Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

Glitter In The Air

คืนนี้ลมเงียบสงบ แต่อากาศยังเย็น ไฟในห้องเปิดสว่าง แข่งกับจอโทรทัศน์ที่ผมมักเปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อนเหมือนทุกค่ำคืน อีกไม่กี่ชั่วโมงแสงอาทิตย์ก็จะข่มเหงแสงฟลูออเรสเซนส์ให้ดูต้อยต่ำและจอมปลอม ผมกำลังจะเข้านอนในไม่ช้า ในขณะที่หลายคนกำลังจะตื่นขึ้นมาใช้ชีวิต

เราอาจมีชีวิตเหมือนกัน แต่เราอาจใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน

ต้นเดือนที่ผ่านมาผมเพิ่งออกจากงาน ใบลาออกร่อนไปยังฝ่ายบุคคล แต่ก่อนที่จะถูกประทับตราด้วยลายเซ็นของเจ้าของบริษัท ผมก็มีอันต้องเก็บของออกจากโต๊ะทำงานอย่างกะทันหัน...

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน....ผมเพิ่งเลิกกับแฟน

ชีวิตผมยังปรกติดี...เพียงแต่มีบางอย่างสั่นไหวเล็กน้อย....ความเชื่อ ความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ...หัวใจ


มันแค่เหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นก่อนที่มันควรจะเป็น เหมือนฟ้าผ่าก่อนที่เราจะเห็นเส้นสายของฟ้าแลบ และเสียงคำรามของฟ้ารอง

คุณเคยรู้สึกอะไรแบบนี้หรือเปล่า...?

จำได้ว่าคืนนั้น มันเหมือนคืนที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่รู้ว่ารอยต่อของการมีสติและการนอนหลับอยู่ตรงไหน ผมกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจากการถ่ายงาน ที่ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งเงียบๆ และคุยโทรศัพท์ การตกงานไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในชีวิต แต่ความกะทันหัน ความตกใจ และการไม่ได้ตั้งตัวต่างหากที่แช่งแข็งสติสัมปชัญญะของผมไว้

“นี่ไม่ใช่ความผิดของแกเลย...แกไม่ผิดอะไรเลย คนที่ผิดคือคนที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นต่างหาก” เพื่อนสนิทเฉลยปัญหามาทางปลายสาย ปัญหาที่ผมคิดไม่ตกและเฝ้าป้ายสีความรู้สึกตัวเองให้รู้สึกผิดมาตลอดทั้งวัน มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราสามารถคิดออกได้ในยามที่ยังมีสติอยู่กับตัว แต่ในยามที่จมอยู่ในโลกแปดเหลี่ยมอันมืดมน มันกลับเป็นสิ่งที่ยากที่สุด

คุณเคยรู้สึกอะไรแบบนี้หรือเปล่า....?

สัปดาห์แรกของการเป็นคนตกงาน ผมตื่นขึ้นด้วยความคิดที่ว่า วันนี้จะทำอะไรดี วันนี้จะไปไหนดี วันนี้จะกินอะไรดี สถานที่ต่างๆ ถูกรอยเท้าของผมย่ำซ้ำๆ เป็นเวลาหลายวัน ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ฯลฯ โทรศัพท์ดังไม่หยุด ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งคนที่รู้จัก และไม่รู้จัก เฟซบุ๊กเต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจ

“ชั้นไม่เชื่อว่าคนอย่างแกจะตกงาน”
“คนอย่างแกตกงานไม่นานหรอก”
“ดีแล้ว...พักผ่อนซะบ้าง”
“มีอะไรให้ช่วยบอกมาเลย”
“มาทำงานกับพี่มั๊ย”
“ถ้าไปสมัครงานที่ไหน ใช้เครดิตพี่ได้เลยนะ”
“เรื่องนี้จะทำให้เธอโตขึ้น....อย่างสวยงาม”

ในท่อนหนึ่งของเพลง ‘The Climb’ ของไมลีย์ ไซรัส บอกว่า มันไม่ใช่การเดินไปอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา หรือนั่งรออยู่อีกฟากหนึ่ง แต่มันคือการปีนขึ้นไปต่างหากล่ะ และข้อความของผู้คนเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกการปีนขึ้นมาบนเส้นทางอาชีพนี้ ซึ่งมีพวกเขาคอยช่วยเหลือ และพวกเขาที่รู้จักและเข้าใจผมจริงๆ

ผมเลือกที่จะยังไม่ทำงาน แต่ก็ตกปากรับคำจะเข้าทำงานที่หนึ่งไม่นานหลังจากที่ที่นั่นรู้ว่าผมว่างงานแล้ว แผนแรกของชีวิตคือการออกท่องเที่ยว แต่แล้ว ‘งานอิสระ’ (freelance) ก็ไม่ทำให้คนทำ ‘อิสระ’ ดังชื่อ ภาระติดพันในงานมีมาเป็นระลอกๆ จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จนเหมือนว่า ผมแค่เปลี่ยนที่ทำงานจากออฟฟิศมาเป็นบ้านเท่านั้น

แต่ในไม่ช้าผมก็คงต้องไป....ตั๋วเครื่องบินนอนเคียงคู่กับพาสสปอร์ตอยู่บนโต๊ะทำงานแล้ว

“ทำไมแกดูไม่เหมือนคนเพิ่งเลิกกับแฟนเลย แกดูปรกติเหมือนไม่เสียใจเท่าไหร่” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นหลังจากที่รู้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับเขาจบลงแล้ว

ในหนังสือ ในทีวี ในหนัง ในมิวสิค วิดีโอ บอกเราว่า เราต้องร้องไห้ ฟูมฟาย เมาหัวราน้ำ โทร.ไปหาเค้าซ้ำๆ ทำร้ายตัวเอง ฯลฯ ผมเลือกวิธีของตัวเองด้วยการอยู่เงียบๆ

“แกอาจจะรักเค้าไม่มากพอ”

มากแค่ไหนเหรอ....ผมไม่รู้ว่าคนที่พูดแบบนี้ เขารู้ได้อย่างไรว่ารักของผมน้อยกว่ารักของคนอื่น น้ำตาพิสูจน์ว่ารักนั้นมากมายหรือ คนที่รักกันเจ็ดปี มีความรักมากกว่าคนที่รักกันเจ็ดเดือนอย่างนั้นหรือ เรากำลังชั่งตวงวัดในสิ่งที่ไม่สามารถ และไม่มีใครทำได้ เราทำอย่างนั้นไปทำไม

ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง....ตรงกันข้าม น้ำตาของผมนั้นร่วงง่ายกว่าใครๆ เพียงประโยคหนึ่งในหนังสือ หรือหนังที่ไม่มีใครซาบซึ้งหรือเข้าใจ ผมก็น้ำตาร่วงได้ หรือเหมือนกับค่ำคืนหนึ่งที่ผมรู้ตัวว่ารักเขาแล้ว หลังจากที่คบกันมาสักระยะหนึ่ง มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เขาแกล้งขับรถหลงทางเพื่อยืดเวลาที่จะมาส่งผมที่บ้าน เราคุยกันไปตลอดทาง เรื่องชีวิตวัยเด็ก เรื่องหนังที่ชอบ เรื่องความฝัน เรื่องนั้นเรื่องนี้ เหมือนบทสนทนาของ Jesse กับ Celine ใน Before Sunrise ก่อนที่รถจะมาถึงปากซอยหน้าบ้านเมื่อดึกสงัด เราจูบลากัน มันไม่ใช่จูบครั้งแรกของเรา และไม่ใช่จูบที่น่าประทับใจ การจูบยังแปลกหน้าสำหรับผมและทำให้หัวใจสั่นไหวได้น้อยกว่าบทสนทนาของเราเสียอีก เรากอดกันเงียบๆ ในรถ และกอดนั้นเองที่ส่งสัญญาณบางอย่างให้ผมได้รู้สึก มันเหมือนกับที่ Pink ร้องว่า “Have You Ever Been Touched So Gently You Had To Cry” ผมลงจากรถ เพียงกี่ก้าวที่หันหลังให้เขาน้ำตาก็ร่วงอย่างกับสายฝน ผมได้แต่ร้อง ร้อง และร้อง เหมือนกับโจเซียนในเรื่องสั้น Sainte Rita ของ แคลร์ วัลเนียวิคซ์

เราเลิกกันทั้งๆ ที่ยังรักกัน ไม่มีการนอกใจ เพียงแต่เราแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ เราเหนื่อยเกินไปกับการประคับประคองการเป็น ‘แฟน’ คำพูดเวลาทะเลาะกันมันโหดร้ายและทิ่มแทงกันเกินไป และนั่นไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น คำขอโทษและการบอกว่าเราเริ่มต้นกันใหม่นะ เหมือนกับเป็นการกวาดขยะไว้ใต้พรม ซึ่งเราก็เดินสะดุดล้มและเจ็บตัว จนไม่อยากจะสะดุดอีกในวันหนึ่ง วันที่เราตัดสินใจจะต่างคนต่างต้องกลับมาใช้ชีวิตในแบบก่อนที่เราจะเจอกัน

คุณเคยรู้สึกอะไรแบบนี้ไหม...?

ผมชอบหยิบหนังสือเรื่อง ‘คิทเช่น’ และ ‘หลับ’ มาอ่าน เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ ในคิทเช่นนั้นบอกว่ามีที่บางที่ที่เราอยู่แล้วสบายใจ เหมือนห้องครัวในเรื่อง แต่ทั้งสองเรื่องเหมือนจะบอกคล้ายๆ กันว่า คนที่มีบาดแผลบางอย่างอาจจ้ะองการความนิ่งงันของชีวิตเพื่อรักษาตัว ผมก็เป็นเช่นนั้น ผมเลือกความเงียบเพื่อรักษาตาตัวเอง

แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าในช่วงเวลานั้น ก็มีบางช่วงขณะที่มีแรงสั่นไหวบ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่หัวใจ หรือในดวงตา












 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2553
13 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2553 5:53:15 น.
Counter : 854 Pageviews.

 


สวัสดีค่ะ..

ขอเป็นกำลังใจให้สู้สู้..

ทั้งกับงานใหม่และความรักใหม่นะค่ะ..

บางทีการตกงานก็เป็นเรื่องที่ดี..

ทำให้เราได้กลับมาสำรวจตัวเราเองอย่างจริงจังเสียที

มีเวลาว่าง ทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำตอนที่ทำงานอยู่..

สำหรับเรื่องคนรัก..ก็ปล่อยเขาไปเท่ากับเป็นการทำบุญแล้วล่ะ

เคยได้ยินเพลง"พรหมลิขิต"ไม่ใช่หรอ

"หากมิใช่คู่ครองแท้จริง..

จะแอบอิงรักยิ่งปานใด..

ยากนักที่จะสมใจ คงพบเหตุอาเพศภัย

รักจึงได้คลาดคลา..."

ขอให้มีความสุขมากๆนะค่ะ..

บางทีการอยู่กับตัวเองคนเดียวบ้าง เที่ยวคนเดียวบ้าง

อาจจะเป็นสิ่งที่ค้นพบสิ่งใหม่ก็ได้..

ขอให้โชคดีกับชีวิตใหม่ๆค่ะ..





 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 27 พฤศจิกายน 2553 6:22:46 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ..

อ่านแล้วผมรู้สึกว่าคุณรับกับสถานะการณ์ต่างๆได้ดีจริงๆเลยครับ
การตกงานไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ..การเลิกความสัมพันธ์ ก็อาจจะดูรุ่นแรง

แต่การที่เราทนฝืน ยื้อไปนานเกินไป อาจจะทำให้แผลที่รักษาง่ายมันเป็นมะเร็งไปก็ได้


คุณโชคดีจริงๆที่มีเพื่อนๆที่ดี คอยให้กำลังใจ..
ช่วงนี้เวลานี้พักรีเฟรสตัวเองให้สดชื่น ก่อนดีกว่าครับ..

มีความสุขมากๆนะครับ..

 

โดย: Little Knight 27 พฤศจิกายน 2553 8:24:42 น.  

 

ตั้ม...วิถีของคนเราต่างที่มาต่างที่ไป

พี่ว่าหนูต้องพัก...แบบพักจริงๆให้เวลากับตัวเองและมองดูที่ตัวเราเองมากขึ้น

พี่ชอบที่หนูไม่ได้มองที่ตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าแบบคน

หลายๆคนปฎิบัติเวลามีเรื่องทุกข์ใจ

ไปใช้เงินแล้วนั่งมองฟ้ามองแดดเผื่อพี่ด้วยเน่อ

 

โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) 27 พฤศจิกายน 2553 14:55:42 น.  

 

วุ๊ววว คิดตึ๋งมากกกเรย

แต่...เค้าไม่ให้นะกำลังใจน่ะ ต้องสร้างเอง

กำลังใจที่ดีที่สุดคือการให้กำลังใจตัวเองนะเจ๊า

แล้วเนี่ย..อกหักแล้วเขียนเรื่องนี้ออกมาได้น่าทึ่งมากก้ากเรยนะตะเอง

ปล. ที่เปรียบเทียบตอนเขามาส่งกะเรื่องบีฟอร์ซันไรส์ น่าหมั่นไส้มากค่ะ เพราะฉากนี้ซีนแบบนี้เค้าจองแล้ว และเพิ่งเจอมาด้วย กรี๊ดดดส์

 

โดย: ซซ 27 พฤศจิกายน 2553 20:14:10 น.  

 

ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง จะขอชมว่าเขียนบล็อกวันนี้ได้น่าอ่าน น่าคิดและสะเทือนถึงอารมณ์มาก

แต่น่าจะเป็นเรื่องจริง

เพราะงั้น....

ความเสียใจจากความรัก มันไม่ได้มีรูปแบบสำเร็จของความเสียใจ ตัวเราเองต่างหากที่รู้ว่าเราเสียใจหรือเปล่า และมากน้อยแค่ไหน ส่วนใครจะมองเราว่าอย่างไร ก็ช่างมันเถิด

ส่วนเรื่องงาน เป็นกำลังใจให้ ใช้เวลาช่วงนี้ให้คุ้มค่าแล้วกันนะ


เรามีชีวิตเหมือนกัน แต่ใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน - ใช่เลย


เพราะงั้น...ใช้ชีวิตให้สมกับที่มีชีวิตเป็นของตัวเองจ้ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 27 พฤศจิกายน 2553 23:59:53 น.  

 

ตั้ม...พี่ให้กู้ร้อยละ15ดอกตาม สนป่ะ

ขำขำวันอาทิตย์ แถ่แล๊มๆ แถ่แล๊มๆ

 

โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) 28 พฤศจิกายน 2553 11:49:25 น.  

 

คุณแอบฯ เราสบายดี ชีวิตก็เรื่อย ๆ ปกติเหมือนเดิม เรียบง่ายไม่หวือหวา ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสนใจทั้งนั้น human interest อิอิอิ

อ่านดู โดยรวมไม่น่าเป็นห่วง ดูเหมือนคุณมีสติและควบคุมสถานการณ์ได้ดี ว่าแต่วันไหนออกหนังสืออย่าลืมบอกกันะ ชอบอ่านอะไรแบบนี้ เขียนดีมาก

 

โดย: prunelle la belle femme 28 พฤศจิกายน 2553 21:58:25 น.  

 


อืมม.. อยากไปไหนไกลๆเหมือนกัน


คิดถึงเธอเช่นกัน

 

โดย: ภูติ 29 พฤศจิกายน 2553 0:05:38 น.  

 

หายไปนานเหมือนกัน

อืม เรื่องมันเศร้าเนาะ แต่จะเอาไรมากมายกะชีวิต

ตกงาน อกหัก มันก้อแค่นั้น ผ่านมาแล้วมันก้อจะผ่านไป

แค่ทุกวันรู้สึกว่ายังมีลมหายใจให้สูดเข้า และออกก้อเพียงพอแล้ว

have a nice day คะ ถึงแม้ช่วงนี้อาจจะไม่ have a nice life

เท่าที่ควรก้อตามเนาะ สู้ๆๆจ้าาา









 

โดย: คนอ่อนไหวกับใจอ่อนหวาน 29 พฤศจิกายน 2553 1:42:33 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้ะ

หลวงพระบาง..ขอบอกว่าพี่ก็ยังไม่เคยไป 555+

ถ้าไปเอง ก็แนะนำให้หาข้อมูลเยอะๆ แล้วกันเน้อ ทั้งในเน็ตและหนังสือจ้ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 29 พฤศจิกายน 2553 9:08:23 น.  

 

เราได้อ่านบล็อกนี้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะเมนต์ว่าอะไรดี
เอาเป็นว่าสิ่งที่จขบ.เขียนออกมามีคนร่วมรับรู้เพิ่มหนึ่งคน
แล้วเราก็เคยรู้สึกคล้าย ๆ อย่างนี้
แต่ยังไม่ใช่แบบนี้
เรื่องเดียวกัน แต่คนเราเลือกปฏิบัติไม่เหมือนกันซะทีเดียว

 

โดย: 3385 IP: 115.87.220.117 29 พฤศจิกายน 2553 14:38:57 น.  

 

หวัดดี มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ

 

โดย: MeMoM 2 ธันวาคม 2553 0:32:17 น.  

 

ยังเขียนได้สวยและเจ็บเหมือนเดิมนะครับ

ยังไงก็อย่าถอดใจนะ มันต้องมีที่ของเราอยู่ที่ไหนสักที่ คนของเราก็เช่นกัน อาจฟังดูเพ้อฝันปัญญาอ่อนเหมือนเด็กวัยรุ่น แต่ผมเชื่อว่าทุกๆคนมีคนนั้น และเราจะหาเค้าเจอในที่สุด

 

โดย: yatiko IP: 172.27.57.57, 118.173.170.35 8 ธันวาคม 2553 13:46:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แอบชอบ คห. ข้างล่าง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัย 5 อย่าง หนัง เพลง หนังสือ กาแฟ และบุหรี่
Friends' blogs
[Add แอบชอบ คห. ข้างล่าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.