|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 4 การตั้งสมมติฐานการวิจัย
@ความหมายของสมมติฐาน (Hypothesis)
หมายถึง : การคาดคะเนคำตอบ ของปัญหาการวิจัยอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยแนวคิด หลักการ ประสบการณ์หรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อความหรือข้อสมมติซึ่งผู้วิจัยคาดไว้เกี่ยวกับคุณลักษณะของตัวแปร หรือความสัมพันธ์ของ 2 ตัวแปรขึ้นไป ว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร
ข้อสมมติฐานการวิจัยนั้นอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ถ้าได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือตรงกับข้อเท็จจริง สมมติฐานนั้นก็จะกลายเป็นคำอธิบายที่ถูกต้อง
@การเขียนสมมติฐานการวิจัย
- เขียนให้อยู่ในรูปของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว - เป็นการคาดคะเนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ หรือการเปรียบเทียบ Ex: "นักเรียนในกรุงเทพฯ จะมีทัศนคติทางวิทยาศาสตร์ดีกว่านักเรียนในชนบท" มีตัวแปรที่เกี่ยวข้อง 2 ตัว คือ 1) ภูมิลำเนาของนักเรียน 2) ทัศนคติทางวิทยาศาสตร์ "ลักษณะความเป็นผู้นำมีความสัมพันธ์กับทัศนคติของพนักงานที่มีต่อผู้ประกอบการ"
@แหล่งที่มาของสมมติฐาน
1. ความรู้และประสบการณ์ของผู้วิจัย เช่น ผู้วิจัยทำงานเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง จะรู้เทคนิค กลยุทธ์ในการขาย และทราบถึงปัญหาและอุปสรรคที่ได้รับจากการขายตรงเป็นอย่างดี 2. การใช้เหตุผล หรือการคิดวิเคราะห์แยกแยะสิ่งต่างๆเพื่อหาเหตุผล จากสิ่งที่รู้แล้วเชื่อมโยงไปหาสิ่งที่ไม่รู้ เช่น “ระดับการศึกษา มีความสัมพันธ์กับ อัตราค่าจ้างแรงงาน 3. ผลการวิจัยของผู้อื่น เช่น “การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มีต่อสินค้าประเภทเครื่องดื่มในกรุงเทพฯ” ถ้าผู้วิจัยคิดจะทำเรื่องทำนองเดียวกันในเชียงใหม่ก็สามารถใช้สมมติฐานดังกล่าวเป้นแนวทางได้ 4. ทฤษฎีและหลักการต่างๆ ช่วยให้ผู้วิจัยเกิดแนวคิดในการตั้งสมมติฐาน
@ความสำคัญและประโยชน์ของสมมติฐาน ความสำคัญของสมมติฐาน เปรียบเสมือนแผนที่ช่วยชี้แนะแนวทางในการวิจัย และช่วยให้การค้นหาข้อเท็จจริงให้รวดเร็วขึ้น เสนอแนะแนวทางในการเก็บรวบ@ประโยชน์ของสมมติฐาน • ช่วยจำกัดขอบเขตของการวิจัยว่า ผู้วิจัยต้องการศึกษาอะไร แง่มุมหรือในประเด็นใดบ้าง ทำให้มองเห็นปัญหาการวิจัยได้ชัดเจน • ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ • ช่วยเป็นแนวทางในการแสวงหาข้อมูลเพื่อตอบปัญหาการวิจัยในเรื่อง - การเลือกแบบการวิจัย - การเลือกกลุ่มตัวอย่าง - การสร้างเครื่องมือ - การเก็บรวบรวมข้อมูล - การเลือกใช้สถิติเพื่อการวิเคราะห์ - การแปรผล และสรุป • ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน เพราะผู้วิจัยจะเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐานตามที่ได้ตั้งไว้เท่านั้น • ช่วยให้ผู้วิจัยได้ความรู้ หลักการ และทฤษฎีใหม่ๆ เมื่อสมมติฐานที่ตั้งไว้ได้รับการพิสูจน์ทดสอบอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว
@ประเภทของสมมติฐานแบ่งเป็น 2 ประเภท • สมมติฐานการวิจัย (Research Hypothesis) - แบบมีทิศทาง (Directional Hypothesis) - แบบไม่มีทิศทาง (Non directional Hypothesis)
• สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis) - สมมติฐานว่าง (Null Hypothesis) - สมมติฐานทางเลือก (Alternative Hypothesis) - สมมติฐานที่ไม่มีทิศทาง - สมมติฐานที่มีทิศทาง
@สมมติฐานการวิจัย (Research Hypothesis)
เป็นสมมติฐานเชิงบรรยาย (Descriptive Hypothesis) เป็นการเขียนคาดการณ์ที่เกิดขึ้น หรือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวขึ้นไป เพื่อสื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ผู้วิจัยสงสัยและคาดการณ์ประเด็นปัญหาวิจัยแต่ละประเด็นไว้ว่าอย่างไร และแสดงแนวทางการทดสอบปัญหาในแต่ละประเด็นไว้อย่างไร
- แบบมีทิศทาง (Directional Hypothesis) : เป็นการเขียนที่มีการระบุทิศทางที่แน่นอนของการคาดคะเนในความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของตัวแปร มีลักษณะเป็นการทดสอบสมมติฐานแบบทางเดียวกัน (One-tailed test) เช่น - เป็นไปใน ทางบวก หรือทางลบ - แตกต่างกันแบบ มากกว่า หรือน้อยกว่า - ดีกว่า หรือเลวกว่า สูงกว่า หรือต่ำกว่า
EX: แบบทางเดียวกัน (One-tailed test) - เป็นไปใน ทางบวก หรือทางลบแตกต่างกันแบบ มากกว่า หรือน้อยกว่า - ดีกว่า หรือเลวกว่า สูงกว่า หรือต่ำกว่า ตัวอย่าง : • “การเป็นมะเร็งกับการสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์กัน” • “ผู้ชายมีความสามารถทางช่างสูงกว่าผู้หญิง”
- แบบไม่มีทิศทาง (Non directional Hypothesis) : เป็นการเขียนที่ไม่มีการระบุทิศทางของการคาดคะเนในความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของตัวแปร เพียงระบุว่า แตกต่างกัน สัมพันธ์กัน หรือมีผลต่อกันเท่านั้น จึงเป็นการทดสอบสมมติฐานแบบสองทาง(Two-tailed test) EX: “ความสามารถในการพูดภาษาไทยของเด็กชายและเด็กหญิง แตกต่างกัน”
@สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis) - เป็นข้อความที่เขียนสมมติขึ้นเพื่อทดสอบสมมติฐานทางการวิจัย ที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้นั้นเป็นจริงหรือไม่ - อธิบายข้อเท็จจริงในรูปแบบของสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
ค่าพารามิเตอร์ (parameters) คือค่าต่างๆของประชากร เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
@สมมติฐานว่าง (Null Hypothesis) หรือสมมติฐานศูนย์ หรือสมมติฐานไร้นัยสำคัญ เป็นสมมติฐานที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มหรือไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร สัญญลักษณ์ที่ใช้ H0
เช่น H0 : U1 = U2 หมายความว่า ค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 เท่ากันหรือไม่มีความแตกต่างกัน ตัวอย่าง H0 : อายุเฉลี่ยของน.ศ.ภาคปกติและน.ศ.ภาคพิเศษเท่ากัน H0 : U1 = U2 โดยให้ U1คือน.ศ.ภาคปกติ และ U2 คือน.ศ.ภาคพิเศษ หรือ H0 : U1 - U2 = 0
- สมมติฐานทางเลือก (Alternative Hypothesis) : เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ H1 เป็นสมมติฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างระหว่างกลุ่มหรือมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เช่นมากกว่า-น้อยกว่ากัน
• Null Hypothesis = H0 มักเขียนในรูปปฏิเสธ หรือไม่มีความแตกต่าง ไม่สัมพันธ์กัน • Alternative Hypothesis = H1 มักเขียนในรูปมีความแตกต่าง มีความสัมพันธ์กัน และเขียนให้สอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัย
• สมมติฐานที่ไม่มีทิศทาง (Non-Directional alternative Hypothesis) เป็นการเขียนสมมติฐานที่แสดงความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ไม่มีการระบุทิศทางว่าไปทางใด การเขียนสมมติฐานจึงมีคำว่า “แตกต่างกัน หรือไม่เท่ากัน”เสมอ
แบบไม่มีทิศทาง หรือการทดสอบแบบสองหาง (Two-tailed test) เช่น นักเรียนที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูด้วยวิธีต่างกันจะมีวินัยในตนเองแตกต่างกัน ซึ่งเป็นการทดสอบเมื่อ H1 : U1 ≠ U2
• สมมติฐานที่มีทิศทาง (Directional alternative Hypothesis) :เป็นการเขียนสมมติฐานที่แสดงความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของตัวแปรในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น มากกว่า> <น้อยกว่า โดยผู้วิจัยมีข้อมูลหรือเหตุผลยืนยันเพียงพอในการกำหนดทิศทาง เช่น หมายเหตุ : การเขียนสมมติฐานทางสถิติจะเขียน H0 และ H1 ควบคู่กันเสมอ
กรณีหางเดียวทางขวา H1: U1 > U2 หมายถึง ค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มที่ 1 มากกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มที่ 2
กรณีหางเดียวทางซ้าย H1: U1 < U2 หมายถึง ค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มที่ 1 น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มที่ 2
@ ระดับนัยสำคัญ (Level of Significance) คือ การกำหนดขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ที่ยอมให้เกิดขึ้น โดยใช้ความน่าจะเป็น (Probability) ในการทดสอบสถิตินั้น ถ้าเกิดความคลาดเคลื่อน <น้อยกว่าที่กำหนดจะยอมรับ (H0) หรือ >มากกว่าจะไม่ยอมรับ (H0)
เช่น กำหนดระดับนัยสำคัญ (alpha )= 0.05 ความหมาย คือ - ใน 100 ครั้ง มีโอกาสผิดพลาดเพียง 5 ครั้ง - เกิดข้อผิดพลาดได้ไม่เกิน 5% หรือ - ในการทดลอง 100 ครั้ง จะให้ผลดังที่ปรากฏไม่น้อยกว่า 95 ครั้ง ผิดพลาดได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ระดับนัยสำคัญ (Level of Significance) *** ถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิต หรือความเสียหายร้ายแรง จะกำหนดนัยสำคัญเอาไว้ต่ำ เช่น การทดลองยา การผ่าตัด การตัดสินคดี วิศวกรรม ควรกำหนดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนไว้ที่ 0.01หรือน้อยกว่า
• ระดับ .05 หมายความว่า มีความมั่นใจ 95% ยอมให้ผิดพลาดได้ 5% • ระดับ .01 หมายความว่า มีความมั่นใจ 99% ยอมให้ผิดพลาดได้เพียง 1% เท่านั้น
ให้นักศึกษาอธิบายความหมายต่อไปนี้ • EX: เมื่อเราอ่านรายงานการวิจัยที่มีการรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลการทดลอง เรามักจะพบข้อความทำนองนี้บ่อย ๆ เช่น 1. “คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนจากวิธีการสอนภาคปฏิบัติ สูงกว่าคะแนนของนักศึกษาที่เรียนจากวิธีการสอนแบบท่องจำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05” 2. “ปุ๋ยอินทรี มีผลทำให้พืชเจริญเติบโตสูงกว่าปุ๋ยเคมี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01”
@ ขอบเขตวิกฤต (Critical Region) หมายถึง ขอบเขตที่จะปฏิเสธ (Reject) Ho ซึ่งกำหนดตามระดับนัยสำคัญ (0.01,0.05,0.001 ฯลฯ) ขอบเขตวิกฤติจะอยู่ปลายโค้งด้านซ้ายหรือขวาของการแจกแจง ถ้าค่าสถิติที่คำนวณตกอยู่ในขอบเขตนี้ จะปฏิเสธ H0 แสดงว่าการทดสอบมีนัยสำคัญ = การยอมรับ H1
@ ค่าวิกฤต (Critical Value) คือ ค่าที่เป็นเส้นแบ่งระหว่าง เขตการยอมรับ และเขตปฏิเสธ H0 การทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis test) คือขั้นตอนที่จะต้องตัดสินว่าสมมติฐานนั้นควรยอมรับหรือปฏิเสธว่าถูกต้อง และไม่ถูกต้องอย่างไร – การยอมรับ (Accept) เป็นการทดสอบที่ยอมรับ H0 ที่ตั้งไว้ – การปฏิเสธ (Reject) คือการไม่ยอมรับ H0
การตัดสินใจในการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ • ยอมรับ H0 เมื่อสมมติฐานนั้นเป็นจริง ถือว่าตัดสินใจถูกต้อง • ไม่ยอมรับ H0 ทั้งที่สมมติฐานนั้นเป็นจริง ถือว่าเป็นความผิดพลาดแบบ I (Type I Error) • ยอมรับ H0 ทั้งที่สมมติฐานนั้นไม่เป็นจริง ถือว่าตัดสินใจเกิดความผิดพลาดแบบที่ II (Type II Error) • ไม่ยอมรับ H0 เมื่อสมมติฐานนั้นไม่จริง ถือว่าตัดสินใจถูกต้อง
ตารางแสดงผลการทดสอบสมมติฐาน
Type I Error หมายถึง ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการปฏิเสธ H0 ทั้งที่ H0 เป็นจริง ความน่าจะเป็นในการเกิดความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 มีค่าเท่ากับ อัลฟา Type II Error หมายถึง ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการยอมรับ H0 ทั้งที่ H0 เป็นเท็จ ความน่าจะเป็นในการเกิดความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 2 มีค่าเท่ากับ เบต้า
ขั้นตอนการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ • ตั้งสมมติฐาน H0 และ H1 โดยผู้วิจัยต้องพิจารณาว่า การตั้ง H1 จะตั้งเพื่อทดสอบหางเดียวหรือสองหาง
เช่น H0 : U1 = U2 H1 : U1≠ U2 H1 : U1 < U2 H0 : U1 > U2
H1 : U1 ≠ U2 หมายความว่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่ม 1 และกลุ่ม 2 ไม่เท่ากันหรือมีความแตกต่างกัน
@ ขั้นตอนการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ 1. กำหนดระดับนัยสำคัญ (level of Significant) หรือระดับความเชื่อมั่น เช่น 0.05 หรือ 0.01 2. เลือกสถิติที่เหมาะสมในการทดสอบสมมติฐาน โดยคำนึงถึงข้อตกลงของสถิติแต่ละตัว แล้วจึงคำนวณค่าสถิติทดสอบ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากกลุ่มตัวอย่างที่เลือกมาจากประชากรที่ต้องการทดสอบ ขั้นตอนการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ 3. หาค่าวิกฤติ (Critical Value) ได้จากการเปิดตาราง ค่าวิกฤตที่กำหนดขึ้นมาจะต้องขึ้นกับตัวสถิติที่ใช้ทดสอบ เช่น ตัวสถิติที่ใช้ทดสอบคือ Z กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ ค่าวิกฤตจะได้จากการเปิดตาราง Z และถ้าตัวสถิติที่ใช้ทดสอบคือ T กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก ค่าวิกฤตก็จะได้จากการเปิดตาราง T ตัวอย่างเช่น การทดสอบสองหาง 4. คำนวณค่าสถิติจากกลุ่มตัวอย่าง 5. พิจารณาผลการทดสอบสมมติฐาน โดยการนำเอาตัวเลขที่คำนวณได้ไปเปรียบเทียบกับค่าวิกฤติ หรือจุดแบ่งเขตการยอมรับ หรือไม่ยอมรับ
ตัวอย่างการกำหนดสมมติฐาน วัตถุประสงค์ของการวิจัย : เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการขยายตัวของเมืองและปัจจัยด้านประชากรที่มีความสัมพันธ์กับการลดลงของพื้นที่การเกษตรในเขตอำเภอสันทราย สมมติฐานการวิจัย : จำนวนประชากร จำนวนครอบครัวเกษตรกร ความหนาแน่นของประชากร และราคาที่ดิน มีความสัมพันธ์กับการลดลงของพื้นที่เกษตรกรรมในเขตอำเภอสันทราย (ฤดี ทับทิมทอง. 2536:8-9)
ตัวอย่างการกำหนดสมมติฐาน ปัญหาการวิจัย : เพศ อายุ ระยะเวลาการเจ็บป่วย และระดับการมองเห็น มีผลต่อ ผลกระทบทางจิตใจของผู้ป่วยต้อหินชนิดเรื้อรังหรือไม่ สมมติฐาน : ปัจจัยทางด้าน เพศ อายุ ระยะเวลาการเจ็บป่วย และระดับการมองเห็น มีผลต่อปัญหาทางด้านจิตใจของผู้ป่วยต้อหินชนิดเรื้อรังแตกต่างกัน (สิริพัชร รัตแพทย์.2535:8)
ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของสมมติฐานต่อไปนี้ สมมติฐานการวิจัย แตงโมที่ปลูกในฤดูที่แตกต่างกันจะให้ผลผลิตแตงโมที่แตกต่างกัน สมมติฐานทางสถิติ H0 : U1 = U2 H1 : U1 ≠ U2 เมื่อ U1 คือ ผลผลิตในการปลูกแตงโมในฤดูฝน และ U2 คือ ผลผลิตในการปลูกแตงโมในฤดูหนาว
@@@สรุป • สมมติฐานเป็นการคาดคะเนคำตอบ โดยอยู่บนพื้นฐานตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ • แหล่งที่มา เช่น ประสบการณ์การของผู้วิจัย การคิดด้วยระบบเหตุผล ทฤษฎีและหลักการผลวิจัยของผู้อื่น • ประเภทสมมติฐาน แบ่งเป็นสมมติฐานการวิจัย และสมมติฐานทางสถิติ • การทดสอบแบ่งเป็น การยอมรับและการปฏิเสธ • ระดับนัยสำคัญ คือการกำหนดขอบเขตของการคลาดเคลื่อนที่ยอมให้เกิดขึ้น (น้อยกว่า Ho ยอมรับ/มากกว่า Ho ไม่ยอมรับ)
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552 |
|
31 comments |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 13:13:53 น. |
Counter : 81033 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: maemodnoi IP: 222.123.186.224 15 ธันวาคม 2552 20:51:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: jz IP: 119.31.126.141 8 มกราคม 2553 0:03:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 8 มกราคม 2553 10:51:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะทิ IP: 172.16.0.1, 203.107.154.223 1 กุมภาพันธ์ 2553 1:41:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: thanika IP: 61.7.191.153 17 มิถุนายน 2553 10:15:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 17 มิถุนายน 2553 15:31:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: 5312 IP: 222.123.216.234 25 กรกฎาคม 2553 19:07:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: อานนท์ เกตุแก้ว IP: 192.168.0.205, 61.7.240.181 3 สิงหาคม 2553 12:21:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: o IP: 192.168.82.46, 202.29.20.82 29 พฤศจิกายน 2553 13:47:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 29 พฤศจิกายน 2553 14:12:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าสดใส ทะเลสีคราม IP: 61.19.224.42 25 สิงหาคม 2554 20:12:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ครูฟ้าใส IP: 182.93.189.193 8 กันยายน 2554 14:04:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: bluebery IP: 180.180.134.235 30 กันยายน 2554 12:59:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ken IP: 223.204.16.158 13 ธันวาคม 2554 17:45:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริน IP: 125.26.55.112 18 ธันวาคม 2554 10:56:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 29 ธันวาคม 2554 11:15:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: Neen IP: 124.120.230.217 14 มกราคม 2555 15:10:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทุเรียน IP: 171.7.114.113 26 กุมภาพันธ์ 2555 21:15:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Orange IP: 110.169.224.32 11 มีนาคม 2555 20:29:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: มาย IP: 10.8.0.46, 203.172.210.237 28 พฤษภาคม 2555 10:35:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยขบาล IP: 118.174.42.113 21 มิถุนายน 2555 14:38:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้อยากคอมเมนต์ IP: 192.168.97.246, 192.168.97.246, 127.0.0.1, 118.175.15.98 28 มิถุนายน 2555 14:51:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Krumadyom IP: 125.26.238.55 23 พฤษภาคม 2556 17:07:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้อยากรู้ IP: 223.204.175.148 10 มิถุนายน 2556 13:48:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 11 มิถุนายน 2556 11:05:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนสวย IP: 27.55.237.224 3 สิงหาคม 2556 12:37:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ครูคณิต IP: 101.51.45.6 30 กันยายน 2556 3:26:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิหน่า IP: 202.29.177.207 26 พฤษภาคม 2557 13:46:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: Chita IP: 27.55.199.52 28 มิถุนายน 2557 20:59:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 1 กรกฎาคม 2557 15:06:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้ใหญ่อิน IP: 171.97.184.210 6 ตุลาคม 2558 7:49:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|