Tokyo . Sora ฟ้ายังมองเรา



Tokyo . Sora
ฟ้ายังมองเรา

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 12 มีนาคม 2549


พ้นจากอาคารบ้านเรือนขึ้นไปคือท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต ราวกับว่าฟ้าได้ครอบคลุมและคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง

ท้องฟ้าเหนือกรุงโตเกียวก็เช่นกัน...

หญิงสาว 6 คน ซึ่งเราแทบไม่รู้จักชื่อของพวกเธอ ต่างคนต่างดำเนินชีวิตผ่านพ้นแต่ละวันท่ามกลางความเงียบ ความเหงา โปร่งเบาเลื่อนลอย ราวกับริ้วเมฆลอยลม

เดินทางผ่านฟากฟ้าอย่างเงียบเชียบไร้จุดหมาย

หญิงสาวคนแรกเป็นนักเรียนชาวไต้หวันที่ยังพูดญี่ปุ่นไม่เป็น ชีวิตประจำวันของเธอคือการไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ทำงานเป็นนางแบบในชั้นเรียนศิลปะ ซึ่งบางครั้งต้องเปลื้องเปลือยต่อหน้าคนแปลกหน้า ชีวิตประจำวันอีกอย่างหนึ่งคือการนั่งปล่อยเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในร้านซักผ้า

ในระหว่างการรอคอยอันน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มคนหนึ่งมาซักผ้าในร้านเดียวกัน เขานั่งรอพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มสีฟ้า หญิงสาวมองเขา มองหนังสือที่เขาอ่านด้วยความตั้งใจ หลายวันต่อมาเธอจึงรู้ว่าหนังสือชื่อว่าอะไร เธอหาซื้อมาเปิดอ่าน แต่เธอจะเข้าใจได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นภาษาญี่ปุ่น


อย่างน้อยระหว่างนั่งรอในร้านซักผ้า หนังสือสีฟ้าได้ช่วยให้ชายหนุ่มหันมาสนใจพูดคุยกับเธอ

ชีวิตใช่ว่าจะว่างเปล่าเลื่อนลอยตลอดเวลา...เธอคงคิดเช่นนี้

หญิงสาวคนที่สอง พักอยู่ห้องข้างๆ หญิงสาวคนแรก เธอทำงานเป็นคนแจกสินค้าตัวอย่างหลายชนิด บางครั้งเธอต้องแต่งตัวรัดรูป กระโปรงสั้น ยืนต่อหน้ากลุ่มชายที่เป็นนายจ้าง ให้พวกเขาเพ่งพิศพิจารณาและวิพากษ์วิจารณ์เธอว่าดูดีหรือไม่ ก่อนจะส่งเธอไปแจกสินค้าเหมือนทุกครั้ง

พูดและหยิบยื่นบางสิ่งบางอย่างให้แก่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปคนแล้วคนเล่า

เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เรามักได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังตลอดเวลา เธอนั่งมองมันราวกับเพื่อนแก้เหงาคนหนึ่ง

หญิงสาวคนที่สามเป็นนักเรียนศิลปะ คลาสที่เธอเรียนอยู่เป็นคลาสวาดรูปคนเหมือน มีนางแบบสาวคนหนึ่งมายืนให้เธอเพ่งมองและนำเรือนร่างนั้นมาจัดวางไว้บนกระดาษในรูปของลายเส้นและแสงเงา

เมื่อคลาสมาถึงการวาดรูปเปลือย เด็กสาวสนใจกับลายเส้นส่วนหนึ่งเป็นพิเศษ เธอก้มมองหน้าอกของตัวเองราวกับว่าไม่เคยใส่ใจมันมาก่อน

ช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อนชายร่วมชั้นคนหนึ่งแสดงความสนใจตัวเธอ เขาขอวาดรูปโดยให้เธอเป็นแบบ เธอจึงหาซื้อฟองน้ำเสริมมาใส่ เมื่อเธอคบกับเขา เขามักขอเธอจูบ และดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะต้องการมากกว่านั้น

หญิงสาวคนที่สี่เป็นพนักงานเสิร์ฟในคอฟฟี่ช็อปซึ่งแทบไม่มีลูกค้า เธอแอบรักนายจ้างหนุ่ม ช่วงเวลาว่างๆ ในร้านกลายเป็นช่วงเวลาที่เธอกับเขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

บางครั้งเรื่องที่เขาเล่าทำให้หญิงสาวหัวเราะเริงร่า แต่บางคราเรื่องเล่ากลับทำให้เธอร้องไห้


หญิงสาวคนที่ห้าชื่อ “โยโกะ” ทำงานในบาร์ เธอบอกกับลูกค้าว่าชื่อของเธอแปลว่าใบไม้

โยโกะมีความตั้งใจจะเป็นนักเขียน เมื่องานเขียนชิ้นหนึ่งของเธอเข้ารอบสุดท้ายในการประกวด นำพาบรรณาธิการหนุ่มเข้ามาในชีวิตเธอ เขาคอยให้คำแนะนำปรึกษา แต่งานเขียนชิ้นต่อมากลับยังทำได้ไม่ดีนัก

สิ่งที่โยโกะต้องการถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือคือเรื่องราวของ “ยูกิ” ตัวละครที่เธอสร้างขึ้นจากชื่อของหญิงสาวที่ทำงานในบาร์เดียวกับเธอ เธอพยายามสร้างยูกิให้เป็นอีกโลกหนึ่งของตนเอง เป็นโลกที่สดใส สวยงาม ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน จนบรรณาธิการบอกว่าเรื่องของเธอขาด “ความมืด”...ซึ่งเธอยอมรับ

หญิงสาวคนที่หกเป็นสาวบาร์ชื่อยูกิ เธอบอกกับลูกค้าว่าชื่อของเธอแปลว่าหิมะ

นอกจากทำงานในบาร์แล้ว ยูกิเป็นช่างสระผมในร้านเสริมสวยหรูหรา เธอพยายามเรียนรู้การตัดผม แต่กลับไม่เคยได้รับโอกาส

ชีวิตของเธอไม่ได้สดใสสวยงามอย่างที่โยโกะสร้างแรงบันดาลใจจากชื่อของเธอ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองได้มาพบกัน พูดคุยทำความรู้จักและทำความเข้าใจในชีวิตของแต่ละคน จนราวกับว่าต่างคนต่างได้เพื่อนเข้ามาเติมเต็มชีวิต

แต่โชคร้าย เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดกับยูกิ ทำให้โลกสวยงาม สดใส ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของโยโกะต้องพังทลายลง

พ้นจากอาคารบ้านเรือนขึ้นไปคือท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต ราวกับว่าฟ้าได้ครอบคลุมและคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง

ท้องฟ้าเหนือกรุงโตเกียวก็เช่นกัน...

หญิงสาวต่างแหงนมอง...บางสิ่งบางอย่างอาจผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ท้องฟ้ายังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ


Tokyo . Sora เป็นหนังญี่ปุ่นปี 2002 กำกับโดย อิชิกาวา ฮิโรชิ ผู้กำกับหนังโฆษณาที่หันมาจับงานหนังเป็นครั้งแรก

หนังมีบทสนทนาน้อยมาก ไร้พล็อตเรื่องให้จับต้อง ตกแต่งด้วยดนตรีประกอบเพียงน้อยนิด แต่แทนที่ด้วยเสียงบรรยากาศรายรอบไม่ว่าจะเป็นเสียงรถรางแล่นกึงกัง เสียงโทรทัศน์ เสียงพัดลม ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเงียบเหงาของตัวละครยิ่งขึ้น

หนังดำเนินเรื่องด้วยภาพชีวิตของหญิงสาวทั้ง 6 คน ตัดสลับไปมา ให้เราได้เฝ้ามองความเป็นไปของพวกเธอ ความนิ่งเงียบไร้พล็อตนี่เองที่อาจทำให้ต้องใช้ความอดทนพอสมควรกว่าจะผ่าน 2 ชั่วโมงมาได้ อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพที่ใช้องค์ประกอบแบบงานโฆษณาช่วยให้หนังมีเสน่ห์ให้ค้นหา และดูไม่ราบเรียบน่าเบื่อ

ฟ้าคือสัญลักษณ์ที่หนังบอกกล่าวไว้ตั้งแต่ในชื่อเรื่อง ฉากภายนอกเราจึงเห็นท้องฟ้าเป็นองค์ประกอบตลอดเวลา ส่วนฉากภายใน หลายครั้งหนังใช้แสงฟุ้งจากหน้าต่างเป็นตัวแทนของท้องฟ้า จนรู้สึกเหมือนกับว่ามีท้องฟ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง บางฉากทำให้นึกไปถึง All about Lily Chou-Chou ของชุนจิ อิไว ซึ่งว่าด้วยความเปลี่ยวเหงาสับสนคล้ายๆ กัน

ดูหนังเรื่องนี้อาจทำให้เหงายิ่งขึ้น แต่บทจบของเรื่องราวก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าชีวิตไม่ว่างเปล่าเกินไปนัก




 

Create Date : 19 กันยายน 2549
5 comments
Last Update : 19 กันยายน 2549 3:38:12 น.
Counter : 3096 Pageviews.

 

ความเหงามันช่างโหดร้ายกับมนุษย์เหลือเกินนะครับ
แม้มนุษย์จะไม่ต้องการความเหงา แต่ความเหงาก็ทำให้มนุษย์รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

 

โดย: sTRAWBERRY sOMEDAY 19 กันยายน 2549 1:00:51 น.  

 

เป็นคนขี้เหงา เลยชอบดูหนังเหงาๆ

 

โดย: เจ้าชายไร้เงา 19 กันยายน 2549 1:47:01 น.  

 

มาอ่าน review เรื่องนี้รอบ 2 ค่ะ (รอบแรกอ่านที่ blog renton) สงสัยต้องไปหามาดูบ้างละ

 

โดย: unwell 19 กันยายน 2549 10:58:33 น.  

 

อยากดูเรื่องนี้จัง

 

โดย: ดาริกามณี IP: 125.24.129.183 20 กันยายน 2549 19:00:55 น.  

 




 

โดย: renton_renton 20 กันยายน 2549 20:55:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.