอดใจแล้ว....ฉันเสียใจมามากพอแล้ว ผิดหวังพอแล้วกับอุดมการณ์โง่ ๆ ของฉัน ฉันเบนสายเข้าทำงานในบริษัทต่างชาติหลังจากนั้น ทำงานด้วยความขยันขันแข็งตั้งใจ ทำให้ก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ฉันแต่งงานและมีลูกสาวคนหนึ่ง พอกันทีกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ฉันขอเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำเก็บ ทำกิน เลี้ยงลูกและแม่ไปเรื่อย ๆ ดีกว่า แม้ใจจะทุกข์แต่ฉันต้องอยู่กับความจริง แม้แต่ความฝันมันก็ทำให้ฉันเจ็บปวด
ฉันตัดสินใจเรียนต่อเพื่อเพิ่มวุฒิให้ตัวเอง หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ แม่พลอยปลื้มใจมีหน้ามีตา มีเงินใช้ไปกับลูก แม่มักจะคุยเขื่องให้ญาติ ๆ ฟังเรื่องความเก่งกาจในการทำงานของฉันอย่างภาคภูมิใจ (ฉันไม่เคยได้ยินว่าแม่ชมฉันว่าเขียนหนังสือสนุกหรืออะไรทำนองนี้เลย) แม่เคยพูดครั้งหนึ่งกับฉันว่า ถ้าแกเป็นนักเขียน ฉันว่าป่านนี้แกกับฉันคงนั่งกินแกลบ แล้วแม่ก็หัวเราะ แต่ฉันอึ้ง แม้จะเห็นด้วยแต่ก็พูดไม่ออก มันเจ็บลึกจริง ๆ แต่ฉันก็คิดว่าฉันเป็นลูกที่ดีคนหนึ่งที่ดูแลและหาเลี้ยงแม่เท่าที่ฉันจะทำได้
เวลาผ่านไปจากวันที่นิยายเล่มแรกของฉันได้ลงเป็นเวลาถึง ๑๙ ปี ฉันได้รับการติดต่อจากสำนักพิมพ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยากนำเรื่อง หุ่นหลวง ของฉันไปตีพิมพ์รวมเล่ม ฉันรู้สึกราวกับฝันไป ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริง นิยายเล่มแรกของฉันได้ตีพิมพ์แล้ว แม้ค่าตอบแทนจะน้อยแต่ฉันรู้สึกดีที่สุด ฉันเป็นหนี้บุญคุณเจ้าของสำนักพิมพ์นี้ที่ติดตามอ่านเรื่องของฉันตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ เขาอยากรวมเล่มเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่งที่เขาเคยอ่านมา ทุกวันอังคาร เขาเล่าว่าเขาจะตรงไปแผงหนังสือท่าพระจันทร์แล้วก็รีบเปิดเรื่องฉันอ่านก่อนเรื่องแรก ฉันปลื้มปิติมาก เขาขอให้ฉันช่วยไปในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และเซ็นชื่อในหนังสือให้แก่ผู้ซื้อ อุแม่เจ้า....
ฉันพบกับคนอ่านหลาย ๆ คนที่ชื่นชมเรื่องของฉัน ส่วนมากก็ติดตามมาตั้งแต่สกุลไทย (ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอายุต้องเกินเลข ๓ ขึ้น) หลายคนถามว่าทำไมฉันเพิ่งมารวมเล่ม ทำไมหยุดเขียนหนังสือ ทำไมไม่มีคนเขียนเรื่องแนวนี้มาก ๆ ล้วนแต่เป็นคำถามที่ฉันตอบไม่ได้จริง ๆ
ฉันยังมีนิยายอีก ๑ เล่มทีรอการพิมพ์แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นหรือไม่ หลังจากการแต่งงานครั้งที่สอง สามีใหม่ฉันเข้าใจฉันดีและรู้ถึงความเจ็บปวดของฉัน เขาได้หยิบยื่นโอกาสนี้ให้ฉันอีกครั้ง เขาบอกว่าเขาจะหาเลี้ยงฉันเอง ขอให้ฉันทำตามความฝันเพราะเขาอยากเห็นฉันมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ฉันรัก เขาเสียใจที่ครอบครัวของฉันไม่เคยเป็นกำลังใจให้ฉันเลย เขาภูมิใจมากที่มีภรรยาเป็นนักเขียนมากกว่าที่จะเป็นผู้จัดการอันเก่งกาจสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากศศินทร์ ตอนที่ฉันจากเมืองไทยมา เงินเดือนเดือนสุดท้ายของฉันนั้นมากโขอยู่ คิดแล้วน้อยกว่าเงินเดือนของเขาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แค่ไม่กี่พันบาทเท่านั้นเอง แต่ฉันก็ทิ้งมันมาได้....ฉันอยากกลับไปเป็นนักเขียน
สำนักพิมพ์บอกเรื่องของฉันพอขายได้ เรื่อย ๆ เขายังไม่มีทุนรอนพิมพ์เล่มใหม่ ต้องไปพิมพ์ของคนที่ดัง ๆ ก่อนจะได้เลี้ยงตัวเองได้ ฉันก็พอเข้าใจอยู่ เขาว่าผู้จัดละครหลายคนขอเรื่องไปอ่าน จากนั้นก็ไม่กล้าทำเพราะกลัว อาถรรพณ์ หุ่นทศกัณฐ์บ้าง ละครแนวนี้ทำยากบ้าง สารพัดจะพูด เป็นอันว่ากลับเข้ามาแนวเดิม เรื่องแนวนี้ตลาดไม่นิยม
ฉันท้ออีกแล้ว เรื่องที่รอคิวอยู่ก็ยังไม่ได้พิมพ์ เรื่องใหม่ที่ฉันใช้เวลาค้นคว้า ขุดแงะ แถมด้วยแรงบันดาลใจอันแรงกล้านี่อีกล่ะ หากฉันเขียน แล้วมันไม่ได้พิมพ์อีกเพราะมันไม่ใช่แนวตลาด ฉันจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเสียใจแค่ไหน เสียน้ำตาแค่ไหน แล้วฉันอาจจะทำให้สามีฉันผิดหวังอีก ฉันจะทำอย่างไรดี
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ญาติ เพื่อนฝูง บรรดาคนที่รู้จักมักจะเอ่ยปากขอหนังสือ ฟรี จากฉัน ฉันก็อยากให้อยู่หรอกนะ แล้วก็ให้คนที่เคารพนับถือชอบพอไปนับสิบได้ ทำไมคนไทยจึงเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ช่วยสนับสนุนผลงานด้วยการซื้อ มันจะทำให้นักเขียนอยู่ได้ ทุกคนก็อยากได้ของฟรีฉันเข้าใจ พวกเขามองว่าการเขียนไม่ได้เป็นการลงทุนลงแรงอะไร ไม่มีต้นทุนมีแต่การได้ ฉันดีใจที่เรามีหน่วยงานลิขสิทธ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา ไม่เช่นนั้นคงแย่ไปกว่านี้ เพื่อนชาวฝรั่งเศสของฉันกับภรรยาชาวนิวซีแลนด์ที่มาทำงานในเมื่องไทยกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เขาอ่านเขียนไทยไม่ได้ พอรู้ว่าฉันเขียนนิยายแนวนี้ เขาเที่ยวเอานิยายฉันไปโชว์กับเพื่อน ๆ คนไทยของเขาและขอร้องให้ช่วยกันซื้อเพื่อสนับสนุนผลงานของฉัน แล้วจะให้ฉันคิดยังไงกันนี่ หลายคนถึงกับหาว่าฉันเป็นคนขี้งกที่ไม่แจกหนังสือ แค่เล่มละสองร้อยบาทเอง ฯลฯ
วันนี้ฉันท้อเหลือเกิน ได้แต่หวังว่า ฉันจะมีกำลังใจลุกขึ้นมาเขียนนิยายเรื่องใหม่ของฉันต่อไป ฉันจะต้องไม่ยอมแพ้ ถึงวันนี้ไม่มีใครอ่าน อีกยี่สิบปีข้างหน้าซึ่งฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้ คนคงจะอ่านเรื่องของฉัน วันนี้ฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นนักเขียนไส้แห้งอย่างที่พ่อว่า ฉันพอใจที่จะทำงานบนเส้นทางนี้ แม้มันจะทำให้ฉันต้องเสียน้ำตามามากก็ตามที ลูกอย่างฉันได้ทำหน้าที่ของตนจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อแม่เสียชีวิตไปได้ปีหนึ่ง ฉันไม่มีแม่ต้องเลี้ยงดูแล้ว ฉันคงกลับมาเป็นนักเขียนได้
ฉันได้แต่หวังว่าเมื่อแม่ได้พบพ่อ แม่จะได้เล่าให้พ่อฟังว่าฉันได้เลี้ยงดูแม่อย่างดีที่สุดตามที่พ่อเคยพูดเอาไว้ ฉันเรียนหนังสือจบ ทำงานดีไม่มีอะไรต้องห่วง ฉันรู้ว่าแม่คงไม่เล่าเรื่องงานเขียนของฉันให้พ่อฟังหรอก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะรอจนถึงวันที่ฉันมีโอกาสได้พบพ่อและแม่ ฉันจะเล่าให้ท่านฟังว่าชีวิตวัยกลางคนของนักเขียนไส้แห้งของฉันเป็นอย่างไรบ้าง แล้วพ่อก็คงจะหัวเราะเช่นเคย พร้อมกับมาตรวจดูว่าหูฉันยังอยู่ครบไม่เหมือนแวนโกห์
รอฟังเรื่องของหนูนะพ่อ......
Create Date : 27 มกราคม 2549 |
|
20 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2549 2:28:48 น. |
Counter : 1728 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กาญจน์ฏีบ่ได้ log in IP: 203.113.45.68 28 มกราคม 2549 14:21:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: immuno 31 มกราคม 2549 15:35:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตรีนุช3903 IP: 195.146.251.88 3 กุมภาพันธ์ 2549 6:01:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: *พิณ* 16 กุมภาพันธ์ 2549 19:16:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: เกรพ IP: 195.229.242.55 17 กุมภาพันธ์ 2549 22:43:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: มุ้ย IP: 213.42.2.22 5 เมษายน 2549 14:46:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: [url=http://b.bbznet.com/recipes2friens]แมงเม่าฯ@recipes2friends[/url] IP: 125.25.128.223 12 เมษายน 2549 15:42:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: aalesund IP: 213.184.205.206 28 เมษายน 2549 23:20:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: มาราตี IP: 84.149.193.187 15 พฤษภาคม 2549 2:29:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: เรียม IP: 209.145.112.75 24 พฤษภาคม 2549 8:08:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: เก๋ (เค้กหอม) IP: 58.9.142.76 7 กรกฎาคม 2550 18:29:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้า IP: 117.47.88.36 19 ตุลาคม 2550 14:42:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้า IP: 117.47.88.36 19 ตุลาคม 2550 14:42:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: chengy IP: 125.26.218.83 29 ตุลาคม 2550 12:39:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: nuetg 26 มกราคม 2552 9:24:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผมยังไม่ได้ดูล็อกอินของคุณเลยว่าชื่ออะไร เข้ามาเพราะชื่อเรื่องที่ว่า "บนเส้นทางสายน้ำตา...ที่พาไปสู่ความไส้แห้ง"
ผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องการเป็นนักเขียนแน่เลย
อันดับแรกผมอยากบอกว่าคุณโชคดีที่สามีคุณเข้าใจและสนับสนุนให้เป็นนักเขียน
อันดับสอง คุณเขียนหนังสือได้,ส่วนขายได้หรือไม่ได้นั้นคุณยังไม่ต้องไปคิดหรอกครับ,
การเขียนหนังสือได้นั้นเป็นคุณสมบัติของนักเขียนที่ดีที่สุดแล้ว,ประการสำคัญคุณเขียนิยายได้ คุณเขียนิยายได้ก็ต้องถือว่าเก่งแล้วครับ
ไหนคุณบอกว่าคุณรักการเขียน คุณได้ทำในสิ่งที่คุณรัก อันดับแรกก็นับว่าเป็นความสุขแล้ว ส่วนเรื่องต่อๆมาก็ค่อยว่ากัน
อย่าเพิ่งถอดใจไปเสียก่อน,
ผมก็รักการเขียน และเขียนด้วยความรักเช่นกัน,ถามว่าไส้แห้งไหม ? (ไม่ตอบว่าแห้งหรือเปล่า)
แต่ถามว่ามีความสุขไหม ?ในการที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก, มีความสุขครับ
อยากคุยกับคุณอีกครับ
ป.ล. ถ้าผมเจอหนังสือเล่มนี้ของคุณผมจะซื้อมาอ่านทันทีเลยครับ