1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30
กระท่อมน้อยของลุงทอม
24 พฤศจิกายน 2559
หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้ถือว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิกของอเมริกาที่มีชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่า กระท่อมน้อยของลุงทอม ที่แปลมาจากชื่อภาษาอังกฤษว่า UNCLE TOMS CABIN เขียนโดยนักเขียนชาวอเมริกันที่ชื่อ แฮเรียต บีชเช่อร์ สโตว์ เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย อ.สนิทวงศ์ ( (นามปากกาของ อุไร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ที่เป็นนักแปลวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังของเมืองไทย ในตอนแรกผมก็คิดว่าหนังสือเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม เล่มนี้จะเป็นวรรณกรรมเยาวชน แต่พอเปิดอ่านแล้วผมจึงทราบว่ามันไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนแต่อย่างใด จริงๆ แล้วเรื่องนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น มหากาพย์อีเลียดของคนผิวดำ โดยเนื้อเรื่องพูดถึงประเด็นหลักคือเรื่องทาสในสมัยศตวรรษที่ 19 ที่มีการจับเอาชาวแอฟริกาผิวดำมาใช้เป็นแรงงานทาสในอเมริกา หนังสือเล่มนี้มีลักษณะเป็นการต่อต้านระบบที่มีทาส โดยพูดถึงภาพชีวิตอันเลวร้ายของคนผิวดำที่ต้องเป็นทาสของคนผิวขาว ความยากลำบากในการใช้ชีวิตของพวกทาสเหล่านี้ รวมทั้งการถูกดูแคลนกลั่นแกล้งและเฆี่ยนตีโดนผู้เป็นนาย การสิ้นหวังและหมดกำลังใจจากการโดนพรากจากครอบครัวอันเป็นที่รัก การที่ทาสถูกขายทอดตลาดทำให้สามีและภรรยา , แม่และลูก , พี่และน้องต้องผลักพรากจากกัน ฯลฯ เรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม นี้ นางสโตว์ได้เขียนขึ้นจากเหตุการณ์จริง ๆ ที่เธอได้พบเห็นมาด้วยตัวเอง เฉพาะอย่างยิ่งระหว่างเวลาหลายปีที่พำนักอยู่ในเมืองซินซินนาตี้ รัฐโอไฮโอ ซึ่งมีแม่น้ำโอไฮโอคั่นขวางรัฐเค็นทักกี้ไว้ประหนึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างภาคเหนืออันสมบูรณ์ด้วยอิสรภาพกับภาคใต้อันระบาดไปด้วยการค้าทาส นี่เป็นโอกาสให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าถึงแก่นความจริงของระบบทาสอย่างลึกซึ้งถ้วนถี่ ประกอบด้วยความตั้งใจจริงของเธออันมุ่งผลเลิศเพื่อส่วนรวม หนังสือเล่มนี้จึงได้รับความสำเร็จอันรุ่งโรจน์โดดเด่นในด้านการเร่งเร้ามนุษยธรรม และเชิญชวนให้มนุษย์เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้นกำเนิดแห่งการตื่นตัวของความเวทนาปรานี และเห็นอกเห็นใจพวกทาสผิวดำ จนกระทั่งเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐฝ่ายเหนือซึ่งเห็นสมควรให้เลิกการใช้ทาส กับฝ่ายใต้ซึ่งยืนยันที่จะยึดระบบทาสต่อไป สงครามกลางเมืองนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1861 คือเก้าปีหลังจากนวนิยายเรื่องนี้ได้พิมพ์ขึ้นสมบูรณ์เป็นครั้งแรก (จากคำนำ โดย อมราวดี , หน้า (13) ) ในหนังสือเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม นี้ พูดถึงตัวละครเอกที่เป็นคนผิวดำซึ่งเป็นทาส โดยวิธีการเขียนและดำเนินเรื่องนั้นใช้ความโศกเศร้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่อง คือเป็นนวนิยายที่อาจจะทำให้ผู้อ่านร้องไห้ตามไปได้โดยตลอดเรื่อง ซึ่งเป็นการร้องไห้ด้วยความเห็นอกเห็นใจตัวละครที่เป็นทาส โดยเฉพาะเมื่อตัวละครเอกที่เป็นทาสถูกกดขี่ข่มเหงโดยเจ้านายคนผิวขาวยิ่งทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกเห็นใจตัวละครมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะตัวละครเอกผิวดำที่มีชื่อว่าทอม ซึ่งทอมโดนหนักกว่าทุกคนในเรื่อง จึงอาจจะกล่าวได้ว่านวนิยายเรืองนี้เป็นแนวโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง ส่วนตัวผมแล้วเมื่ออ่านเรื่องนี้ก็รู้สึกโดนกดดันไปพร้อมกับความขมขื่นของตัวละครเอกที่ชื่อทอมด้วย แต่ผมอาจจะไม่ได้ร้องไห้ในขณะที่กำลังอ่าน แต่ผมเกิดความเคียดแค้นแทนตัวละครทอม ในใจอย่างจะเชียร์ให้ตัวละครทอมลุกขึ้นมาต่อสู้กับเจ้านายที่คอยกลั่นแกล้งเขา ซึ่งถือว่าเป็นความรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครที่ผมมีให้เมื่อได้อ่านเรื่องนี้ ส่วนเรื่องระบบทาสในอเมริกานั้น ผมไม่ค่อยจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนสักเท่าไหร่ จำได้ว่าเคยดูภาพยนตร์เรื่อง สิบสองปีที่เป็นทาส (12 Year a Slave) ที่พระเอกเป็นคนผิวดำโดนจับตัวไปเป็นทาส เอาตัวไปทำงานในไร่ฝ่าย ทาสต้องต้องยืนท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัดเพื่อเก็บดอกฝ้ายที่กำลังบาน แล้วก็เอากระสอบที่เก็บดอกฝ้ายของทาสแต่ละคนไปชั่งน้ำหนักเพื่อดูว่าใครเก็บฝ้ายได้น้อยจะโดนลงโทษ ซึ่งผมได้คิดถึงฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ในขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากภาพในเรื่องทั้งสองนี้คล้ายกันมาก ส่วนเรื่องระบบทาสในเมืองไทยนั้น ผมก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมากเช่นกัน จะพอรู้เรื่องบางก็จากในนวนิยายสมัยก่อนที่แต่งโดยมีเรื่องของทาสเป็นหลัก หรือจะเป็นนวนิยายเกี่ยวกับทาสที่ดีๆ แบบในนวนิยายเรื่อง ลูกทาส ที่รพีพรเขียนเท่านั้นเอง ผมจึงไม่รู้ว่าระบบทาสในบ้านเรามีความโหดร้ายเท่าที่อเมริกาหรือไม่? แต่ผมก็เชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นทาสแล้วก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เพราะว่าทาสจะต้องต่ำต้อยกว่าผู้เป็นเจ้านาย ผมจึงเชื่อว่าความรู้สึกที่เลวร้ายคงมีเกิดแก่ทาสทุกคนเป็นแน่ มีอีกสิ่งหนึ่งใน กระท่อมน้อยของลุงทอม ที่ถูกพูดถึงมากไม่แพ้เรื่องระบบทาสก็คือเรื่องของศาสนาคริสต์ ในเรื่องมีการพูดถึงการเป็นคริสเตียนที่ดี ทอมตัวละครเอกในเรื่องก็เป็นคริสเตียนที่ดีนับถือในพระเจ้าเป็นอย่างมาก และมีความเชื่อมั่นในคำสอนของพระเจ้า ในเรื่องมีการพูดถึงเองราวในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมากเกือบตลอด ด้วยวิธีการเขียนแบบเทศนาสั่งสอนไปเผื่อผู้อ่านด้วย จนทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันมากจนเกินไป หรืออาจจะเพราะว่าผมเป็นชาวพุทธก็ได้ พออ่านเรื่องที่การพูดถึงศาสนาอื่นแล้วจึงรู้สึกได้ ดังนั้นผมคิดว่าถ้าใครเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดถ้าได้มาอ่านเรื่องนี้แล้วคงจะชอบในประเด็นนี้เป็นอย่างแน่ เคยมีนักเขียนท่านหนึ่งกล่าวคำคมไว้ว่า วรรณกรรมสามารถขับเคลื่อนโลกได้ ถึงคำพูดนี้ถูกพิสูจน์ได้โดยนวนิยายเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม เล่มนี้ เพราะมีการบันทึกเอาไว้ว่า (ผมอ่านจากภาคผนวกในเล่ม) หลังจากที่นวนิยายเรื่องนี้ได้ถูกตีพิมพ์แล้ว เกิดมีกระแสต่อต้านระบบทาสเกิดขึ้น จนกระทั่งรุนแรงกลายเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ระหว่างฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับระบบทาสกับฝ่ายที่ชื่นชมระบบทาส ซึ่งสงครามกลางเมืองในครั้งนี้กลายเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกัน ที่มีการจุดกระแสขึ้นมาจากนวนิยายเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม เล่มนี้เอง ถ้าท่านใดอยากจะเห็นภาพชีวิตของทาสผิวดำในอเมริกา รวมทั้งอยากเห็นสภาพบ้านเมืองในสมัยก่อนของอเมริกา ในยุคศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1851 1852) ผมคิดว่าท่านควรจะหา กระท่อมน้อยของลุงทอม เล่มนี้มาลองอ่านดู ผมเชื่อว่านวนิยายเรื่องนี้อ่านง่ายและท่านสามารถอ่านได้รู้เรื่อง รวมทั้งได้เอาใจช่วยตัวละครเอกที่เป็นทาสผิวดำไปตลอดเรื่องแน่ ถ้าตัดเรื่องการสอนศาสนาที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ออกไปแล้ว ผมเชื่อว่าเล่มนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเล่มที่อ่านได้สนุกแน่ๆ รวมทั้งเล่มนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนังสือคลาสสิกเล่มหนึ่งของโลกด้วย สำหรับนวนิยายเรื่อง กระท่อมน้อยของลุงทอม เล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ เป็นฉบับพิมพ์เป็นครั้งที่ 9 โดยสำนักพิมพ์ทับหนังสือ โดยสุเมธ สุวิทยะเสถียร เดือนสิงหาคม 2559 เล่มนี้เป็นปกแข็งสีฟ้าอ่อนหน้าปกเป็นภาพวาดลุงทอมยืนตัวคล้ำใส่หมวก ด้วยความหนาของเรื่องจำนวน 596 หน้า รวมกับภาคผนวกอีก 68 หน้า ราคาปก 650 บาท ท่านใดสนใจก็ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ เล่มนี้เป็นหนังสือใหม่ที่พิมพ์เมื่อกลางปีนี้เอง ยังน่าจะพอมีวางอยู่ในร้านหนังสือใกล้บ้านท่านแน่ๆ ครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2559
21 comments
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2559 22:21:35 น.
Counter : 2164 Pageviews.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 24 พฤศจิกายน 2559 16:26:13 น.
โดย: กาบริเอล 26 พฤศจิกายน 2559 9:49:58 น.
โดย: kae+aoe 28 พฤศจิกายน 2559 13:12:43 น.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 28 พฤศจิกายน 2559 21:15:27 น.
โดย: sawkitty 29 พฤศจิกายน 2559 15:14:01 น.
โดย: auau_py 1 ธันวาคม 2559 18:39:05 น.
โดย: ไอเอิร์ธ 4 ธันวาคม 2559 21:03:35 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [? ]
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย "ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ" ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ) akungklong@gmail.com
ว่าไว้นั่นเลย ยังไม่เคยอ่านฉบับแปล
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Art Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
เพลงในหลวงในดวงใจนานแล้วค่ะ
คุณเบิร์ดร้องถูกต้องแล้ว
ขอบคุณที่ไปเจิมและโหวตให้นะคะ