Love SFO " Peace and Freedom "
www.sstripsthailand.com
LOVE SFO
Golden Gate Bridge
Golden Gate Bridge
A Modern Wonders of the World
อัลคาทราซ Alcatraz เราเองไม่ได้ไป Alcatraz เพราะว่าคนที่ไปด้วยเค้าบอกว่าไม่อยากไปเที่ยวคุก (ซะงั้น) เราเองเลยอดเลย เราว่าไหน ๆ ก้อไปแล้วก้อน่าจะไปให้เห็นกะตาซักหน่อยก้อยังดีเนอะ
ชายหาดทุกที่ก็จะมีถนนให้ปั่นจักรยาน...เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน...
เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สองใจ สองฝั่งฝัน ประสานใจเป็นหนึ่งเดียว กับสะพานโกลเดนเกตทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือ จึงเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกและมีเสาสะพานที่สูงที่สุดในโลก ณ ขณะเวลานั้นนอกจากความงดงามของตัวสะพานเองแล้ว ความงามทางด้านวิศวกรรมได้รับการยกย่องจากสมาคมวิศวกรพลเรือนอเมริกันให้เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
สีของสะพานดูเหมือนเป็นสีแดง แต่จริง ๆ สะพานนี้ถูกทาด้วยสีส้มแดงที่เรียกว่า international orange เนื่องจากสีนี้นอกจากดูสะดุดตาแล้วยังผสมกลมกลืนได้ดีกับทัศนียภาพรอบด้าน และยังเห็นได้ชัดยามที่หมอกลงจัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเกิดจากอากาศร้อนปะทะกับความเย็นของน้ำในมหาสมุทร หมอกหนาบางครั้งบดบังตัวสะพานมิด เห็นแต่ยอดเสาหรือบางครั้งก็ไม่เห็นอะไรเลย
ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1937
Peace and Freedom สหรัฐอเมริกา..... ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า ดินแดนแห่ง เสรีภาพ ดินแดนสันติภาพ ดินแดนแห่งความยิ่งใหญ่ และดินแดนในฝันของใครหลายๆ คน ก่อนหน้านี้ดินแดนแห่งนี้เคยตกอยู่ในมวลหมอกควันของการรวมชาติ ความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองในปี 1860 จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการรวมตัวกันของอาณานิคมเพียง 13 แห่งทางฝั่งตะวันออก ซึ่งประกาศอิสรภาพการปกครองในวันที่ 4 ก.ค. 1776 ก่อนจะขยายอำนาจครอบคลุมพื้นที่อารักขาของอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เม็กซิโก และรัสเซียเหนือตอนกลางของทวีปอเมริกา ในศตวรรษที่ 19 การรวมตัวอย่างเป็นปึกแผ่นของอเมริกา ภายหลังสงครามภายในประเทศสิ้นสุดลง อเมริกาได้กลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และยิ่งโดดเด่น เหนือใคร เมื่อก้าวสู่สงครามโลกครั้งที่สองด้วยการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เป็นชาติแรก อเมริกาเป็นสมาชิกถาวร ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และภายหลังสิ้นสุดยุคสงครามเย็น อันเนื่องมาจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต อเมริกาจึงก้าวสู่การเป็นรัฐอภิมหาอำนาจเดียวของโลกอย่างเต็มภาคภูมิ
หากใครที่จะค้นหาความฝันกับสะพานสานฝัน..ซิสโก ที่ได้ชื่อว่าเป็น สะพานแขวนแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะก็! เราเองมุงหน้าลัดฟ้าจากออร์แลนโด้ 7 โมงเช้า บิน 6 ชม ไกลมากๆๆ ถ้าเป็นเมืองไทยก็จะไปถึงประมาณซีรี่เกาหลี...ประมาณนั้นๆๆๆๆๆ แต่นี่แค่ข้ามรัฐหรือจังหวัดเท่านั้น ล้อแต๊ะพื้นซานฟาน 10 โมงครึ่ง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชม.ครึ่ง พอถึงก็เข้าเมืองแบบประหยัดง่ายสุดด้วยรถไฟความรวดเร็วสูงงงงงงงง...สุดยอด ที่เป็นความฝันของมวลมหาชนชาวไทย โดยสาร BART จากสนามบินมาลง Montgomery.st downtown เดินชมวิวไปเลื่อยๆ ผ่าน Bank U.S. เดินขึ้นไปทาง Chainatown ใช้เวลาเดินไม่ไกลมากนัก รับรองไม่หลง
"ประตูทอง"-Golden Gate" "สะพานโกลเดนเกท
สะพานสานฝันให้มวลมหาประชาชนทั้งโลกได้รู้จักอเมริกา และเป็นสะพานแขวนแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเสาสะพานที่สูงที่สุดในโลก ของซานฟรานซิสโก เป็นเส้นทางสู่อ่าวซานฟรานซิสโก และเชื่อมใจระหว่างซานฟรานฯ กับมาริน เคาท์ตี นอกจากความงดงามของตัวสะพานเองแล้ว อภิมหาอลังการณ์ที่มนุษย์ได้เนรมิตขึ้น กับการก่อสร้างก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะการสร้างสะพานบริเวณนี้ทำได้ยากลำบาก เพราะมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและเยือกเย็น นับเป็นความสำเร็จอีกอย่างของมนุษย์ในการเอาชนะธรรมชาติได้
"San Francisco" CABLE CAR!
" Wow..!! S F O " CABLE CAR!หากใครได้มาที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดรถราง ที่ไม่ต้องใช้ความเร็วสูง
เป็นเอกลักษณ์ของซานฟรานซิสโกมาตลอด คือ รถรางหรือรถเคเบิ้ล เป็นของเก่าแก่ประจำเมืองที่ยังคงวิ่งอยู่ในปัจจุบัน ควรค่าต่อการอนุลักษณ์ ่กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาสัมผัสกลิ่นไอย้อนยุคไปกับรถรางสายวัฒนธรรมมากกว่าชาวเมืองซานฟรานที่ขึ้นรถรางเสียอีก สมัยก่อนจะใช้ม้าลากรถราง แต่เนื่องจากถนนในซานฟรานซิสโกเป็นเนินเขาที่สูงชันหลายแห่ง การใช้ม้าอาจเกิดอันตรายได้ จึงมีผู้คิดค้นรถรางที่ใช้ไฟฟ้าและเปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1873 เป็นระยะทางรวมถึง 180 กิโลเมตร ปัจจุบันเหลือวิ่งเพียง 3 สาย รวมระยะทาง 11 กิโลเมตร แอบคิดเล็กๆๆๆ บ้านเราก็มี รถรางวิ่งรอบพระแก้ว แต่ไม่รู้ยังมีให้บริการอยู่หรือเปล่า
"สานฝัน ซิโก" San Franciscoมนต์เสน่ห์ของเมืองที่แสนอบอุ่น มาเที่ยวในเมืองกันจ๊ะ กับเมืองใหญ่ที่แสนอบอุ่น SFO
อากาศตอนนี้เห็นฟ้าแจ่มๆ แดดเปรี้ยงแบบนี้ แต่ก็หนาวติดลบตลอด วันนี้เราเลยชวนมาเที่ยวชมเมืองใหญ่ที่แสนอบอุ่นอย่างเมืองซานฟรานซิโกกันแบบสบายๆ ไม่รีบไม่เร่งแต่สบายเวลาของที่นี่ต่างกับบ้านเราอยู่มาก แต่ 1 ชม.ของที่นี่รู้สึกมันยาวกว่าบ้านเราเยอะเลย ซานฟรานซิสโก บ้านเมืองจะตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ขึ้นลงสลับกันไปมาถึง เราจะเห็นบ้านเรือนตั้งเรียงรายบนถนนที่ลาดชัน เป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ เพราะที่นี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและทวีปอเมริกา จึงมีบ้านเมืองเก่าให้เห็นมากมาย สวยสะอาดตาไปหมด เป็นระเบียบเรียบร้อยดีจัง
Museum
อาคารพีระมิดที่เห็นมีชื่อว่าตึกทรานส์อเมริกา (Transamerica Pyramid) เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1972 ที่นี่จะเกิดแผ่นดินไหวมาก ว่ากันว่าตึกนี้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้เป็นอย่างดี
Transamerica Pyramid
Wow !!!! สัญญาลักษณ์ของ SF
"Lombard Street" (ลำบาก สตรีท)!
San Francisco Bay มองจาก Lombard Street
Lombard Street (ลำบาก สตรีท)!ถนนสายคดเคี้ยว เลี้ยวไปเลี้ยวมา น่าเวียนหัวถ้าไม่เมื่อยก็มา...ได้เลย
บอกตามตรงเดินมาทั้งวันพอมาเห็นถนนเส้นนี้อีก แล้วต้องปีนขึ้นไปอีก เมื่อยๆๆๆๆๆ มาก ถนนลอมบาร์ด เชื่อมระหว่าง ถนนไฮด์ (Hyde) กับ ถนนลีเวนเวิร์ท (Leavenworth) ใน เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อว่าเป็น ถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลก เป็นทางลาดชัน 40 องศา เป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว ซึ่งประกอบด้วย 8 โค้งหักศอก ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดความสูงชันของเนินเขา และจำกัดความเร็วอยู่ที่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การขับขี่บน ถนนลอมบาร์ด จึงเป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจของหมู่นักท่องเที่ยว ต้องอาศัยความชำนาญและความระมัดระวังอย่างมาก เพราะเป็นถนนที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเสมอ ทางที่ดีเดินลงบันข้างทางน่าจะปลอดภัยสุด!
กับ 1 ใน 10 อันดับ ถนนที่ดังที่สุดในโลก
ถึงลำบากก็ต้องมาให้ถึง ถนนสายสั้นๆ แต่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย เราเองว่าจะขอขับลงเนินเพื่อเป็นเกียติประทับไว้แก่ชาวบ้านซานฟานแถวนี้ แต่ก็ถูกห้ามไว้จากมวลมหาประชาชนผู้หวังดีทั้งหลายเพราะตอนนี้ Thailand ดังกระช่อนอยู่แล้วทั้ง ซีเอ็นเอน.. อัลจาก็อตซีล่า เอ็นเอชเค รายงานกันแถบทุกวัน...บ๊ายดีกว่า
Lombard Street หรือจะสู้ " ป า ย "
Love SFO !!!!
Lombard Street หากใครจะมาลำบากก็แค่ขึ้นรถรางสาย Powell-Hyde ก็จะไปจอดที่หัวถนนพอดิบพอดี คุณจะได้เห็นถนนนี้จากมุมบน แล้วก็ยังได้เห็นวิวของเมืองนี้ที่สวยมาก ๆ อีกมุมหนึ่งด้วย แต่จะให้สวยก็เดินลงไปด้านล่างแล้วถ่ายรูปจากมุมข้างล่างขึ้นมา คุณก็จะเห็นถนนเส้นนี้จะจะ ว่าคดขนาดไหน ใครมาเมืองนี้ไม่มาที่นี่ก็ถือว่าไม่ถึงเหมือนกันถนนลอมบาร์ดนี้ สำหรับนักขับรถ รถจำนวนมากจะไหลๆ ตามกันลงมา เมื่อใครเบรกหยุดสักคน รถที่ตามหลังมาก็จะชะงักกันไปหมด จนกลัวจะได้ยินเสียงตูม หรือ โครม และกลิ่นเหม็นของผ้าเบรค และไอเสีย ที่ฟุ้งตลบ ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อน ถึงขั้นเรียกร้องให้ปิดถนน นี้เสียไม่ให้รถวิ่งอีกต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวที่มาลองขับรถสร้างความรำคาญให้ไม่เว้นแต่ละวัน ยิ้งหน้าท่องเที่ยว ฤดูร้อน รถจะติดยาวเป็นกิโลเมตรเป็นไงเราเริ่มจะเห็นทางลำบากของชุมชนแถวนี้กันแล้ว แต่สีสันก็คือสีสันของการท่องเที่ยวจ๊ะ review by //www.sstripsthailand.com
ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการมาที่นี่ เพราะว่าต้นไม้ต่างแข่งกันออกดอกแย่งกันโชว์ความงามไปตามถนนที่แสนจะคดเคี้ยวนี้ ถ้าคุณขับรถไปก็อย่าลืมลองขับรถลงถนนเส้นนี้ดูจะได้ไปคุยกับเขาได้ว่าเคยขับรถบนถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลกมาแล้ว แต่ถ้าไม่มีรถ ก็เดินทางไปไม่ยาก แค่ขึ้นรถรางสาย Powell-Hyde ก็จะไปจอดที่หัวถนนพอดิบพอดี
จะสู้ ไปไหนไป " ป า ย " ได้ไงเนอะ! พันกว่าโค้ง ลงจากรถมาเดินไม่เป็นเลย
Abraham Lincoln
มาช่วงนี้ดอกไม้ยังไม่สวยเท่าไหร่
Chinese New Year 2014
Chinese New Year 2014บรรยายกาศ ความสุขที่เต็มเปี่ยม วันดีๆๆ ของพี่น้องชาวจีน" อั๊ยย่าา ก็มาถึงไชน่าทาว์แล้ว ความหนาแน่นของมวลมหาประชาชน
China Town เมืองสองร้อยกว่าปีก่อน มีผู้คนอพยพเข้ามาแสวงหาโอกาสให้กับชีวิตใหม่มากมาย และดินแดนแห่งนี้ได้อยู่ในฝันของใครหลายคน หนึ่งในคือชาวจีนแผ่นดินใหญ่ สมัยก่อนกระแสตื่นทองยังทำให้ซานฟรานฯ กลายเป็นแหล่งคนงานทำเหมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีนอพยพ นับเป็นรุ่นล่าสุดของอเมริกาหลังยุคสงครามกลางเมือง คนงานชาวจีนซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงยาฝิ่นลงเรือกลไฟแล่นข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังซานฟรานฯ ก่อนถูกกระจายไปตามเหมืองทองคำที่ต่างๆ ชาวจีนที่หลั่งไหลเข้าอเมริกาในช่วงตื่นทองนี้ ไม่เพียงทำให้อเมริกันเรียนรู้พลังของแรงงานผิวเหลืองจากเอเชียตะวันออก หากทำให้ชาวจีนเรียนรู้ที่จะอยู่ในวัฒนธรรมตะวันตกในเวลาต่อมาด้วย ชุมชนการค้าของชาวจีนในซานฟรานซิสโก กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่นับแต่นั้นจนวันนี้ Peace and Freedom หลายเผ่าพันธ์ดำรงอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ของโลกใบนี้ แม้ว่าโลกปัจจุบันจะเจริญถึงขีดสุดเพียงใด แม้ว่าหน้าที่บทบาทความเป็นมหาอำนาจจะกำหนดกฎเกณฑ์ได้ยิ่งใหญ่สักเพียงใด กาลเวลาบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงจะแปรเปลี่ยนไป เผ่าพันธ์ที่แข็งแรงกว่า ความสามัคคี ความเสียสละ ความเป็นบึกแผ่น ของคนในชาติ์ที่พร้อมเพียงกว่าจะก้าวมาเป็นมหาอำนาจอย่าง Beijing
กับบล็อคเฉพาะกิจเล็กๆ ถ่ายทอดมุมมองอีกซีกโลก จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของอเมริกา การรวมใจเป็นหนึ่งเดียว จากดินแดนที่ถูกค้นพบหลังสุด จนกลายเป็นดินแดนที่ใครๆ ใฝ่ฝัน
กลับเมืองใหญ่ีทีแสนอบอุ่น กับคุณภาพชีวิตที่อยู่เหนือวัตถุนิยม ความสะดวกสบายที่พอเพียง
ขอให้สันติภาพกลับคืนสู่ประเทศไทย สวัสดี! ประเทศไทย
//www.sstripsthailand.com