The journey of a thousand miles begins with one step

<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 กรกฏาคม 2551
 

กลับมาเยือน Kitchen's Hush อีกทีเพื่อมื้อค่ำและปลาดิบ

หายไปเสียนานเลย กลับไปดูร้านสุดท้ายที่รีวิวไว้ อ้ะ มันปาเข้าไปสองเดือนแล้วนิ ที่ไม่ได้ทำรีวิวเลย คือช่วงนี้ทรัพย์จางเป็นพิเศษ หลังจากแอบหนีไปเที่ยวมาสองสัปดาห์ กระเป๋าปกติที่เบาๆ อยู่แล้ว แทบจะกลวงโบ๋เลย แต่ปะเหมาะดีที่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมเยือนร้านอาหารญี่ปุ่น kitchen's hush ที่ตั้งใจไว้ว่า ต้องกลับมาชิมปลาดิบที่นี่ให้ได้ และเมนูปลาดิบจะมีเฉพาะตอนเย็นเท่านั้น งั้นเราต้องหาเหยื่อพาไปกินดินเนอร์ซะหน่อย

สำหรับคราวนี้ จะมีเฉพาะเรื่องของอาหาร เพราะตัวร้านและการตกแต่งรีวิวไปแล้วนิ วันที่ไปทานมื้อค่ำที่ kitchen's hush ค่อนข้างจะค่ำสักหน่อย คือเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว โต๊ะด้านล่างเต็มหมดทุกโต๊ะ เราเลยต้องขึ้นไปนั่งข้างบน ด้านบนของร้านแบ่งออกเป็นห้องๆ มีทั้งหมดสามห้อง เป็นห้องปรับอากาศสองห้อง เหมาะสำหรับเป็นห้องจัดเลี้ยงมาก เพราะแต่ละห้องโต๊ะยาวเหยียด



ถึงแม้ว่าจะได้ขึ้นไปยังห้องชั้นบนของตัวบ้าน แต่คอนเซ็บการตกแต่ง ยังคงเก๋ไก๋ และเค้าจัดอุปกรณ์สำหรับเรียกพนักงานเสริฟไว้บนโต๊ะด้วย เป็นระฆังทองเหลืองใบน้อย และใช้เวลาแป๊บนึงพนักงานเค้าก้อเข้ามาแล้ว บริการยอดเยี่ยมมาก



สำหรับอาหารค่ำวันนี้ ด้วยความที่อยากทานปลาดิบ เราต้องสั่งปลาดิบสิ แต่ว่าชุดใหญ่ดูเหมือนจะมากไปนิด เราเลยสั่งแค่ปลาดิบชุดเล็กที่นึง ส่วนเจ้าภาพของเราอยากทานเกี๊ยวซ่า ส่วนเรา อารามหิวมากๆ เลยสั่ง set dinner มา 1 ชุด ส่วนเครื่องดื่ม ชาเขียวฟรี เติมได้เรื่อยๆ จ้า



พอดีตอนไปถึง ลูกค้าส่วนใหญ่ได้อาหารทานกันแล้ว เราเลยรอไม่นานนัก อาหารจานแรกมาถึง พอเค้าเอามาวางก้อมองหน้ากันนิดนึง เพราะว่าใครสั่งถ้วยนี้เหรอ น้องพนักงานเสิร์ฟบอกว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับ dinner set ของเราล่ะ ถ้วยนี้คือสลัดแตงกวาโรยไข่กุ้ง ตกแต่งมาซะสวยเลย



อาหารเรียกน้ำย่อยจานต่อไป เกี๊ยวซ่าทอดร้อนๆ มาแล้ว ตัวแป้งนุ่ม ส่วนที่เป็นไส้รสชาติกลมกล่อมหอมกระเทียมนิดๆ เพื่อนร่วมโต๊ะบอกว่าอร่อยมาก พอได้ยินเท่านั้น เราเลยต้องรีบคว้าใส่ปาก เดี๋ยวกินไม่ทันเค้าอีก

หลังจากสำเร็จโทษเกี๊ยวซ่าไป อาหารจานหลักเริ่มทะยอยมาเสริฟ จริงแล้วลำดับการกินอาหารญี่ปุ่น เพื่อนที่เป็นญี่ปุ่นเคยสอนเราไว้ว่า ต้องทานของดิบก่อน แล้วค่อยทานของร้อน ไม่ควรทานสลับกัน จะทำให้รู้สึกว่าของดิบไม่อร่อยและคาว แต่คราวนี้ทำมิได้อ่ะ เพราะว่ามันหิววววว แถมเกี๊ยวซ่ามาก่อนปลาดิบ มันก้อต้องกินเกี๊ยวซ่าก่อนดิ



ดูปลาดิบชุดเล็กจานนี้สิ มันไม่เล็กสมชื่อเลยล่ะ เพราะว่ามันเยอะจังเลย ปกติเรามักจะไม่ระบุราคาของอาหารนะคะ แต่จานนี้ขอนำเสนอในราคา 290 บาทเอง โอไปทานร้านอื่นๆ ในเมืองเชียงใหม่ร้านไหนได้จานขนาดนี้ในราคาเท่านี้บ้างนี่



ทั้งปริมาณและชนิดกินขาด ไม่มีปูอัดปะปนมาให้เคือง เพราะถ้าเป็นปลาดิบแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องไม่มีปูอัดนะจ้ะ ดูขนาดชิ้นของปลาทูน่าเนื้อสีชมพูแดงที่ หนาเกือบ 1 เซนติเมตรแน่ะ และยังมีปลาหมึกสดๆ ปลาหมึกยักษ์ กุ้งหวาน ทานกับวาซาบิขูดสดๆ โอ้ววว เนื้อปลาแทบละลายในปาก คุ้มค่าแห่งการรอคอยจริงๆ



หลังจากแอบฉกปลาดิบของเพื่อนร่วมโต๊ะมาได้สามสี่คำ (ก้อใครจะอดใจไหวล่ะ ปลาชิ้นโตขนาดนั้น) อาหารที่เราสั่งก้อมาถึง มาเป็นถาดเลย ว้าววววว ถาดใหญ่มาก มีทั้งของดิบ อาหารร้อน ของย่าง ของต้ม อย่างละนิดอย่างละหน่อย รวมแล้ว 8 จานเล็กๆ กับข้าวก้อนโต น่ากินสุดๆ แถมตกแต่งมาอย่างเก๋ไก๋ ตามคอนเซ็บของร้าน



ไอ้อย่างละนิอย่างละหน่อย แต่กินทั้งหมดมันก้อทำให้อิ่มมากๆ ได้นะ จานที่เด่นสะดุดตาที่สุดในถาดของเราคงเป็นปลาดิบล่ะ ซึ่งประกอบด้วย ปลาแซลมอนชิ้นโตสวยงาม ปลาทูน่าและปลาหมึกสด ความหนาของชิ้นปลาและความใหญ่กินขาดอาหารชุดของร้านอาหารญี่ปุ่นบางร้านเลย



สลัดไข่ต้มกับมันฝรั่ง ช่างเป็นอาหารง่ายๆ แต่รสชาติดี ในถ้วยใบน้อย



สองถ้วยที่รสชาติแบบอาหารญี่ปุ่นจริงๆ เต้าหู้เย็นโรยขิงขูดกับต้นหอม และมะเขือม่วงย่างมิโสะ เต้าหู้ก้อคือเต้าหู้ล่ะนะ มันจืดๆ เย็นๆ ส่วนมะเขือม่วง เค้าเอามะเขือคลุกกับมิโสะแล้วย่างจนหอม รสออกเค็มๆ หวานๆ เสียบไม้มาสองชิ้น ใส่ถ้วยทรงสูงมา ตอนแรกนั่งสงสัยอยู่ว่ามันคืออะไรเหรอเนี่ย ดูไม่น่ากินเลย แต่อร่อยจริงๆ



จานต่อมา นี่ก้อเป็นอาหารง่ายๆ แต่รสชาติดีอีกจานนึง ฟักทองต้มซีอิ้ว เนื้อฟักทองญี่ปุ่นหวานๆ ต้มกับซีอิ้วเค็ม รสออกเค็มๆหวานๆ ทานกับข้าวเข้ากันได้ดีมาก ส่วนที่หวานๆ อีกจานคือถั่วแดงเม็ดโตต้มหวาน ใส่มาในถ้วยน้อยๆ แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา



สำหรับคู่นี้เป็นอาหารร้อน คือหมูผัดขิงและซุปมิโสะ ซุปร้อนๆ ของร้านนี้ รสชาติกลมกล่อม เวลาซดเข้าไปมันให้ความรู้สึกน้ำลายสอคล่องคอมาก และอีกจานนึงที่ตกแต่งมาซะไม่อยากกินเลยคือหมูผัดขิง เมนูธรรมดาที่บรรจงห่อมาในกระดาษไขแล้วมัดด้วยต้นหอม เพิ่มมูลค่าให้หมูธรรมดาดูไฮโซขึ้น แถมยังมีก้อนขาวๆ กับต้นหอมอยู่บนจานอีกแน่ะ รึว่าจะให้ทานคู่กับหมูผัดขิง



เปิดห่อสมบัติ ข้างในก้อพบกับหมูผัดขิงที่หน้าตาธรรมด้า ธรรมดา รสชาติไม่จัดจ้านเหมือนอาหารไทย แต่ก้อทานกับข้าวอร่อยดี หอมขิงเข้ากับหมูนุ่มๆ ส่วนไอ้ก้อนขาวๆ คือครีมชีส ทานครีมชีสคู่กับหมูผัดขิง รสชาติเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อเชียวแหละ

สำหรับมื้อค่ำครานี้ เรียกได้ว่าประทับใจกับอาหารมาก โดยเฉพาะรายการของปลาดิบ แต่ที่เซ็งหน่อยคือเรื่องของเวลาเอามาเสริฟ ใช้เวลานานมาก หากจะทานอะไร ควรสั่งให้เสร็จ เพราะว่าตอนที่สั่งของหวานหลังจากทานอาหารเสร็จ กว่าขนมจะมา มันนานมาก จนไอ้ที่กินเข้าไปก่อนทำให้อิ่มซะแล้ว เล่นเอาหายอยากเลย ทั้งๆ ที่ขนมโมจิใส่ถั่วแดงบดเย็นเป็นขนมที่ชอบกินมาก

อ้อ ที่สำคัญสำหรับคนที่อยากไปทานอาหารร้านนี้ กรุณาพกเงินสดนะคะ ร้านนี้ไม่รับบัตรเครดิต เพราะความไม่รู้ เล่นเอาเกือบหมดเนื้อหมดตัวมาแล้ว เนื่องจากมีเงินสดในตัวไม่พอ ทั้งๆ ที่ราคาอาหารไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง


Create Date : 04 กรกฎาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 17:22:00 น. 2 comments
Counter : 2127 Pageviews.  
 
 
 
 
น่ารับประทานทั้งนั้นเลยค่ะ
 
 

โดย: Oh_veena วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:20:24 น.  

 
 
 
ร้านนี้ไปทานมาแล้ว..... อร่อยมาก ๆ
 
 

โดย: Pastel pied วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:05:39 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

AjN_O
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
ถ้าคุณเข้ามาที่นี้ แปลว่าคุณชอบกินและเที่ยวเหมือนกับเรา
ข้อความต่างๆ ที่อยู่บน blog เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ
ไม่ได้ทำเพื่อโปรโมทในเชิงการค้า ส่วนภาพถ่ายก็มาจากฝีมือของเราเอง สวยมั่งไม่สวยมั่ง ชื่นชมกันได้ตามสะดวกนะคะ
[Add AjN_O's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com