|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
MGT 3201 บทที่ 6 การพิชิตปัญหาและอุสรรคในการทำงาน
บทที่ 6 การพิชิตปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน
อุปสรรค หมายถึง สิ่งหรือเหตุที่มาขัดขวางไม่ให้เกิดความสำเร็จ
ปัญหา หมายถึง สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ขัดขวางมิให้มนุษย์ได้พบกับความต้องการของตน หรือ สิ่งที่เป็นอุปสรรค ข้อขัดข้องต่างๆ ที่เป็นเหตุให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
อุปสรรคเกิดจากอะไรบ้าง เวลาทำอะไรที่ตั้งใจมากๆ แล้วไม่ได้ผลตอบแทนแบบที่คาดหวังเอาไว้ มันเป็นเหมือนอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิต มันบ่อนทำลาย มันทำให้เราท้อแท้ มันทำให้เราเบื่อและเลิกที่จะพยายาม มันทำลายทุกอย่าง ความฝันและความตั้งใจของเรา วิธีการในการเอาชนะอุปสรรค ต้องรู้จักเอาชนะใจตัวเอง อดทน
ความขัดแย้ง(Conflict) ความขัดแย้งตามความหมายของราชบัณฑิตยสถาน (2538:137) หมายถึง การไม่ลงรอยกัน ซึ่งหากจะแยกพิจารณาคำว่า ขัด หมายถึง การไม่ทำตาม ฝ่าฝืน ฝืนไว้และคำว่า แย้ง หมายถึง ไม่ตรงหรือไม่ลงรอยกัน ต้านไว้ ทานไว้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่ทำตามกันแล้วยังพยายามที่จะต้านเอาไว้อีกด้วย
ความขัดแย้งเกิดจากความคิดเห็น คำพูด หรือการกระทำที่ไม่ตรงกัน ไม่สอดคล้องกันระหว่างบุคคล 2 คนหรือมากกว่า
ที่ใดมีความขัดแย้งเกิดขึ้นที่นั่นย่อมมีปัญหา
กระบวนการในการแก้ไขปัญหา 1. กำหนดปัญหา 2. หาสาเหตุของปัญหา 3. หาวิธีแก้ไขปัญหา 4. ตัดสินใจว่าวิธีใดดีที่สุด 5. ลงมือแก้ไข 6. ประเมินผล
ขั้นตอนในการแก้ปัญหา ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา ขั้นตอนที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา ขั้นตอนที่ 3 ดำเนินการแก้ปัญหาตามแนวทางที่วางไว้ ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้
หลักการใการแก้ไขปัญหา
วิธีการแบบแพ้ทั้งคู่ (Lose-Lose Method) เป็นวิธีที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการได้ทั้งหมด แต่อาจได้มาเป็นบางส่วนเท่านั้น ได้แก่ การประนีประนอม หรือการเจรจาต่อรอง (Compromise) วิธีการนี้บางครั้งอาจต้องใช้คนกลางหรือบุคคลที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ย หรือแม้กระทั่งให้คู่กรณีส่งตัวแทนมาต่อรองกัน เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด จุดอ่อน ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขสาเหตุของความขัดแย้งได้อย่างแท้จริง ความขัดแย้งอาจจะยุติเพียงชั่วคราว
วิธีการแบบแพ้-ชนะ(Lose-Win Method) หมายถึง ต้องมีฝ่ายที่ชนะ และฝ่ายที่แพ้ โดยฝ่ายที่ชนะอาจใช้วิธี ใช้กำลังหรือบีบบังคับ (Forcing) โดยฝ่ายชนะมีอำนาจเหนือกว่า การใช้ข้อได้เปรียบทางฐานะของการมีอำนาจบังคับบัญชา ด้วยการสั่งให้ทำ ออกกฎระเบียบมาบังคับ วิธีนี้อาจนำไปสู่การคิดแก้แค้น ทำให้สถานการณ์สงบลง (Smoothing) เป็นวิธีที่ทำให้ความขัดแย้งสงบลงชั่วคราวโดยการขอร้อง วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ลดข้อขัดแย้งด้วยการหลีกเลี่ยง (Avoidance) คือถอยหนี เฉยเมย หรือไม่รับรู้ (ทั้งที่รู้) ไม่ยอมเข้าไปแก้ไขปัญหา ยืดเวลาไม่ยอมตัดสินใจ วิธีนี้ไม่ก่อให้เกิดแก้ไขปัญหา
วิธีการแบบชนะทั้งคู่ (Win-Win Method) เป็นวิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามที่ต้องการและเน้นความพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งกระทำได้ยากและต้องใช้เวลามาก วิธีที่นิยมใช้ คือ การแก้ไขปัญหาร่วมกัน (Integrative problem solving) ในลักษณะเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน ระหว่างกลุ่มที่กำลังมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น วิธีนี้ใช้เพื่อจุดหมายในการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
การสื่อความหมาย การสื่อความหมาย คือ การถ่ายโยงความคิดหรือความรู้สึกให้เห็นพ้องต้องกันของบุคคลหนึ่งไปยังบุคคล หนึ่ง โดยผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การพูดคุย กริยา ท่าทาง การแสดงสีหน้า ภาษาเขียน ภาษาภาพองค์ประกอบของการสื่อความหมาย
ผู้ส่ง: อาจเป็นเพียง 1 คน หรือกลุ่มคนก็ได้ ซึ่งเป็นผู้นำเรื่องราวข่าวสาร เพื่อส่งไปยังผู้รับ โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งในการเข้ารหัสเพื่อให้ผู้รับเข้าใจ ข่าวสาร: เนื้อหาของสารหรือสาระของเรื่องราวที่ส่งออกมา สื่อ หรือช่องทางในการสื่อความหมาย: ได้แก่ตัวกลาง เช่น
ที่ช่วยถ่ายทอดเหตุการณ์ บทเรียน ที่ผู้ส่งต้องการให้ไปถึงผู้รับ สื่อที่ใช้ในการถ่ายทอดอาจเป็นภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษามือ และภาษากายก็ได้
ผู้รับหรือกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้รับข่าวสารเรื่องราวต่างๆจากผู้ส่ง ผล ได้แก่ การรับรู้ข่าวสารของผู้รับ ซึ่งผู้รับจะเข้าใจข่าวสารมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสิ่งที่ใช้ในสถานการณ์ และทัศนคติของผู้รับในขณะนั้น ข้อมูลป้อนกลับ ได้แก่ การแสดงกิริยาตอบสนองของผู้รับต่อข้อมูลข่าวสารให้ผู้ส่งรับรู้การสื่อความหมาย อุปสรรคที่ทำให้การสื่อความหมายล้มเหลว ข้อมูลข่าวสารมากเกินความจำเป็น ได้ข่าวสารไม่ครบสมบูรณ์ ทำให้สื่อความหมายผิดๆ บันทึกว่าที่ตนเห็นคือความจริง ด่วนสรุปข่าวสารเร็วเกินไป ใช้ภาษาที่เข้าใจยาก
แนวทางปฏิบัติ เพื่อบริหารเวลาในการทำงานของตนเอง สำรวจ ตรวจสอบ รวบรวม งานที่จะต้องทำทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง จัดลำดับงานทั้งหมดตามความเร่งด่วน จดบันทึกงานที่จะต้องทำในสมุด Planner กำหนดวันเวลาที่จะต้องทำให้สำเร็จ ปรับปรุงตนเอง จดสรรเวลาใหม่
อุปสรรคในการบริหารเวลา 1.ไม่สามารถทำตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ 2. ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่เริ่มต้นสักที 3. คิดว่าการบริหารเวลาเป็นเรื่องยุ่งยาก 4. ไม่มีจุดมุ่งหมายในการทำงาน 5. ชอบเก็บงานไว้ทำคนเดียว ไม่กระจายงาน
เทคนิคในการบริหารเวลา ไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา จะได้สามารถใช้เวลานั้นเพื่อคิดวางแผน หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิได้
หาที่ปราศจากการบกวน โดยงดรับโทรศัพท์ ปิดห้องทำงาน เพื่อได้ทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เขียนสิ่งที่ต้องทำในบันทึก พร้อมจัดสรรเวลาและจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมไปได้ด้วย พร้อมกับระบุวันเวลา ในลงบันทึก เพื่อจัดการงานแต่ละชิ้นออกไป
จัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ในตอนเย็น ถ้าโต๊ะสะอาดจะช่วยให้การทำงานในตอนเช้าง่ายขึ้น
แบ่งงานออกเป็นส่วนๆ โดยจัดเป็นกิจกรรมย่อยๆ ที่สามารถจัดการได้สะดวก และใช้เวลาไม่นานนักในแต่ละกิจกรรม จะทำงานให้สำเร็จไปได้ในแต่ละช่วง
เริ่มลงมือทำทันที อย่ามัวรีรอในการทำกิจกรรมต่างๆ รีบตัดสินใจทำทันที แล้วค่อยเพิ่มเติมทีหลัง จะให้งานเสร็จเร็วขึ้น
พิจารณาใช้เทคโนโลยีช่วย การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นเป็นหลายเท่า เช่นโทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ บัตรเครดิต เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ใกล้มือ เช่นโทรศัพท์ คลิบหนีบกระดาษ สมุดโน้ต กรรไกร ปากกา ยางลบ เทปใส ตะกร้าขยะ ซองจดหมาย ฯลฯ
ใช้หูแทนตาเพื่อประหยัดเวลา เช่นฟังวิทยุแทนดูโทรทัศน์
ใช้เวลารอคอยให้เกิดประโยชน์ ถ้าต้องรอคอยอะไรซักอย่างหนึ่ง ต้องหากิจกรรมสำรองที่ง่ายๆ ไปด้วย จะได้ไม่มีความกระวนกระวายใจ ในการรอคอย และยังได้งานเพิ่มขึ้นอีก
ประหยัดเวลาในการจับจ่าย โดยการซื้อของเป็นจำนวนมาก ไม่ตองไปซื้อบ่อย ซื้อของเวลาที่คนไม่มาก
การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ช่วยให้ประหยัดเวลาได้ ทั้งในด้านการช่วยเหลือเกื้อกูล และ การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาด้วยมิตรภาพที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจน นุ่มนวล และช่วยให้ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือด้วยดี และประหยัดเวลาทำงาน
ใช้เวลาปลีกย่อยให้เป็นประโยชน์ ใช้เวลา 10 นาที หรือ 15 นาที ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องคอยอะไรสักอย่างใช้ให้คุ้มค่า อย่างทิ้งไป ใช้เวลาของแต่ละวันให้เต็มที่ สมเหตุสมผล มีประโยชน์ เช่น ฟังข่าววิทยุ หรือฝึกฟังภาษาอังกฤษขณะขับรถไปทำงาน วางแผนการใช้เวลาแต่ละช่วงให้เหมาะสม หรือทำงานเพิ่มนอกเหนือจากที่จัดระเบียบไว้ในแต่ละวันแล้วจะได้งานอื่นๆ เพิ่มอีกด้วย
ทำงานด้วยความสบายใจ ความสุขและความสนุกสนานเป็นการเสริมสร้างพลังจิตใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จิตใจที่สบายเป็นทุนของประสิทธิภาพการทำงาน
ในการทำงาน ควรกำหนดเวลาในการพักผ่อนไปด้วย หรือเปลี่ยนงานซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกัน จะช่วยให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำงานสองสิ่งในเวลาเดียวกัน ถึงแม้โบราณจะสอนว่า ทำงานสิ่งใด ก็ให้ตั้งใจทำงานในสิ่งนั้น มิเช่นนั้นจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพต่ำลง แต่การตั้งใจทำงานนับเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราสามารถตั้งใจทำงานควบคู่กันได้
การเพิ่มพูนความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆ อ่านหนังสือให้ได้ผลโดยเพิ่มเวลาอ่านหนังสือให้มากขึ้น อ่านทุกวันและสม่ำเสมอ เลือกหนังสือที่จะอ่านด้วยความระมัดระวัง มีประโยชน์ และมีคุณค่า ตลอดจนเพิ่มความเร็วของการอ่าน
Create Date : 15 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 19 กันยายน 2552 16:57:26 น. |
|
7 comments
|
Counter : 15862 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คาราเบา IP: 114.128.42.79 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:10:26:42 น. |
|
|
|
โดย: สุภาวดี กาญจนวิบูลย์ IP: 124.157.225.152 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:20:46:27 น. |
|
|
|
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:10:53:21 น. |
|
|
|
โดย: ประกายกรณ์ IP: 10.0.100.23, 110.164.242.170 วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:15:55:56 น. |
|
|
|
โดย: พัดชา IP: 192.168.19.10, 61.19.54.66 วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:9:51:47 น. |
|
|
|
โดย: ญาณิน น้อมนันททรัพย์ IP: 171.101.60.55 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2559 เวลา:21:33:50 น. |
|
|
|
โดย: Edmund.Ingemar IP: 118.175.237.101 วันที่: 21 เมษายน 2563 เวลา:14:17:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|