สนมเอกไข่แดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สนมเอกไข่แดง's blog to your web]
Links
 

 

[ ช่อง 3 ] 365 วันแห่งรัก ตอนที่ 18


ตอนที่ 18


ตุลาคอยลัลนารีอยู่ที่ห้องนอนอย่างกระวนกระวายใจ หูคอยฟังเสียงโทรศัพท์ ตาเหลือบดูนาฬิกา จนสี่ทุ่มตรงเขายกโทรศัพท์โทร.ออกทันที


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่บ้านลักษมี เจ้าตัวนั่งดูโทรทัศน์อยู่ เอื้อมมือไปรับ


พอปลายสายทักมา ลักษมีก็ตาเป็นประกายถามลุ้นๆว่า


"ตุลย์เหรอ...จะคุยกับลัลใช่ไหม" ถามแล้วเหลือบมองลดาวัลย์ที่ลุ้นพอกัน


ตุลาถามว่าลัลนารีกลับมาหรือยัง พอลักษมีบอกว่ายังเท่านั้น เขาตัดบททันทีว่า


"ครับ...ถ้างั้นแค่นี้นะครับ สวัสดีครับ"


"เออ...สวัสดี" ลักษมีตั้งหลักไม่ทัน พอตุลาวางสายแล้วหันไปถามลดาวัลย์ "ยัยดา ลัลมันโทร.มาบอกหรือเปล่าว่าจะกลับกี่โมง"


"เปล่านี่คะ...มีอะไรหรือแม่"


"ก็เจ้าตุลย์โทร.มาถามว่ายัยลัลกลับหรือยังน่ะสิ นี่โทร. มาง้อหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่โทร.เข้าเครื่องยัยลัลนะ..."


วาง สายจากลักษมีแล้ว ตุลาเดินกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง
ตัดสินใจโทร.อีกครั้ง คราวนี้โทร.ไปหาภารตี เจ้าตัวกำลังมาสก์หน้าทำสวยอยู่
เปิดเพลงฟังสบายๆเพลินๆไปด้วย
ได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกก็แค่เหลือบมองแต่ไม่รับสาย


ตุลายิ่งร้อนรน กระวนกระวายใจ อดทนรออีกจนกระทั่งห้าทุ่ม
กดโทรศัพท์โทร.อีกครั้ง คราวนี้ลดาวัลย์เป็นคนรับสาย
เขาถามทันทีว่าลัลนารีกลับบ้านหรือยัง
พอลดาวัลย์บอกว่ายังถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
ตุลาไม่มีแก่ใจจะพูดอะไรตัดบทตามเคยว่า


"ไม่มีอะไรครับ แค่นี้นะครับพี่ สวัสดีครับ"


พอตุลาวางสาย ลักษมีถามทันทีว่า "เจ้าตุลย์เหรอ"


ลดาวัลย์ ตอบค่ะ แล้วกดโทรศัพท์โทร.ออก
นิ่งฟังครู่หนึ่งบอกแม่ว่าลัลนารีไม่รับสาย ลักษมีบอกให้โทร.ซ้ำอีกที
เธอกดอีก รอฟังอีกแล้วก็ส่ายหน้า


"ยัยลัลมันไปไหนเนี่ย" ลักษมีพึมพำ แล้วสองแม่ลูกก็เริ่มร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้น


ooooooo


ตุลาทนร้อนใจไม่ได้ กดโทรศัพท์ไปหาลัลนารี แต่พอกดเบอร์แล้วกลับไม่กล้ากดโทร.ออก สุดท้ายยกเลิกแล้วออกจากบ้านไปทันที


ภารตี กำลังหลับสบายหลังทำสวยแล้ว
กำลังฝันดีก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงออดหน้าห้อง ทีแรกก็ดังเป็นระยะ
หนักเข้าก็กดถี่ขึ้น กระทั่งกดยาว


ภารตีคว้านาฬิกามาดูเป็นเวลาห้าทุ่มสี่สิบห้าแล้ว ทำหน้ามุ่ยบ่น


"โอ๊ย...ใคร วะ..."
เดินหงุดหงิดไปถึงประตูก็เปิดพร้อมคำถามที่ทำให้ผู้มาเยือนสะดุ้งได้
"อยากตายรึไง! มากวนคนจะนอนตอนเที่ยงคืนเนี่ย ว่างมากรึไง"
พอเปิดประตูเห็นตุลายืนอยู่ก็ชะงักกึก


"ลัลอยู่ที่นี่หรือเปล่า" ตุลาถามทันที ภารตีตอบทันทีเหมือนเตรียมไว้แล้วว่าเปล่า ตุลาดักคอว่า "ตี้...ลัลอยู่ข้างในใช่ไหม"


"เปล่า...ไอ้ลัลมันไม่ได้อยู่ข้างในจริงๆ...ตี้ไม่ได้โกหกนะตุลย์"


ตุลานิ่งไป ถามว่าแล้วไม่ได้ไปฉลองกันหรือ คราวนี้ภารตียิ่งงงถามว่าฉลองอะไร ตุลาไม่ตอบแต่ถามว่าแล้วรู้ไหมว่าลัลนารีไปไหน


"ก็พอแยกกับลัลมันก็ไปส่งไอ้วิชที่ผับ ตี้แยกกลับมาบ้าน"


"ไปกับภาวิช" ตุลาหน้าเครียดยิ่งกว่าเก่า ภารตีอ้าปากไม่ทันตอบเขาก็เดินอ้าวไปแล้ว


"ถาม แล้วทิ้งเลยหรือตุลย์
อะไรวะเนี่ย...ฉลองอะไรวะ...แล้วไอ้วิชมันเกี่ยวอะไรด้วย"
คิดเองถามเองแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เองว่าเรื่องชักจะทะแม่งๆเสียแล้ว


ooooooo


ออก จากคอนโดฯภารตีแล้ว ตุลาตะบึงรถไปที่ผับทันที
พอเข้าไปก็กวาดตาอย่างเร็วมองหาภาวิชกับลัลนารีไม่เห็นแม้แต่เงาของคนทั้ง
สอง ร้อนใจทนไม่ได้ ถามพนักงานที่นั่นว่า


"น้อง...นักดนตรีที่ชื่อภาวิช เขาอยู่ไหน"


ตุลาใจหายวาบเมื่อพนักงานบอกว่าวันนี้ภาวิชไม่เข้า ถามเร็วปรื๋อว่าทำไมถึงไม่เข้าพอรู้ไหม


"เห็นเขาโทร.มาลาบอกว่าจะไปฉลอง...แต่ฉลองอะไรไม่รู้ครับ"


"ขอบใจนะ" ตุลาพูดแทบไม่เป็นภาษา หันหลังได้ก็เดินอ้าวไปทันที


ตุลา ขับรถพุ่งออกจากผับเร็วเท่าๆกับความร้อนรุ่มใจที่ประดังเข้ามา
เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนไปจนถึงเบอร์ของลัลนารีแล้วหยุดชะงัก
ทำท่าจะกดโทร.ออกแล้วไม่กด เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เขาตัดสินใจกดโทร.ออกทันที


"เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ"


แม้ เสียงบอกนั้นจะปกติเรียบร้อย แต่มันบาดใจตุลานัก!
พยายามกดโทร.ซ้ำอีกก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก
เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
บ่ายหน้าไปที่ออฟฟิศของลัลนารีทันที


ooooooo


พอไปถึงหน้า ออฟฟิศ ตุลามองปราดเข้าไปเห็นรถของเธอจอดอยู่
ดีใจจนซ่านไปทั้งตัว ลงจากรถมองเข้าไปในออฟฟิศ
ยิ้มออกมาเมื่อเห็นลัลนารีนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ


ภายในออฟฟิศ ลัลนารีกำลังนั่งทำงานอย่างมีสมาธิ จนตุลาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะ เธอเงยหน้าอย่างตกใจถามว่า "ตุลย์...มาที่นี่ทำไม"


ตุลา ถามอย่างระแวงว่าอยู่คนเดียวหรือ เธอทำเสียงในคอ "อืม..."
เขาถามอีกว่าเสร็จงานที่ออฟฟิศตนแล้วไปไหน
เธอบอกว่าเอาตัวอย่างผ้าแล้วก็กลับมาทำงานที่นี่


"แล้วเสร็จงานหรือยัง" เสียงตุลาผ่อนคลายลงมาก เธอบอกว่ายัง "แล้วเมื่อไหร่จะกลับบ้าน"


"เสร็จ เมื่อไหร่ก็กลับเมื่อนั้น" ลัลนารีตอบอย่างประหยัดถ้อยประหยัดคำ
จนเมื่อเขาถามว่าอีกนานแค่ไหน เธอบอกว่าอีกนาน
แต่พอเห็นตุลานั่งลงที่โซฟาเลยถามบ้างว่า "ตุลย์จะทำอะไร"


ตุลาบอกว่า นั่งรอ บอกเธออย่างใจเย็นว่าให้ทำงานไปเถอะตนรอได้
ลัลนารีเลยไม่พูดอะไรอีก แค่มองเขาอย่างไม่เข้าใจแล้วทำงานต่อไป
แอบมองเขาเห็นเปลี่ยนจากนั่ง เป็นนอน
แต่ไม่ว่าจะอิริยาบถไหนเขาก็มองเธอไม่วางตาราวกับกลัวเธอจะหายตัวไปได้
ฉะนั้น


ในบางจังหวะที่ลัลนารีมองไปประสานสายตาตุลาเข้าอย่างจัง แววตาเขาเปี่ยมไปด้วยความรัก มองหวานเสียจนเธอหวั่นไหว


ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้น ตุลาสะดุ้งระแวงว่าใครโทร.มา เงี่ยหูฟัง


"ว่าไงวิช...ได้สิ...งานเหรอ...เสร็จแล้ว...อืมม...จ้ะ แล้วเจอกัน"


พูด โทรศัพท์เสร็จลัลนารีหันมาเก็บของ
ตุลาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีรีบลุกไปถามว่าเสร็จแล้วใช่ไหมแล้วจะไปไหนต่อ
เธอบอกว่ากลับบ้าน เขาจะไปส่งเธอขอกลับเอง
ตุลาไม่ยอมคว้ามือเธอพูดเสียงเข้มขึ้น "ไป...กลับบ้าน"
ลัลนารีถูกดึงออกไปจนถึงด้านหน้าออฟฟิศ


"ลัลบอกว่าไม่ต้องไง" เธอพยายามดึงมือตัวเองออก เลยถูกเขาถามหน้าตึงว่า


"เลือกเอาว่าจะให้ผมขับตามไปส่งหรือจะนั่งรถผมกลับไป"


ความขรึมเข้มของตุลาทำให้ลัลนารีต้องบอกว่าตนขับเองได้ เขาคุมเธอขึ้นรถแล้วจึงกลับมาที่รถตัวเอง ขับตามกันไปราวกับคุมตัวผู้ต้องหา


ooooooo


พอ มาถึงหน้าบ้านลักษมี ตุลาแย่งไปเปิดประตูบ้านให้
บอกให้เธอขับเข้าไปเลยเขาจะปิดประตูให้เอง คอยจนลัลนารีเข้าบ้านแล้ว
ตุลาปิดประตูดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาตีสองแล้ว!


แม้จะดึกแต่ตุลาก็เบา ใจ ยิ้มออกมา
ที่กันไม่ให้ลัลนารีเจอกับภาวิชได้สำเร็จ
มองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจอีกทีจึงเดินกลับมาที่รถ แต่ไม่ได้ขับออกไป
เขาปรับเบาะเอนลงแล้วนอนมองเข้าไปในบ้านเหมือนกลัวเธอจะหนีออกไปอีก


พอลัลนารีเข้าบ้าน ทั้งแม่ทั้งพี่สาวพากันถามว่าหายไปไหนมา ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้ เธอดูความห่วงใยของทั้งคู่ อย่างแปลกใจบอกว่า


"ลัลไปเอาตัวอย่างผ้าแล้วก็นั่งทำงานต่อที่ออฟฟิศ ปกติลัลก็กลับดึกบ่อยๆ ทำไมวันนี้ถึงห่วงกันขนาดนี้ล่ะ"


"ก็ตุลย์โทร.มาถามหาลัลทุกชั่วโมงเลย มันผิดปกติน่ะสิ" ลดาวัลย์บอก


"ถามหาลัลเหรอ เป็นอะไรของเขานะวันนี้..." ลัลนารีไม่หายสงสัย


ตุลานอนเฝ้าอยู่ในรถจนกระทั่งตีสามครึ่งเห็นไฟในบ้านปิดหมดแล้ว เขาจึงยิ้มสบายใจกลับไป


ส่วนภารตีก็ร้อนใจโทร.ไปถามภาวิชว่าไปก่อเรื่องอะไรหรือเปล่า เพราะตุลามาตามหาลัลนารีถึงที่คอนโดฯตน


ที่ แท้ภาวิชจอดรถซุ่มอยู่ที่หน้าบ้านตุลา
เขาบอกภารตีว่าทำเรื่องดีก็แล้วกัน ถามว่าลัลนารีกลับถึงบ้านแล้วใช่ไหม
พอภารตีบอกว่ากลับถึงตั้งแต่ตีสองแล้วเล่าด้วยว่าลัลนารีบอกว่าตุลาไปตามหา
ถึงออฟฟิศ


"กว่าจะรู้สึกตัว" ภาวิชพึมพำ พอภารตีถามว่าอะไร เขาเห็นรถของตุลาเข้ามาพอดีรีบบอก "ไม่มีอะไร แค่นี้นะ ฉันมีธุระ" พูดแล้ววางสายเลย


ooooooo


ตุลาลงจากรถจะเปิดประตูบ้าน เขาชะงักกึกเมื่อถูกภาวิชมายืนขวางอยู่หน้าบ้าน


"สบาย ใจแล้วใช่ไหม ผู้หญิงที่มั่นคงอย่างลัลน่ะ
ถึงผมจะชวนเขา...เขาก็ไม่ไปหรอก หึงละซิ" ภาวิชถาม เห็นตุลานิ่ง
ภาวิชตำหนิเชิงบ่น "คุณนี่มันโบราณสุดๆเลยนะ พวกรักนะแต่ไม่แสดงออก
ทั้งที่วันนี้คุณทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งห่วงจนออกนอกหน้าเลยนะ...ถามจริงเถอะ
เคยบอกให้เมียรู้ไหม"


ตุลายังนิ่งอย่างไม่รู้ว่าภาวิชจะมาไม้ไหน


"ปากคุณอมอะไรอยู่ มันถึงได้ยากลำบากนักกับแค่เผยความรู้สึกตัวเองให้เมียรู้ มันเสียศักดิ์ศรีนักรึไง"


"มันเป็นเรื่องของผมกับลัล"


"ก็เป็นซะอย่างนี้...ชาตินี้ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเมียอยากได้อะไร จะบอกให้นะแค่หึงหวง เมียคุณไม่ได้รู้สึกดีหรอก คุณต้องทำอะไรบ้าง"


ตุลายังนิ่งงงว่าภาวิชต้องการอะไร ทำไมมายุทั้งที่จะมาแย่ง ถามภาวิชว่า "คุณรักลัลไม่ใช่เหรอ"


"คุณ ไม่ต้องมาหึงหวงผมให้เสียเวลาหรอก ใครก็เอาเมียคุณไปไม่ได้
ถ้าคุณหัดง้างปากซะบ้าง คุณเอาเวลาไปเคลียร์กับเมียคุณดีกว่า
คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำยังไง คิดเองบ้างคงได้นะ" ตุลามองถามงงๆว่าทำไม
ภาวิชเลยตัดบท "ช่วยทีเถอะ... ผมเจ็บตัวฟรีมาเยอะแล้ว...นะ...ขอร้อง
เมียน่ะหาได้ไม่ยากแต่เมียที่เรารักและรักเรา
ชาตินึงผมว่าได้สักคนก็บุญแล้วนะ... จัดการเองนะ ไปล่ะ"


ภาวิชผละไปแล้ว ตุลายังมองตามไปงงๆแล้วเริ่มตั้งหลักคิดตามที่ภาวิชพูด...


ooooooo


เมื่อ กลับเข้าไปในบ้าน
คิดถึงวันที่ลัลนารีเอารูปแต่งงานมาติด...ทำอาหารโปรดของตนตั้งโต๊ะชวนให้
ชิม...ยิ้มแย้มเอาใจแสดงถึงความรักความห่วงใยเขาอย่างมาก


ตุลาสะบัด หัวเรียกความรู้สึกคืน แล้วเดินเข้าไปที่มุมวางหนังสือ
เห็นหนังสือคำพิพากษาที่ลัลนารีเขียนขอแต่งงานกับเขาและเขาก็ตอบตกลงที่ท้าย
เล่ม...


ตุลามองดูหนังสือเล่มนั้นด้วยความรู้สึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้นสดๆเมื่อวานนี้เอง...


จนกระทั่งแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามา ตุลายังยืนอยู่ตรงนั้น เขาตัดสินใจเก็บหนังสือไว้ที่เดิมแล้วเดินออกจากห้องไป


เช้าวันเดียวกัน ขณะลัลนารีจะออกจากบ้านไปทำงาน
ก็เจอรชามายืนขวางหน้ารถบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
ลัลนารีถามว่าตนทำในส่วนของตนหมดแล้ว เธอยังจะเอาอะไรอีก


รชาบอกว่า มาเคลียร์ในส่วนที่เหลือ แล้วก็ส่งไดอารี่เล่มนั้นให้ลัลนารี
แต่เธอไม่รับ รชาจึงเล่าความจริงให้ฟังว่า
ตนเขียนไดอารี่เล่มนี้จริงแต่ตุลาไม่เคยเขียน
ถ้าอยากรู้ว่าฝีมือใครให้ไปถามติ้งดู
พูดแล้วยัดไดอารี่ใส่มือลัลนารีพร้อมคำพูดอย่างสมเพช "เอาไปซะ จะได้ไม่โง่"


แต่นาทีนี้ ลัลนารีบอกว่าตนไม่สนใจเรื่องอดีต ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเราสามคน
แต่เป็นเรื่องระหว่างตนกับตุลาเท่านั้น ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไรตนไม่สนใจ
และไดอารี่นี่ก็ทำร้ายตนไม่ได้อีกแล้ว ถูกรชาถามประชดว่า
"ปล่อยวางได้ว่างั้น?"


"ที่ผ่านมาฉันเจออะไรมาเยอะ แล้วฉันก็เรียนรู้จากมัน...มากพอที่จะฉลาดขึ้น
เธอเองก็ผ่านอะไรมาเยอะ หวังว่าเธอจะเรียนรู้จากมันเหมือนกัน"


"น่าเบื่อทั้งผัวทั้งเมีย จะทำตัวฉลาดไปถึงไหน"
รชาพูดมองไดอารี่ที่ลัลนารีส่งคืนให้ "ไม่ล่ะ
ไดอารี่เพ้อเจ้อที่มันไม่มีความจริงสักคำ เห็นแล้วหงุดหงิด"


รชามองลัลนารีอย่างพินิจพิจารณา เห็นเธอสงบขึ้นมาก ก็ร้องอย่างหงุดหงิดขัดใจ


"โอ้ย! ไม่สนุกเลย...คิดว่าจะได้เห็นเธอเต้นซะอีก...ไม่โง่ก็ดี"
พูดแล้วหันหลังจะเดินไป ลัลนารีถามว่าจะไปไหน รชาตอบอย่างไม่แยแสว่า
"อเมริกาคงมีช่องทางให้ฉันรวยกว่านี้ แล้วก็คงมีผู้ชายที่ดีกว่าผัวเธอ
เธออยู่กับผัวบื้อๆของเธอไปเถอะ"


ลัลนารีมองตามรชาที่เดินจากไป มองไดอารี่ในมือแล้วเดินไปหย่อนลงถังขยะ จากนั้นขับรถออกไปอย่างไม่แยแสมันเลย


ooooooo


วันนี้นวัตแปลกใจปนแหยงๆ เมื่อณิชนิชาจูงมือเขาเข้าไปห้องอาหารโรงแรมหรู
เขาพูดทีเล่นทีจริงว่าวันนี้ตนยังไม่พร้อมกระเป๋าฉีก
ณิชนิชาบอกว่าไม่ฉีกแน่เพราะวันนี้เรามีเจ้ามือ


เจ้ามือวันนี้คือเกษม คุณพ่อของณิชนิชานั่นเอง
เธอพานวัตมาแนะนำแก่พ่อว่าเป็นแฟนตน นวัตยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
พอเกษมถามว่ารักลูกสาวผมหรือ เขาตอบหนักแน่นว่าครับ


"ดี ยัยณิชมันหัวดื้อ ฝากดูแลด้วยแล้วกัน ทำโทษได้แต่อย่าทำให้เสียใจ"


นวัตโล่งใจรีบรับปากว่าจะดูแลณิชนิชาอย่างดี เกษมเลยชวนให้ทานข้าวด้วยกัน
แม้จะเกร็งๆ แต่นวัตก็ดีใจโล่งใจ
ที่เกษมไฟเขียวและต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง


นวัตแอบหยอกณิชนิชาว่าเดี๋ยวนี้มีเซอร์ไพรส์ตนหรือ เธอบอกว่าคุณพ่อไม่ให้บอกก่อนเพราะอยากรู้ว่าเขาจะเป็นยังไง ไม่โกรธใช่ไหม


"ก็รักแล้วจะโกรธได้ยังไงล่ะ"


"สัญญากับคุณพ่อแล้วนะว่าจะไม่ทำให้ณิชเสียใจ"


"ผมสัญญา..."


นวัตกับณิชนิชาแอบกุมมือกันใต้โต๊ะอย่างเชื่อมั่นใจในกันและกัน


ooooooo


เมื่อคิดได้แต่แก้ปัญหาไม่ตก ตุลาจึงไปขอความช่วยเหลือจากธุมผู้เป็นพ่อ
ทีแรกธุมก็ไม่อยากยุ่งด้วยเพราะเป็นเรื่องของคนสองคน ตุลาอ้อนพ่อว่า


"พ่อครับ...ถึงผมอยากจะพูดแต่ลัลคงไม่ยอมคุยด้วย ตอนนี้มีแค่พ่อที่จะช่วยผมได้"


ธุมเห็นความว้าวุ่นใจของลูกชายก็อดใจอ่อนไม่ได้


ส่วนลัลนารีนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเสียจนภารตีทึ่ง
แต่พอถามเหตุผลความเปลี่ยนแปลง
ลัลนารีบอกว่าเป็นเรื่องของคนสองคนอธิบายไม่ได้แต่ไว้แต่งงานเองแล้วจะเข้า
ใจ


"โห...มันจะยากขนาดนั้นเชียว" ภารตีงง


"งั้นบอกให้ไม้ใกล้ฝั่งคนนี้เข้าใจได้ไหม"
เสียงธุมแทรกเข้ามาทำเอาสองสาวมองกันอึ้ง ธุมถามลัลนารีว่า "ถ้าเป็นพ่อ
หนูจะบอกได้หรือเปล่า"


ooooooo


ด้วยความเกรงใจผู้อาวุโส ลัลนารีไปนั่งคุยกับธุมที่ร้านอาหาร
ระหว่างโต๊ะที่มีต้นไม้กั้นนั้นตุลานั่งอยู่หลังลัลนารี
เธอบอกธุมว่าถ้าจะมาหาเรื่องหย่าตนตัดสินใจแล้ว
ธุมมองหน้าลัลนารีอย่างตรึกตรอง เลื่อนถ้วยชามาตรงหน้าตัวเอง เอ่ยช้าๆ


"พ่อชอบดื่มชานะ มันมีรสขมนิดๆ
ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นรับรู้รสว่ามันไม่จืดนะ
ถ้าใส่น้ำตาลมันก็จะมีรสหวาน หรือถ้าใส่นมมันก็จะเปลี่ยนเป็นรสนุ่มๆ
มันอยู่ที่เราจะปรุงให้มันเป็นแบบไหน"


"ลัลไม่เข้าใจ"


"ชีวิตคู่มันหมายถึงสองคน ถ้าต่างคนต่างไม่ปรุงหวังจะให้ชีวิตมันหวานเอง ไม่ร่วมมือกันแล้วมันจะเดินหน้าต่อไปได้ยังไง"


"บางทีลัลก็โง่นะคะพ่อ"


"พ่อกำลังพูดถึงคนสองคนที่ไม่คุยกัน
ต่างคนต่างหวังจะให้อีกฝ่ายทำให้ในสิ่งที่ต้องการ
แต่ถ้าไม่มีใครพูดแล้วอีกคนเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องการอะไร
และหวังจะให้เขาทำอะไร"


"ทำไมเขาไม่ถามหัวใจตัวเองบ้างล่ะคะว่าเขามีใจอยากทำอะไรให้กับคนที่อยู่ข้างเขาบ้างหรือเปล่า" เสียงลัลนารีบ่งบอกถึงความน้อยใจ


"บางทีลัลอาจต้องฟังเหตุผล"


"พ่อคะ...หัวใจลัลไม่มีตรรกะ
มันยังเต้นอยู่ได้เพราะใช้แต่ความรักหล่อเลี้ยง...แต่ถ้าหัวใจลัลมันต้องใช้
เหตุผลหล่อเลี้ยง ลัลขอไม่มีหัวใจดีกว่า..."


ตุลาที่เงี่ยหูฟังอยู่ เขาสะเทือนใจที่ตัวเองทำให้ลัลนารีรู้สึกแย่ถึงขนาดนี้ ธุมยังพยายามจะพูด แต่ลัลนารีแทรกขึ้นก่อนว่า


"นี่มังคะที่เขาบอกว่าผู้หญิงอยู่ด้วยหัวใจ
แต่ผู้ชายอยู่ด้วยเหตุผล...ความคิดของตุลย์กับลัลคงต่างกันมากเกินไป...
ลัลขอบคุณคุณพ่อมากนะคะที่เมตตาลัล...คุณพ่อไม่ได้เป็นแค่พ่อสามี
แต่คุณพ่อเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ
แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆแต่ลัลไม่ลืมคำสอนของคุณพ่อเลย" พูดแล้วยกมือไหว้
"รักษาสุขภาพด้วยนะคะ"


ลัลนารีลุกขึ้นจะเดินออกไป ตุลาลุกพรวดก้าวออกมาขวางไว้ถามอย่างสะเทือนใจว่า


"มันง่ายมากเลยใช่ไหมที่เราจะหย่ากัน"


"เราก็เป็นแค่คนสองคนที่เดินมารู้จักกัน แต่งงานกันแล้วก็จากกัน"
เธอมองหน้าตุลาเหมือนรอฟังความรู้สึกจากเขา แต่ตุลากลับนิ่งอึ้ง
เธอตัดสินใจบอก "การหย่ามันไม่ยากหรอก ตุลย์" พูดแล้วเดินผ่านเขาไปเลย


ธุมลุกขึ้นตบบ่าลูกชายอย่างปลอบใจ ตุลาบอกพ่อว่า ตนไม่เข้าใจ ธุมชี้ทางให้ว่า


"เขาพูดถึงขนาดนี้ แกต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าแกแต่งงานกับหนูลัลเพราะอะไร..."


ooooooo


เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตุลาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดสภาพ
เขาครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อกับลัลนารีที่ห้องอาหาร
ที่ลัลนารีบอกว่าเขาต้องถามหัวใจตัวเอง
แล้วว่าอยากทำอะไรให้คนที่อยู่ข้างๆเขาบ้างหรือเปล่า...
นึกถึงเรื่องไดอารี่ที่ลัลนารีเสนอให้ผลัดกันเขียน
เธอบอกว่าสลับกันเขียนทุกวัน
การเขียนไดอารี่จะทำให้เรารักกันมากขึ้น...คิดถึงคำบอกรักของลัลนารีที่พูด
อย่างไม่รู้เบื่อ...


จนกระทั่งที่เธอบอกธุมว่าหัวใจเธออยู่ได้เพราะใช้แต่ความรักหล่อ
เลี้ยง...ความคิดของเขากับเธอต่างกันมากเกินไป...จนกระทั่งคำสุดท้ายที่ว่า
"การหย่ากันมันไม่ยากหรอกตุลย์"


และเมื่อคิดถึงคำพูดของพ่อที่ว่า
"แกต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าแกแต่งงานกับหนูลัลเพราะอะไร"
ทำให้ตุลาตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดไล่ชื่อลัลนารีแล้วมองอย่างตัดสินใจ


ลัลนารีกลับบ้านไปอย่างหมดอาลัยตายอยากจนแม่กับพี่สาวเชื่อว่า อาการแบบนี้คงจบไม่ดีแน่ๆ


ขณะที่ลักษมีกับลดาวัลย์กำลังคิดเป็นห่วงลัลนารีอยู่นั่นเอง
ตุลาก็โทร.เข้ามา ลดาวัลย์รีบบอกน้องพลางส่งโทรศัพท์ให้ พอลัลนารีรับสาย
ก็ได้ยินตุลาพูดทันทีโดยไม่รอฟังอะไรเลยว่า


"ลัล...พรุ่งนี้เก้าโมง เจอกันที่เขตนะ แค่นี้นะครับ"


ลัลนารีช็อกคาสาย น้ำตาร่วงพรู พอลดาวัลย์ถามว่าเป็นอะไร
เธอบอกว่าตุลานัดพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันที่เขต
ลักษมีถามว่าฟังผิดหรือเปล่า ให้โทร.กลับไปใหม่ดูซิ


"ไม่ต้องหรอกแม่...แบบนี้ก็ดีแล้ว...แบบนี้ดีแล้วจริงๆ" ลัลนารีย้ำคำเดิมแต่น้ำตาร่วงพรู


ลดาวัลย์กับลักษมีเป็นห่วงลัลนารีที่คว้ากระเป๋าเดินขึ้นห้อง จึงพากันลุกตามไป


ooooooo


ลัลนารียืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอน มือหนึ่งถือกรรไกร
อีกมือจับผมที่อยู่ตรงซอกคอตั้งท่าจะตัดผมสั้น
พอดีลดาวัลย์กับลักษมีเปิดประตูเข้ามา ทั้งสองตกใจนึกว่าลัลนารีจะฆ่าตัวตาย
ผวาเข้าไปร้องห้ามเสียงดัง ตรงเข้าไปกอดรัดไว้ไม่ให้ลัลนารีเคลื่อนไหว
ลักษมีถามลูกว่าทำไมคิดสั้นแบบนี้
ลดาวัลย์ก็เตือนสติให้น้องคิดว่าเธอยังมีพี่และมีแม่


"แม่! พี่ดา! ปล่อย" ลัลนารีสะบัดตัว


"แกจะยอมตายเพราะผู้ชายเหรอ...แกมันโง่...เด็กโง่" ลักษมีด่าให้ได้สติ
พอลัลนารีบอกว่าตนไม่ได้ฆ่าตัวตาย ก็ถูกแม่เอ็ด "โกหก!
แล้วแกเอากรรไกรมาทำอะไร"


"ลัลจะตัดผม!" คำตอบนี้ทำให้ทั้งแม่และพี่สาวชะงัก ลัลนารีบอกทั้งสองว่า "ลัลไม่ทำแบบนั้นหรอกแม่...ถึงตุลย์เขาจะไม่รักลัลแล้วก็ตาม"


ลดาวัลย์กับลักษมีโผเข้ากอดเธอไว้ ลักษมีบอกว่า "ใครไม่รักแกก็ช่างแต่แม่รักแกนะลัล" ลดาวัลย์ก็บอกว่า "พี่ก็รักลัล ทุกคนรักลัล"


"ลัลรักแม่ รักพี่ดา  รักตุลย์...ที่แม่เคยพูดมันถูกหมด
ลัลผิดเองที่ไม่เชื่อแม่
ดื้อจะแต่งทั้งที่แต่งกันไปแล้วสักวันก็ต้องหย่า...ลัลอยู่กับความระแวงไม่
ไหวจริงๆ ลัลไม่รู้ว่าคนที่ลัลรักอยู่กับลัลเพราะอะไร ยิ่งลัลระแวง
ลัลก็ยิ่งทำลายตุลย์ ทุกวันนี้ลัลไม่รู้ว่าความสุขอยู่ตรงไหน
อยู่กับคนที่รักแต่ไม่รู้ว่าเขารักเราไหม
ไม่อยู่กับเขาก็กลัวว่าเขาจะไปมีใคร ถ้ารักแล้วเป็นแบบนี้
ลัลไม่อยากมีมันอีกแล้ว"


ลักษมีกอดลูกไว้ด้วยความสงสารจับใจ ลดาวัลย์กอดทั้งแม่และน้องไว้ด้วยความสงสารทั้งสองคน


ooooooo


ลักษมีปล่อยให้พี่น้องดูแลกันเอง
แต่พอเดินไปถึงประตูก็ยังอดหันมองพี่น้องแสดงความรักต่อกันไม่ได้
ลดาวัลย์พาน้องเข้านอนห่มผ้าให้ ลัลนารีมองพี่สาว
พูดอย่างประทับใจกับอดีตว่า


"เหมือนตอนเด็กๆเลย เวลาแม่ออกไปตามล่าพ่อให้กลับบ้านพี่ดาก็จะพาลัลเข้านอนห่มผ้าให้ลัล"


"ถึงวันนี้พี่ก็ยังพาลัลเข้านอน พี่จะพาลัลเข้านอนไปจนแก่เลยดีไหม"
ลดาวัลย์โถมตัวเข้ากอดน้อง
ลัลนารีบอกว่าตนดีใจที่ยังมีพี่มีแม่ที่รักตนอยู่ ลดาวัลย์บอกว่า
"พี่ก็รักลัลเหมือนกัน"


ลักษมีมองภาพนั้นด้วยความซึ้งใจ น้ำตาคลอ
จนสะดุ้งเฮือกเมื่อชวินทร์มาแซวว่าซึ้งหรือครับ
เลยถูกเอ็ดว่ามาเงียบๆตกใจหมดเลย ชวินทร์ยกมือไหว้พูดอย่างซึ้งใจเองว่า


"ขอบคุณนะครับคุณแม่ ที่ให้ผมเป็นคนในครอบครัวอีกครั้ง"


"ก็...ทำตัวให้มันดีๆแล้วกัน ลูกฉัน...ฉันก็รัก"


"ผมก็รักครับ"


ลักษมีมองชวินทร์อย่างหมั่นไส้ตัดบทว่าแค่นี้ใช่ไหม จะไปนอนแล้ว
พลางหันหลังเดินไป ทำท่าเหมือนรำคาญ แต่แอบยิ้มพอใจ
ส่วนชวินทร์ก็โล่งใจที่ได้พูดกับแม่ยายด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน


ฝ่ายตุลา หลังจากโทรศัพท์นัดลัลนารีแล้ว เขาไปนั่งที่ห้องทำงานในบ้าน
ที่โต๊ะทำงานของเขาด้านหนึ่งเป็นสัญญาหย่า
อีกด้านหนึ่งเป็นสมุดไดอารี่ที่ลัลนารีบรรจงตกแต่งปกไว้อย่างน่ารักสวยงาม
และให้เขาเขียนบันทึก แต่...เขาก็ไม่ได้เขียน


ตุลามองเอกสารหย่า...มองสมุดไดอารี่...อย่างตัดสินใจบางอย่าง...


ooooooo


เช้าวันรุ่งขึ้น  ภารตีไปถึงออฟฟิศเจอภาวิชนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้ากระเป๋าจะออกไปเลยบอกภาวิชที่ถามว่าจะไปไหนว่าจะไป
เขตตุลานัดหย่ากับลัลนารีเช้านี้ ถามภาวิชว่า


"ไหนแกบอกฉันว่าไปก่อเรื่องดีไง ดียังไงของแกวะ!"


"ก็ฉันแค่กระทุ้งให้ตุลย์ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง แต่ทำไมเป็นแบบนี้" ผู้หวังดีแต่ผลร้ายชักงง


ภารตีตะโกนใส่ว่า "เพราะแกเขาจะหย่ากันแล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปเขตเดี๋ยวนี้เลย"


ที่หน้าที่ทำการเขตลักษมีกับลดาวัลย์มาเป็นเพื่อนลัลนารี
ลักษมีถามลูกว่าไหวไหม เธอตอบอย่างหนักแน่นว่า "ลัลตัดสินใจเอง
ลัลยอมรับมันได้" พูดแล้วลงจากรถไป แม่กับพี่สาวรีบตามไปติดๆ


ตุลามาถึงแล้วเช่นกัน
เขามองซองเอกสารแวบหนึ่งก่อนหยิบลงจากรถเดินเข้าไปในเขตเจอลักษมีกับ
ลดาวัลย์ก็ยกมือไหว้สวัสดี
ลัลนารีไม่ทักไม่ถามแต่เดินนำเข้าไปหาเจ้าหน้าที่เขตเลย


เมื่อนั่งกันตรงหน้าเจ้าหน้าที่เขตแล้ว
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ถามความสมัครใจของทั้งสอง ต่างยืนยันว่า "สมัครใจ"
เจ้าหน้าที่ถามว่าจะคุยกันอีกครั้งไหม ลัลนารีตอบทันทีว่า "ไม่ค่ะ"


เจ้าหน้าที่หันไปทางตุลาถามว่ามีบันทึกข้อตกลงในการหย่าไหมจะได้บันทึกไว้
เป็นหลักฐาน ตุลาบอกว่ามีแล้วยื่นซองเอกสารให้เจ้าหน้าที่
ลัลนารีมองแวบหนึ่งอดใจหายไม่ได้ แต่พอเจ้าหน้าที่เปิดซองหยิบออกมา
กลายเป็นไดอารี่เล่มที่ลัลนารีประดิดประดอยทำปกจนดูสวยน่ารักเพื่อให้ตุลา
กับตัวเองผลัดกันบันทึกคนละวัน


ตุลาหันมองลัลนารีก่อนเปิดไดอารี่ออกอ่าน...


"เที่ยงคืนสิบห้านาที...ลัล...นี่คือหน้าแรกในบันทึกของเรา
แต่ผมไม่รู้จะขึ้นต้นตรงไหนดี
ลัลคงจะหัวเราะถ้ารู้ว่ากว่าจะเริ่มต้นประโยคแรกได้
ผมนั่งมองกระดาษเปล่าอยู่นานถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
รู้สึกตัวเองงี่เง่า...ก็ทีเขียนคำฟ้องบางคดีเป็นร้อยหน้าได้
แต่กับสิ่งที่ลัลขอให้ผมเขียนความรู้สึกตัวเองแค่สองหน้าทำไมมันช่างยาก
เย็น...
แต่ลัลจะคิดว่าที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะผมไม่รู้สึกอะไรกับลัลเลยอย่างนั้น
หรือ..."


ตุลาทำท่าอ่านไดอารี่แต่ตามองลัลนารีตลอดเวลา พูดราวกับทุกคำในไดอารี่นั้นท่องขึ้นใจเขาแล้ว


"ตรงกันข้าม...ความรู้สึกของเรามันเป็นสิ่งซับซ้อนนะลัล ผมรู้สึกกับลัล
รู้สึกมาก ทุกสิ่งทุกอย่างมันรายล้อมอยู่รอบตัวผม
หลอมรวมกลายเป็นตัวตนของผมได้ในวันนี้
แต่มันก็เป็นความงี่เง่าของผมเองที่จับต้นชนปลายไม่ถูก
ไม่รู้จะเรียงลำดับมาเป็นคำพูด หรือเป็นข้อ 1, 2, 3 ในหน้ากระดาษได้ยังไง
แล้วก็เลยทึกทักเอาเองง่ายๆว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบอกกันก็ได้..."


ลัลนารีฟังอึ้ง ทั้งลักษมีและลดาวัลย์ก็รู้สึกไม่ต่างกับเธอ


"ผมลืมไปว่าบางครั้งสิ่งเหล่านี้มันก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง
ความคิดผู้หญิงบางทีก็ซับซ้อนและเข้าใจยากเกินกว่าที่ผมคิด
ผมไม่รู้เลยว่าการที่ผมไม่เคยบอกความรู้สึกออกไปในแต่ละเรื่อง
มันอาจจะทำให้ลัลเข้าใจไปในอีกทาง..."


ตุลานึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านบาร์บีคิวก่อนเขียนลงไปว่า


"การที่ผมชอบพาลัลเข้าแต่ร้านบาร์บีคิวเจ้าประจำ
มันอาจทำให้ลัลคิดว่าผมเห็นลัลเป็นของตาย คิดว่าผมไม่ให้ความสำคัญ
แต่ที่จริงมันเป็นเพราะมีไม่กี่คนที่ผมจะสามารถพากันไปกินอะไรที่เราชอบซ้ำๆ
ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายจะหาว่าเราเป็นคนน่าเบื่อ
ไม่สร้างสรรค์ หรือย้ำคิดย้ำทำ และการที่ผมชอบหลับในโรงหนัง
มันอาจทำให้ลัลคิดว่าผมเบื่อที่ต้องอยู่กับลัล
แต่ลัลไม่รู้หรอกว่าผมหลงรักความรู้สึกผ่อนคลายยามงีบหลับในโรงหนัง
โดยอุ่นใจว่ามีลัลอยู่ข้างๆมากแค่ไหน"


ตุลาบรรยายถึงความรู้สึกก่อนออกไปทำงานว่า


"การที่ลัลนอนตื่นสายแล้วผมไม่เคยปลุก ไม่เคยบ่น
มันอาจจะทำให้ลัลคิดโทษตัวเองว่าไม่เอาไหนเป็นภรรยาที่ไม่ดี ทำให้ผมเบื่อ
แต่ที่จริงแล้วผมชอบเวลาที่ลัลตื่นสาย
เพราะการได้แต่งตัวไปมองลัลยามหลับไปด้วยมันคือความสดใสในยามเช้า
ก่อนที่ผมจะต้องไปเผชิญกับการงานอันเคร่งเครียด"


ในด้านการงาน เขาบันทึกไว้ด้วยเหตุผลที่ทำให้ลัลนารีฟังแล้วสะเทือนใจว่า


"การที่ผมไม่ยอมเลิกทำคดีรชา ผมไม่ได้ทำเพื่อรชา
แต่ผมทำเพื่อเรา...ผมกลัวลัลจะเป็นอันตราย
ผมจึงต้องเดินหน้าเพื่อทำคดีนี้ให้จบ
ให้คนผิดได้รับโทษ...การที่ลัลไม่ชอบเรื่องกฎหมาย ไม่สนใจเรื่องงานของผม
มันอาจทำให้ลัลคิดไปว่าตัวเองบกพร่องที่ไม่สามารถทำหน้าที่ "คู่คิด"
ที่ดีได้ แต่ที่จริงแล้วผมมีความสุขมากกว่า
ที่จะทิ้งเรื่องงานไว้นอกบ้านและกลับมาฟังลัลคุยเรื่องละครที่เพิ่งอวสาน
หนังน่าดูที่เข้าใหม่ หรือเพลงที่กำลังฮิตติดชาร์ต"


จนมาถึงเรื่องภาวิชที่ลัลนารีขอเป็นตัวช่วยกระตุ้นความรู้สึกหึงหวงของตุลา เขาบันทึกว่า...


"การที่ผมทำเฉยๆเวลาลัลไปไหนมาไหนกับคนอื่น โดยเฉพาะกับภาวิช
มันอาจทำให้ลัลคิดไปว่าผมไม่แคร์ และไม่เคยหึงลัลเลย
แต่ลัลไม่รู้หรอกว่าผมต้องข่มอารมณ์มากแค่ไหนที่จะ "วางเฉย"
เพื่อแสดงความให้เกียรติและไว้ใจที่ผมมีต่อลัล
ทั้งที่ความจริงแล้วผมนอนไม่หลับทุกครั้งที่ได้ยินลัลพูดถึงผู้ชายคนนั้น"


ลัลนารีตะลึงอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองคิดผิดมาตลอด
ขณะที่บรรยากาศภายในเขตกำลังผ่อนคลายลงทุกทีนั้น
ภายนอกภารตีกับภาวิชก็ทะเล่อทะล่าจะเข้ามา
ดีแต่ลักษมีเห็นก่อนโผออกไปเอามืออุดปากไว้ทันแล้วจับหน้าภารตีหันมองไปทาง
ตุลากับลัลนารีที่ท่าทางผ่อนคลายอยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่เขต
ทั้งภารตีและภาวิชเลยค่อยๆเดินเข้าไปร่วมฟังด้วย


"การที่ลัลเป็นฝ่ายขอผมแต่งงาน..." ตุลาอ่านต่อ
"ลัลอาจคิดว่าผมตอบตกลงเพราะมันถึงจังหวะที่ผม "พร้อม"
พอดีทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและการเงินในการสร้างครอบครัว
แต่ลัลอาจไม่รู้ว่า ถ้าไม่ใช่ลัล คำตอบของผมในวันนั้นจะไม่ใช่...โอเค"


ตุลาหยุดมองลัลนารีที่ทำท่าเหมือนจะอธิบาย แต่เขาอ่านต่อในช่วงสุดท้ายว่า...


"และสุดท้าย...การที่ผมไม่เคยบอกลัลในคำที่ลัลต้องการฟังมากที่สุด
มันอาจทำให้ลัลคิดว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับลัล
แต่ที่จริงแล้วที่ผมไม่เคยบอกรักเป็นเพราะผมคิดง่ายๆแบบเข้าข้างตัวเอง
ว่าการกระทำจะสามารถบอกแทนทุกอย่าง... ถ้าหากตลอดมาผมทำให้ลัลเข้าใจผิด
ผมจะขอใช้กระดาษหน้าแรกในบันทึกของเราเพื่อแก้ตัว...บอกคำบางคำที่ผมบอกช้า
ไปใน 365 วัน...คำที่ผมควรบอกตั้งแต่วันแรกที่เราเป็นแฟนกัน...ผมรักลัล..."


ลัลนารีอึ้งแล้วอึ้งอีก พอตุลาอ่านจบและบอกรัก
ทุกคนมองที่ไดอารี่อย่างคาดไม่ถึง ตุลาส่งไดอารี่คืนให้ลัลนารีถามเธอว่า
เขาได้พูดทุกอย่างแล้วเธอยังอยากจะหย่าอีกไหม


ลัลนารีพูดเสียงเครือด้วยความสะเทือนใจว่า
ชั่วชีวิตของตนไม่เคยคิดที่จะแต่งงาน พ่อทิ้งแม่ทิ้งตนและพี่สาวไป
การถูกทิ้งมันเจ็บปวด ตนกลัว
แต่ที่แต่งงานกับเขาเพราะคิดจะฝากชีวิตไว้กับเขา
แต่กลายเป็นทำลายชีวิตของเขาทำลายงานของเขาเพราะความโง่ของตัวเอง
ตนไม่ได้หย่าเพราะหมดรัก แต่อยากให้เขามีชีวิตที่ดี


"เหตุผลเดียวที่หัวใจผมยังเต้นอยู่คือ มีความรักจากลัลหล่อเลี้ยง
ชีวิตที่ดีของผมคือชีวิตที่มีลัล ลัลคนเดียวเท่านั้น ผมไม่อยากหย่ากับลัล"
ตุลาตอบมองเธออย่างแสนรัก


ลัลนารีโผเข้ากอดตุลาพรั่งพรูความรู้สึกออกมาว่า "ลัลไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
จะบันทึก รชาหรืออะไรก็ตามลัลไม่สน ขอให้ตุลย์อยู่ตรงนี้กับลัลก็พอ
อยู่กับลัล ลัลรักตุลย์นะ"


"ผมก็รักลัล...รักมาก" ตุลากอดลัลนารีไว้แน่นเหมือนได้หัวใจกลับคืนมา


ทุกคนปลาบปลื้มยินดีกับการเข้าใจกันและกันของตุลากับลัลนารี
ภาวิชถึงกับยกแม่โป้งให้ตุลา
ส่วนตุลาก็ยิ้มขอบคุณที่เขาทำหน้าที่ตัวช่วยและเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญให้
เรื่องกลับกลายเป็นดีอย่างนี้


คืนนี้ ที่บ้านตุลา จึงอบอวลไปด้วยความสุขอีกครั้ง


ooooooo


รุ่งขึ้น
ลัลนารีตัดสินใจจะเอาสมุดบันทึกไปคืนแม่หมอโดยขอให้ตุลาช่วยขับรถพาไปและให้
รออยู่ข้างนอก ส่วนตัวเธอเข้าไปพบแม่หมอที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูไพ่อยู่


ลัลนารีถามว่าสิ่งที่สมุดเล่มนี้ให้ตนคืออะไร คือความฝันหรือคืออนาคตของตนจริงๆ


"อนาคตคือผลจากปัจจุบันที่เรากระทำ ดังนั้น
สิ่งที่เธอไปเห็นมันอาจจะเป็นแค่ตัวอย่างว่า
ผลจากความขี้หึงที่มากเกินไปจนทำร้ายคนอื่นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเธอเองยัง
ไง...
คำทำนายเมื่อปีที่แล้วฉันทายโดยยึดจากการกระทำและพื้นฐานนิสัยของเธอในตอน
นั้น แต่วันนี้เธอได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอถึงรักษาชีวิตคู่ของเธอไว้ได้
แต่ถ้าวันนี้เธอยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม
รับรองว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตก็คงไม่หนีจากที่เห็นนั่นแน่ๆ"


เมื่อลัลนารีขอคืนสมุดบันทึกให้แม่หมอเพราะได้ เรียนรู้จากมันมาพอแล้ว
แม่หมอยังย้ำว่า "ความรักคือการศรัทธาในกันและกัน
ดีใจด้วยนะที่เธอหาปัจจุบันเจอแล้ว"


ooooooo


หลังจากนั้นมาตุลากับลัลนารีก็เขียนไดอารี่สลับกันคนละวัน
ลัลนารีตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมทุกอย่างก่อนส่งตุลาไปทำงาน
ตุลาเองก็บอกรักเธอทุกวันก่อนไปทำงาน  เวลามีปัญหากันก็พยายามพูดคุยกันทุก
เรื่อง  ส่วนปัญหาของคนอื่นก็รับฟังแต่ไม่อินจนเป็นเรื่องของตัวเอง
ชีวิตของทั้งสองต่างมีเวลาให้กันมากขึ้น วันหยุดก็ไปดูหนังฟังเพลง
หรือไม่ก็ทำอาหารทานกันในครอบครัวช่วยกันทำช่วยกันชิมและช่วยกันชมให้กำลัง
ใจกัน


จนในที่สุด ตุลาวางแผนพาลัลนารีไปฮันนีมูนที่มัลดีฟสถานที่ในฝันของเธอ เธอฝันมากกว่านั้นว่าขากลับเธอจะมีตัวน้อยๆกลับมาด้วย


ทุกคนที่เคยต้องวุ่นวายมาตลอด 365 วัน
พลอยมีความสุขไปด้วยเมื่อเห็นครอบครัวของตุลากับลัลนารีมีความสุข
ดังนั้นจึงพากันมาส่งโบกมืออวยพร "ขอให้โชคดี", "เที่ยวให้สนุก",
"มีเจ้าตัวเล็กติดท้องกลับมานะ"


ระหว่างนั่งรถไปสนามบิน ลัลนารีเอ่ยอย่างมีความสุขว่า


"แล้วเราจะสมหวังมีเจ้าตัวเล็กกลับมารึเปล่านะ...ขอบคุณนะตุลย์ที่ทำให้ลัลมีวันนี้...ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างลัล... ลัลรักตุลย์นะ"


"ผมก็รักลัล...รักมากและจะรักแบบนี้ทุกๆวัน..."


ทั้งคู่อิงแอบแนบชิดกันไปฮันนีมูนด้วยความหวังว่ากลับมาจะมีเจ้าตัวน้อยมาเป็นโซ่ทองในชีวิตด้วย



ooooooo


-อวสาน-






Free TextEditor




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2553
0 comments
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 15:34:15 น.
Counter : 541 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.