La Ventana (The Window, 2008)
กำกับ : คาร์ลอส โซริน (Carlos Sorin)
ประเทศ : อาร์เจนตินา
imdb

งานใหม่ของผู้กำกับ Historias mínimas (2002) El perro (2004) และEl camino de San Diego (2006) เรื่องของชายชราป่วยหนักอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในชนบทโดยมีแม่บ้านกับพยาบาลคอยดูแล รอคอยลูกชายนักเปียโนที่กำลังเดินทางกลับมาหลังจากไม่ได้เจอกันนาน

คล้ายอ่านเรื่องสั้นดีๆ เรื่องหนึ่ง พล็อตเดียว ไม่ซับซ้อน แต่มีรายละเอียดให้เก็บงำและมีพื้นที่ให้จินตนาการ ผู้กำกับโซรินซึ่งชอบใช้ “ถนน” เป็นฉากหลังของเรื่องราว คราวนี้ตัวละครหลักเป็นคนแก่ที่เดินด้วยตนเองแทบไม่ไหว ฉากหลังส่วนใหญ่จึงอยู่แค่ในบ้านและห้องนอน แต่ก็ยังพูดถึง “การเดินทาง” ในความรู้สึกสู่จุดเริ่มต้นของชีวิต

ดูเรื่องนี้จบแล้วยิ่งชอบผู้กำกับคนนี้ขึ้นไปอีก



     

Detsembrikuumus (Decemberheat, 2008)
กำกับ : แอสโก เคส (Asko Kase)
ประเทศ : เอสโตเนีย
imdb

หนังชิงออสการ์รอบปีนี้ของเอสโตเนีย ฉากหลังปี 1924 หรือ 4 ปี หลังเอสโตเนียทำสงครามปลดแอกจากรัสเซีย ฝ่ายคอมมิวนิสต์จึงวางแผนแทรกซึมและยึดกรุงทาลลินน์เพื่อเปิดทางให้กองทัพรัสเซียกลับมาปกครองเอสโตเนีย แต่ถูกขัดขวางด้วยทหารไม่กี่นาย

ประวัติศาสตร์บทเล็กๆ ชั่วข้ามคืนแต่คงเป็นความภาคภูมิใจและปลุกใจชาวเอสโตเนียได้อย่างดี เดินเรื่องด้วยตัวละครทหารหนุ่มที่กำลังจะหันหลังให้บ้านเกิดไปอยู่ฝรั่งเศสตามคำขอร้องของภรรยา แต่จับพลัดจับผลูต้องช่วยชาติพร้อมกับช่วยภรรยาที่บังเอิญเป็นคนรักเก่าของแกนนำฝ่ายรัสเซียซึ่งจับตัวเธอไป

เหตุการณ์ใหญ่ มีหลายคนเกี่ยวข้อง มีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่หนังดูจะลดขนาดไม่ให้ใหญ่เกินไปโดยใช้ตัวละครหลักแค่ 5-6 คน และความยาวไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง องค์ประกอบสำคัญของเหตุการณ์อย่างการปลุกระดมชนชั้นถูกใส่เข้ามาแบบผิวเผิน ไม่มีผลเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหา แถมบางตอนดูรวบรัดและไม่สมเหตุสมผล



     

El niño pez (The Fish Child, 2009)
กำกับ : ลูเซีย ปูเอ็นโซ (Lucía Puenzo)
ประเทศ : อาร์เจนตินา
imdb

คุณหนูลูกคนรวยรักกับเด็กสาวชาวปารากวัยที่เป็นลูกจ้างในบ้าน วางแผนหนีไปใช้ชีวิตคู่ที่บ้านเกิดริมทะเลสาบของเพื่อนสาว แต่กลับต้องเจอมารความรักคือพ่อของเธอเอง

งานใหม่ที่น่าผิดหวังของผู้กำกับ XXY (2007) ยังพูดถึงประเด็นเรื่องเพศของวัยรุ่น ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก และเซ็กซ์ต้องห้ามเหมือนงานก่อนหน้า แต่ไม่ลึกและน่าค้นหาเท่า แม้จะใส่เรื่องตำนานความเชื่อและระบบชนชั้น-อำนาจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูมีมิติน่าสนใจขึ้นมา นอกจากเป็นเรื่องเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งปรารถนาความรัก และเด็กสาวอีกคนที่ต้องการเป็นอิสระ



     

Das weiße Band (The White Ribbon, 2009)
กำกับ : ไมเคิล ฮาเนเก้ (Michael Haneke)
ประเทศ : เยอรมนี / ออสเตรีย
imdb

เหตุร้ายและเหตุประทุษร้ายหลายครั้งในหมู่บ้านทางเหนือของเยอรมนีช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่จับคนร้ายไม่ได้ ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียดอึมครึมระหว่างผู้ปกครอง ศาสนา และชาวบ้าน

รูปลักษณ์แปลกออกไปของฮาเนเก้ ทั้งเป็นหนังขาว-ดำย้อนยุค มีตัวละครจำนวนมาก และมีหลายเหตุการณ์ซับซ้อนกินระยะเวลานาน ไม่มีฉากกระชากอารมณ์ แต่เต็มไปด้วยภาพติดตาทั้งด้วยความงามและภาพที่ให้ความรู้สึกลึกลับ-แปลกแปร่ง ช่วงแรกอาจจะดูงงๆ ในการเชื่อมโยงเหตุการณ์และตัวละคร ต้องอาศัยสมาธิและความอดทนพอสมควร

บารอน พระ และหมอ เป็น 3 แกนหลักคอยควบคุมดูแลชาวบ้านและเด็กๆ แต่เนื้อในกลับมีปัญหาเสียเองโดยต่างพยายามใช้อำนาจของตนกลบเกลื่อน แก้ไข และลงโทษ ถึงที่สุดแล้วรากแห่งปัญหาไม่ได้รับการสะสางกระทั่งเกิดการตอบโต้ด้วยความรุนแรง ไม่มีความรักเกิดขึ้นที่นี่ มีแต่เด็กๆ ที่เติบโตไปพร้อมกับการหลอกลวง ความเกลียดชัง ความหวาดระแวง และความรุนแรงไม่สิ้นสุด

หนังจบลงด้วยเหตุลอบปลงพระชนม์รัชทายาทแห่งราชอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีที่ซาราเยโวในบอสเนีย อันเป็นชนวนเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันซึ่งล้วนแต่มีการเมืองและศาสนาเป็นต้นตอ

Create Date : 15 ธันวาคม 2552
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 16:40:53 น.		5 comments
Counter : 861 Pageviews.
Share Tweet