ต้องบอกเลยครับว่าทำ E-Matrix มาแล้วครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ 555 ไม่ได้จำจริงๆ
แต่ที่ทำซ้ำแน่นอนไม่ใช่เพราะไม่ได้ผล แต่ก็เพราะมันได้ผลไงครับ เลยทำอีก
ทุกครั้งที่ทำผิวหน้าเรียบขึ้นเรียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เนื่องจากรอยอารยะธรรมอันนานมากมันฝังลึกก็ต้องทำใจครับว่าคงต้องดูแลกันอีกซักพักเลย
ผมเริ่มรักษารอยหลุมสิวตั้งแต่แต้มกรด / เดอมาโรลเลอร์ / fine scan / fraxel
ต้องบอกเลยว่ายุคนี้ เรื่องจัดการผิวให้เรียบเนียนคงต้องยกให้ E-Matrix ละครับ เพราะหลายที่เลยหันมาใช้กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนแรกก็ประหลาดๆ กับลายจุดตารางหลังทำ ไม่เหมือนกับ fraxel ที่แดงเป็นปื้นๆ
แต่เอาจริงๆ E-Matrix หลังทำนี่ผิวมันช่างดูดีงามขึ้นจริงๆ ครับ
อย่างว่านะครับเทคโนโลยีพัฒนากันไปเรื่อยๆ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีดูแลตัวเราเองตามกันไป
ก่อนทำ E-Matrix แน่นอนครับ ต้องแปะยาชากันก่อนครับผม ประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ล้างหน้าออก และทำการเป่าด้วยลมให้ผิวแห้งก่อนครับ ถึงจะเริ่มทำ E-Matrix
ระหว่างทำถามว่าเจ็บไหม ผมว่าแค่พอสะดุ้งเบาๆ ครับ แอบอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ทายาชาจะเป็นอย่างไร
ครั้งนี้ผมทำแค่บริเวณแก้มครับผม เพราะช่วงหลังทำนี่แอบต้องใช้หน้าออกงานบ้าง ถ้าทั้งหน้าแต่งหน้ากลบหมดนี่จะดูมากเกินไปไม่เป็นผิว ( หลังทำประมาณ 2 วัน สามารถแต่งหน้ากลบไม่เห็นรอยจุด หรือสะเก็ดแดงครับ )
อีกอย่างรอยเยอะๆ ก็บริเวณแก้มนี่แหละครับ เลยทำแค่บริเวณแก้มและกัน
หลังทำเสร็จหน้าเป็นแบบนี้ครับ
แดงพอขำๆ ครับผม หน้าที่ของเราหลังจากนี้คือ 24 ชั่วโมงอย่าโดนน้ำครับผม ดังนั้นก่อนมาทำอย่าลืมสระผมไว้ก่อนนะครับ หรือระหว่างนี้ทนไม่ได้นี่ก็ต้องไปสระร้านสถานเดียวเลยครับผม
หลังจากนั้นก็ดูแลผิวตามปกติครับ ไม่ควรขัด ถูหน้าให้เกิดการระคายเคือง ปล่อยให้สะเก็ดที่หน้าหลุดไปตามธรรมชาติ
จริงๆ เข้าวันที่ 5 สะเก็ดก็หลุดหมดแล้วครับ ไม่เชื่อมาชมภาพกันเลยคร้าบ
สะเก็ดหลุดแต่ถ้าดูผิวใกล้ๆ ก็จะเห็นครับว่าผิวยังไม่กลับมาปกติเต็มร้อย ดูเป็นรอยแดงๆ จางๆ ครับ
ถือว่าเป็นการรักษาหลุม และความไม่เรียบเนียนบนใบหน้าที่ไม่ลำบากในการดูแล และสามารถแต่หน้าอำพรางได้ ดังนั้นมีเวลาเว้นว่างแค่เสาร์อาทิตย์ วันจันทร์ก็แต่งหน้าได้ปกติครับสำหรับสาวๆ
E-Matrix ผมทำกับหมอโจ้ The Demis ครับผม
ในส่วนค่าใช้จ่ายลองสอบถามทางคลินิกดูนะครับ เพราะมีทั้งแบบเป็นครั้ง และเป็นคอร์ส