Kings ค่ำคืนหลงคว้างของเศษชิ้นส่วนแห่งมหานคร Kings ค่ำคืนหลงคว้างของเศษชิ้นส่วนแห่งมหานคร พล พะยาบ Kings เล่าถึงเด็กหนุ่มกลุ่มเพื่อน 6 คน จากฝั่งตะวันตกของไอร์แลนด์ซึ่งอพยพมายังลอนดอนในช่วงปี 1977 เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากเพื่อหนีสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในบ้านเกิด 30 ปี ผ่านไปพวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในงานศพของ แจ็คกี้ เพื่อนผู้อ่อนวัยที่สุดซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟใต้ดินทับร่าง ฉากย้อนอดีตรำลึกความหลังเมื่อคราวอยู่ในไอร์แลนด์ถูกใส่แทรกเป็นระยะ คือความหลังที่แสดงว่าพวกเขาสนิทสนมรักใคร่กันมากเพียงใด แต่ปัจจุบันต่างคนต่างแยกย้าย มีชีวิตสูง-ต่ำแตกต่างกันไป และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อาจกลับไปยังแผ่นดินถิ่นเกิดซึ่งเคยมีฐานะเป็น “บ้าน” ได้อีกแล้ว เพื่อนอีก 5 คนที่เหลือประกอบด้วย กิทและแจ็พ สองขี้เมาอาศัยอยู่ด้วยกัน หลังจากทำงานก่อสร้างมาทั้งชีวิตบัดนี้พวกเขาไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง กิทคือคนที่อยู่กับแจ็คกี้ก่อนที่แจ็คกี้จะเสียชีวิต เขาจึงเก็บงำความลับบางอย่างไว้ และความลับนี้มีผลต่อความรู้สึกของแจ็พอย่างยิ่ง มาร์ตินมีงาน มีครอบครัว แต่มีปัญหาติดเหล้า ก่อนแจ็คกี้จะเสียชีวิต เขาได้รับโทรศัพท์จากแจ็คกี้ แต่ปฏิเสธไม่ออกไปพบ ทั้งยังบอกว่าอย่าโทร.มาอีก เชย์เปิดร้ายขายผัก และมีความรู้สึกผิดติดตัวที่เคยเลิกจ้างแจ็คกี้ เพราะเห็นว่าเพื่อนมาทำงานสายเป็นประจำ คนสุดท้ายคือโจซึ่งมีฐานะดีที่สุด แต่ตัดขาดและแปลกแยกกับเพื่อนมากที่สุด เขาคือคนที่แยกตัวไปใช้ชีวิตตามลำพังก่อนคนอื่นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แม้เมื่อมีกิจการรับเหมาก่อสร้างของตนเองก็ปฏิเสธไม่ยอมพบและรับเพื่อนเข้าทำงาน เห็นได้ว่าสถานะและความสัมพันธ์ในปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยของอดีตกลุ่มเด็กหนุ่มเพื่อนรักจากไอร์แลนด์อีกเลย แต่เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนของมหานครซึ่งดูดกลืนพวกเขาไปทั้งชีวิต ค่ำคืนที่ได้มารวมตัวกันในร้านเหล้าแห่งหนึ่งจึงมีทั้งช่วงแห่งการปะทะและสังสรรค์ พวกเขารินราดบาดแผลตลอด 30 ปี ด้วยสุราและความหลัง ต่างกอดคอหัวเราะหัวใคร่สลับกับการทะเลาะขึ้นเสียงใส่กัน ไม่ใช่ด้วยอารมณ์โกรธแค้น แต่เป็นความเจ็บปวดที่สุมทับอยู่ในใจ Kings เป็นหนังปี 2007 จากไอร์แลนด์ กำกับฯโดย ทอม คอลลินส์ จากบทละครเรื่อง The Kings of the Kilburn High Road ของ จิมมี่ เมอร์ฟีย์ ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศปี 2008 (รอบปี 2007) โดยได้รับการบันทึกไว้ว่านี่เป็นครั้งแรกของไอร์แลนด์ที่ร่วมชิงชัยในสาขานี้ เพราะที่ผ่านมาหนังไอร์แลนด์เด่นๆ ดังๆ ล้วนแล้วแต่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นหนังของ จิม เชอริแดน หรือหนังดังอย่าง The Commitments (1991) Angela's Ashes (1999) Michael Collins (1996) รวมไปถึงหนังรางวัลปาล์มทองเรื่อง The Wind That Shakes the Barley (2006) Kings ซึ่งใช้ภาษาไอริชแทบทั้งเรื่องจึงมีสิทธิ์เต็มที่ในการเข้าร่วมประกวดหนังต่างประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ การดูหนังเรื่องนี้อาจจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจอยู่บ้าง เพราะแม้จะมีซับไตเติลภาษาอังกฤษแต่เป็นภาษาอังกฤษที่ประกอบด้วยศัพท์สแลงไอริชจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของบทหนัง(หรืออาจจะมาจากบทละครต้นฉบับ) คือเต็มไปด้วยบทพูดคมคายเปี่ยมความหมาย เช่น ฉากที่เชย์คุยกับพ่อของแจ็คกี้ เชย์บอกว่าคิดจะกลับบ้านในไอร์แลนด์ พ่อตอบว่าจะกลับไปทำไมในเมื่อเมียกับลูก(ในอังกฤษ)ก็คือบ้าน ส่วน “ไอร์แลนด์เป็นแค่ก้อนหินแข็งๆ บนส่วนปลายของก้อนหินอีกก้อนหนึ่งที่ใหญ่กว่า” หรือคำพูดของใครคนหนึ่งที่ว่า “ไอร์แลนด์ที่แท้จริงในหมู่พวกเรามีคนเดียว นั่นคือคนที่กำลังถูกส่งกลับบ้าน” (หมายถึงร่างไร้ชีวิตของแจ็คกี้) หนังดำเนินคืบหน้าอย่างหนักแน่นโดยร้อยเรียงภาพเหตุการณ์ปัจจุบัน ภาพในอดีต ภาพความคิดและจิตใต้สำนึกของตัวละคร ค่อยๆ เปิดเผยให้ผู้ชมรับรู้เงื่อนปมของแต่ละตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการสูญเสียเพื่อนในครั้งนี้มีผลต่อพวกเขาอย่างไร บางคนรู้สึกราวกับสูญเสียความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิต ขณะที่บางคนได้โอกาสเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ใครคนหนึ่งหวนนึกถึงการกลับบ้าน แต่ใครอีกคนเหมือนหลุดพ้นไปไกลนับจากนี้ ค่ำคืนของอดีตเด็กหนุ่มแห่งไอร์แลนด์จบลงคล้ายเสียงเพลง Danny Boy ที่เปล่งประสานหลงคีย์หลงคว้างไปคนละทาง   Create Date : 10 ธันวาคม 2551 9 comments Last Update : 10 ธันวาคม 2551 5:06:44 น. Counter : 1676 Pageviews. Share Tweet

เขียนถึงเรื่องนี้ในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งร่วมกับเรื่อง Padre nuestro (Rodrigo Sepúlveda, 2005) ลงวันอาทิตย์นี้ครับ เป็นคอนเซ็ปต์ "หนังข้ามคืน" ที่มีพล็อตและเส้นเรื่องของการลำดับจัดวางเรื่องราวคล้ายกัน คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนกลุ่มเล็กๆ ได้กลับมาพบเจอพร้อมหน้าพร้อมตาเนื่องจากเหตุร้ายอันเกิดกับตัวละครหนึ่ง เรื่องราวเริ่มต้นในตอนกลางวัน สู่ค่ำคืนอันเข้มข้นยาวนาน และสิ้นสุดลงเมื่อย่างเข้าวันใหม่ ---------- "หนังข้ามคืน" (เล่าเรื่องราวมากมายโดยเทน้ำหนักไปที่เวลากลางคืนเพียงคืนเดียว) เรื่องอื่นๆ ที่ชอบ Big Night (Campbell Scott + Stanley Tucci, 1996) American Graffiti (George Lucas, 1973) Who's Afraid of Virginia Woolf? (Mike Nichols, 1966)   โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 10 ธันวาคม 2551 5:02:45 น.

Kings น่าดูสุดๆเลยครับ อ่านแล้วเห็นองค์ประกอบหลายอย่างที่ผมชอบ ความเจ็บปวด วันวานที่ไม่อาจหวนคืน มิตรภาพ และไอร์แลนด์ น่าดูๆๆ   โดย: เอกเช้า IP: 124.120.193.155 10 ธันวาคม 2551 15:18:07 น.

น่าดูครับ ตอนนี้ผมก็รองานเทศกาลยูโรเปียนฟิล์มที่เชียงใหม่อยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมเซ็งที่สุดก็คือหนังวีซีดีพากย์ไทยครับ ไปเช่าหนังดูทำไมมันมีแต่พากย์ไทยหนอ   โดย: I will see U in the next life. 10 ธันวาคม 2551 18:05:58 น.

อ่านบทวิจารณ์แล้วทำให้อยากดู แตไม่มีโอกาสได้ดูสักที ชอบเพลง Danny Boy เพราะดี ไม่ได้ฟังนานแล้ว ต้องหาฟังสักหน่อย ได้เลขรหัสส่งข้อความสวยจริง ๆ 9999   โดย: yawaiam IP: 118.172.167.111 11 ธันวาคม 2551 5:53:10 น.

Kings น่าดูค่ะ พึ่งดู Black Irish แต่ สำเนียงอเมริกันเพราะมาจากอเมริกา   โดย: renton_renton 12 ธันวาคม 2551 9:51:35 น.

แอบดู Flashbacks of a Fool พี่ เค้ก ของหนูไปซะและ เดี๋ยวไปหาดูมั่ง (แต่เอาแค่เจมส์ บอนด์ ก็ยังไม่ได้ดูเลย ^^)   โดย: renton <- - - :: IP: 125.26.123.214 13 ธันวาคม 2551 13:45:14 น.

โดย: Amata อมตะ (mlmboy ) 13 ธันวาคม 2551 16:22:56 น.

คุณเอกเช้า และคุณ yawaiam ตอบ I will see U in the next life. ใช่ครับ สัดส่วนซาวน์ดแทร็คมักจะน้อยกว่าพากย์ไทย แถมบางค่ายจะไม่ส่งแบบซาวน์ดแทร็คมาร้านเช่าเลย ตอบ renton เรื่องนี้พี่เค้ก naked show ด้วยนะ หุหุ   โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 13 ธันวาคม 2551 16:25:15 น.

^ ^ อย่างนี้ยิ่งต้องรีบเลยยยย เจมบงเจมบอนไม่สนแล้ว 5555x55   โดย: renton <- - - (^-^) IP: 125.26.133.150 14 ธันวาคม 2551 7:39:31 น.