Group Blog
 
<<
มีนาคม 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 

ไม่มีวันดับสูญ







25 มีนาคม 2560




 







หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้เป็นหนังสือแปลที่ท่านเห็นชื่อเรื่องแล้วอาจจะสงสัย โดยเรื่องนี้มีชื่อว่า UNBROKEN เขียนโดย Laura Hillenbrand โดยได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในชื่อเรื่องว่า “ไม่มีวันดับสูญ” แปลโดยคุณนพดล เวชสวัสดิ์ หนังสือเล่มนี้ผมยอมรับว่ามีความพิเศษหลายประการ

โดยความพิเศษประการแรกก็คือ ผมหยิบหนังสือเรื่อง “ไม่มีวันดับสูญ” มาจากชั้นหนังสือหมวดสงครามโลกครั้งที่ 2 จากห้องสมุด TKpark ตัวหนังสือเองบอกว่าเล่มนี้อยู่ในหมวด สารคดีชีวะประวัติ เป็นเรื่องราวของชายชาวอเมริกันคนหนึ่งที่มีชื่อว่า หลุยส์ แชมเปอรินี หรือเรียกสั้นๆ ว่า ลูอี้ ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ซึ่งล้วนแต่เป็นประสบการณ์เฉพาะที่คนรุ่นหลังอย่างพวกเราไม่มีทางสัมผัสได้แน่ ตัวลูอี้ในวัยเยาว์เป็นเด็กทะโมนที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ตัวเขาเป็นเด็กเหลือขอในเมืองทอร์แรนซ์ (ในรัฐแคลิฟอร์เนีย) แต่ด้วยพี่ชายแท้ๆ ที่รักน้องชายอย่างสุดชีวิต ตัวพี่ชายมองเห็นพลังวิเศษที่ลูอี้มี สิ่งนั้นคือเขามีท่อนขาอันทรงพลังเหมาะสำหรับการวิ่ง พี่ชายจึงช่วยขัดเกลาและฝึกฝนด้านการวิ่งอย่างเข้มข้นในแก่เขา จนกระทั่งตัวลูอี้ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 1936 ที่ประเทศเยอรมนี ในการแข่งขันวิ่งระยะไกล 5,000 เมตร

หลังจากนั้นไม่นานสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้น ในปี ค.ศ. 1940 ลูอี้เข้ารับราชการทหารในกองทัพอากาศของอเมริกา เขาต้องไปประจำการอยู่ในสมรภูมิรบทางภาคพื้นแปซิฟิก โดยเป็นนายทหารทิ้งระเบิดประจำเครื่องบิน B24 และแล้วโชคชะตาของลูอี้ก็ต้องพลิกผันเมื่อเครื่องบินของเขาตก ตัวเขาไม่ตายแต่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในแพยางชูชีพนานถึง 47 วัน ขาดทั้งน้ำจืดและอาหาร แล้วก็เหมือนว่าโชคชะตาซ้ำเติมมากขึ้นไปอีก เมื่อแพยางของเขาลอยเข้าไปยังฝั่งที่ทหารญี่ปุ่นยึดครองอยู่ ลูอี้ต้องตกเป็นเชลยศึกอยู่ในค่ายของทหารญี่ปุ่นนานกว่า 2 ปี ซึ่งในช่วงเวลาที่เขาตกเป็นเชลยนี้เองที่สร้างความทรมานในแก่เขามาก หลายครั้งหลายคราที่เขารอดจากการลงทัณฑ์มาได้แต่ก็อยู่ในสภาพปางตาย กว่าที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะจบลง พิษร้ายจากสงครามได้กัดกินและแฝงกายคงอยู่ในจิตใจของเขาเป็นเวลานานมาก ตัวเขาเป็นหนึ่งในผู้ป่วยด้วยโรคสงครามที่เชลยศึกในแปซิฟิกทุกคนเป็น

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เป็นชีวิตจริงของชายคนที่ชาวอเมริกันรู้กันในนามว่า ลูอี้ แชมเปอรินี ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมาอย่างโชกโชน ชีวิตที่ไม่น่ารอดมาได้ ผมยอมรับว่าในระหว่างอ่านตอนที่ลูอี้ตกเป็นเชลยศึกของญี่ปุ่นนั้น ผมทั้งเอาใจช่วยและกล่าวภาวนาขอให้ลูอี้รอดให้ได้ ทั้งๆ ที่เคยรู้มาก่อนว่าทหารญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นโหดร้ายกับเชลยศึกอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มาอ่านเรื่องราวจากผู้ที่เคยเป็นเชลยศึกเองแล้ว ผมรู้สึกหดหู่มากขึ้นไปอีก รายละเอียดของการทรมานโดยทหารญี่ปุ่นที่ในเรื่องใช้คำว่า “ทัณฑ์ทรมาน” นั้น ผมอ่านแล้วรู้สึกสยดสยองจนไม่คิดว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนใช้วิธีการทรมานนักโทษแบบนี้ได้

แต่ก็ต้องยอมรับว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไปนานกว่า 70 ปีแล้ว เรื่องราวพวกนี้อาจจะลบลืมไปจากความทรงจำของคนทั่วไปแล้วก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า นักโทษสงครามแปซิฟิกทุกคนคงลืมมันไม่ลง เหมือนกับที่ลูอี้ไม่เคยลืมมันเลย สงครามไม่เคยดับสูญไปจากความทรงจำเขาเลย



“ ... ในยามที่ลูอี้พูดถึงสงคราม คนฟังสดับได้ว่ามีบางอย่างขยับตัวแกรกกรากเบื้องหลังดวงตาคู่นั้น อารมณ์เดือดพล่านยังคุกกรุ่นในพื้นที่แคบ ลูอี้ไม่ได้พูดด้วยความแค้นเคืองหรือปวดร้าวทรมาน แต่เป็นความเลือนลอย บางคราลูอี้จะนิ่งค้าง เหม่อลอย เค้าหน้าอมทุกข์ ดูคล้ายกับว่า ลูอี้โดนทุบเต็มแรง เขาพยายามสะบัดสลัดให้หลุด

ลูอี้ดิ้นร้นทุกข์ทรมานมากกว่าที่ใครจะหยั่งรู้ได้ เขาเริ่มมีอาการประสาทหลอน ทุกคราวที่ได้รับคำเชิญให้ยืนหน้าฝูงผู้คนและลำดับเรื่องราวความหฤโหดที่เขาพานพบ ท้องไส้ของเขาจะปวดมวน ขมวดเป็นก้อนแข็ง ทุกคืนในความฝัน ปีศาจตนนั้นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ปักหลักอยู่ที่นั้น ใบหน้าของผู้คุมชาวญี่ปุ่นแสยะยิ้ม แผดเสียงตะโกน ... คนต่อไป! คนต่อไป! คนต่อไป!”
(จากหน้า 459)




ความพิเศษของหนังสือเรื่อง “ไม่มีวันดับสูญ” อีกประการหนึ่งก็คือ เล่มนี้ผู้หญิงเป็นคนเขียน ถือว่าเป็นสารคดีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกเรียบเรียงโดยผู้หญิงที่ชื่อว่า Laura Hillenbrand ในบทส่งท้ายเธอบอกว่าใช้เวลานานถึง 7 ปี ในการเขียนเล่มนี้ มีผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนที่มีชื่ออยู่ในเล่มนี้ตายไปก่อนที่จะทันได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนมหาศาลที่ผู้เขียนหามาได้นั้น ผมคิดว่าเธอ(ผู้เขียน)คงรู้จักสงครามในครั้งที่ 2 เป็นอย่างดี ราวกับว่าเธอได้ไปร่วมรบเอง เสมือนกับว่าเธอได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ลูอี้ไปตลอด ซึ่งงานเขียนที่มีความทุ่มเทอย่างมากนี้หาอ่านได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ควรค่าแก่การอ่านเป็นอย่างมาก

ส่วนความพิเศษประการสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ ชื่อผู้แปลเป็นภาษาไทย คุณนพดล เวชสวัสดิ์ ผมยอมรับว่าหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาจากชั้นวางก็เพราะชื่อของคนแปลชื่อนี้เอง ผมเคยอ่านผลงานที่คุณนพดล เวชสวัสดิ์แปลงานเขียนของมูราคามิแล้วผมชอบมาก ซึ่งผมก็ไม่ผิดหวังเลย ในเล่มนี้ภาษาที่ใช้งดงามมาก ทั้งๆ ที่เรื่องมันเศร้าและรันทดสุดขีด ผู้แปลถ่ายทอดภาษาออกมาได้ซึ้งและกินใจผู้อ่านอย่างผมมากเลย ผมจึงรู้สึกประทับใจหนังสือเล่มนี้ ด้วยเนื้อหาที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ผนวกกับฝีมือการแปลที่ยอดเยี่ยม ทำให้หนังสือที่มีความหนาเกิน 500 หน้าเล่มนี้สะกดผมอยู่หมัด ผมใช้เวลาอยู่กับความรันทดระหว่างอ่านเล่มนี้ 3 วัน แต่หลังจากที่ผมอ่านหน้าสุดท้ายจบลงแล้ว ผมรู้สึกว่ามีแสงสว่างจ้าเกิดขึ้นในใจของผมทันที

อยากให้ท่านลองหาหนังสือเรื่อง “ไม่มีวันดับสูญ” เล่มนี้มาอ่านกันดู เป็นสารคดีชีวประวัติของคนที่น่าทึ่งที่สุดคนหนึ่งเลย สำหรับเล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2557 โดยสำนักพิมพ์เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง ด้วยความหนา 552 หน้า ราคาปก 450 บาท ท่านใดสนใจก็ลองหามาอ่านดูนะครับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือครับ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2560
43 comments
Last Update : 26 มีนาคม 2560 13:30:05 น.
Counter : 3848 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณอุ้มสี, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณเรียวรุ้ง, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณInsignia_Museum, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณหอมกร, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณClose To Heaven, คุณSweet_pills, คุณmambymam, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณThe Kop Civil, คุณเนินน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณชีริว, คุณhaiku, คุณfor a long time, คุณnewyorknurse, คุณJim-793009, คุณเจ้าการะเกด, คุณmariabamboo, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณRinsa Yoyolive, คุณผีเสื้อยิปซี

 

ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือหรือดูหนังเกี่ยวกับสงครามเลยค่ะ อ่าน/ดูแล้วมันหมดหู่ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก

 

โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน 25 มีนาคม 2560 8:08:52 น.  

 

แวะมานั่งอ่านริวิวหนังสือจ้า

 

โดย: อุ้มสี 25 มีนาคม 2560 9:16:33 น.  

 

สวัสดีคะคุงกล่อง..

ท่าทางจะหดหู่..ไม่ชอบสงคราม ไม่ชอบการทรมาน

เจ็บปวด..อ่านแค่ที่คุงกล่องรีวิวไว้แค่นี้ดีกว่าคะ..

มีความสุขมากๆนะคะ

โหวตให้คะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 25 มีนาคม 2560 12:29:55 น.  

 

ลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ยวแวะมาใหม่นะคะ

 

โดย: เรียวรุ้ง 25 มีนาคม 2560 17:56:54 น.  

 

ชอบเหมือนกันค่ะ แนวนี้

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 25 มีนาคม 2560 21:25:45 น.  

 

น่าจะถือได้ว่าเป็นอีกแง่มุมนึงของสงคราม ผมไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ครับ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 25 มีนาคม 2560 22:41:28 น.  

 

สวัสดีคะ
อ่านแล้วขนลุกเลยอะ
น่าจะได้สร้างเป็นหนังนะคะ
เคยดูหนังเรื่องสงคราโลกครั้งที่2 ดูแล้วหดหู่
ยิ่งการทรมานนักโทษเหมือนไม่ใช่คนอะ
หลังจากอ่านรีวิวจบแล้วบอกตรงๆว่าไม่กล้าหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน
ขนาดแค่อ่านรีวิวยังหน่วงๆ อึนๆ หดหู่

 

โดย: เรียวรุ้ง 26 มีนาคม 2560 8:40:32 น.  

 

คุณกล่องสรุปได้น่าฟังครับ สงครามโลกครั้งที่ 2 โชคชะตาและการไม่ยอมแพ้ ผลลัพธ์สุดท้ายมักสวยงามเสมอ
เรื่องนี้ได้ทำเป็นภาพยนตร์แล้ว ผมเพิ่งดูย้อนหลังไปเมื่อต้นเดือนนี้เองครับ

 

โดย: Insignia_Museum 26 มีนาคม 2560 11:18:27 น.  

 

หนังที่สร้างตามหนังสือเล่มนี้ชื่อ UNBROKEN (2014) หรือภาษาไทยว่า คนแกร่งหัวใจไม่ยอมแพ้

 

โดย: Insignia_Museum 26 มีนาคม 2560 15:06:54 น.  

 

น่าอ่านครับ หนังสือประเภทนี้... อ่านแล้วคงจะทำให้เกลียด
ญี่ปุ่นแน่นอน.. แต่คงต้องนำมาวิเคราะห์มาอีกที.. เป็นความ
จริงกี่เปอร์เซ็นต์ 555

ถ้าแบบ แอนด์แฟรงค์เขียนเอง... น่าจะเป็นจริงกว่า 80 %

การมีชีวิตในปัจจุบัน มีสื่อหลายประเภท หลายฝ่ายทำให้ต้อง
อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ ประเถท อวย... ก็มี

เอะ ๆ การเมืองเข้าไปแล้ว ออกดีกว่า เจี๋ยว 55

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ดีใจ ที่คุณกล่องพักผ่อน โดยการวิ่งออกกำลังกาย ช่วย
ให้สดชื่นได้จริง ๆ ผมวิ่งหลายสิบปี... และออกโดย
วิธีอืนอีกครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 26 มีนาคม 2560 17:47:00 น.  

 

ไปเชียงใหม่หลายครั้ง เพิ่งได้เดินกิ่วแม่ปานครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 26 มีนาคม 2560 19:39:33 น.  

 

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


ว่างๆ ต้องแอบไปส่องทิดกล่องแถวเซ็นทรัลเวิร์ลเสียแล้ว

 

โดย: หอมกร 26 มีนาคม 2560 20:40:48 น.  

 

สวัสดีครับพี่อาคุง

พี่รีวิวได้น่าอ่านมากๆเลยครับ
หนังสือเล่มนี้ผมยังไม่เคยได้อ่าน
แตจ่ผู้เขียนใช้เวลาถึง 7 ปี
ถือว่ายาวนานมากจริงๆ
แถมยังต้องสัมภาษณ์บุคคลมากมายเลย

โหวต book blog ครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 27 มีนาคม 2560 9:54:54 น.  

 

เรื่องชีวิตจริงของแต่ละคนนั้นน่าสนใจเสมอค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 27 มีนาคม 2560 20:00:02 น.  

 

ชอบอ่านหนังสือสงคราม หนังสงครามครับ
หนังสือเล่มนี้ ได้ไปทำภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่าครับ
หนังสงครามเรื่องล่าสุดที่ดูก็เรื่อง แฮคซอว์ ริดจ์

 

โดย: สองแผ่นดิน 27 มีนาคม 2560 22:57:08 น.  

 

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

สวัสดีค่ะพี่กล่อง
ดีใจพี่กล่องกลับมารีวิวอีกรอบ อิอิ
หายไปนานเลยค่ะ
คุณแม่เป็นไงบ้างคะ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับสงคราม เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็
เกิดความสูญเสียขึ้นเมื่อนั้นเลยค่ะพี่กล่อง

 

โดย: Close To Heaven 27 มีนาคม 2560 23:30:14 น.  

 

เป็นสารคดีชีวิตที่ผู้ประพันธ์เป็นผู้หญิงด้วยนะคะ
ใช้เวลาเขียนถึง 7 ปี
เป็นหนังสือที่น่าอ่าน

อาคุงกล่อง Book Blog

ขอบคุณคุณอาคุงฯสำหรับรีวิวค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 28 มีนาคม 2560 0:45:36 น.  

 

เล่มนี้ผู้เขียนใช้เวลาถึง7 ปี เป็นหนังสือที่น่าสนใจ น่าหามาอ่านอีกเล่มนึงเลยค่ะ

โหวต Book ฺBlog ค่ะ

ขอบคุณที่แวะฟังเพลงค้างคาวกินกล้วยค่ะ

 

โดย: mambymam 28 มีนาคม 2560 7:13:27 น.  

 

ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ

จะว่าอารมณ์อกหักมั้ย

ก็น่าจะประมาณนั้นค่ะ

โทษโจทย์กับกลอนพาไปแล้วกัน

 

โดย: เรียวรุ้ง 28 มีนาคม 2560 11:18:52 น.  

 

สวัสดีครับพี่อาคุง

ครูยุคนี้ไม่กล้าตีเด็กแล้ว
ยุคผมนี่ฟาดทั้งห้อง
ฟาดจนไม้เรียวหักเลยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 28 มีนาคม 2560 12:46:50 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องกล่อง

ดีใจนะ ที่เธอเข้ามาเยี่ยมและโหวดที่บล็อก ครู ปกติ เธอเข้ามาที่บล็อกครูน้อยครั้งมาก แต่ครูก็จำ น้องกล่อง ได้เสมอ อิอิ

อ่านรีวิว หนังสือ เรื่อง ไม่มีวันดับสูญ แล้ว รู้สึกหดหู่จริง ๆ สงครามไม่เคยทำให้ฝ่ายชนะหรือ ฝ่ายแพ้ มีความสุขหรือไมสูญเสีย เพียงแต่ฝ่ายชนะจะบาดเจ็บน้อยกว่าฝ่ายแพ้เท่านั้น
เรื่องความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ใครที่อ่านหนังสือ เรื่อง คู่กรรม ก็คงจะได้อ่าน คำบรรยายของคุณ ทมยันตี เขียนไว้แล้วน่ะจ้ะ
โหวด หมวด รีวิวหนังสือ จ้ะ

ขอบใจอีกครั้งนะ ที่แวะมาอ่าน ตะพาบ 175 ของครู และโหวด จ้ะ แล้วก็อดขำไม่ได้กับประโยคที่ปิดท้ายว่า "

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 28 มีนาคม 2560 13:26:15 น.  

 

"กลัวที่สุดว่า เธอจะไม่รัก" ห้าห้า กลัวใคร จ๊ะ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 28 มีนาคม 2560 13:27:41 น.  

 

น่าอ่านมากเลยครับเล่มนี้ ผมเคยดูหนังแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยครับ

 

โดย: The Kop Civil 28 มีนาคม 2560 13:31:34 น.  

 

ว่านสี่ทิศเดี๋ยวนี้มีพันธ์ใหม่ๆเยอะ สวยมั้งนั้นเลย
ดอกใหญ่ๆ สัก็หลากหลาย แต่ราคาแพงสุดๆค่ะ
เห็นแล้วซื้อไม่ลงเลย ทั้งที่อยากได้
คงต้องรอให้ราคาลงอีกหน่อยค่ะ ก็ไม่รุ้ว่าจะถูกลงบ้างไหม
ขอบคุณคุณกล่องที่แวะชมค่ะ

 

โดย: mambymam 28 มีนาคม 2560 13:35:10 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณกล่อง
เป็นหนังสืออัตตชีวประวัติที่น่าสนใจมากค่ะ
ในเวลาเดียวกันก็เห็นความโหดร้ายของสงครามด้วยนะคะ

ปล.ขนมไทยมีเยอะนะคะคุณกล่อง ยากบ้างง่ายบ้าง
เราก็เลือกทำง่าย ๆ อร่อย ๆ สิคะ อย่างวุ้นก็ทำง่ายค่ะมีหลากหลากด้วยค่ะ

 

โดย: เนินน้ำ 28 มีนาคม 2560 15:18:02 น.  

 

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ ที่เด็ดคือเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนๆนึงซะด้วยนี่สิครับ
สงครามมีแง่มุมให้หยิบมาเขียนมากมายนับไม่ถ้วนเลย มีตัวละครเป็นล้านๆอยู่ในนั้น น่าเศร้าที่มันไม่ใช่สุขนาฏกรรม
คนรุ่นสงครามโลกครั้งที่สองคงเหลืออยู่บนโลกนี้ไม่มากแล้วครับ พอเห็นประเทศที่เคยรบกันในสงครามอย่างญี่ปุ่นกับเยอรมันเป็นมิตรที่ดีกับประเทศอย่างสหรัฐ อังกฤษ ในยุคนี้แล้วรู้สึกว่าควมพยายามของคนรุ่นต่อมาที่จะชดใช้ความผิดและก้าวข้ามประวัติศาสตร์มันไม่เสียเปล่าเลย

 

โดย: ชีริว 28 มีนาคม 2560 22:35:10 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อาคุงกล่อง

 

โดย: กะว่าก๋า 29 มีนาคม 2560 6:25:11 น.  

 

ทนทุกข์ทรมานอยู่ในแพยางชูชีพนานถึง 47 วัน แต่ยังเทียบไม่ได้กับทัณฑ์ทรมาน ฟังแล้วอยากปลิดชีพตัวเองซะมากกว่าอยู่นะครับเจอเหตการณ์แบบนี้

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 30 มีนาคม 2560 9:06:18 น.  

 


มาอ่านรีวิวด้วย

โหวดค่ะ

 

โดย: newyorknurse 1 เมษายน 2560 19:02:58 น.  

 

พี่กล่องหายไป อิอิ
มาชวนไปกินเค้กนุ่ม ๆ ค่า

 

โดย: Close To Heaven 3 เมษายน 2560 10:23:02 น.  

 

แวะมาส่งกำลังใจให้ก่อนค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่าน วันนี้รีบไปเล่นสงกรานต์ก่อน อิอิ

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะคุณอาคุงกล่อง

 

โดย: Raizin Heart 13 เมษายน 2560 9:59:39 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

 

โดย: เจ้าการะเกด 14 เมษายน 2560 10:11:28 น.  

 

สุขสันต์วันสงกรานต์คะอาคุงกล่อง

ขอให้อาคุงกล่องและครอบครัวมีความสุขมากๆ

สุขภาพแข็งแรงและร่ำรวยตลอดไปนะคะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 15 เมษายน 2560 19:48:46 น.  

 

ไม่เคยแวะมาเลยค่ะ
เป็นหนังสือที่น่าสนใจ คงแฝงแง่คิดที่ดีด้วย ^^

 

โดย: mariabamboo 20 เมษายน 2560 9:28:47 น.  

 

เล่มนี้น่าอ่านจังค่ะ ชอบอ่านแนวประมาณนี้อยู่เหมือนกัน

 

โดย: honeynut 30 เมษายน 2560 9:33:27 น.  

 

ไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เลย มาได้งัยก็ไม่รู้
แต่มาอ่านจบแล้วทึ่งมาก ทึ่งเรื่องอะไร
เอาไว้พรุ่งนี้มาต่อนะคะ หญิงชราง่วงแล้ว
แปะบอกไว้ก่อนเพราะเห็นอัพนานแล้ว
กลัวจะเปลี่ยนหน้าเสียก่อนค่ะ

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 2 พฤษภาคม 2560 22:35:07 น.  

 

มาต่อค่ะ
ที่ว่าทึ่ง ไม่ใช่หนังสือเล่มนี้เท่าไรหรอก
พี่เกิดก่อนสงตรามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราว
เกี่ยวกับสงครามนี้ ได้ประสบมาเองบ้าง
อ่านและฟังที่เขาเล่ากันมาก็มากทีเดียว
แต่ที่ทึ่งมากคือสำนวนการเขียนบรรยาย
ถ่ายทอดความคิดและความเข้าใจจากการอ่าน
ที่ผิดไปจากการเขียนขำขันเมื่อเจ็ดแปดปี
ก่อนอย่างมาก เมื่อก่อนพี่ไม่ค่อยอยากอ่าน
เลยจริงๆ แวะมาเยี่ยมเยือนกันฐานเพื่อน
บล็อกที่ดีเท่านั้น แต่งานเขียนที่กำลังอ่านอยู่
นี้ ต้องถือว่าเป็นงานเขียนที่ดีมากทีเดียวค่ะ
เหมือนกับว่า คุณกล่องใช้เวลาช่วงที่พี่ไม่
ค่อยได้มาที่นี่ ฝึกเขียนแบบนี้จนผิดหูผิดตา
ไปเลยนะคะ ชื่นชมพัฒนาการนี้ค่ะ คุณกล่อง

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 3 พฤษภาคม 2560 19:06:10 น.  

 

สงครามจบแต่จะมีความสูญเสียเกิดขึนด้วยนะคะ
ในสงครามนั้นเป็นดาบสองคมจริงๆ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


 

โดย: Rinsa Yoyolive 11 พฤษภาคม 2560 22:44:13 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณกล่อง

สบายดีไหมค่ะ

ได้ไปทำบุญที่ไหนหรือเปล่า..?

คุณพ่อ-คุณแม่สบายดีไหมคะ

สู้ๆๆนะคะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 15 พฤษภาคม 2560 12:56:53 น.  

 

แวะมา

 

โดย: สองแผ่นดิน 20 พฤษภาคม 2560 0:36:16 น.  

 

สวัสดีค่ะ อ่านรีวิวแล้วอยากอ่านหนังสือเลยค่ะ เรื่องนี้ทำเป็นหนังด้วย เกดมีแผ่นแต่ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ

ปล เกดเองค่ะ เปลี่ยนชื่อจาก Raizin Heart เป็น Gorjai Writer ค่ะ

 

โดย: เกด (Gorjai Writer ) 11 มิถุนายน 2560 10:53:23 น.  

 

สวัสดีค่ะคุงกล่อง

หายไปนาน สบายดีไหมคะ..?

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 12 มิถุนายน 2560 16:00:46 น.  

 

แวะมาเยี่ยมชมค่ะ

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 15 มิถุนายน 2560 15:06:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.