หลังจากดูโชว์อันสุดแสนจะอลังการเสร็จก็มุ่งหน้าสู่ Fantasy Land ทันที โดยที่ไปหยิบ Fast Pass ของ The Many Adventures of Winnie the Pooh เพราะขี้เกียจรอ และจะได้เอาเวลาไปดูอย่างอื่นแทน เราเริ่มต้นที่ Fantasy Land ด้วย It's a Small World เป็นการล่องเรือไปชมวิถีชีวิตของหุ่นกระบอกในแต่ละประเทศ แอบมีประเทศไทยด้วยนะ แต่ถ่ายไม่ทัน น่ารักดี ดูเพลิน ๆ แต่ไม่ค่อยโดนใจจอร์จสักเท่าไร
หลังจากที่เราไปท่องเที่ยวกับหมีพูห์เสร็จ ผมก็มุ่งหน้าสู่ Main Street USA เพื่อชมพาเรด ที่เต็มไปด้วยตัวละครต่าง ๆ จากเทพนิยาย และการ์ตูนของดิสนี่ย์ พร้อมกับฟังเพลงสนุกๆไปด้วย ((ผมเองยังแอบเต้นไปด้วยเลย อิอิอิ)) มาชมภาพบรรยากาศของพาเรดกัน
หลังจากชมพาเรดเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปที่ Fantasy Land อีกครั้งเพื่อชมโชว์ The Golden Mickeys โชว์นี้เกือบทำเอาผมหลับเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ก็ไปตื่นเอาตอนฉากเต้นรำของ เบลล์ กับ เจ้าชายอสูร อลังการมาก เป็นโชว์ที่เรื่อย ๆ แต่สนุกดี ((ปล. โชว์นี้ไม่ได้ถ่ายรูปเลยเพราะมัวแต่ง่วงนอน เพราะแอร์เย็นมาก)) หลังจากจบโชว์นี้ ก็ไปที่ Tomorrow Land อีกครั้ง เพื่อไปชมโชว์ Stitch Encounter เป็นโชว์ที่น่ารัก สนุก ไฮเทค แล้วกวนส้นเท้าไปในตัว ((อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ภาษาอังกฤษจะไม่แตกฉานเท่าไร แต่ก็ฮาได้))
ชมโชว์เสร็จเลยแวะมาถ่ายปราสาทซะหน่อย
ตอนนี้เริ่มว่างแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรเลยไปนั่งรถไฟเล่น นั่งเพลินจนหลับเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลย หลังจากลงมาจากรถไฟ ก็ไปเก็บเครื่องเล่นรอบสอง ก็มี Space Mountain, Buzz Lightyear Astro Blasters และ The Many Adventures of Winnie the Pooh ((ตอนแรกว่าจะไปขับรถที่ Autopia แต่ขี้เกียจรอ แถวยาวมาก)) หลังจากที่เก็บเครื่องเล่นต่าง ๆ จนหมด ก็กลับมาที่หน้าปราสาทอีกครั้งเพื่อรอชม การจุดดอกไม้ไฟโชว์ สำหรับโชว์นี้จะใช้เพลง A Whole New World เป็นเพลงหลัก โดยจะมีเพลงอื่น ๆ ในการ์ตูนมาเสริมบ้าง และก็จะมีการฉายภาพการ์ตูนของดิสนี่ย์ลงไปบนปราสาทก่อนและก็จะตามมาด้วยการจุดพลุ สวยงามมาก เพลงเพราะ ดูไปน้ำตาจะไหล ((จริง ๆ นะ)) เป็นโชว์ที่ประทับใจที่สุดเลย ดูบรรยากาศที่ปราสาทกัน ((รูปไม่ค่อยสวยแต่อยากแชร์ความประทับใจ ปล. เสียงพลุไม่ค่อยดัง คนที่กลัวเสียงพลุต้องชอบแน่ ๆ เลย))