1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
MGT 2201 บทที่ 7 การประเมินผลโครงการฝึกอบรม
เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการฝึกอบรม ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับผิดชอบการฝึกอบรมและผู้เกี่ยวข้องทราบถึงผลสำเร็จของการจัดฝึกอบรม ในแง่การบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการฝึกอบรม ความหมายของการประเมินผลโครงการฝึกอบรม การประเมินผลโครงการฝึกอบรม หมายถึง กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฝึกอบรม เพื่อจะได้ทราบว่าสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือไม่เพียงใด ตลอดจนนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนาโครงการฝึกอบรมอื่น ๆ ต่อไป วัตถุประสงค์ของการประเมินผลโครงการฝึกอบรม เพื่อตรวจสอบว่าสามารถดำเนินโครงการฝึกอบรมให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ หรือไม่?และประสบผผลสำเร็จระดับใด? เพื่อตรวจสอบการเรียนรู้ของผู้เข้าอบรมหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรมว่าได้รับความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มพูนความสามรถทักษะ หรือปรับเปลี่ยนทัศนคติได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใด? เพื่อตรวจสอบว่าผู้เข้ารับการอบรมได้นำสิ่งต่างๆที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการปฏิบัตงานไปในทิศทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรหรือไม่ เพื่อตรวจสอบว่าองค์กรหรือหน่วยงานได้รับผลลัพธ์อย่างไร ภายหลังจากจัดโครงการฝึกอบรมไปแล้ว เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับจากการประเมินผลโครงการฯ ไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข และพัฒนาโครงการฯ อื่นๆในอนาคตให้ดีขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลโครงการฝึกอบรมจะต้อง มีความเที่ยงตรง (Validity) หมายถึง ความสามารถในการวัดสิ่งที่เราต้องการจะวัดหรือประเมิน ไม่คลาดเคลื่อน สามารถวัดคุณลักษณะได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน มีความเชื่อถือได้ (Reliability) หมายถึง เชื่อถือได้ว่าเมื่อนำเครื่องมือนั้นไปวัดแล้วนำไปวัดอีกกี่ครั้งก็ตาม ก็จะได้ผลลัพธ์คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ให้ผลการวัดที่แน่นอน สม่ำเสมอ ถูกต้องกับความเป็นจริง เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลโครงการฝึกอบรม 1. แบบบันทึกการสังเกต (observation form) เป็นเครื่องมือบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรม (วิทยากร หรือผู้เข้าอบรม) ที่เกิดขึ้นในระหว่างการฝึกอบรม ขณะทำกิจกรรมต่างๆ หรือพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นหลักจากฝึกอบรมไปแล้วระยะหนึ่ง เช่น การสังเกตการปฏิบัติหน้าที่ของวิทยากร ใช้เวลานานเกินไป ไม่มีเอกสารประกอบการสอน ยกตัวอย่างประได้ดีมาก ใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ไม่อธิบายความหมาย แบบสังเกต แบบตรวจสอบรายการ (checklist) ใช่ /ไม่ใช่ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) แบบจดบันทึกข้อมูลต่างๆ โดยอิสระ แบบสังเกตที่ดี กำหนดสิ่งที่จะสังเกต เป็นการสังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมาย ควรระบุให้ชัดเจนว่าจะสังเกตอะไร สังเกตด้วยความพินิจพิเคราะห์ เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง ขจัดความลำเอียงส่วนตัวของผู้สังเกต บันทึกข้อมูลตามความเป็นจริง เพื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือช่วยเตือนความจำ เช่นแบบสังเกต 2.แบบสัมภาษณ์ ใช้ประเมินความรู้ ความเข้าใจ และความรู้สึกนึกคิดในใจของผู้เข้าอบรม รวมถึงใช้เป็นเครื่องมือในการสอบถามพฤติกรรมต่างๆของผู้เข้าอบรม รูปแบบของการสัมภาษณ์ 1. การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง หมายถึง การสัมภาษณ์ที่ไม่ใช่แบบสัมภาษณ์ คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ คำถามที่เหมือนกันหมดกับผู้ถูกสัมภาษณ์ทุกคน 2. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง หมายถึง การสัมภาษณ์ที่ผู้สัมภาษณ์จะใช้แบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึ้นไว้แล้ว แบบสัมภาษณ์ ประกอบด้วยกลุ่มของคำถามสำหรับใช้สัมภาษณ์ เช่น คำถามแบบเปิด : การเว้นช่องว่างสำหรับจดบันทึกผลสัมภาษณ์ คำถามแบบปิด : มีการกำหนดคำตอบไว้ล่วงหน้า การสัมภาษณ์ เหมาะสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลในกรณีการติดตามผลหลังจากการฝึกอบรม เช่น สัมภาษณ์ผู้เข้าอบรมเกี่ยวกับพฤติกรรม ความคิดเห็นที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน สัมภาษณ์ผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบที่ได้รับหลังจากผู้อบรมกลับเข้ามาปฏิบัติงาน รูปแบบการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์แบบมาตรฐาน (Structured interview) มีระเบียบแบบแผน เตรียมการ เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ กำหนดข้อคำถาม วางแผนก่อนสัมภาษณ์ ทุกคนจะต้องตอบคำถามในลักษณะเดียวกัน การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นมาตรฐาน (Unstructured interview) ไม่มีรูปแบบตายตัว ผู้สัมภาษณ์เป็นผู้กำหนด คำถามอาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 3. แบบทดสอบ เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อตรวจสอบและใช้ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สติปัญญาหรือการวัดผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ของผู้เข้าอบรม ความรู้ ความจำ ความเข้าใจ ความคิด ประเภทแบบทดสอบ 3.1 แบบเลือกตอบ (multiple choice) ประโยคคำถามต้องสมบูรณ์ ตั้งคำถามให้ชัดเจน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เขียนตัวเลือกให้ถูกต้อง มีคำตอบเดียวที่ถูกต้อง ไม่ควรมีคำถามที่ใช้วัดความจำอย่างเดียว หลีกเลี่ยงตัวเลือกประเภท ถูกทุกข้อ ผิดทุกข้อ หลีกเลี่ยงการใช้คำถามปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ เช่น ตัวอย่างคำถามปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ : ถ้าไม่ออกกำลังกายมากเกินไป จะไม่เป็นอันตรายกับอวัยวะส่วนใด? ก.ปอด ข.หัวใจ ค.กล้ามเนื้อ ง.กระเพาะปัสสาวะ ควรใช้ : ถ้าออกกำลังกายมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่ออวัยวะส่วนใด? 3.2 แบบถูก-ผิด (true-false) ใช่หรือไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง หลีกเลี่ยงคำถามประเภท ถูกเป็นบางส่วน หรือ ผิดเป็นบางส่วน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ขยายข้อความที่ช่วยให้เป็นคำถามว่าผิดหรือถูกให้ชัดเจน อย่าใช้ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ เพราะทำให้เกิดความสับสน เช่น ท่านไม่เคยที่จะไม่อ่านหนังสือพิมพ์เลยใช่หรือไม่ ระมัดระวังการใช้คำขยาย เช่น ทั้งหมด ไม่มีเลย อาจจะ บางที อย่ายกประโยคเนื้อหาทั้งหมดล้วใส่คำว่า ไม่ เพื่อให้ตอบว่า ผิด ปริมาณคำตอบที่ ถูก ผิด ควรมีเท่ากันหรือใกล้เคียง 3.3 แบบจับคู่ (matching) เป็นแบบที่ให้จับคู่คำถาม คำตอบที่สัมพันธ์กัน อาจเตรียมคำตอบไว้มากกว่าคำถาม เขียนคำชี้แจงให้ชัดเจน จำนวนคำถามไม่ควรเท่ากับคำตอบ ไม่ควรมีคำถามมากหรือน้อยเกินไป (ควรมี 5-12 ข้อ) ใช้ภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน เขียนกลุ่มคำถามและกลุ่มคำตอบให้อยู่ในหน้าเดียวกัน อย่าให้คำตอบอยู่บรรทัดเดียวกันกับคำถาม 3.4 แบบเติมคำสั้นๆ (completion) เป็นแบบทดสอบที่ให้เขียนตอบแบบสั้นๆลงในช่องว่าง ไม่ควรยกข้อความหรือเนื้อหาโดยตรงมาให้เติม เว้นให้เติมเฉพาะคำหรือข้อความที่สำคัญ ช่องว่างที่เว้นไว้ควรมีความยาวเพียงพอ ตั้งคำถามเฉพาะเจาะจงและชัดเจน ไม่ควรเป็นคำถามที่สามารถตอบได้หลายคำตอบ 4.แบบสอบถาม ความแตกต่างระหว่างแบบสอบถามกับแบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม: ผู้ให้ข้อมูลจะเป็นผู้อ่านคำถามและ กรอกข้อมูล แบบสัมภาษณ์: ผู้สัมภาษณ์จะเป็นผู้ตั้งคำถามและกรอกข้อมูล แบบสอบถาม เป็นชุดคำถามที่จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ข้อดี: 1.สะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล 2.ประหยัดเวลา 3.ประหยัดค่าใช้จ่าย ประเภทแบบสอบถาม แบบไม่กำหนดคำตอบ (คำถามปลายเปิด) เปิดโอกาสให้ผู้ตอบเขียนได้ตาม ตามทัศนคติของตน และแสดงความคิดเห็นเต็มที่เป็นการตั้งคำถาม ๆ ไม่จำกัดขอบเขตการตอบ และต้องเว้นที่ว่างไว้ให้เพียงพอต่อการตอบ Ex: ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการให้บริการของธนาคารออมสิน แบบกำหนดคำตอบ (คำถามปลายปิด) ผู้ตอบเลือกคำตอบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้ตอบต้องเลือกตอบตามที่กำหนดให้ Ex: ท่านจำเป็นต้องใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารออมสินหรือไม่ o จำเป็น oไม่จำเป็น แบบสอบถาม ใช้วัดความรู้สึก ความคิดเห็น ความพึงพอใจ ความคาดหวัง และความเหมาะสม ประเด็นที่ควรได้รับการประเมินในโครงการฝึกอบรม การประเมินปฏิกิริยาโต้ตอบ(reaction) การประเมินการเรียนรู้(learning) การประเมินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงาน (behavior) การประเมินผลลัพธ์(results) 1.การประเมินปฏิกิริยาโต้ตอบ(reaction) หมายถึง :การประเมินความรู้สึกนึกคิดของผู้เข้าอบรมที่มีต่อโครงการฯ วิธีการ:โดยประเมิน หัวข้อ/ เนื้อหา/ หลักสูตร/ วิทยากร/ เทคนิคฝึกอบรม/ เอกสาร/ สื่อการสอน/ อุปกรณ์/ สิ่งอำนวยความสะดวก/ สถานที่/ ระยะเวลา/ ช่วงเวลาที่ฝึกอบรม/ กำหนดการ ฯลฯ เครื่องมือ: แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึกการสังเกต หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมทันที ***2.การประเมินการเรียนรู้ (learning) หมายถึง : ประเมินการเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา (พุทธิพิสัย : ความรู้ ความจำ ความเข้าใจ ความคิด) / ประเมินโดยใช้แบบทดสอบ ด้านทักษะ (ทักษะพิสัย : การปฏิบัติ) / ประเมินโดยใช้ทดลองปฏิบัติ ด้านทัศนคติ / ประเมินโดยใช้บันทึกการสังเกตพฤติกรรม (จิตพิสัย : อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความคิดเห็น) วิธีการประเมิน : เป็นช่วงๆ ระหว่างการฝึกอบรม/ หลังการฝึกอบรม หรือก่อนและหลังฝึกอบรม **3.การประเมินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงาน หมายถึง : เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมก่อนและหลังการอบรม หรือเรียกว่าการติดตามผลการฝึกอบรม ผู้เข้าอบรมนำสิ่งที่ได้รับการอบรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และพัฒนาองค์กรหรือไม่ อย่างไร เครื่องมือ : ใช้แบบการบันทึกการสังเกต มาประเมินการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม และ ใช้แบบสัมภาษณ์ หรือแบบสอบถามมาใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า 4.การประเมินผลลัพธ์(results) เป็นการประเมินผลกระทบโดยรวมที่เกิดขึ้น ในแง่ประโยชน์ที่ได้รับ หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก หลังการเสร็นสิ้นการฝึกอบรม Ex : อบรมหลักสูตรการขาย / ยอดขายควรเพิ่มขึ้น หลักสูตรการทำงานเป็นทีม / พนักงานมีความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจ สร้างผลงานดีขึ้น รูปแบบของการประเมินผลโครงการฝึกอบรม การประเมินก่อนและหลังการฝึกอบรม (pretraining and posttraining) การประเมินหลังการฝึกอบรม (posttraining) การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม (experimental group and control group) การประเมินโดยใช้มาตรฐานในการปฏิบัติงาน (standard of performance) ขั้นตอนการประเมินผลโครงการฝึกอบรม กำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ของการประเมิน วางแผนการประเมิน ดำเนินการตามแผน รายงานผล หลักการประเมินผลโครงการฝึกอบรม กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เลือกเครื่องมือให้เหมาะสม กำหนดประเด็นที่จะประเมินให้ชัดเจน เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างระมัดระวัง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยความละเอียดรอบคอบ นำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์
Create Date : 20 สิงหาคม 2552
4 comments
Last Update : 19 กันยายน 2552 16:55:50 น.
Counter : 6027 Pageviews.
โดย: อาคม ธนอุดมนาน IP: 118.172.241.53 26 กันยายน 2552 6:22:30 น.
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 26 กันยายน 2552 10:21:13 น.
โดย: อ้อน ศรีเกษ จ้า IP: 1.46.35.191 5 มกราคม 2554 21:13:00 น.
โดย: swkt (tewtor ) 12 เมษายน 2554 0:30:55 น.
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [? ]
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ