|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ลูกระนาด
เอกธำมรงค์อดีตข้าราชการสำนักการสังคีตของกรมศิลปากรที่เกษียณอายุราชการมานานหลายปีแล้ว ปัจจุบันเขาอยู่กับแพรพรรณลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานซึ่งคอยดูแลตัวเขาในยามแก่ชรา ส่วนลูกชายคนโตของเขาคือพรรณนารายณ์ซึ่งมีอาชีพเป็นข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องเดินทางไปประจำการอยู่ตามสถานทูตในประเทศต่าง ๆ โดยตัวของพรรณนารายณ์นั้นเพิ่งจะเสียภรรยาสาวชาวยุโรปจากอุบัติเหตุเมื่อไม่นานมานี้ เขาจึงต้องนำบุตรชายที่เป็นลูกครึ่งไทยยุโรปมาทิ้งไว้ให้ผู้เป็นปู่เลี้ยง พันวัฒน์เด็กหนุ่มอายุ 15 ปีที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น เขาต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพฯ หลังจากที่คุณแม่ชาวอังกฤษของเขาได้เสียชีวิตลงทิ้งเขาไว้กับผู้เป็นพ่อ โดยตัวเขาต้องย้ายเข้ามาเป็นหลานชายคนเดียวในบ้านหลังใหม่ที่มีเพียงแค่คุณปู่และน้าสาวของเขา พันวัฒน์จึงจำเป็นต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสถานที่และวัฒนธรรมใหม่ที่เป็นไทยมากขึ้น รวมทั้งต้องปรับตัวเข้าหาคุณปู่ที่มีอายุห่างกันเกือบ 50 ปีซึ่งถือว่าเป็นคนที่เกิดในคนละช่วงอายุกันเลย โดยมีน้าสาวที่เป็นน้องแท้ ๆ ของพ่อช่วยทำหน้าที่คอยดูแลให้ทั้งปู่และหลานปรับตัวเข้ากันให้ได้ ดังนั้นน้าแพรพรรณคนนี้จึงต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นแม่อีกคนที่คอยเลี้ยงดูเขาด้วย ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างคุณปู่หัวโบราณกับหลานชายลูกครึ่งหัวสมัยใหม่นี้ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่นัก เนื่องจากทั้งอายุและประสบการณ์ในชีวิตอันแตกต่างกันเป็นอย่างมากที่มักจะเป็นอุปสรรคขวางกั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองรุ่นนี้เป็นประจำ อีกทั้งเอกธำมรงค์ผู้เป็นปู่นั้นก็ตั้งใจจะเลี้ยงพันวัฒน์ให้ได้ดีที่สุด เพื่อเป็นการชดเชยที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเอาแต่ทำงานโดยไม่ค่อยได้ดูแลพรรณนารายณ์ผู้เป็นบุตรชายของเขาสักเท่าไหร่เลย เขาต้องปล่อยให้ลูกชายไปกินนอนอยู่ในโรงเรียนประจำจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกจึงห่างเหินกันมาก อีกทั้งเมื่อภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลงลูกชายของเขาก็เริ่มเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศและต้องออกเดินทางไปทำงานในสถานทูตของประเทศต่าง ๆ โดยตลอด จนกระทั่งมาถึงวัยที่ตัวเขาเลิกทำงานประจำแล้ว เขาจึงตั้งใจว่าจะเลี้ยงหลานชายคนนี้เหมือนกับเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของเขาให้ได้ คงเป็นโชคดีของเอกธำมรงค์ที่แพรพรรณลูกสาวคนเล็กของเขายังเป็นโสด ในช่วงบั้นปลายของชีวิตในขณะนี้จึงมีลูกสาวคอยดูแลโดยตลอด แพรพรรณเป็นข้าราชการสาวที่เคยผิดหวังจากความรักเธอจึงประกาศก้องว่าต้องการที่จะครองตัวเป็นโสดตลอดไป ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่เคยได้รับพรสวรรค์ด้านดนตรีจากผู้เป็นพ่อมาเลยก็ตาม แต่ตัวเธอก็รับเอาความเป็นแม่ศรีเรือนตามตำรับผู้ดีชาววังที่ถ่ายทอดมาจากคุณแม่ผู้ล่วงลับไปแล้วมาอย่างเต็มที่ พันวัฒน์เด็กหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นวัยคะนองจำเป็นต้องมาใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกันกับชายแก่ ๆ หัวโบราณและผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ที่มีความเป็นไทยอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงมีความรู้สึกว่าในบ้านหลังนี้ช่างน่าเบื่อเป็นอย่างมาก ตัวเขาจึงพยายามหาทางออกจากบ้านไปสู่โลกกว้างภายนอกโดยตลอด โดยตัวเขาใฝ่ฝันที่จะเป็นดาราศิลปินเหมือนอย่างพระเอกคนดังที่เขาชื่นชอบ เขาจึงพยายามเข้าประกวดแข่งขันตามเวทีต่าง ๆ ที่เป็ดโอกาสกว้างสำหรับศิลปินหน้าใหม่อยู่เป็นประจำ แล้ววันหนึ่งในเวทีของการประกวดศิลปินรุ่นใหม่แห่งหนึ่ง พันวัฒน์ได้เจอกับหลี่นาซึ่งมีชื่อจริงว่ารัตนาเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเขา หลี่นาก็มาร่วมประกวดในเวทีเดียวกับเขาด้วยความหวังที่อยากจะเป็นศิลปินดังเช่นกัน เธอต้องการสลัดภาพความเป็นอาหมวยลูกคนจีนทิ้งไป เพราะว่าตัวเธอนั้นเติบโตมาในครอบครัวที่ยังคงรักษาไว้ในเอกลักษณ์ประเพณีจีนดั้งเดิมอยู่ตลอด เมื่อทั้งพันวัฒน์และหลี่นาได้เจอกันมันเหมือนกับว่าแววตาของเขาและเธอทั้งสองต่างก็ประสานสอดคล้องซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ต่างก็เข้าถึงรู้สึกและความต้องการซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี จึงทำให้ความสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่นทั้งสองคนนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กหนุ่มวัยรุ่นกำลังมีความรักเป็นครั้งแรก พฤติกรรมของเขาจึงทำให้ผู้ใหญ่รับรู้ได้โดยไม่ยาก เอกธำมรงค์ผู้เป็นปู่คอยสังเกตดูหลานชายวัยรุ่นโดยตลอด เขาไม่อยากให้หลานของเขามีความรักก่อนวัยอันควร เขาจึงเริ่มเข้ามาควบคุมชีวิตส่วนตัวของผู้เป็นหลานชายมากขึ้น ในขณะที่แพรพรรณผู้เป็นน้าสาวนั้นคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ โดยตลอด แต่เมื่อชีวิตที่มีความรู้สึกว่าถูกขังอยู่ในกรอบมากขึ้นจึงทำให้พันวัฒน์มีความต้องการที่จะหนีให้พ้นจากกรงขังทางความรู้สึกนี้ไปให้ได้ จนกระทั้งวันหนึ่งพันวัฒน์ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยตัวเขาหนีไปกินนอนอยู่ที่บ้านของบอลเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นผู้เข้าประกวดเช่นกัน ทำให้พรพรรณผู้เป็นน้าสาวแต่รักหลานชายคนนี้เหมือนลูกแท้ ๆ ต้องออกตามหา เอกธำมรงค์เมื่อรู้ว่าหลานชายหนีออกจากบ้านก็ตกใจจนล้มหมดสติลง แพรพรรณกลับมาเจอพอดีเธอจึงรีบนำตัวผู้เป็นพ่อส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ในขณะที่ผู้เป็นปู่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนั้นเอง ผู้ที่เป็นหลานชายกำลังมีสมาธิจดจ้องอยู่ที่เวทีการประกวดแต่เพียงอย่างเดียว ในตอนนั้นใกล้ถึงเวลาของการประกวดในรอบสุดท้ายเพื่อตัดสินหาศิลปินหน้าใหม่แล้ว บนเวทีการประกวดนั้นพันวัฒน์ได้พลาดท่าในการแสดงความสามารถในรอบสุดท้าย การเต้นประกอบดนตรีในสไตล์ตะวันตกนั้นไม่พียงพอที่จะทำให้เขาชนะการประกวดในครั้งนี้ มันดูธรรมดาเกินไปในสายตาของกรรมการ ทำให้ผู้ชนะเลิศกลายเป็นบอลผู้เป็นเพื่อนคนที่เขาหนีไปอาศัยนอนด้วย ซึ่งบอลได้พลิกเปลี่ยนการแสดงความสามารถมาเป็นการแสดงโขนที่เคยเรียนมาตั้งแต่เล็ก โดยไม่ได้เต้นประกอบเพลงในสไตล์ยุโรปอย่างที่เคยซ้อมกันไว้กับเขา จึงทำให้พันวัฒน์มีความรู้สึกเหมือนว่าโดนเพื่อนหักหลัง อีกทั้งความพ่ายแพ้ในเวทีการประกวดได้ทำให้ตัวเขาหมดกำลังใจในชีวิตเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าหลี่นาผู้ที่ชนะเลิศการประกวดฝ่ายหญิงจากการแสดงบัลเลย์จะเข้ามาช่วยปลอบใจเขาก็ตาม มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตัวเขาหายโศกเศร้าจากความผิดหวังในครั้งนี้ได้ แล้วความเศร้าโศกก็ต้องเพิ่มทวีคูณมากขึ้นไปอีก เมื่อพันวัฒน์กลับไปถึงบ้านแล้วเจอแพรพรรณผู้เป็นน้าสาวแจ้งข่าวร้ายให้เขาทราบว่า ในตอนนี้ผู้เป็นปู่ของเขาล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากเสียใจจากการที่เขาหนีออกจากบ้านไป ภาพของความทรงจำเมื่อครั้งที่สูญเสียแม่ได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง เขาเริ่มกลัวการพลัดพรากจากคนที่รู้จัก รวมทั้งการที่คุณพ่อสั่งไว้ให้เขาทำหน้าที่ดูแลคุณปู่แทนเมื่อตอนที่พ่อนำเขามาส่งที่บ้านของคุณปู่นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก แต่ในทางกลับกันน้าสาวผู้ทำหน้าที่เสมือนแม่อีกคนหนึ่งของเขากลับไม่ได้ตำหนิเขาเลย น้าสาวได้ทำการปลอบใจให้เด็กหนุ่มหายเศร้าและคลายความกังวลใจจากความทุกข์ด้วยการอธิบายเหตุผลในเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมทั้งพาเขาไปเยี่ยมคุณปู่ที่กำลังนอนรักษาตัวโรงพยาบาล เมื่อเอกธำมรงค์เห็นว่าหลานชายมาเยี่ยมอาการป่วยก็ดีขึ้นมาก แต่ในใจเขายังมีความกังวลเกี่ยวกับงานที่เขากำลังทำค้างไว้และยังทำไม่เสร็จดี ซึ่งก็คือการที่ตัวเขาไปรับปากลูกศิษย์ในการแต่งทำนองเพลงไทยเดิม เพื่อใช้เป็นเพลงในวาระเทิดพระเกียรติเจ้าฟ้าเจ้านายซึ่งจะต้องเป็นเพลงที่สูงส่งและมีความเป็นสิริมงคลอย่างมาก ในการที่ตัวเขาล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลนั้นจึงทำให้การแต่งทำนองเพลงนี้ต้องสะดุดลงตามไปด้วย เขากลัวว่าจะแต่งทำนองเพลงนี้ได้ไม่เสร็จทันการ พันวัฒน์ผู้เป็นหลานชายต้องการทำความดีเพื่อแก้ตัว เขาจึงอาสาที่จะช่วยคุณปู่ในเรื่องการแต่งทำนองไทยเดิม โดยเขาไปเอาระนาดจากห้องทำงานของคุณปู่มาที่โรงพยาบาล เขาขอทำหน้าที่ตีลูกระนาดอยู่ข้าง ๆ เตียงให้ตามคำบอกที่คุณปู่บอก เพื่อให้การแต่งทำนองเพลงนั้นสามารถทำได้เสร็จ ด้วยความสามารถพิเศษทางด้านดนตรีที่ได้ถ่ายทอดทางสายเลือดข้ามรุ่นจากคุณปู่มาถึงหลานชาย จึงทำให้ทั้งคุณปู่และหลานชายค้นพบพรสวรรค์นี้ได้โดยบังเอิญ เด็กหนุ่มลูกครึ่งซึ่งไม่เคยสนใจในดนตรีไทยมาก่อนเลย แต่กลับตีลูกระนาดได้ถูกต้องตรงตามทำนองตามที่คุณปู่พูดบอกโดยตลอด และด้วยความรักและความเข้าใจที่คนทั้งสองวัยได้เริ่มมีให้แก่กันนั้น มันกลายเป็นแรงผลักดันสร้างสรรค์ให้ทำนองเพลงไทยเดิมสำหรับเทิดทูนความยิ่งใหญ่เพลงนี้แต่งออกมาได้สำเร็จอย่างเพราะพริ้งเป็นที่สุด แล้วเด็กหนุ่มลูกครึ่งก็ค้นพบว่าตัวเขาเองมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีไทยอย่างแท้จริง เขาจึงขอให้คุณปู่ของเขาช่วยสอนดนตรีไทยให้แก่เขา เมื่อผู้เป็นปู่ที่เคยเป็นคุณครูสอนดนตรีไทยได้กลับมาสอนการเล่นเครื่องดนตรีไทยให้แก่หลานชายอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างก็เหมือนว่าจะเจอความสุขที่แท้จริงในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต คุณปู่ได้สอนให้หลานชายได้เล่นเครื่องดนตรีไทยเกือบทุกชนิดซึ่งหลานชายก็สามารถเรียนรู้และเล่นตามที่คุณปู่สอนได้หมดเช่นกัน โดยเฉพาะระนาดเอกที่เป็นเครื่องดนตรีไทยที่ผู้เป็นปู่มีความชำนาญมากเป็นพิเศษนั้น หลานชายในสายเลือดแท้ ๆ ของเขาก็สามารถเล่นตามที่สอนได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนเลยเช่นกัน ความสุขของคนทั้งสองวัยที่ได้รักและชอบในเครื่องดนตรีไทยเหมือนกันนั้นก็ได้สร้างความสุขให้แก่คนที่ได้พบเห็นด้วยเช่นกัน แพรพรรณผู้ทำหน้าที่ดูแลคนทั้งสองวัยนี้ดูเหมือนจะมีความสุขมากที่สุด อีกทั้งเมื่อหลี่นาได้รู้ว่าพันวัฒน์หันมาเล่นดนตรีไทยแล้ว เธอจึงได้ไปชวนบอลมาเป็นเพื่อนคอยให้กำลังใจแก่เขาอีกแรงหนึ่ง เมื่อได้แรงเชียร์จากเพื่อน ๆ ยิ่งทำให้เขาแสดงความสามารถทางด้านการตีระนาดเอกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนในท้ายที่สุดผู้เป็นปู่ตัดสินใจที่จะให้หลานชายขึ้นเวทีใหญ่ เพื่อตีระนาดเอกแทนตัวเขาที่ดูเหมือนจะแก่ชราลงไปทุกที โดยผู้ที่เคยเป็นคุณครูสอนดนตรีไทยคนนี้ต้องการแสดงให้คนอื่นรู้ว่าในวันนี้เขาสามารถหาตัวแทนมาสืบทอดงานด้านดนตรีไทยต่อจากตัวเขาได้แล้ว อีกทั้งผู้ที่เป็นหลายชายก็จะได้โอกาสแสดงพรสวรรค์ทางดนตรีไทยออกมาอย่างเต็มที่ ในการเป็นมือระนาดเอกที่บรรเลงเพลงไทยเดิมเทิดพระเกียรติเจ้าฟ้าเจ้านายที่เขาเป็นผู้ช่วยแต่งขึ้นนี้ด้วย
@@@@@@@@@@@@@@
คุยกันท้ายเรื่อง
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสั้นครับ แต่ผมเขียนขึ้นในลักษณะเป็นพล็อตเรื่องสำหรับการนำไปพัฒนาต่อเป็นบทละครโทรทัศน์ เพื่อส่งเรื่องเข้าไปให้กรรมการพิจารณาคัดเลือกเข้าสู่ โครงการพัฒนาบทละครโทรทัศน์ โดยมีข้อกำหนดในการส่งพล็อตเรื่องคือ เนื้อเรื่องหลักต้องแสดงเนื้อหาความเป็นไทยในด้านใดด้านหนึ่งดังต่อไปนี้ การละเล่นพื้นบ้าน , พิธีกรรมไทย , เพลงไทยดนตรีไทย , คุณธรรมจริยธรรม , อัตลักษณ์ไทย ซึ่งผมก็ได้พยายามคิดเป็นพล็อตเรื่องออกมาได้ประมาณนี้ครับ เพื่อน ๆ อ่านแล้วมีความคิดเห็นว่าอย่างไรก็ช่วยให้คำแนะนำบอกไว้ให้แก่ผมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
Create Date : 28 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2556 0:12:22 น. |
|
23 comments
|
Counter : 2147 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เดหลีสีแดง วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:1:20:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:7:03:12 น. |
|
|
|
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:15:47:15 น. |
|
|
|
โดย: ปลาทอง9 วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:22:01:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:22:39:33 น. |
|
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:0:12:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:6:37:41 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:8:55:13 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:9:57:25 น. |
|
|
|
โดย: เดหลีสีแดง วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:11:32:39 น. |
|
|
|
โดย: FreakGirL วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:17:04:56 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:20:15:43 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ2 วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:22:25:32 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:14:30:27 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 15 กันยายน 2556 เวลา:16:04:02 น. |
|
|
|
โดย: อาจารย์สุวิมล (อาจารย์สุวิมล ) วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:11:39:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]
|
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย
"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"
ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)
akungklong@gmail.com
|
|
|
|
|
|
|
|
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ