|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 9 ความสัมพันธ์ในกลุ่มย่อย
**ความขัดแย้งในกลุ่มย่อย แบ่งออกเป็น 5 ประเภท
1. การขัดแย้งระหว่างบุคคล: เกิดจากทัศนคติ ค่านิยมความเชื่อไม่เหมือนกัน 2. ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง : เกิดจากพฤติกรรม ต่างดิ้นรนแสวงหาอำนาจ ตำแหน่ง ที่ไม่เป็นจริง : เกิดจากความเข้าใจผิด เช่น แข่งขันกันเพื่อหวังจะได้รับการชมเชย หรือการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลบางอย่าง 3. การขัดแย้งที่รุนแรง : ต้องใช้กำลังแก้ไข ไม่รุนแรง : แก้ไขโดยการพูดจากัน 4. การขัดแย้งกันโดยตรง: เรื่องส่วนตัว ต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างบุคคลในการแก้ปัญหา โดยอ้อม : สาเหตุจากเรื่องงาน ต้องอาศัยคนกลางมาไกล่เกลี่ย เช่น การขัดแย้งระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง 5. การขัดแย้งด้วยหลักการ กับด้วยความดื้นรั้น : เกิดจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน
**สถานการณ์ 3 แบบ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง 1. สถานการณ์ที่พึงยอมรับ ระหว่างทางเลือกทั้งสองทาง จะต้องเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น โดยมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความขัดแย้ง ดังนี้ คุณค่า : หากคุณค่าแต่ละทางเลือกมีโอกาสเท่าๆกัน โอกาสที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งจะมีมากขึ้น ความน่าจะเป็น : ถ้าแต่ละทางเลือกมีความน่าจะเป็นเท่าๆกัน ความขัดแย้งย่อมมีมาก จำนวนทางเลือก : มีมากน้อยเพียงใด 2. สถานการณ์ที่พึงยอมรับ และพึงหลีกเลี่ยง หมายถึง การขัดแย้งที่ก่อให้เกิดผลดี และผลเสียพร้อมๆกัน เช่นถ้าตัดสินใจอยู่ในเมืองจะทำให้ชีวิตสะดวกสบาย แต่ก็จะมีปัญหาค่าครองชีพสูง ความแออัด และอาชญากรรม 3. สถานการณ์ที่พึงหลีกเลี่ยง เช่น นักศึกษาจำเป็นต้องอ่านหนังสือเล่มที่ไม่ชอบ และจะต้องอ่านให้จบเล่มเพราะว่ากลัวสอบตก (การอ่านหนังสือเป็นสิ่งน.ศ.ไม่ต้องการ และการสอบตก ก็ไม่ต้องการด้วย)
**ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง - จำนวนสมาชิก : ถ้ามีจำนวนมากโอกาสขัดแย้งมากขึ้น - จำนวนและชนิดของข้อมูล : การแจ้งข่าวสารผิดๆ หรือกระจายข่าวสารไม่ทั่วถึง ข่าวสารมากเกินไป - การถือพวกถือหมู่ : มีกลุ่มเล็กแฝงอยู่ในกลุ่มย่อย - ลักษณะของกลุ่มที่กำลังจะสลายตัว : ขาดการติดต่อสื่อสารระหว่างสมาชิกด้วยกัน - ลักษณะของบุคลิกภาพของสมาชิกในกลุ่ม : บุคคลที่ก้าวร้าวรุนแรง ใจแคบ ดันทุรัง ก็จะขัดแย้งกับคนที่มีบุคลิกตรงข้าม
**ปัจจัยที่สร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มย่อย - คนมักจะชอบติดต่อกับคนที่เหมือนกัน : เช่น เพศ อายุ การศึกษา เชื้อชาติ ศาสนา ญาติ ทัศนคติ ความเชื่อ ความคิดเห็น - คนที่เหมือนกันทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ : เช่น ถ้าพนักงานที่จบจากสถาบันเดียวกันย่อมจะพุดคุยเข้าใจกันได้ดี - การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะทำให้บุคคลมีทัศนคติเหมือนกันยิ่งขึ้น : เมื่อคนคบหากันนานๆก็แสดงว่ามีความเข้าใจกัน มีความคิดเห็นเหมือนกัน
**ผลของความสัมพันธ์ในกลุ่มย่อย ความสัมพันธ์ในกลุ่มย่อยก่อให้เกิดสมาชิกในกลุ่มคบหาสมาคมกันมากขึ้น มีผลต่อกลุ่ม ทำให้สมาชิกในกลุ่มมีความดึงดูดใจกัน นำไปสู่ดุลยภาพทางการสื่อสาร หมายถึง บุคคลมักจะสนใจบุคคลอื่นที่เหมือนกับตัวเอง และไม่สนใจคนอื่นที่แตกต่างไปจากตัวเอง - คนที่ชอบสิ่งเดียวกัน เป็นดุลยภาพทางบวก - คนที่ไม่ชอบสิ่งเดียวกัน เป็นดุลยภาพทางลบ - คนหนึ่งชอบ อีกคนหนึ่งไม่ชอบ เป็นการสื่อสารที่ไม่มีดุลยภาพ
**การสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มย่อย - การสื่อสารต้องเป็นลักษณะของการพรรณนา ไม่ใช่เป็นการประเมินหรือแสดงความคิดเห็น - ลักษณะของการสื่อสารควรมุ่งแก้ปัญหา ไม่ใช่ควบคุม หรือสร้างอิทธิพล - การสื่อสารต้องเกิดขึ้นเองด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เป็นการแสร้งทำ หรือมีการวางแผนไว้ก่อน - พฤติกรรมการสื่อสารควรเกิดขึ้นด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน จะสร้างความไว้วางใจกันมากกว่าระแวงซึ่งกันและกัน
**ความเป็นผู้นำในกลุ่มย่อย
1. คุณสมบัติของผู้นำ - สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีพละกำลัง อดทนมากกว่าคนอื่น - มีสติปัญญาสูง มีความสามารถชักจูงให้คนอื่นเห็นคล้อยตาม มีความคิดริเริ่ม หรือวิธีการใหม่ๆ - มีความเชื่อมั่นในตัวเอง กระตือรือร้น รอบคอบ สุขุม - มีลักษณะของการเปิดตัว ตามความเหมาะสม - มีความรอบรู้ มองการณ์ไกล ฯลฯ
2. แบบของผู้นำ แสดงถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจกับผู้ใต้บังคับบัญชา - ผู้นำเสรีนิยม : ให้อิสระ - แบบประชาธิปไตย : ใช้ความคิดเห็นส่วนใหญ่ - แบบเผด็จการ : ควบคุมและสั่งการด้วยตัวเอง ตัดสินใจเอง
3. วิธีที่ใช้ในการทำงานเพื่อให้งานของกลุ่มประสบผลสำเร็จ - ผู้นำที่มุ่งงาน : งานที่อาศัยการตัดสินใจ วัดผลงานที่ได้แน่นอน - ผู้นำที่มุ่งคน : งานที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของคน ควบคุมพฤติกรรมของกลุ่ม สร้างความจงรักภักดี ลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้
4. การทำหน้าที่ของผู้นำ - ริเริ่มแนวความคิด : นำวิธีการใหม่ๆมาใช้ - เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งในกลุ่ม : จะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ประสบผลสำเร็จ - เป็นตัวแทนของกลุ่ม : ทำหน้าที่ปกป้องกลุ่มจากการถูกคุกคามภายนอก - การจัดองค์การ : จัดโครงสร้างของงานในกลุ่ม จัดวางความสัมพันธ์ของหน้าที่ต่างๆ - ประสานงาน : แก้ปัญหาการขัดแย้งระหว่างสมาชิก และปัญหาในการบริหาร สร้างบรรยากาศที่ดีในการปฏิบัติงาน - การบริหารข้อมูล : จัดหาข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูล และแจ้งข้อมูลให้แก่สมาชิก - การคุ้มครอง : กลั่นกรองข้อมูล ความเหมาะสมของการให้ข้อมูลแก่ภายนอก - การประเมิน : พฤติกรรมของสมาชิก ทั้งทางตรงและทางอ้อม - ก่อให้เกิดผลงาน : รับผิดชอบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของงาน สร้างผลงานให้ได้มากที่สุด
**ปัจจัยการใช้อำนาจของผู้นำกลุ่มย่อย
1. รูปแบบของผู้นำ คือการใช้อำนาจที่เหนือกว่าบุคคลอื่นเช่น - ผู้บริหาร จะต้องใช้อำนาจโดยยึดหลักการลงโทษ และการให้รางวัล - หัวหน้ากลุ่มนักเลง ใช้ความกล้า เป็นปัจจัยในการเป็นผู้นำ
2. วิธีการสื่อสารในกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ คือการชักจูงสมาชิกให้ไปในแนวทางเดียวกัน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยการสื่อสารด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมของกลุ่ม
**หลักการสื่อสารในกลุ่มย่อย ผู้นำกลุ่มจะต้องยึดหลักการ ดังนี้
- ส่งเสริมให้กิจกรรมของกลุ่มดำเนินไปด้วยความราบรื่น รวดเร็ว ไม่มีอุปสรรค - ซักถามเรื่องที่เป็นปัญหาของกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว - กระตุ้นให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา - แสดงการยอมรับ ต่อข้อเสนอแนะของสมาชิกด้วยความจริงใจ - ส่งเสริมให้สมาชิกเกิดความรู้สึกร่วมรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดขึ้น
Create Date : 06 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2552 12:23:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2904 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|