สานสัมพันธ์ 30 ปี ไทย-จีน ไหว้พระเก้าวัด ไหว้เจ้าเก้าศาล
มาแล้วครับ กับการโบยบินของเหยี่ยวข่าวอาสาครั้งที่ 2 ต้องขอประทานโทษทีมงาน Pantip Crew นะครับที่มาทำบล็อกช้าไปหน่อย พอดีเพิ่งจะสอบเสร็จและต้องไปฝึกงานด้วยน่ะครับ ยังไงมาช้าดีกว่าไม่มานะคร้าบบบบ
อ้อ ผมคงไม่เจาะรายละเอียดมากนักน่ะครับ เพราะพี่ๆพันทิปทำไว้ซะละเอียดเลย คงเป็นการบอกเล่าเก้าสิบกันดีกว่านะครับ
โครงการ ไหว้พระเก้าวัด ไหว้เจ้าเก้าศาล ประสานสายใย ไทย - จีน 30 ปี ในโอกาส 30 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน จัดขึ้นโดย กลุ่มเครือข่ายวัฒนธรรมเยาวราช (โดยคุณปรีดา ปรัตถจริยา) สนับสนุนโดย กองการท่องเที่ยวกทม.และคณะกรรมการ 30 ปี ความสัมพันธ์ไทย - จีน
วันนี้ช่วงเช้าอากาศสดใสครับ กับบรรยากาศที่สวยสดแสดงถึงความสงบร่มรืนแห่งมหานครกรุงเทพแห่งนี้ บรรยากาศบริเวณข้างพระบรมมหาราชวัง ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆเลยครับ
และเด็กท้ายวังก็เดินทางมาถึงเสาชิงช้า โดยสถานที่แรกของการเดินทางไหว้พระ 9 วัด ช่วงเช้าในวันนี้ คือวัดสุทัศนเทพวรารามครับ
พระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสุโขทัย พระประธานในพระวิหารวัดสุทัศนฯ โดยพระพุทธรูปองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย โดยมาในเส้นทางเรือจากสุโขทัยถึงกรุงเทพฯ โดยเชิญองค์พระฯขึ้นท่า ที่บริเวณท่าพระ ซึ่งในช่วงนั้นเป็นปลายรัชกาลของพระองค์ ซึ่งพระองค์ก็ทรงพระประชวรอยู่ด้วย แต่พระองค์ได้ประกอบพิธีเสด็จพระราชดำเนินเชิญพระเข้าโบสถ์ด้วยพระบาทเปล่า ทั้งๆที่ยังทรงพระประชวร โดยปฏิบัติตามราชประเพณี
เมื่อมีการอัญเชิญพระศรีศากยมุนีเข้ายังบริเวณที่มีการตั้งพระวิหารแล้วนั้น พระองค์ได้มีพระราชดำรัสออกมาว่า "สิ้นธุระเราแล้ว" หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เสด็จสวรรคตในพระมหามณเฑียร
*** พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดลก็ทรงเข้ารับการเป็นพุทธมามกะ กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(แพ) ณ วัดแห่งนี้
**คำว่า สุทัศน แปลเป็นความหมายได้ว่า มองแล้วดี มองแล้วงาม เชื่อกันว่า ไหว้พระวัดสุทัศนแล้ววิสัยทัศน์จะดี
เราเดินทางโดยรถตู้ต่อไปยังวัดที่ 2 ครับ (ขอบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ทำเวลาได้ดีมากๆ)
วัดบวรนิเวศวิหาร
ซึ่งในวันที่เราไปนั้นเป็นช่วงวันมหามงคลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ซึ่งมีพลังศรัทธาพุทธศาสนิกชนมากมายมาแสดงมุทิตาสักการะพระองค์ท่าน
สำหรับพวกเราในการเดินทางครั้งนี้ ลืมบอกไปครับ นอกจากมีวิทยากรผู้ทรงเกียรติหลายท่านแล้ว อาทิเช่น พี่หนึ่ง รณวัฒน์ เอมะสิทธิ์ วิทยากรจากกองการท่องเที่ยว คุณปรีดา ปรัตถจริยา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมเยาวราช(เครือข่ายวัฒนธรรมเยาวราช) และก็ท่านผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่าน แล้วยังมีพิธีกรสาวสวยคนเก่งคือ คุณนารากร ติยายน มาร่วมเดินทางกับเราด้วยนะครับ และก็มาถ่ายทำรายการ ที่นี่ มหานคร วันเสาร์นะครับ(อย่าลืมติดตามชม เด็กท้ายวังเดินผ่านไปผ่านมากล้องบ่อยด้วยล่ะครับ เอิ้กกก)
พระสงฆ์ทำวัตรเช้ากันอยู่ พวกคณะเราก็ได้เห็นรูปแบบของพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายเป็นบุญแห่งการเดินทางสักการะยิ่ง
สำหรับวัดบวรนิเวศวิหาร นะครับ เป็นวัดแบบธรรมยุตินิกาย ซึ่งเจ้านายส่วนใหญ่จะทรงผนวชที่วัดบวรนิเวศแห่งนี้ และเมื่อทรงผนวชจะเสด็จออกประทับนั่งที่บริเวณธรรมาสน์ด้านหน้าพระอุโบสถ ซึ่งเป็นธรรมาสน์เฉพาะเจ้านายเท่านั้น ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป
***รูปแบบของพระอุโบสถแบบธรรมยุติกนิกายจะมีเสมาแบบติดพระอุโบสถไปเลย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนเดินผ่านเข้าออกในเวลาทำสังฆกรรม อย่างเช่นในพระอุโบสถวัดบวรฯเป็นตัวอย่างได้
***สำหรับเสี้ยวกลางของวัดแห่งนี้ หรือทวารบาลที่รู้จักกันเป็นที่ขึ้นชื่อมากเพราะจะมีคนนำโอเลี้ยงมาเซ่นไหว้กันเป็นประจำ สีดำๆที่เห็นนั่นคือฝิ่น มีที่มาจากการที่ชาวบ้านถูกหวย กข.แล้วในสมัยนั้นสูบฝิ่นกันก็เลยนำฝิ่นมาทาที่ปากของทวารบาล เป็นรอยให้เห็นเช่นในปัจจุบัน
วัดที่ 3 แล้วครับ วัดชนะสงคราม ไม่ไกลจากวัดบวรนิเวศวิหารมากนัก สำหรับวัดชนะสงคราม
ภาพที่นำมาฝากคือ ศาลของสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท วังหน้าแห่งรัชกาลที่ 1 และทรงเป็นพระอนุชาธิราชเจ้าด้วย จะสังเกตได้ว่า ศิลปกรรมส่วนใหญ่ของวังหน้าจะเน้นสีขาวเป็นส่วนใหญ่ วังหลวงจะมีลวดลายประดับกระจก
ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปอู่ทอง สังเกตจากพระพักตร์เหลี่ยม สามารถกล่าวได้ว่า วัดชนะสงครามแห่งนี้เป็นวัดที่ถอดรูปแบบความเป็นอยุธยาตอนปลายมามากที่สุด เพราะต้องไม่ลืมว่า ท่านบุญมาทรงถวายตัวเข้ารับราชการในวังหลวงจึงสามารถเห็นรูปแบบสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมของวังหลวงทั้งหมดแล้วนำมาถ่ายทอดลงสู่วัดชนะสงครามอย่างที่ทุกท่านเห็นน่ะครับ
***ถ้าจะกล่าวถึงพื้นที่ของวังหน้าทั้งหมดแล้ว ในปัจจุบันก็คือ วัดมหาธาตุฯ - บางลำภูนั่งเอง (ลองคิดดูว่ากว้างใหญ่มากสักเพียงใด ผมว่าพอๆกับวังหลวงเลย ไม่ครั้นมากกว่าอีกด้วย----
สถานที่ต่อไปแล้วนะครับทุกท่าน เรากำลังจะเดินทางไปที่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองครับผม
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสร้างขึ้นพร้อมกับมหานครใหม่ ในสมัยรัชกาลที 1 ซึ่งขณะที่มีการก่อพระฤกษ์อยู่นั้น อสรพิษ 5 ชนิดเข้ามาในในพระราชพิธีลงหลักด้วย ซึ่งมีผลมาในสมัยรัชกาลที่ 4 การติดต่อการงานต่างประเทศไม่ค่อยจะสู้ดีนัก พระองค์จึงมีแนวพระราชดำริที่จะให้ก่อพระฤกษ์และตั้งเสาหลักเมืองใหม่ขึ้น ณ พื้นที่แห่งเดิม
***ใครเกิดทันมั่งเอ่ย พื้นที่ๆเป็นศาลหลักเมืองจริงๆนั้นเป็นเพียงแค่ 1 ใน 4ส่วนของปั้มน้ำมันสามทหารนะครับ เพราะแต่ก่อนบริเวณนี้มีการตั้งปั้มน้ำมันอยู่ ต่อมาเพื่อให้ศาลหลักเมืองเป็นสถานที่ๆควรค่าแก่การเคารพและมีพื้นที่ตั้งที่เหมาะสมจึงขยายบริเวณออกและทุบปั้มทิ้งไป
ศาลเทพมงคลประจำเมือง 5 พระองค์ ดังนี้ 1.พระเสื้อเมือง 2.พระทรงเมือง 3. เจ้าพ่อหอกลอง 4. เจ้าพ่อเจตคุปต์ 5. พระกาฬไชยศรี
พระสยามเทวาธิราช(องค์จำลอง)
องค์พระสยามเทวาธิราชจำลองนี้อยู่ภายในศาลเดียวกับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 พระองค์ โดยพระสยามเทวาธิราชองค์จำลองนั้นจะมีอยู่อีกแห่งหนึ่งคือ ที่รัฐสภา โดยองค์จริงประดิษฐานอยู่ภายในโถงกลางพระวิมานที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ครั้งล่าสุดทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯอัญเชิญออกมาให้ประชาชนได้สักการะเมื่อคราวสมโภชน์เมือง 200 ปี
*** แต่เดิมนั้นพระพักตร์ของพระสยามเทวาธิราชเหมือนกับพระพักตร์ของรัชกาลที่ 4 แต่พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้เปลี่ยนเป็นพระพักตร์ในรูปแบบของเทพดาจะเหมาะสมกว่า
***ยังไงใครไปก็อย่าลืมไปสักการะเทพศักดิ์สิทธ์ประจำเมืองกันนะครับ ขอพรให้บ้านเมือง สงบสุข เราจะได้มีความสุขในการใช้ชีวิตของเราด้วย เนาะๆ
พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สักการะพระแก้วมรกต "แก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา"
วันนี้วัดพระแก้วฯคนเยอะมากๆครับ วันหยุดและวันเข้าเทศกาลกินเจด้วยล่ะครับ คนเยอะจริงๆเลย
หอระฆัง เนื่องจากว่าวัดพระศรีรัตนศาสดารามมีปูชณียวัตถุ ปูชณียสถานที่มีความน่าสนใจมากมาย จึงเรียกเพียงสิ่งเดียวที่มีความต่อเนื่องกับการท่องเที่ยวเส้นทางนี้คือ หอระฆังที่มีระฆังเสียงดีจากวัดระฆัง โดยรัชกาลที่ 1 ทรงให้นำมาตั้งไว้ในพื้นที่พระอุโบสถแห่งนี้
พระพุทธรูปปางไสยาส (ปางอสุนินทรราหู)ในพระวิหารหลังใหญ่ ที่เอกลักษณ์เด่นขององค์พระ นอกจากพระสรีระที่มีความใหญ่แล้ว ภาพรอยพระพุทธบาท 108 ที่วาดโดยกรมหมื่นภูมินทรภักดีนี่ก็เป็นอีกจุดสนใจหนึ่งสำหรับผู้ที่มาในครั้งต่อไป
และเราก็เดินทางผ่านสายน้ำแห่งแผ่นดินกันแล้วครับ งานนี้ชุดขาวกันหมดครับ บริสุทธิ์ทั้งกาย และอิ่มอกอิ่มใจกับบุญที่ไปทั้ง 18 แห่งด้วย
ช่วงนี้เราอยู่กลางสายน้ำเจ้าพระยาซึ่งคณะกำลังจะพาเราเดินทางไปที่วัดระฆังโฆษิตาราม แต่มองเห็นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์ใหม่ก็ชวนอดใจให้ถ่ายรูป แล้วนึกไปถึงช่วงเวลาแห่งปีมหามงคล 2549 ที่จะมีพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี ปีหน้าทุกท่านคงได้เห็นความยิ่งใหญ่แห่งพระราชพิธีและพิธีสำคัญอีกมากมายทีเดียวล่ะครับ
วัดระฆังโฆษิตาราม
ถ้ากล่าวถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ทุกท่านคงต้องรู้จักวัดระฆังเป็นแน่แท้ และที่สำคัญวัดระฆังแห่งนี้เป็นที่ตั้งแห่งหอไตรอันมีความล้ำค่าและสวยงามในสมัยรัชกาลที่ 1 นั่นเอง
วัดอรุณราชวราราม
วัดกัลยาณมิตรราชวรวิหาร
วัดกัลยาณิมิตรแห่งนี้เริ่มมีกลิ่นไอแห่งความสัมพันธ์ไทย - จีนอย่างชัดเจนครับ(พร้อมกับกลิ่นไอฝนที่มืดตึ้ดตื๋อออมาแล้ว) เพราะวัดแห่งนี้ เจ้าพระยานิกรบดินทร์(โต) หรือเจ้าสัวโต คหบดีชาวจีนที่เป็นพระสหายสนิทของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ครั้งพระองค์ยังไม่ขึ้นครองราชย์
โดยวัดกัลยาณมิตรแห่งนี้ เจ้าสัวโต ได้น้อมเกล้าฯถวายให้เป็นพระอารามหลวงแด่รัชกาลที่ 3 ภายในพระวิหารประพระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต(ซำปอกง)ที่คนไทยเชื้อสายจีนเรียกกัน หลวงพ่อโตองค์นี้กับหลวงพ่อโตที่อยุธยา มีชื่อเดียวกัน โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นพระราชทานแก่วัดแห่งนี้ ------และแล้วก็ผ่านไปครึ่งวันแล้วครับ 9 วัดไทย ไม่น่าเชื่อว่าคณะของเราจะทำเวลาได้ โอ้ยๆๆๆ บุญหนักเหลือเกินครับ เอาบุญไปฝากธนาคารก่อนดีกว่า เพราะตอนบ่ายอีก 9 ศาลเจ้าอิอิ
>
9 ศาลจีน
หลังจากทางคณะผู้จัดพาเราไปทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารแว่นฟ้า (บุฟเฟต์อย่างดีครับ อร่อยมากๆ แต่แหม่..ผมนั่งกับแขกผู้มีเกียรติทั้งนั้นเลย เกร็งๆอิอิ แต่ก็อิ่มครับ) พออิ่มแล้วก็เริ่มง่วง แล้วพอง่วงปุ๊ป ก็เริ่มออกเดินทางกันต่อเลยครับ
ช่วงบ่ายมีพี่ป๊อป กับคุณปรีดา มาเป็นวิทยากรครับ อยากบอกว่าถ้าท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีน หรือประวัติของวัด ศาลเจ้าต่างๆในเยาวราชนะครับ โครงการนี้ถ้าคุณพลาด คุณต้องเสียใจแน่ๆครับ เพราะว่าวิทยากรท่านละเอียดมากๆครับ รู้ลึกจริงๆครับ ได้ความรู้กันแบบเอี๊ยดอ่ะ
โรงเจบุญสมาคม
โรงเจบุญสมาคม ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์เคยเสด็จมาสักการะ สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ประจำโรงเจ คือ เก้าอ้วงเจ ท่านสามารถขอพรให้ "เทพยดาคุ้มครอง"ได้จากสถานที่แห่งนี้
ศาลเจ้าเล่าปึงเถ้ากง
ศาลเจ้าเล่าปึงเถ้ากง เชิญสักการะ "ตั่วเล่าเอี๊ยะ"และปึ้งเถ้า เทพแห่งทุนทรัพย์ ขอพร"ทุนทรัพย์ในการประกอบอาชีพ และดำรงชีวิต"
โพธิสถานมงคลธัญญ์
โพธิสถานแห่งมงคลธัญญ์ บรรยากาศดีมากๆครับ อยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยา เชิญทุกท่านสักการะเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว และพระโพธิสัตว์ ซึ่งภายในจะมีรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พระอริยสงฆ์ผู้ถ่ายทอดสรรพวิชาธรรมกายไว้ให้เป็นมรดกแห่งพุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง
** โดยหลวงพ่อสด ได้ฝากฝังวิชชาธรรมกายไว้ ณ โพธิสถานมงคลธัญญ์ที่นี่เป็นอันดับแรก
ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ(วงเวียนโอเดียน)
สำหรับซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินเปิดเมื่อปี 2542 เพื่อน้อมเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ปี 2542 และวงเวียนแห่งนี้ก็จะมีการใช้ในการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเสมอมา เช่น งานตรุษจีนเยาวราช งานกินเจ เป็นต้น
***โดยบริเวณตรงกลางระหว่างเสาทั้งสองต้นนั้นจะมีรูปเหรียญในรูปแบบของจีน และเหนือศีรษะมองตรงไปจะเห็นสํญลักษณ์ เพื่อให้คนทั่วไปได้อธิษฐานขอฟ้าดิน
เทียนฟ้ามูลนิธิและศาลเจ้าแม่กวนอิมสมัยราชวงศ์ซ่ง
เทียนฟ้ามูลนิธิ ถือเป็นมูลนิธิแห่งแรกทีได้รับการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ และยังมีส่วนที่เป็นโรงพยาบาลอยู่ด้วย ภายในมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมสมัยราชวงศ์ซ่ง แกะสลักจากไม้ชิ้นเดียว ขอพรในการ"ดูแลสุขภาพ"
ศาลเจ้าแม่กวนอิม ฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย
ศาลเจ้าแม่กวนอิม ฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย ก่อนเข้านะครับ ผู้ดูแลศาลเจ้าได้ให้เราประพรมน้ำจากใบทับทิมให้เป็นสิริมงคลก่อน เมื่อเข้าไปแล้วจะเชิญทุกท่านสักการะเจ้าแม่กวนอิมภายในศาลเล็กๆ อายุกว่า 100 ปั ชมองค์เจ้าแม่และฐานขนาดใหญ่ แกะจากไม้ชิ้นเดียวเช่นกัน
ศาลเจ้าพ่อกวนอู และเจ้าพ่อม้า
ศาลเจ้าพ่อกวนอูและศาลเจ้าพ่อม้า ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องสักการะ เพราะเทพเจ้ากวนอูถือเป็นเทพชั้นสูง อีกทั้ง ม้าเซ็กเทานั้นเป็นเทพพาหนะแห่งกวนอูด้วย การได้สักการะจึงถือว่า "บริวารเชื่อฟัง บุตรหลานอยู่ในโอวาท" !!!! อ้อลืมเตือน ถ้าได้ยินเสียงคนตะโกนอย่าตกใจนะครับ แป๊ะท่านกำลังเชิญเจ้าพ่อม้ามารับเครื่องสังเวยนะครับ
วัดบำเพ็ญจีนพรต วัดจีนนิกายแห่งเดียวในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ สักการะซำป้อฮุก และ18 อรหันต์ และงานกระดาษผสมผ้าสังเคราะห์ ชุดเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย
ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ
ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ประดิษฐานเทพเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งตี่ลี่ฮวงจุ้ย ท่านใดที่ต้องการที่พักอาศัยดีๆ เดินทางไปไหนมาไหนดีก็เชิญอธิษฐานได้เลยครับ
ศาลเจ้ากวางตุ้งและมูลนิธิกว๋องสิว
สถานที่สุดท้ายแล้วครับ ศาลเจ้ากวางตุ้ง และมูลนิธิกว๋องสิว ทุกท่านจะต้องผ่านประตูฮกขนาดใหญ่ที่เกิดจากแผ่นประตูมาต่อกัน ที่แสดงให้เห็นได้แล้วว่าท่านจะต้องมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตแน่ๆ แล้วก็เดินผ่านลานเหรียญโบราณ สักการะเจ้าแม่กวนอิมที่มีความงามมากๆครับ แล้วก็เทพเจ้าโล่วปาน ขงจื๊อ หมั่นเช้ง สามเทพเจ้าที่ ซึ่งหาสักการะได้ยากนักในปัจจุบัน
สำหรับเทพองค์นี้ exclusiveครับ พระเจ้าหมั่นเช้ง เทพแห่งการศึกษา ปัญญาดี อิอิ ต้องเคารพเทพองค์นี้มากๆครับ จะได้เกียรตินิยมกันสักที แต่ก็ไหว้ทุกองค์ล่ะครับ
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายสำหรับวันนี้แล้วครับ ก็ครบแล้วนะครับ 9 วัดไทย 9 ศาลจีน เต็มอิ่มเลยครับกับบุญใหญ่ในครั้งนี้ สัปดาห์ใครที่รับบุญกินเจด้วยก็น่าจะมาร่วมโครงการนี้นะครับ จะได้สักการะเทพเจ้าทั้งไทยและจีนไปด้วย ขอบอกว่าคุ้มค่าจริงๆครับกับการเดินทางในทริปนี้
**** ขอขอบคุณวิทยากรทุกๆท่านเลยครับ เครือข่ายวัฒนธรรมเยาวราช,กองการท่องเที่ยวกทม.
***ต้องขอขอบคุณทีมงาน pantip นะครับ ที่ให้เด็กท้ายวังได้เดินออกจากประตูวังไปปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง แล้วหวังว่าคงจะมีโอกาสต่อไปอีกนะครับ
***สำหรับท่านใดที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการนะครับ โครงการจะมีการจัดกิจกรรมใน วันเสาร์ - อาทิตย์ ที่ 8 - 9 ตุลาคม 2548 และวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 15 - 16 ตุลาคม 2548 ใช้เวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม 1 วันเต็มๆครับ คุ้มค่ามากๆ
สำหรับค่าใช้จ่ายนะครับ รวมค่าพาหนะตลอดการเดินทาง ค่าอาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่มและมัคคุเทศก์ ท่านละ 999 บาท สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 899 บาท ครับ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1. คุณรณวัฒน์ เอมะสิทธิ์(คุณหนึ่ง) 01-487-1626 กองการท่องเที่ยวกทม. 2. คุณปรีดา ปรัตถจริยา 01-829-8883 เครือข่ายวัฒนธรรมเยาวราช ไปกันเยอะๆนะครับ น่าสนใจมากๆ
สำหรับวันนี้เด็กท้ายวัง คงจะต้องขอตัวก่อนล่ะครับ วันที่ 13 - 26 ก็คงจะไปสานสัมพันธ์ไทย - จีนของจริงกับเขาน่ะครับ คราวนี้ล่ะคงจะได้เรียนรู้กันว่าวัฒนธรรมไทย-จีน ณ นครปักกิ่งนั้นเป็นเช่นไร คงต้องไปศึกษากัน แล้วสำหรับกลุ่มเรื่องราวในราชสำนักนะครับ ก่อนไปจีนผมจะนำเก็บความรู้มาเล่าฯภาคสองให้เสร็จให้ได้ อิอิ เยี่ยมครับฝีกงานเสร็จวันพุธ 12 ตุลาคม วันพฤหัสบดีเข้าโครงการ ตายแน่ๆ
ขอให้ทุกท่านอิ่มบุญอิ่มกุศลกับเทศกาลกินเจและการไหว้พระเก้าวัดไทย เก้าศาลจีนสานสัมพันธ์ 30 ปีไทยจีนนะครับ
Create Date : 06 ตุลาคม 2548 |
|
26 comments |
Last Update : 9 ตุลาคม 2548 20:44:23 น. |
Counter : 6920 Pageviews. |
|
|
|
จริงๆ แล้ว เล่าเกร็ดความรู้ ที่ไม่ค่อยมีคนเขียนถึงก็จะดีมากเลยนะคะ แล้วจะแวะเวียนเข้ามาบ่อยๆ ค่ะ