The Death of Mr. Lazarescu ความป่วยไข้ในโรมาเนีย



The Death of Mr. Lazarescu
ความป่วยไข้ในโรมาเนีย

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 4 กุมภาพันธ์ 2550


*เรื่องโรคภัยไข้เจ็บกับระบบการรักษาพยาบาลเป็นประเด็นทางสังคมที่มีความสำคัญเสมอไม่ว่าประเทศไหน โดยเฉพาะในระดับนโยบายรัฐที่อิงกับการเมืองการบริหาร ถึงกระนั้น แต่ไหนแต่ไรมามีหนังน้อยเรื่องที่หยิบประเด็นปัญหาดังกล่าวมานำเสนอเป็นแก่นสารหลักผ่านแผ่นฟิล์ม ไม่ว่าจะด้วยการวิพากษ์ ตีแผ่ หรือเพียงสะท้อนภาพความเป็นจริงออกมาก็ตาม

เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า ถ้ามีคนทำหนังเกี่ยวกับชาวบ้านพกบัตรประกันสุขภาพไปเข้าคิวยาวเหยียดแออัดอยู่ครึ่งวันเพื่อพบหมอ สุดท้ายได้ยาพาราเซตามอลกลับบ้าน...ใครจะอยากดูบ้าง

ปี 2005 มีหนังโรมาเนียเรื่อง Moartea domnului Lazarescu หรือ The Death of Mr. Lazarescu เล่าถึงค่ำคืนที่ชายชราคนหนึ่งตระเวนไปกับรถพยาบาลเพื่อหาทางรักษาอาการหัวศีรษะ โดยหนังมีความยาวถึงกว่า 150 นาที

เห็นพล็อตกับความยาวแล้ว อาจจะพานรู้สึกไม่อยากดูได้ง่ายๆ...แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน เพราะหนังเกี่ยวกับคนป่วยที่มีความยาวร่วม 2 ชั่วโมงครึ่งเรื่องนี้ให้ผลลัพธ์ที่แข็งแรงทรงพลังยิ่งนัก

ผู้กำกับฯ คริสตี้ พุยอู(Cristi Puiu) ดำริสร้างหนังเรื่องนี้ในปี 2003 ระหว่างที่เขากับผู้กำกับฯโรมาเนียรุ่นใหม่หลายคนมีกรณีพิพาทกับสภาการภาพยนตร์แห่งชาติ(ซีเอ็นซี) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินทุนให้แก่นักสร้างหนัง พุยอูได้เขียนเรื่องย่อของหนัง 6 เรื่องในชื่อชุด Six Stories from the Outskirts of Bucharest หรือ 6 เรื่องเล่าจากคนชายขอบแห่งบูคาเรสต์ โดยมีแผนจะสร้างเป็นหนังทุนต่ำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งซีเอ็นซี

The Death of Mr. Lazarescu เป็น 1 ใน 6 เรื่องนั้น และถูกสร้างเป็นหนังเป็นเรื่องแรก โดยได้รับไฟเขียวจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่กลับคำตัดสินของซีเอ็นซี

หนังเล่าถึง ลาซาเรสคู ชายวัย 62 ปี อยู่ตัวคนเดียวในอพาร์ตเมนต์ในบูคาเรสต์กับแมว 3 ตัว เขามีน้องสาวอยู่ต่างเมือง ส่วนลูกสาวย้ายไปอยู่แคนาดา เลี้ยงชีพด้วยเงินบำนาญที่ต้องแบ่งส่วนหนึ่งใช้หนี้น้องสาว และชอบดื่มเหล้าที่ผสมเองเป็นประจำ

ตั้งแต่เช้า ลาซาเรสคูมีอาการปวดหัวอย่างหนักและปวดท้อง โดยคิดว่าเป็นผลมาจากแผลผ่าตัดเมื่อ 14 ปีก่อน เขาโทรเรียกรถพยาบาลหลายหนแต่ไร้วี่แวว อาการของชายชราหนักถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด เพื่อนบ้านเห็นท่าไม่ดีจึงโทรเรียกรถพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้รถมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน


มิโอรา เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวใหญ่ตรวจลาซาเรสคูแล้วสันนิษฐานว่าชายชราเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เธอพาลาซาเรสคูไปโรงพยาบาล แต่หมอกลับบอกว่าเขาเป็นแค่คนแก่ขี้เมาที่เป็นโรคตับ แล้วไล่ไปโรงพยาบาลอื่น

ลาซาเรสคูถูกส่งต่อไปอีก 3 แผนก ใน 2 โรงพยาบาล ความป่วยไข้ของเขาถูกตรวจพบมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งได้ข้อสรุปสุดท้ายว่าเขาต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับรักษาชายชรา เหตุผลมากมายถูกเอ่ยอ้าง ประกอบกับคืนนั้นเกิดอุบัติเหตุรถชนใหญ่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ทำให้โรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนป่วย

อาการของลาซาเรสคูทรุดหนักลงเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเขาจะได้รับการรักษาหรือไม่...

พุยอูเขียนบทหนังเรื่องนี้จากการที่เขาทุกข์ทรมานด้วยอาการลำไส้ใหญ่บวม จนต้องหันมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและระบบการรักษาพยาบาล อีกแรงบันดาลใจหนึ่งคือเหตุการณ์จริงปี 1997 เกี่ยวกับชายวัย 52 ปี ชื่อ คอนสแตนติน นิกา ที่ถูกส่งตัวไปหลายโรงพยาบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะทิ้งเขาไว้บนถนนและเสียชีวิตในที่สุด

ด้วยเหตุที่หนังกล่าวถึงสภาพปัญหาของระบบรักษาพยาบาลของรัฐ ซึ่งชาวโรมาเนียเองย่อมรู้ซึ้งถึงปัญหาดี แต่สำหรับคนนอกแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาข้อมูลเรื่องนี้เพื่อทำความเข้าใจได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หนังได้ให้ข้อมูลไว้ในบทสนทนาให้เราพอจะปะติดปะต่อภาพได้ว่า ค่าหยูกยาในโรมาเนียเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่คนยากจนได้รับการเหลียวแลจากรัฐลดน้อยลง แม้แต่รถพยาบาลยังแทบจะหยุดทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งที่ความเจ็บไข้ไม่เคยเลือกวันทำการ

นอกจากนี้ ภาพของหมอที่ทำงานแบบขอไปที สนใจแต่เรื่องส่วนตัว ไม่กระตือรืนร้นรักษาคนไข้ กับภาพของเจ้าหน้าที่พยาบาลอย่างมิโอราซึ่งช่วยเหลือชายชราและหาทางให้เขาได้รับการรักษาโดยไม่ปริปากบ่น ก็เหมือนเป็นการตบหน้าชนชั้นอาชีพที่ควรมีความรับผิดชอบสูงอย่างตรงไปตรงมา

จุดที่น่าสนใจคือ แม้หนังจะยิงตรงไปยังประเด็นปัญหา เรื่องระบบรักษาพยาบาลในโรมาเนีย แต่ในอีกระดับของเนื้อหา หนังได้ลงลึกไปยังปมทางการเมือง-สังคมด้วย

*ช่วงต้นเรื่องในอพาร์ตเมนต์ของลาซาเรสคู ชายชราดูโทรทัศน์ที่กำลังสนทนาเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเมืองทิมิชัวร่า ไม่นานจากนั้น ชายชราได้บอกกับมิโอราว่าเขาเคยผ่าตัดเมื่อ 14 ปีก่อน และคิดว่าแผลผ่าตัดนี้เองคือสาเหตุของอาการผิดปกติ

หากนับจากปี 2003 ซึ่งพุยอูเขียนบทหนังเรื่องนี้ 14 ปีที่แล้วคือปี 1989 อันเป็นปีที่เกิดการปฏิวัติล้มล้างผู้นำเผด็จการ นิโคไล เชาเชสคู เปลี่ยนประเทศจากระบอบคอมมิวนิสต์เป็นประชาธิปไตย(แม้จะไม่มีผลทันทีในความเป็นจริงก็ตาม) โดยจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้คือการจลาจลในเมืองทิมิชัวร่านั่นเอง

หากแผลผ่าตัดเมื่อปี 1989 เป็นสาเหตุของอาการผิดปกติ หนังอาจจะกำลังบอกเราว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ราวกับการผ่าตัดนั้น ไม่ได้ทำให้ความป่วยไข้หายไปสิ้น หากมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงมาถึงปัจจุบัน

หนังเน้นความสมจริงด้วยภาพที่เกิดจากการถือกล้องด้วยมือตลอดเวลา ไม่เน้นความประณีตสวยงาม ตามติดความเป็นไปของตัวละครลาซาเรสคูอย่างใกล้ชิด พร้อมกับถ่ายทอดการกระทำและบทสนทนาของตัวละครอื่นๆ อย่างเป็นธรรมชาติจนใกล้เคียงกับหนังสารคดี นอกจากจะช่วยให้เกิดความสมจริงแล้ว ยังมีผลต่อความรู้สึกของผู้ชมที่ติดตามเรื่องราวมาตั้งแต่แรก กระทั่งถึงบทลงเอยของค่ำคืนอันยาวนาน

The Death of Mr. Lazarescu นอกจากจะคว้ารางวัล Un Certain Regard ที่เมืองคานส์แล้ว ยังเข้าชิงและคว้ามาได้ถึงกว่า 40 รางวัลจากหลายเทศกาล

ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังเซอร์ไพรส์ประจำปี 2005




 

Create Date : 31 มีนาคม 2550
16 comments
Last Update : 31 มีนาคม 2550 4:43:09 น.
Counter : 2075 Pageviews.

 

ออกอารมณ์หดหู่มากเลยค่ะตั้งกะเปิดดูในช่วงแรกๆ ที่โทรศัพท์ โทรแล้วโทรอีก โทรแล้วโทรอีก อาการก็ดูแย่มากๆ แต่รถพยาบาลก็ไม่มา.....

เลยพึ่งดูได้แค่นั้นอ่ะค่ะ...ทนรับรู้ความน่าเวทนาของตัวละครไม่ไหว...

หมายเหตุ
Ghost Ride นี่ ดูได้ครึ่งเรื่อง (คิดว่าครึ่งนะ ) แล้วหลังจากนั้นก็หลับค่ะ..5 5 5 ตื่นมาอีกที ดูได้อีก2นาที ก็ขึ้น end credit 5 5 เสียตังค์ไปร้อยนึงเพื่อไปนอนตากแอร์ในโรงหนัง เลยไม่รู้เลยว่าผีสองฝ่ายต่อสู้กันยังไง...

 

โดย: renton_renton 31 มีนาคม 2550 8:41:19 น.  

 

อยากดูมากๆๆๆๆ ครับ
ชอบหนังแนวนี้อะ ^^

 

โดย: nanoguy IP: 203.113.34.9 31 มีนาคม 2550 11:53:19 น.  

 

น่าดูนะเนี่ย

เนื้อหาแปลกจังแต่น่าสนใจ

 

โดย: Reaper's raspberry 31 มีนาคม 2550 14:02:53 น.  

 

ขอบคุณครับที่แนะนำหนังเรื่องนี้ อ่านเรื่องย่อและประเด็นการเชื่อมโยงระหว่างอาการป่วยกับเรื่องการเมืองแล้วรู้สึกน่าสนใจดีครับ

คงต้องหามาดูบ้างล่ะ

 

โดย: Kino (das Kino ) 31 มีนาคม 2550 14:06:59 น.  

 


โห .. ช่วงนี้หนังของบอสเป็นหนังที่หนูโดนมากะตัวทั้งนั้นเลยอ่ะ
ประสบการณ์ตรง เจอมาสดๆร้อนๆ ต่อเนื่องจากร๊อคกี้ เรื่องที่แล้วเลย
ก็เรื่องที่พาลุงไปทำบอลลูนที่รพ.รัฐบาลนั่นแหละค่ะ
ก่อนเข้าไปทำ พยาบาลเค้าถามแบบ ...
จะจ่ายเงินแบบไหน จะเบิกด้วยอะไร นี่ยังทำเรื่องมาไม่เรียบร้อยเลย
จะสิทธิ์ข้าราชการหรือจะใช้ประกันสังคม ทำไมไม่ทำเรื่องมาก่อน
จะมาทำตอนนี้เลยมันไม่ได้หรอก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมันเท่านั้นเท่านี้นะ
โห ... เป็นชุดเลยค่ะ ลุงหนูก็นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงที่เข็นๆ
(คือถ้าเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายไม่เรียบร้อย เค้าก็จะเข็นรถกลับ ยังไม่ทำ)
ลุงก็บอก หนูพยาบาลใจเย็นๆลูก ทำเรื่องเบิกยังไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เดี๋ยวลุงจ่ายเองไปก่อนก็แล้วกัน ยังไม่ต้องไปเบิกอะไรก็ได้
โอ้ ... เท่านั้นแหละค่ะ
พยาบาลเค้าเปลี่ยนกิริยาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หืออออ หนูเศร้า เศร้าจริงๆนะคะ เศร้ามากๆ

นี่ยังไม่นับเหตุการณ์ที่เจอในห้องฉุกเฉินอีก
มีคนรถชนเข้ามาสองคน เลือดอาบเลย
แต่เค้าไม่ทำอะไรให้(แม้แต่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น)
เพียงเพราะสองคนนี้มีเงินติดกระเป๋ามาไม่ถึงร้อย
และไม่ทำอะไรให้เลย จนคนไข้ต้องเดินเลือดท่วมโขยกเขยกออกไปเรียกแท๊กซี่เพื่อไปรพ.อื่น
โดยที่หมอในนั้นไม่ได้ให้ความสนใจอะไรหรือเหลือบแลซักนิดเลย
แถมพยาบาลยังด่าตามหลังไปอีกว่า ไม่มีตังค์มาซักบาทยังจะมาเรื่องมาก
โอ้ น้ำตาแทบไหล เหตุมันเกิดที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ
ไม่ต้องโรมาเนียหรอก ฮือๆๆๆๆ

หลังจากวันนั้น ไม่สบายเลยไปรพ.กรุงเทพฯ โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
นี่มันคนละประเทศกันหรือเปล่า จากลานจอดรถมีทางเลื่อนเข้ามาที่ตึก
เข้ามาล๊อบบี้มีเปียโนบรรเลงสดๆ เข้าไปยังไม่ทันถึงเคาน์เตอร์มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถาม
ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกสุดฤทธิ์
มีน้ำมาเสิร์ฟให้ด้วยอ่ะ เออ เอาสิ แถมพอรักษาเสร็จ
ตอนเอ่ยลาทั้งคุณหมอคุณพยาบาลก็พร้อมใจกันบอกว่า รักษาสุขภาพนะคะ หายเร็วๆค่ะ
แม่เจ้า หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์มีโทรมาติดตามผลด้วยง่ะ
ว่าหายหรือยัง ถ้าไม่หายให้มาตามใบที่หมอนัดไว้ แต่ถ้าหายแล้วก็ไม่ต้องมาก็ได้
สุดๆค่ะ สุดๆ ประทับใจโคตรๆเลย แต่อีกนัยหนึ่งก็ทำให้คิดอ่ะนะว่า
ตกลงว่านี่เงินมันซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ โดยเฉพาะความสะดวกสบายใช่มั้ยเนี่ย

เฮ้อออ แต่อย่าให้มันซื้อได้กระทั่งชีวิตคนเลยนะ
มันทรมานจิตใจเกินไป ...
ดังนั้นหนูขอไม่ดูนะบอสเรื่องนี้อ่ะ เพราะแค่อ่านยังแทบแย่เลย
คิดว่าคงทนดูไม่ไหวจริงๆ

 

โดย: LunarLilies* 31 มีนาคม 2550 22:35:16 น.  

 

โอ้ว เรื่องนี้สงสัยหาดูยากอีกแหงมๆ

อ้อพี่เอ้ แวะมาส่ง Bag Tag ให้ค่ะ

 

โดย: tistoo 1 เมษายน 2550 2:44:02 น.  

 

สรุปว่าทั้งโรมาเนียทั้งไทย น่าหดหู่ใจพอกัน
แต่ยังดีที่โรมาเนียมีไฟเขียวจากรัฐบาลให้สร้างเป็นหนัง
ผลลัพธ์จะต่างกันมั๊ย ถ้าจะสร้างหนังแบบนี้ที่เมืองไทย

เรื่องการคำนึงถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าจะคิดถึงชีวิตคน
ไม่ได้เป็นปัญหาแค่สถานพยาบาล ลงลึกไปถึงตัวแพทย์เอง ก็น่าเศร้าใจไม่น้อย
พ่อจีเคยไปพบหมอที่ รพ.รัฐ เพื่อขอผ่าตัด (ไส้เลื่อน) พยามหาวันนัดหลายครั้ง หมอบอกแต่ว่าไม่ว่าง
เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง พ่อชักเอะใจ เลยไปถามไถ่คนรู้จัก ได้ความมาว่า
ต้องไปหาหมอ (คนเดียวกันนี้แหละ) ที่คลินิค ตอนคุยกันเรื่องการผ่า จะต้องบอกหมอด้วยว่า
ยินดีจ่ายค่ารักษาเพิ่มให้
โอ้แม่เจ้า! เท่านั้นแหละ หมอมีเวลาว่างให้ภายในอีกอาทิตย์ทันที

เมื่อก่อนตอนดูรายการถึงลูกถึงคนประเด็นเรื่องการรักษาผิดพลาด
ครอบครัวผู้เสียหายกับคนในแพทยสภามานั่งถกกัน
ดูจบทีไรนอกจากจะเสียน้ำตาให้กับชะตากรรมของคนป่วย ยังพ่วงด้วยความเสื่อมศรัทธาในวงการแพทย์ติดไปด้วยทุกที

 

โดย: G IP: 203.113.76.71 1 เมษายน 2550 11:24:14 น.  

 

เออลืมชื่นชม
โห...บอสสส คิดได้งัยอ่ะ แผลผ่าตัดกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ ลึกซึ้งงงซะจริงๆ

 

โดย: G IP: 203.113.76.71 1 เมษายน 2550 11:34:33 น.  

 

^
^
^
ใช่ๆ มัวแต่อิน เลยลืมเลย ว่าจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน
แผลผ่าตัดครั้งใหญ่กับความเป็นไปและป่วยไข้ของประเทศ
โอ้ บอสช่างคิดได้เนอะ เจ๋งจริงๆเล้ยยย

 

โดย: LunarLilies* 1 เมษายน 2550 11:57:00 น.  

 

บอสสสรู้ป่ะ ว่ามีคนเค้าสงสัยว่าเด๋วนี้รู้สึกเหมือนสปีดการอั๊พบล็อคบอสจะช้าไป
จีก้อไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ เพราะไม่ได้นับวันรอเหมือนพี่เป้นิ กรั่กๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: G IP: 203.113.76.71 1 เมษายน 2550 21:35:11 น.  

 


อั๊พช้าหน่อยแหละดีแล้วค่ะบอส
ม่ายง้านหนูอ่านม่ะทัน (จริงๆนะ)
อาทิตย์ละหนอ่ะเนอะ กะลังดี ฮี่ๆๆ

 

โดย: LunarLilies* 2 เมษายน 2550 20:48:54 น.  

 


รูปประติมากรรมเศียรพญานาค เอามาฝากบอสด้วย


 

โดย: G IP: 203.113.76.71 2 เมษายน 2550 21:36:42 น.  

 

ไปดู The Fountain หรือยังครับ

มันจี๊ดใจผมเหลือเกิน

 

โดย: I will see U in the next life. 5 เมษายน 2550 16:46:07 น.  

 

ที่นี่ครับมีขายเฉยเลย
รวมหนังนอกกระแส หนังเกาหลี อินดี้ หนังแปลก หนังหายาก เคยซื้อมาแล้วแจ่มมากครับ

www.banmor.net

 

โดย: ใบโพธิ์ IP: 58.181.191.80 6 เมษายน 2550 17:07:34 น.  

 

ฟ้อง รพ.มะกันทิ้งคนไข้กลางถนน [ไทยรัฐ-19 ม.ค. 51]

สหภาพเสรีพลเรือนอเมริกัน (ACLU) ร่วมกับศูนย์ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่สาธารณะ และบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง ยื่นฟ้องโรงพยาบาลฮอลลีวูด เพรสไบทีเรียน เมดิคอล เซ็นเตอร์ (HPMC) ที่ปฏิเสธการรักษาคนไข้พิการไร้บ้าน ทั้งยังนำไปปล่อยทิ้งกลางถนน เหตุเกิดเมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว นายกาบิโน โอลวีรา คนจรจัดวัย 42 ปี ซึ่งเป็นอัมพาตครึ่งล่างและมีอาการป่วยทางจิตถูกเจ้าหน้าที่หญิงของโรงพยาบาลนำขึ้นรถพาไปส่งศูนย์พักพิงในย่านสกิดโรว์ของลอสแอนเจลิส แต่ศูนย์พักพิงเต็ม ไม่ สามารถรับผู้ขอความช่วยเหลือได้อีก เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นจึงนำนายโอลวีราย้อนกลับมาที่ HPMC ก่อนจะปล่อยให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเข็นบริเวณห้องโถงของโรงพยาบาลนาน 8 ชม. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเขาขึ้นรถอีกครั้ง คราวนี้ขับไกลออกไปกว่า 10 กม. แล้วปล่อยทิ้งข้างถนนในสกิดโรว์

นายโอลวีราซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมของทางโรงพยาบาล และติดท่อพลาสติกระบายของเสียจากร่างกายได้กระเสือกกระสนลากตัวเองไปตามถนน โดยที่ปากคาบถุงใส่ข้าวของส่วนตัว เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น จนท้ายที่สุด เขาก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกแห่งเพื่อรับการรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ กลุ่มสิทธิพลเรือนซึ่งเป็นตัวแทนของนายโอลวีรากล่าวว่า การกระทำของ HPMC ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่งที่ทิ้งคนไข้ได้ลงคอในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม HPMC ออกมาแก้ต่างว่า ทางโรงพยาบาลพยายามฝึกอบรมพนักงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทิ้งคนไข้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง


 

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 22 มกราคม 2551 20:13:52 น.  

 

น่าดูจริงๆค่ะ
น่าสลดใจมากๆเลย ไม่รู้ว่าหาดูได้ที่ไหนบ้าง

 

โดย: yingnight IP: 125.27.190.244 21 เมษายน 2553 12:43:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.