1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
Mama se, Mama sa, mama coo sa
ข้าพเจ้านอนอยู่บนเตียง มันไม่ใช่เตียงนอนของข้าพเจ้าหรอก อย่าเพิ่งตกใจว่าข้าพเจ้าอุตริไปนอนเตียงคนแปลกหน้าที่ไหน เตียงนอนห้องรับแขกที่บ้าน (พ่อแม่) ข้าพเจ้าเอง บ่าย 2 พระอาทิตย์มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน (วะ) แม่ข้าพเจ้าเปิดประตูห้องเข้ามาโดยคิดว่าเป็นห้องตัวเอง สั่งการด้วยน้ำเสียงแบบ แม่ๆ ว่า ตื่นได้แล้ว ลุกขึ้นไปกินข้าว (เช้า) เดี๋ยวนี้! ข้าพเจ้ามุดกลับเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม หวังให้มีโพลงทะลุไปยังอีกมิติหนึ่ง แต่ก็สิ้นหวัง เรื่องแบบนี้คงมีแต่ในนิทานหลอกเด็ก และหนังแฟนตาซีของฮอลลีวูด สงสัยข้าพเจ้าจะดู Star Gate มากเกินไป แม่ข้าพเจ้ายื่นคำขาด ไปกินข้าวก่อน อยากนอนแล้วค่อยมานอนต่อ การต่อรองจบสิ้น! โดยไม่ต้องให้ประเทศมหาอำนาจมาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ข้าพเจ้าลุกขึ้นไปกินข้าวแต่โดยดี ข้าพเจ้านอนอุตุอยู่บ้านพ่อแม่เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ วันๆ ไม่ทำอะไร ยังความกังวลในอนาคตอันมืดมนมาสู่ผู้ปกครอง โชคดีที่ข้าพเจ้าเพิ่งมีการมีงานทำ หลังจากอุตริลาออกจากงานมานั่งให้พ่อแม่กลุ้มใจเล่น แต่พ่อแม่ก็ยังคงกลุ้มใจในชะตาชีวิตลูกคนนี้ต่อไป...อาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ข้าพเจ้าต้องระเห็จไปอยู่ท่ามกลางรันเวย์แฟชั่น โชว์แห่งปี หญิงสาวหลากหลายวันเดินอวดโฉมท่ามกลางแดดที่ร้อนฉิบหาย! ข่มเหงรังแกแสดงแดดอันแรงกล้าด้วยชุดผ้าไหมสีแสบตา ไม่ว่าจะเขียวอี๋ (อี๊!) ชมพูแปร๋น (แอ๊!) ม่วงจ๋า (บรื๋อ!) น้ำเงินเลื่อมระยับ (คนใส่ก็หน้ายับเยินมาก) เรียกได้ว่าถ้าวาเลนติโน่ หรือมาร์ค จาคอบส์ มาเห็นเป็นต้องกรี๊ด! ส่วนข้าพเจ้ากรี๊ด! ตั้งแต่ลงจากรถแล้ว กรี๊ดทั้งแดดที่โคตรเหง้าเหล่าตระกูลร้อนมาก และบรรดาสีของผ้าไหมที่ปลิวว่อนไปทั่ว ข้าพเจ้าไปงานรับปริญญามา... ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนดเทรนด์การแต่งกายของบรรดาแม่ๆ ในวันรับปริญญา ไม่ว่าจะซีซั่นไหน หรือคอลเล็กชั่นใด ตอนนี้อะไรมาแรง ดีไซเนอร์ระดับโลกคนไหนจะพยายามจะพลิกโลกแฟชั่นด้วยอะไรก็ตาม เทรนด์ผ้าไหมกับการรับปริญญายังอยู่ยั้งยืนยงเสมอ Alexander Wang เหรอ...เด็กๆ Marc Jacobs เหรอ...ไม่สู้ Vivienne Westwood ที่ว่าเปรี้ยวแล้ว ยังต้องหลบ! แม่ข้าพเจ้ามาในชุดสีเขียวปีแมงทับ ที่คาดว่าคงต้องกระทำการวิสามัญฆาตกรรมแมงทับสักล้านตัวถึงจะข่มสีเสื้อของแม่ข้าพเจ้าอยู่ ส่วนพ่อมาในเสื้อผ้าไหมสีน้ำเงิน ที่ธงชาติยังไม่กล้าชักขึ้นเสาสู้ เอาซี้! ส่วนข้าพเจ้าเหรอ ยังคงใส่ชุดไปงานศพเหมือนเช่นทุกวัน ขาว-ดำ ไม่มีเปลี่ยน ขนาบข้างพ่อแม่เป็นพี่สาวกับแฟน อยู่ทางซ้าย ทางขวาเป็นแฟนของน้องสาว กับน้องสาวในชุดรับปริญญา ส่วนข้าพเจ้าเป็นตากล้อง ผู้ซึ่งจะถูกอัปเปหิออกจากการเป็นสมาชิกครอบครัวในไม่ช้า เพราะดูท่าแล้วแม่คงได้สมาชิกครอบครัวมาเพิ่มในไม่ช้า คนสองคน แฟนของพี่สาวคอยเสิร์ฟน้ำและกางร่ม แฟนของน้องสาวคอยไปรับไปส่งที่โรงแรม และเดินถือน้ำ ถือกระดาษทิสชูตามไม่ห่าง ส่วนข้าพเจ้ายืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่นอกกลุ่ม ข้อใดไม่เข้าพวก มีสัญญาณดังบนหัวข้าพเจ้า ตื้ด ตื้ด พร้อมไฟกะพริบสีแดง อย่างกับเกมส์โชว์ ข้าพเจ้าเพิ่งจะอัพสถานะจากแรงงานไร้ฝีมือและไร้ผู้จ้างมาได้ไม่นาน ยังความปลาบปลื้มมาสู่ครอบครัว (แตัยังแพ้งานรับปริญญาของน้องอยู่ดี เพราะงานข้าพเจ้า เอ่อ...ข้าพเจ้าไม่ได้เข้ารับปริญญาน่ะ เมา! ไม่ตื่น) แต่กลับยังความมึนตึง ปวดหัว สับสน ไปสู่ออฟฟิศใหม่ ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้าคงอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า โอ้! พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระศรีอาริย์ เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ นี่มันตัวอะไรนี่! ใครปล่อยให้มันเข้ามาในออฟฟิศ! ตั้งแต่ยามหน้าออฟฟิศไปจนถึงแม่บ้าน ไม่มีใครไม่เหลียวมองข้าพเจ้าตอนเดินขึ้นตึก (บางคนมันจ้องด้วยซ้ำ! และป่านนี้ยามห้าออฟฟิศยังถามข้าพเจ้าอยู่เลยว่า มาติดต่ออะไรครับ!) การแต่งตัวที่ข้อใดไม่เข้าพวกของข้าพเจ้าสร้างมหรสพแก่ผู้คนที่ทำงาน และสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้บริหาร รวมถึงหัวหน้าฝ่ายต่างๆ เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าปรากฏตัวเข้าประชุมครั้งแรก Security Please
Get Him Out กรี๊ดดดด!!!! ข่าวการปรากฏตัวของข้าพเจ้าดังไปทั่วตึก กลายเป็นหัวข้อกอสซิปยิ่งกว่าข่าวซ้อเจ็ดเสียอีก และข่าวการหายตัวไปจากออฟฟิศเดิมของข้าพเจ้าก็เริ่มกระจายจนมีคนโทรมาบอกว่า กรุณาจัดแถลงข่าวด้วย! ไปไม่บอกนะแก! ข้าพเจ้ามาทำงานด้วยความอึดอัดใจของผู้บริหาร ที่ไม่ชอบทั้งสไตล์ และอื่นๆ ของข้าพเจ้า หากมีทางเลือกอื่น ข้าพเจ้าคิดว่าเขาคงไม่รับข้าพเจ้าเข้าทำงานแน่ และก็มีข่าวว่าเขาปฏิเสธจะรับข้าพเจ้าเข้าทำงานมาแล้ว แต่สุดท้ายต้องรับด้วยความจนใจ เพราะข้าพเจ้า แรง! (เขาบอกว่าอย่างนั้น) เด็กไป (ไม่นะ คนที่แน่แก่เองต่างหาก) ค่าตัวสูง (ก็แน่สิ...นี่ working class celebrities นะ) และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี่เริ่มงาน 10 โมง นะคะ หลากนี้ถือว่ามาสาย ฝ่ายบุคคลแจ้งข้าพเจ้า อ๋อ! ครับ ผมมาทำงานตอนบ่าย 2 ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ถือ ข้าพเจ้าตอบไป...และก็ทำอย่างนั้นจริงๆ และก็ห้ามหักเงินเดือนข้าพเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าพเจ้าจะลาออก (หลังจากที่ข้าพเจ้าไม่ยอมลดเงินเดือนเพื่อให้เข้ากับฐานอายุของตัวเองแล้วเขากาหัวสีแดงๆ ข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่วันนั้น) อีกทั้งยังทำหน้ามึนบอกไม่ว่างไปปฐมนิเทศพนักงานใหม่ด้วย (กรี๊ด! นึกว่าเพิ่งเข้าเรียนมัธยมเสียอีก ปฐมนิเทศ...กรี๊ด อีกที) นับเป็นความซวยของบริษัทนี้ที่รับข้าพเจ้าเข้ามาทำงาน ซวยยิ่งกว่าดวงเมืองของประเทศไทยในตอนนี้เสียอีก ข้าพเจ้ากลับบ้านเช้าของอีกวัน บางวันก็ตี 4 บางวันตี 2 บางวันก็ทำสถิติกลับแม่งตอนเที่ยงของอีกวันเสียเลย ตอนนี้สถิติสูงสุดอยู่ที่ 39 ชั่วโมง! เพราะฉะนั้นอย่าสงสัยว่าทำไมข้าพเจ้า นอนข้ามปี แทนที่จะเป็นเมาข้ามปี แม่ข้าพเจ้าบอกว่า แม่อยากให้ลูกกลับบ้านเช้าเพราะไปแรด ไปเที่ยวผับ ดื่มเหล้าเมามาย ยังดีกว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำ หามเช้า หามเที่ยงแบบนี้ ออกไปแรดบ้าง อะไรบ้างนะลูก! กรุณาทำตัวเสเพล ใจแตก เป็นวัยรุ่นที่ไม่มีใครเข้าใจเสียบ้าง ข้าพเจ้าเสียใจที่ไม่ได้ปฏิบัติตามครรลองของวัยรุ่นที่ควรจะเป็น ข้าพเจ้าช่างเป็นลูกอกตัญญูเสียจริง! เพื่อนร่วมงานไม่มีใครชอบข้าพเจ้า เพราะชื่อ เสีย มักมาก่อน ชื่อเสียง หลายคนบอก (เจ้านายข้าพเจ้า) ว่าคนนี้แรง จะอยู่ด้วยกันได้เหรอ และไม่ไว้วางใจข้าพเจ้า ไม่สุงสิง ไม่ยุ่งเกี่ยว โดดเดี่ยวข้าพเขจ้าให้เป็น Office Alone ที่ไม่มีโจรมาปล้น อีกทั้งยังมีปัญหาไม่ลงรอยกันเนืองๆ แต่เนืองแน่นชิบหาย! ข้าพเจ้ามีดำริว่าจะลาออกแม่ข้าพเจ้าบอกว่า แม่เชื่อว่าลูกของแม่เป็นคนดี ถ้าเราเป็นคนดี ไม่ทำร้ายใคร แล้วคนอื่นจะไม่ชอบเราได้อย่างไร ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาดีมาตลอด แม่มองอะไรผิดไปหรือเปล่า! ข้าพเจ้าใช้เวลาพิสูจน์ เหมือนที่เคยทำเมื่ออยู่ออฟฟิศเก่า ข้าพเจ้าเชื่อว่า คนอย่างข้าพเจ้าใครๆ เห็นก็เกลียด (แต่คงไม่ถึงกับรังเกียจ อี๊! หรอก) แต่ข้าพเจ้าเชื่อ Mutya Buana ว่า It wont be long til you know about me ขอให้เขาได้รู้จักข้าพเจ้าจริงๆ ก่อน ข้าพเจ้าให้เวลาตัวเอง และคนอื่น และตอนนี้เวลาก็ได้พิสูจน์แล้ว...ข้าพเจ้าคิดว่าจะทำงานต่อไป ชีวิตของข้าพเจ้าในปีที่ผ่าน เหมือนกับยืนอยู่ที่สี่แยก กำลังจะข้ามถนน เจอทั้งไฟ เขียว ไฟแดง และไฟเหลือง (มีคนตะโกนมาบอกว่า ไอ้โง่! มึงก็ข้ามสะพานลอยสิ) แต่ข้าพเจ้าก็เดินข้ามมาได้ ด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม เดินช้ากว่าเดิม ระแวดระวังกว่าเดิม สงบกว่าเดิม และไม่ลืมที่จะใส่แว่นด้วย! ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเริ่มข้ามถนนเป็นแล้ว และไม่ต้องการใครจูงมือ (แต่ถ้าจูงจมูกอาจจะพิจารณา) ข้าพเจ้าไม่ขออะไรมากมายในชีวิต (ฝ่ายบุคคลตะโกนมาบอกว่า ที่มึงขอน่ะ เยอะอยู่นะ) ขอให้ได้นอนเยอะๆ ขี้เกียจมากๆ มีหนังสือดีๆ อ่าน (แน่นอนต้องมีเวลาก่อน) มีเพลงดี และเพลงขยะๆ ฟัง หนังไม่ต้องดีมากก็ได้ ข้าพเจ้าขี้เกียจคาดหวัง ขอพล็อตไม่ซ้ำมากก็พอ มีตอนเย็นที่แดดสวยๆ ร้านกาแฟที่มีโต๊ะว่างตอนไปถึง และเพื่อนยังคบข้าพเจ้าต่อไป อืมมม..เริ่มมากไปจริงๆ ข้าพเจ้ายอมรับว่าโลภมาก ปีใหม่นี้ข้าพเจ้าไม่รู้จะเริ่มอะไรดี เพื่อนบอกว่า เขียน new year resolution สิ แต่ต้องเขียนในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัญหานะ อืมมม...ข้าพเจ้าคิด นอนตื่นเช้ากว่าเดิม เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ปัญหาของข้าพเจ้านี่ นี่ปัญหาของฝ่ายบุคคล เอาเป็นว่า ไม่เขียนแล้วกัน ข้าพเจ้าไม่ค่อยมีปัญหาและไม่ชอบมีปัญหาอีกทั้งยังไม่ชอบแก้ปัญหาด้วย แต่ Michael Jackson (ที่ตายไปแล้วมาเข้าฝันบอกข้าพเจ้า) ว่า You got to be starting something เอาเป็นว่าข้าพเจ้าเริ่มจากการเขียนบล็อกแล้วกัน...สวัสดีปีใหม่ครับ (ยี้! เช้ย เชย)
Create Date : 06 มกราคม 2553
16 comments
Last Update : 6 มกราคม 2553 13:05:05 น.
Counter : 731 Pageviews.
โดย: da IP: 124.120.8.106 6 มกราคม 2553 15:18:14 น.
โดย: minporee 10 มกราคม 2553 18:11:45 น.
โดย: ซซ 13 มกราคม 2553 10:32:10 น.
โดย: yatiko IP: 172.27.57.57, 118.173.161.110 18 มกราคม 2553 13:54:13 น.
โดย: ภูติ 22 มกราคม 2553 6:50:46 น.
โดย: minporee 26 มกราคม 2553 21:08:53 น.
โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) 1 กุมภาพันธ์ 2553 19:26:40 น.
โดย: minporee 13 กุมภาพันธ์ 2553 10:25:45 น.
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!