เกือบไม่ได้เขียน
20 กุมภาพันธ์ 2560
หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้เป็นหนังสือแปลของนักสัตวแพทย์ชาวสก๊อตแลนด์ที่ชื่อ เจมส์ เฮอร์เรียต เป็นรวมเรื่องสั้นในชื่อชุดว่า The Best of James Herriot ใช้ชื่อภาษาไทยว่า เกือบไม่ได้เขียน แปลเป็นภาษาไทยโดย ปาริฉัตร เสมอแข เล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในวันแนะนำหนังสือฉบับแปลในประเทศไทย วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2552
เล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของสัตวแพทย์หนุ่มที่จบออกมาจากมหาวิทยาลัยมาทำงานเป็นสัตวแพทย์ชนบท ที่เมืองแดร์โรว์บี้ ทางแถบภาคเหนือของประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเจมส์ เฮอร์เรียตเขียนเล่าบรรยายภาพชีวิตการทำงานรักษาชีวิตสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มงานวันแรก รวมถึงบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของเมืองชนบทที่เงียบสงบแห่งนี้ได้อย่างงดงาม ในเรื่องมีการพูดถึงการรักษาสัตว์น้อยใหญ่มากมาย
ผมมองย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ในทางปฏิบัติอย่างหนักเป็นเวลาหกเดือน ผมเคยรักษาวัว ม้า หมู หมา และแมว สัปดาห์ละเจ็ดวัน ตอนเช้า ตอนบ่าย ตอนเย็น และตลอดโมงยามขณะที่โลกกำลังหลับใหล ผมได้ทำคลอดวัวและหมู จนแขนของผมปวดร้าวหนังถลอกปอกเปิก ผมเคยถูกเตะจนล้มคว่ำ ถูกเหยียบ และถูกสิ่งสกปรกทุกชนิดพุ่งใส่ ผมเคยเห็นโรคต่างๆ ของสัตว์มามากพอใช้ แต่กระนั้นดูเหมือนจะมีเสียงเบาๆ กวนใจผมอยู่เรื่อย เสียงนั้นบอกว่า ... ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่รู้อะไรเลย
(จากหน้า 139)
หนังสือเล่มนี้สำหรับผมอ่านแล้วรู้สึกว่าผมได้อ่านเรื่องราวที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นเมื่อผมได้อ่านผมก็รู้สึกตื่นตัวในการรับรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด บางท่านอาจจะบอกว่าผมพูดเกินไป เพราะเรื่องเกี่ยวกับการรักษาสัตว์และการไปหาสัตว์แพทย์นั้น สำหรับคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวคงรู้เรื่องดีอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดว่ารู้เลย เพราะว่าเรื่องราวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ยังไม่ได้ก้าวหน้าเท่าทุกวันนี้ และที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็คือ ในยุคปัจจุบันนี้เมื่อสัตว์เลี้ยงของเราป่วย ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว น้องกระต่าย หรือน้องอะไรก็ตาม เราจะพาสัตว์เลี้ยงของเราไปหาหมอที่คลีนิคสัตวแพทย์ แต่ในเรื่อง เกือบไม่ได้เขียน นี้ หมอเฮอร์เรียตต้องวิ่งออกไปรักษาสัตว์ตามฟาร์มปศุสัตว์หรือคอกสัตว์ต่างๆ ตลอดเรื่อง เนื่องจากในยุคสมัยนั้นยังจำเป็นต้องใช้สัตว์ในการทำการเกษตร ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราคือที่อังกฤษชาวไร่จะใช้ม้าลากคันไถเพื่อพรวนดิน แต่ที่บ้านเราใช้ควายไถนา
แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจอาจจะไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสัตว์ทั้งหมด จริงๆ แล้วสัตว์ทุกตัวที่นำมาให้สัตวแพทย์รักษานั้นต้องมีเจ้าของ เจ้าของที่เป็นคนแต่ละคนนี้แหล่ะคือตัวละครที่ทำให้เรื่องนี้มีชีวิต ทั้งชีวิตสัตว์ที่ผสมไปกับชีวิตคน ซึ่งผมอ่านแล้วจะได้ทราบถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากบ้านเรา อาหารการกินที่แตกต่างกัน การเลี้ยงสัตว์ที่มีรูปแบบแตกต่างจากบ้านเรา ฯลฯ และต้องบอกด้วยว่าฝีมือการเขียน สำนวนโวหารของเจมส์ เฮอร์เรียต นั้นไม่ธรรมดาเลย ผมอ่านแล้วรู้สึกอินไปกับเรื่องด้วยตลอด ผมขอยกตัวอย่างเล่าให้ฟังคร่าวๆ ตอนหนึ่ง ที่เขียนถึงชาวไร่คนหนึ่งที่รักม้ามาก เมื่อม้าของเขาไม่สบายเขาแทบจะไม่อันกินอันนอนตามม้าเขาไปด้วย สาเหตุก็คือว่าชาวไร่คนนี้แต่ก่อนเป็นคนจนธรรมดาที่สามารถสร้างตัวขึ้นมาให้มั่งมีได้ ด้วยความอุตสาห์และมีมานะในการทำการเกษตรโดยใช้ม้าตัวนั้นช่วยพรวนดินและหว่านไถตลอด เปรียบเสมือนว่าเขาได้ขี่ม้าตัวนั้นเพื่อขับเคลื่อนชีวิตให้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้ เขาจึงรู้สึกรักและผูกพันกับม้าของเขามาก ผมอ่านถึงตอนนี้ก็รู้สึกได้ถึงอะไรดีๆ ในความเป็นมนุษย์ของเรา ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมาก
ผมเชื่อว่าคนที่เรียนทางด้านสัตวแพทย์ในบ้านเราคงได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วแน่ เพราะถ้าได้อ่านแล้วคงได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ชั้นดีในการเป็นสัตวแพทย์ หนังสือเล่มนี้ถือว่าทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนที่มีอาชีพเป็นสัตวแพทย์เลย แต่ผมก็เชื่อว่าคนที่ไม่ได้เป็นสัตวแพทย์ก็น่าจะอ่านเล่มนี้ได้อย่างนุกสนานเหมือนกับที่ผมอ่านแล้วประทับใจ จนต้องมาเขียนรีวิวเชิญชวนให้เพื่อนๆ ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านกัน สำหรับหนังสือ เกือบไม่ได้เขียน เล่มที่อยู่ในมือผมนี้ เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2552 จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้ออังกฤษ เป็นฉบับปกอ่อนจำนวน 344 หน้า ราคาปก 249 บาท
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยใดใดทั้งสิ้น ขอให้มีความสุขมากๆ ครับ
@@@@@@@@@@
คุยกันท้ายบล็อก
ช่วงนี้ผมอาจจะห่างเหินจากการอัพบล็อกไปหน่อย สาเหตุก็เพราะว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาในการอัพบล็อกสักเท่าไหร่ เนื่องจากในตอนนี้ผมต้องทำหน้าที่พาคนป่วยไปหาหมอตลอด เรียกได้ว่าช่วงนี้ผมต้องไปที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำเกือบทุกวัน พี่สาวผม(ลูกพี่ลูกน้อง)ป่วยตั้งแต่วันสิ้นปีที่ผ่านมา เขาล้มจนลุกไม่ได้ ต้องไปผ่าตัดกระดูกสันหลังที่ศริริราช ซึ่งผมก็ต้องคอยไปเฝ้าใช้ระยะเวลาเกือบเดือน จนมารู้ในตอนหลังว่าเป็นมะเร็งในไขกระดูก เป็นโรคที่ไม่ค่อยมีใครเป็นกันเท่าไหร่นัก ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรักษาเพิ่งให้คีโม่เข็มแรกเอง ผมต้องคอยพาพี่สาวไปฉีดยาทุกสัปดาห์ ส่วนคุณแม่ของผมเจอเนื้องอกในช่องท้องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รอคิวผ่าตัดมานานมากจนได้วันผ่าตัดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคาดว่าผมคงต้องไปที่โรงพยาบาลศิริราชและอยู่โยงเฝ้าอีกหลายวันแน่ๆ ช่วงนี้ผมอาจจะห่างหายกันไปสักระยะนะครับ
โดยผมหวังว่าเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ กลับมาเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ผมคงได้มาอัพบล็อกต่อเนื่องและไปเยี่ยมเยียนบล็อกเพื่อนๆ ได้อย่างสม่ำเสมอเช่นเคยครับ
ขอขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับ
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2560 |
|
24 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2560 10:57:51 น. |
Counter : 1887 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณเรียวรุ้ง, คุณThe Kop Civil, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณกะว่าก๋า, คุณClose To Heaven, คุณหอมกร, คุณRinsa Yoyolive, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณInsignia_Museum, คุณhaiku, คุณ**mp5**, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณอุ้มสี |
| |
โดย: เรียวรุ้ง 20 กุมภาพันธ์ 2560 11:55:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 20 กุมภาพันธ์ 2560 14:21:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 กุมภาพันธ์ 2560 23:38:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 21 กุมภาพันธ์ 2560 6:27:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 21 กุมภาพันธ์ 2560 8:45:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 28 กุมภาพันธ์ 2560 22:24:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 15 มีนาคม 2560 7:34:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 29 มีนาคม 2560 7:24:12 น. |
|
|
|
|
|
ถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับยามม้าป่วย ม้าคงเหมือนเพื่อนเหมือนคนในครอบครัวเลยทีเดียว
โหวต Book Blog ค่ะ
*****************************
ขอให้คุณแม่และพี่สาวสุขภาพแข็งแรงในเร็ววันนะคะ
อาการเจ็บไข้ได้ป่วยนี่เป็นกันทุกเพศทุกวัย ยิ่งมะเร็งด้วยแล้ว กำลังใจสำคัญที่สุดเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ