Group Blog
 
 
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
ช่างสำราญ



21 มีนาคม 2555




เนื่องจากว่าผมห่างเหินจากการอัพบล็อกในกรุ๊ปบล็อก “หนังสือเล่มที่อ่าน” นี้มานานมากแล้ว จริง ๆ แล้วผมยังคงอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องอยู่โดยตลอด เพียงแต่ว่าผมอ่านแล้วก็ไม่ได้นำมารีวิวลงบล็อกของตัวเองสักเท่าไหร่ เนื่องจากผมคิดว่าตัวเองไม่ใช่นักวิจารณ์หนังสือครับ แต่เมื่อไปนั่งคิดกลับไปถึงเมื่อตอนที่สร้างกรุ๊ปบล็อก “หนังสือเล่มที่อ่าน” นี้ขึ้นมา ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จริง ๆ แล้วผมตั้งใจอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนังสือเล่มที่ได้อ่านแล้วมาให้เพื่อน ๆ ฟังมากกว่าครับ รวมทั้งอาจจะเป็นการช่วยแนะนำหนังสือเล่มที่ผมได้อ่านจบแล้วให้เพื่อน ๆ ได้ทราบถึงความรู้สึกของหนังสือเล่มนั้น ๆ ด้วยครับ ผมเลยต้องกลับมาอัพบล็อกเกี่ยวกับหนังสือเล่มที่อ่านแล้วอีกครั้งครับ

สำหรับในบล็อกวันนี้ หนังสือเล่มที่ผมอ่านแล้วผมอยากจะนำมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังก็คือเล่มนี้ครับ













ช่างสำราญ

หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายรางวัลซีไรท์ประจำปี 2546 ซึ่งแต่งโดยคุณเดือนวาด พิมวนา ซึ่งชื่อของนักเขียนผู้แต่งนวนิยายซีไรท์เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยจะคุ้นหูของผมมาก่อนก็ตาม แต่ความที่เป็นหนังสือระดับรางวัลซีไรท์ เลยทำให้ผมต้องซื้อจากร้านหนังสือเพื่อนำกลับมาอ่านที่บ้านครับ จริง ๆ แล้วช่วงหลัง ๆ นี้ผมก็พยายามตามหาอ่านหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรท์ย้อนหลังในปีต่าง ๆ อยู่ครับ สาเหตุก็อาจจะเป็นเพราะว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะมีผลงานเข้าเข้าชิงรางวัลซีไรท์กับเขาบ้างนะครับ ซึ่งก็ได้แค่หวังส่งผลงานเข้าประกวดครับ แต่ไม่ได้หวังว่าจะได้รับรางวัลชนะเลิศหรอกครับ เพราะว่ามันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ สำหรับผม

เกริ่นมายาวแล้ว เอาเป็นว่าผมเล่าความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านเรื่อง ช่างสำราญ นี้แล้วให้ได้ทราบกันดีกว่าครับ












ในนวนิยายเรื่อง ช่างสำราญ นี้ จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นการเขียนในลักษณะเรื่องสั้นเป็นตอน ๆ ที่นำเสนออย่างต่อเนื่องกันมากกว่าครับ สาเหตุน่าจะเป็นเพราะว่าเดิมนั้นผู้เขียนอาจจะเขียนเป็นตอน ๆ ลงในนิตยสารมาก่อนที่จะรวมเล่มเป็นผลงานนวนิยายก็เป็นไปได้ครับ (ข้อมูลในส่วนนี้ผมไม่แน่ใจ เพราะว่าในหนังสือไม่ได้ระบุบอกไว้ครับ)

เรื่องราวในหนังสือ ช่างสำราญ นี้ถูกนำเสนอผ่านตัวละครที่ชื่อว่า เด็กชายกำพล ช่างสำราญ ที่อายุเพิ่ง 5 ขวบเอง เด็กชายผู้ที่ต้องประสบกับปัญหาครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก โดยที่ตัวเขาไม่ได้เป็นผู้สร้างปัญหาดังกล่าวขึ้น เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าทำไมพ่อแม่ของเขาถึงต้องทะเลาะกัน แม่ของเด็กชายกำพล ช่างสำราญ ทิ้งเขาไปมีสามีใหม่ ในขณะที่คุณพ่อของเขาก็ไม่มีปัญญาที่จะเช่าห้องพักต่อ คุณพ่อของเขาจึงจำเป็นต้องบอกเลิกห้องเช่าเนื่องด้วยปัญหาความยากจน , ความที่ไม่มีเงิน โดยที่คุณพ่อของเด็กชายกำพล ช่างสำราญจำใจต้องทิ้งลูกชายของเขาไว้กับเพื่อนบ้านในละแวกห้องเช่านั้นเอง เด็กชายกำพล ช่างสำราญ จึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตในช่วงวัยกำลังเติบโตโดยเป็นผู้ขออาศัยอยู่ตามบ้านของเพื่อนบ้านต่าง ๆ อย่างน่าสงสารมาก ๆ ครับ

เรื่องราวของเด็กชายกำพล ช่างสำราญที่ถูกนำเสนอผ่านไปในแต่ละตอนนั้น ผู้เขียนได้เล่าถึงความยากลำบากและความเหลวร้ายในสังคมปัจจุบัน (ใน ณ ขณะนั้นปี 2546) ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของเด็กชายกำพล ช่างสำราญ การที่ผู้เขียนนำเสนอมุมมองในแง่ร้ายผ่านตัวละครที่เป็นเด็กเล็กอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น มันทำให้ผู้อ่านต้องคอยเอาใจช่วยตัวละครหลักที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือเด็กชายกำพล ช่างสำราญ คนนี้ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ตลอดจนจบเรื่อง

การนำเสนอมุมมองในแง่ร้าย ๆ ผ่านความไร้เดียงสาของตัวละคร เป็นสิ่งที่ผู้เขียนสามารถทำได้ดีเป็นอย่างมาก ในส่วนนี้ผมต้องขอยกย่องคุณเดือนวาด พิมวนาผู้เขียนเรื่องนี้เป็นอย่างมากครับ ผู้อ่านได้อ่านเรื่องราวในแง่มุมร้าย ๆ ภายในเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกรันทดใจ แต่ในขณะเดียวกันนั้นความน่ารักและไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ของตัวละครในเรื่องกลับทำให้ผู้อ่านอมยิ้มหรือว่ากั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวในบางช่วงบางตอนครับ






ภาพของคุณเดือนวาด พิมวนา ผู้เขียนเรื่อง "ช่างสำราญ" ผมถ่ายภาพจากปกในของหนังสือเล่มนี้ครับ







และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนสามารถนำเสนอได้เป็นอย่างดีก็คือ อารมณ์ความรู้สึก ความนึกคิดของตัวละครเอก ที่มีอายุเพียง 5 ขวบ ผู้เขียนสามารถเขียนถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านเชื่อได้อย่างสนิทใจ พร้อมทั้งที่จะคอยเอาใจช่วยและสร้างอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครที่เป็นเด็กน้อยนี้ไปด้วยโดยตลอดทั้งเรื่อง อาทิเช่น ในตอนที่มีชื่อว่า “ลูกหลง”


เรื่องราวในตอน "ลูกหลง" นั้นกล่าวถึงงานประจำปีของศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ที่ในงานจะมีการแสดงต่าง ๆ ทั้ง งิ้ว ลิเกหรือดนตรี รวมทั้งภายในงานก็จะมีเครื่องเล่นต่าง ๆ อยู่อย่างมากมาย ซึ่งเป็นภาพของบรรยากาศงานวัดในสมัยนั้น เด็กชายกำพล ช่างสำราญ กับเพื่อนของเขาที่ชื่อเด็กชายอ้น ได้ตัดสินใจขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์เล่น ในระหว่างที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในชิงช้าสวรรค์นั้น ทั้งคู่ก็ได้มองไปเห็นภายในบริเวณกองอำนวยการมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ เนื่องจากว่าเด็กคนนั้นพลัดหลงกับผู้เป็นแม่ ทางกองอำนวยการจึงได้ประกาศตามหาผู้เป็นแม่ของเด็กที่พลัดหลงคนนั้น เมื่อทั้งเด็กชายกำพล ช่างสำราญและเด็กชายอ้นเพื่อนของเขาได้ยินเสียงประกาศตามหาผู้เป็นแม่ ทั้งคู่ก็นึกสนุกขึ้นมาโดยแกล้งทำตัวเป็นเด็กหลงเพื่อให้เขาประกาศหาแม่บ้าง ซึ่งก็ได้ผลตามคาดเมื่อแม่ของเด็กชายอ้นได้ยินเสียงประกาศ เธอก็ต้องรีบวิ่งจากโรงลิเกเพื่อมารับเด็กชายอ้นกลับในทันที












เด็กชายอ้นหัวเราะร่าเมื่อเห็นแม่วิ่งหน้าตาตื่นมารับ ส่วนผู้เป็นแม่เมื่อรู้ว่าโดนเด็กทั้งคู่หลอกก็โกรธจนต้องคาดโทษลูกชายไว้ด้วยความฉุนเฉียว ในขณะที่เด็กชายกำพล ช่างสำราญ ยังคงนั่งรอแม่อยู่อย่างนั้นโดยไม่ยอมเลิก

“เลิกเล่นกันเถอะ ไปดูลิเกกันดีกว่า” อ้นผู้เป็นเพื่อนพูดชวน

“เดี๋ยว เอ็งไปก่อนเถอะ เผื่อว่าแม่ข้าอยู่ในงานนี้แล้วได้ยินเสียงประกาศ” เด็กชายกำพล ช่างสำราญบอกเพื่อนเขาออกไปอย่างไร้เดียงสา

มาถึงตอนนี้แล้ว ผมในฐานะผู้อ่านแทบจะน้ำตาเล็ดออกมาเลยครับ โธ่ ... เด็กหนอเด็ก ช่างคิดไปได้ เผื่อว่าแม่จะอยู่ในงานแล้วได้ยินแม่จะได้มารับ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น แม่ของเด็กชายกำพล ช่างสำราญได้ทิ้งเขาไปตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว




แต่ก็นะ ... ผู้เขียนเรื่องนี้ก็สามารถทำให้ผมคล้อยตามไปกับเนื้อเรื่องจนน้ำตาไหลออกมาได้ครับ ว่าแล้วผมก็ต้องขอชื่นชมคุณเดือนวาด พิมวนา ผู้เขียนเรื่องนี้ด้วยใจจริงอีกครั้งครับ ในปีที่หนังสือเรื่อง “ช่างสำราญ” เล่มนี้ได้รับรางวัลซีไรท์ ปีพ.ศ. 2546 นั้นผมอาจจะวุ่นกับการทำงานอย่างหนัก ในปีนั้นผมเลยอาจจะได้อ่านหนังสือน้อยเล่มไปสักหน่อย ในปีนั้นผมอาจจะยังไม่ได้สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับงานวรรณกรรมซีไรท์สักเท่าไหร่นัก แต่ว่าเกือบจะ 10 ปีหลังจากที่หนังสือเรื่องนี้ได้รับรางวัลซีไรท์ไปแล้วนั้น ผมได้ซื้อหนังสือเรื่องนี้มาอ่านแล้วผมก็ยังคงได้รับอรรถรสจากการอ่าน ที่ยังมีความทันสมัยและกินใจผู้อ่านอย่างผมได้เป็นอย่างดีด้วยครับ




ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2555 นี้ ก็กำลังจะมีงานมหกรรมหนังสือฯ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติติ์ ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่รู้ว่าจะไปตามหาหนังสือเรื่องใดมาเก็บไว้อ่านดี ผมก็ขอแนะนำหนังสือเรื่อง “ช่างสำราญ” เล่มนี้ครับ นวนิยายรางวัลซีไรท์ประจำปี 2546 แต่งโดยคุณเดือนวาด พิมวนา พิมพ์ครั้งที่สิบหก ของสำนักพิมพ์สามัญชน หนังสือเล่มนี้หนา 239 หน้า ราคาปกอยู่ที่ 175 บาท แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าในงานหนังสือฯ จะมีการลดราคาลงด้วยไหม?




ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวในบล็อกของผมครับ ขอให้ท่านมีความสุขมาก ๆ นะครับ โดยเฉพาะท่านใดที่รักการอ่านหนังสือก็ขอให้ท่านมีความสุขกับการได้อ่านหนังสือด้วยนะครับ

ผมอยากให้คนไทยอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ ครับ

อิอิ






Create Date : 21 มีนาคม 2555
Last Update : 22 มิถุนายน 2560 23:55:39 น. 33 comments
Counter : 26000 Pageviews.

 
หนังสือรางวัลซีไรท์ น่าอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ

คณะกรรมการทุกท่านทำงานหนักมากในการเลือกหนังสือที่จะได้รับรางวัล

แต่ละปี จะเปลี่ยนประเภท เพื่อให้นักเขียนเรื่องยาว เรื่องสั้น กวี ต่าง ๆ ได้มีโอกาสส่งผลงานของตนเข้าประกวด

น่าจะลองส่งผลงานเข้าไปนะคะ
ลองเรื่องสั้น รวมเล่ม ก่อนซิคะ





โดย: ธารน้อย วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:1:29:28 น.  

 
มาจองที่ไว้ก่อนค่ะอาคุงกล่อง
พรุ่งนี้มาอ่านโดยละเอียดค่ะ
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:2:46:11 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สุขสดชื่น แจ่มใส ในวันทำงานกลางสัปดาห์จ้า
ชอบอ่านหนังสือแล้วมีความสุขหละทิดกล่อง
หนังสือที่อ่านแล้วรันทดดใจไม่ค่อยนิยมหงะ



โดย: หอมกร วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:8:46:22 น.  

 
อิอิ หวัดดีคุณกล่อง อ่านชื่อผู้เขียนตอนแรกมั้ยผมอ่านเป็นเดือดดาลก็มะรู้





โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:9:35:45 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะทักทายคะอาคุงกล่อง ใกล้เที่ยงละ หาไรแซ่บๆกิงกานนน..


โดย: เจ็บแต่ตอนหายใจ วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:11:28:23 น.  

 
บ่ายๆ แวะมาส่ง

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ยิ้มครับ


โดย: panwat วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:14:19:30 น.  

 
ผมเองก็เคยมีมีเรื่องสั้นซีไรท์อยู่หลายเล่มเหมือนกัน แต่ที่ผมติดใจมากก็คือเรื่องสั้นชุด "ก่อกองทราย" ของนักเขียนชื่ออะไรก็ลืมไปแล้วละ (อาจชื่อธัญญา หรือเปล่า ไม่แน่ใจ) และที่ยังมีคือเรื่องของคุณวานิช จรุงกิจอนันต์ ถัดจากนั้นมาก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสืออีกเลย

ผมเขียนหนังสือไว้เยอะเหมือนกัน แต่ไม่เคยส่งเข้าประกวดหรือรวมเล่ม ของผมถ้าได้รางวัล น่าจะเป็นประเภท "ซีอิ๊ว" 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:15:42:47 น.  

 
คุณกล่องหนังสือเล่มนี้เราได้อ่านตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรกแล้ว ( ขอเกทับหน่อย ) ไม่ได้เขียนเป็นตอน ๆ ลงนิตยสารใด ๆ ด้วย
แล้วโลเกชั่นที่เค้าบรรยายในเรื่อง สถานที่ ต่าง ๆ มันมีอยู่จริง
เพราะเป็นแถว ๆ บ้านเราเอง ในตัวเมือง แต่ออกไปทางหมู่บ้านนอก ๆ หน่อย อ่านไปนึกภาพออกว่าตรงนั้น ตรงนี้ แม้ว่าจะบอกรายละเอียดไม่มากแต่ก็พอนึกออก เพราะแต่งเค้ามีบ้านอยู่แถวนั้น รู้สึกเหมือนจะเคยเห็นด้วยแต่ไม่รู้ว่าเค้าเป็นนักเขียน เพราะตอนนั้นเราทำงานอยู่ในเมืองตำบลเดียวกันเลย ขี่มอเตอร์ไซค์ สำรวจหมู่บ้านบ่อย ๆ
พิมพืเป็นครั้งที่ 16 แล้ว ดีใจด้วยจริง ๆ เล่าเรื่อย ๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกความเหงา ความโหยหา สะเทือนใจจริง ๆ


โดย: magic-women วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:15:46:17 น.  

 
ได้รับฟังจากที่เล่ามาเพียงสั้นๆ..ช่างสำราญน่าสงสารจัง...เมื่ออ่านแล้วสมองกลับคิดไปถึงเรื่องหิ่งห้อย..ได้งัยก็ไม่รุ..สงสัยเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องของเด็กเหมือนกัน..เดี่ยวนี้โอพี อ่านหนังสือและดูหนังแบบนี้(เศร้า)มากๆแล้วรู้สึกทรามาน..มันไม่ไหว..ปวดใจมากมาย..ขอบคุณนะค่ะที่นำมาแบ่งปัน..เล่าได้สนุกดี..วันหน้านำมาเล่าอีกนะค่ะ



โดย: Opey วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:16:23:03 น.  

 
กลับมาอ่านโดยละเอียดแล้วนะคะ เป็นหนังสือที่น่าอ่านมากเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสคงต้องมองหาหนังสือเล่มนี้มาครอบครองบ้างค่ะ
หนังสือดี ๆ อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อนะคะอาคุงกล่อง



โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:19:49:16 น.  

 
เห็นชื่อหนังสือเลยแวะเข้ามาอ่านรีวิวค่ะ...ชอบซีไรท์เล่มนี้เป็นอันดับต้น ๆ ของซีไรท์ทั้งหลายเลยทีเดียว

ผู้เขียนเขาใช้สำนวนภาษากับวิธีเล่าเรื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่อ่านแล้วอึ้ง...อินได้ง่าย ๆ

จำได้แม่นยำมีประโยคหนึ่งที่ไอ้หนูพูดแล้วเราสะท้อนใจ...แกบอกว่า...
"ไม่ต้องเอายามาคุมหรอก ไม่ได้อยากเกิดมาสักหน่อย"




โดย: แม่ไก่ (แม่ไก่ ) วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:20:21:09 น.  

 
เว้นช่วงการอ่านหนังสือซีไรท์ไปนาน ...อ่านรีวิวของคุณกล่องแล้ว
เล่มนี้ น่าสนใจดีค่ะ ...ต้องลอง


โดย: นัทธ์ วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:20:46:32 น.  

 
ขอบคุณที่แนะนำหนังสือดีดีนะคะ

ปีที่แล้วกลับไทย นางฟ้าได้ไปงานสัปดาห์หนังสือ
หมดเงินไปก็เยอะอยู่ อ่านหมดไปแล้ว
อยากกลับไปซื้อหนังสืออ่านอีกจังเลย


โดย: นางฟ้าของชาลี วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:1:10:55 น.  

 
น่าสนใจจังเลยค่ะหนังสือเล่มนี้
เราไม่เคยได้ยินชื่อผู้เขียนมาก่อนนะคะ
แต่คว้ารางวัลใหญ่ๆได้แบบนี้ ไม่ธรรมดาแน่ๆค่ะ

ได้รับโปสการ์ดแผ่นที่สองค่ะอาคุงกล่อง
แผ่นแรกไม่ทราบว่าไปอยู่ ณ หนไหนแล้วค่ะ เสียดายจัง
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

งานเดคูพาจเป็นงานฝีมือของทางยุโรปนี่แหละค่ะ
มีร้านขายอุปกรณ์หรือกระดาษเยอะเลยค่ะทางนี้
เราก็เพิ่งทราบนะคะว่าตอนนี้เมืองไทยกำลังหลงไหลงานนี้มากๆ
มันเป็นงานที่ทำแล้วเพลินค่ะ ทำง่ายแต่ออกมาดีเชียวค่ะ
ไม่แปลกใจเลยที่ใครพอได้ทำแล้วก็รักมัน

วันหลังเอางานของคุณแม่กับคุณพี่มาอวดกันบ้างนะคะ


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:2:21:09 น.  

 
หนังสือนี้น่าครอบครองเมื่อได้อ่านดู น่าสนใจมากค่ะ ชีวิตของเด็กสะท้อนต่อสังคม จริงๆรัฐบาลควรดูเเลปัญหานี้ด้วย
เห็นหน้าปกหนังสือ ต้องหามาครอบครอง ขอบคุณคุณอาก่องมากค่ะ

คุณอาก่อง ควรรวบรวมเขียนหนังสือ สไตร์การเขียนไม่เเพ้นักเขียนฝีมือดีๆค่ะ


โดย: YUCCA วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:8:49:59 น.  

 
เล่มนี้หนูเคยเห็นแต่ไม่เคยอ่านอะ


โดย: น้องผิง วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:11:56:58 น.  

 
พึ่งได้อ่านเหมือนกันครับ รู้สึกหลากหลายอารมณ์มากครับ
ทั้งด้านที่สงสารกำพล ประทับใจในน้ำใจของเพื่อนบ้าน และมุมมองความคิดของกำพล ทำให้กระชากอารมณ์ได้อยู่ตลอดเวลาครับ เช่น ตอนจันทร์เจ้า ที่นายชงถามกำพลว่าอยากได้อะไร เพื่อนๆว่าอยากได้เงินอยากได้ธนาคาร แต่กำพลกับเงียบคิดแล้วตอบว่า "ยายเกิด" ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยครับ
แต่อย่างไรก็ตามผมประทับใจเรื่องนี้มากๆครับ และจะอยู่ในใจเสมอ


โดย: Eddy IP: 58.8.106.145 วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:13:03:26 น.  

 

10ปี ผ่านไป
ไวเหมือนโกหก..เนื้อหายังคง intrend กินใจ
สมกับเป็นงานรางวัลซีไรท์..


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:20:21:14 น.  

 
สรุปเรื่องได้น่าสนใจมากครับคุณกล่อง

ชีวิตที่สะท้อนมุมมองของสังคมช่วงเวลานั้น

ถือว่าเป็นความคิดร่วมสมัย น่าอ่าน น่าศึกษาครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:21:35:54 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: มิลเม วันที่: 23 มีนาคม 2555 เวลา:10:23:07 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่อาคุง


เล่มนี้ยังไม่ได้อ่านเลยครับ
ช่วงหลังผมไม่ค่อยได้อ่านนิยายหรือเรื่องสั้นน่ะครับ

พี่รีวิวได้น่าสนใจมากครับ
อ่านบล้อกจบแล้วอยากไปหาซื้อมาอ่านเลยครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:6:02:03 น.  

 
ยกตัวอย่าง งานเขียนบางตอน ทำให้ชวนหาอ่าน
จริง ๆ ครับ

ว่าแต่ว่า ยังไม่เขียนของตัวเองบ่อย ๆ บ้างเหรอ อยาก
อ่านอีก....


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:9:51:24 น.  

 
ผมไม่ค่อยสันทัดหนังสือแนวรางวัลเท่าไหร่ครับ แต่ที่เล่ามาก็น่าสนใจนะ
ถ้าหนังสือของคุณกล่องประกวดซีไรต์เมื่อไหร่บอกมั่งนะครับ เผื่อจะอ่านบ้าง


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:11:46:18 น.  

 
คุณกล่อง อุ๊ว่าจะไปพอเลยค่ะ
วันที่ 6 วันหยุด แล้วจะไปหามาอ่านนะคะ

"ช่างสำราญ" อ่านแค่นี้ก็รู้สึกว่ามันน่าติดตามดีค่ะ

เด็กชายกำพล ช่างสำราญ เด็กชายอ้น แล้วเจอกันที่งานหนังสือค่ะ

สวัสีตอนบ่ายวันเสาร์ค่ะคุณกล่อง


โดย: maitip@kettip วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:12:51:50 น.  

 
อาคุงกล่อง Education Blog ดู Blog
..........................................................................
"ผมเกิดวันจันทร์ .... คนเกิดวันจันทร์เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กิริยานุ่มนวล ... "

ว้าว ... จริง ๆ ด้วย
.........................................................................
จริงด้วยค่ะ เห็นไหมเขียนดีโหวตให้เลย
ถึงแม้ว่าจะเจียนเรื่องของคนอื่นก็ตาม
เขียนยากนะคะ เพราะต้องเขียนให้คนอยากอ่าน
ทั้งๆที่สมัยนี้คนเราสมาธิสั้นมากขึ้น
อ่านยาวๆหรือเรื่องที่น่าสนใจได้ไม่นาน
ทีเรื่องตลกๆกลับชอบอ่านกันทุกคน


โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:18:01:32 น.  

 
แหล่มเลยล่ะน้องกล่อง
เดี๋ยวพี่อุ้มไปหามาอ่านมั่ง
ตอนนี้พี่อุ้มเลยมา Vote ให้น้องกล่องเลยล่ะ
ในสาขา Book Blog


ขออภัยถ้ายังเม้นท์ไม่ถึง BLOG ใครๆ
แวะไปทำบุญที่วัดหัวลำโพง
และตอนนี้มีเวลา 1 ชั่วโมง
เพราะต้องไปเฝ้าคุณแม่ตอน 10.00-19.00 น.
(จริงๆ แล้วไปเริ่มต้นฟอกไตให้แม่ตั้งแต่หกโมงเช้าแล้วล่ะ
เมื่อเช้าคุณแม่ลืมตามาดูว่า
ยายอุ้มมามาทำอะไรกับพุงช้านนนนน)
เลยแว่บเข้าร้านเน็ตค่าเฟ่
ตอนนี้พี่ลืมตามาดูชาวโลกได้แล้วล่ะ
หลังจากนอนมานาน
ตอนนี้หมอคิดว่าติดเชื้อจากกระแสเลือดจ๊ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:9:45:20 น.  

 
รู้สึกว่าอ่านยากยังไงก็ไม่รู้งับ


โดย: bee_บี วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:10:53:29 น.  

 
โอ..คุณกล่องน่าจะลองซักคำนะ เห็ดทุกอย่างมีประโยชน์มาก ย่อยง่ายด้วย ยกเว้น "เห็ดแม่ยาย" 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:16:23:59 น.  

 
อูย.... ส่งโปสการ์ดมาให้อีกเหรอคะ เกรงใจจังเลยค่ะ
จริงๆไม่ต้องแล้วก็ได้ค่ะ แบบนี้ต้องเฝ้าระวังกันเลย กลัวหายอีก
ขอบคุณอาคุงกล่องมากๆนะคะ สำหรับโปสการ์ดใบที่สอง


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:16:33:04 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


วันนี้อ่านเกินสามบรรทัดแล้วค่ะ เอิ้กๆๆ


โดย: นนนี่จ๊ะจ๋า วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:21:11:24 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนครับคุณกล่อง .....

ขอบคุณที่แนะนำหนังสือน่าอ่านนะครับ หนังสือรางวัลซีไรท์ เป็นอะไรที่ผมได้อ่านน้อยมาก เพราะส่วนตัวคิดว่ามันดูซีเรียสจริงจังเกินไป ผมชอบอ่านหนังสือแนวบันเทิงคดีซะมากกว่า .....

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มี internet ผมอ่านหนังสือเยอะมากๆ เลยครับ ตอนนี้ยังมีหนังสือที่อ่านแล้วเก็บไว้เป็นลังๆ .....

แต่ตั้งแต่ internet เริ่มแพร่หลาย ก็ทำให้ผมอ่านหนังสือน้อยลง เพราะเอาเวลาอ่านหนังสือมาท่อง internet แทน แต่ไปร้านหนังสือทีไร ถ้าเจอหนังสือดีๆ น่าสนใจก็ยังอดไม่ได้ต้องซื้อมาเก็บไว้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้อ่านก็ตามที .....

สงสัยต้องลดเวลาเล่น internet ไปอ่านหนังสือบ้างซะแล้ว เพราะตอนนี้มีหนังสือที่ซื้อมาเก็บรอให้อ่านอยู่เป็นตั้งๆ เลยล่ะครับ .....

ปล. จากบล็อกผม Capstone Resort อยู่ติดหาด ถ้าไปจอดรถที่ลานจอดรถของเทศบาลหาดเจ้าสำราญ หันหน้าเข้าหาทะเล รีสอร์ทจะอยู่ทางด้านขวามือ มองเห็นได้จากสุดขอบลานจอดรถเลยครับ ......



โดย: NET-MANIA วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:21:19:35 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะคุณอาคุงกล่อง

ฟ้าตามมาอ่านด้วยคนค่ะ

ฟ้ามาส่งความคิดถึงและกำลังใจให้ค่ะ..คืนนี้เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน
ขอให้พักผ่อนด้วยความสุขกาย สบายใจ ยิ้มรับความเหนื่อยล้า..
แล้วปิดตา..นิทราอย่างเป็นสุขกัน นะคะ

“มารายงานให้รู้ว่าฟ้ายังอยู่
แต่บางหมู่หายไปใจคิดถึง
เพราะงานมากเวลามารัดตรึง
ฝากคำนึงด้วยวอนกล่าวโปรดเข้าใจ

บรรจงมอบรักไว้ให้..จากใจฟ้า
เป็นสัญญาตรึงจินต์มั่นมิหวั่นไหว
มิตรภาพยั่งยืนนานข้ามกาลไป
จะอยู่ในดวงจิตทราบ...ตราบนิรันดร์”

มีความสุขกับความรัก..ความปรารถนาดีที่มีต่อกันอย่างมิจืดจาง นะคะ




โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:21:55:52 น.  

 
เล่มนี้หวานเย็นอ่านแล้วค่ะ อ่านนานมากแล้ว แต่จำขึ้นใจเลยค่ะ สงสารเด็กชายกำพลเหมือนกันนะคะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 27 มีนาคม 2555 เวลา:5:30:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.