|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 1 การวิจัยธุรกิจ MGT 4901
การวิจัย คือ “การแสวงหาความรู้ ข้อเท็จจริงอย่างมีระบบและแบบแผน เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ หรือเกิดประโยชน์แก่มนุษย์ โดยอาศัยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับในแต่ละสาขา” (จริยา เสถบุตร,2526:4)
ความหมายตามของราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง การค้นคว้าหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา
การวิจัยเป็นการศึกษาค้นคว้าเพื่อพิสูจน์หรือหาคำตอบหรือหาข้อเท็จจริงอะไรบางอย่าง ที่อาจจะยังไม่มีการค้นพบในเรื่องนั้นมาก่อนหรืออาจจะมีการค้นพบมาแล้ว แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปก็ต้องการค้นหาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
@สรุป การวิจัย คือ กระบวนการค้นคว้าหาความรู้ที่เชื่อถือได้ โดยมีลักษณะดังนี้ 1. เป็นกระบวนการที่มีระบบ แบบแผน 2. มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนและชัดเจน 3. ดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบคอบ ไม่ลำเอียง 4. มีหลักเหตุผล 5. บันทึกและรายงานออกมาอย่างระมัดระวัง
@ลักษณะที่ดีของการวิจัย - ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และมีระบบ - มีเหตุผล และมีเป้าหมาย - ต้องมีเครื่องมือ เทคนิคในการเก็บรวบรวมข้อมูล ที่มีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ - การรวบรวมข้อมูลใหม่ จะต้องได้ความรู้ใหม่ - มุ่งหาข้อเท็จจริง เพื่อใช้อธิบาย พัฒนา หรือใช้พยากรณ์ แก้ไขปัญหา - อาศัยความพยายาม ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และใช้เวลาในการติดตามผลอย่างละเอียด
@ลักษณะที่ไม่ใช่การวิจัย
- การที่นักศึกษา ไปศึกษาบางเรื่องจากเอกสาร ตำรา วารสาร แล้วนำเอาข้อความต่าง ๆ มาตัดต่อกัน - การค้นพบ (Discovery) โดยทั่วไป เช่น นั่งคิดแล้วได้คำตอบไม่ใช่การวิจัย เพราะการค้นพบไม่มีระบบ และวิธีที่ต้องถูกต้อง อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ - การรวบรวมข้อมูล นำมาจัดเข้าตารางซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ - การทดลองปฏิบัติการ ตามคู่มือที่แนะนำไว้
@ประเภทของการวิจัย 1.ตามลักษณะข้อมูล - เชิงคุณภาพ - เชิงปริมาณ 2.ตามจุดมุ่งหมาย - การวิจัยพื้นฐาน - การวิจัยประยุกต์ 3.ตามระเบียบวิธีวิจัย - เชิงประวัติศาสตร์ - เชิงบรรยายหรือพรรณนา /การศึกษาสำรวจ /การวิจัยเชิงสัมพันธ์ /การวิจัยเชิงพัฒนาการ - เชิงทดลอง /การวิจัยเชิงทดลองแท้ /การวิจัยกึ่งทดลอง
1. ประเภทตามลักษณะข้อมูล
@ การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือคุณลักษณะ (Qualitative Research) - เป็นการแสวงหาความรู้โดยการพิจารณาปรากฏการณ์สังคมจากสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริงในทุกมิติ - สนใจข้อมูลด้านความรู้สึกนึกคิด การให้ความหมายหรือคุณค่ากับสิ่งต่างๆ ตลอดจนค่านิยม หรืออุดมการณ์ของบุคคล - เน้นการเข้าไปสัมผัสข้อมูล หรือปรากฏการณ์โดยตรง - มักใช้เวลาในการศึกษา ติดตามยาวนาน - ไม่เน้นสถิติตัวเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ใช้การสังเกตและการสัมภาษณ์ เป็นหลักในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความ สร้างข้อสรุป
@การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) - เป็นการวิจัยที่ค้นหาความรู้ความจริง โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นเชิงปริมาณ แสดงผลเป็นตัวเลข และค่าสถิติ - ในการวิเคราะห์ข้อมูลจะต้องใช้วิธีการทางสถิติเข้ามาช่วย - การอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์ - เน้นข้อมูลที่สามารถวัดลักษณะและวัดพฤติกรรมได้ โดยมีมาตรวัดและนำข้อมูลที่วัดได้มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ
2.ประเภทตามจุดมุ่งหมาย
@การวิจัยพื้นฐาน หรือวิจัยบริสุทธิ์ (Basic or Pure Research) : มุ่งเน้นแสวงหาความจริง ความรู้ใหม่ๆ เพื่อสนองความอยากรู้ เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาการ สร้างกฎ สูตร หรือทฤษฎีต่างๆเพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการศึกษา ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการในสาขานั้นๆจึงจะทำได้ดี
@การวิจัยประยุกต์ (Applied Research) : มุ่งเน้นการนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่นการนำไปใช้ในการแก้ปัญหา ประกอบการตัดสินใจ การพัฒนา วางแผน ควบคุมสถานการณ์ หรือเพื่อช่วยในการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น
3.ประเภทตามระเบียบวิธีวิจัย
@เชิงประวัติศาสตร์ (Historical Research) : ศึกษาหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ นำมาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ นำมาสร้างเป็นกฏเกณฑ์ เพื่อใช้ควบคุมเหตุการณืในปัจจุบัน หรือวางแผนในอนาคต เช่น - การวิเคราะห์เศรษฐกิจในอดีต เปรียบเทียบกับการปัจจุบัน - สภาพการค้าของไทยระหว่างปี 2540-2551 - บทบาทเอกชนในการจัดการศึกษาในประเทศ พ.ศ. 2461-2497
@ลักษณะที่สำคัญของการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
- เป็นการวิจัยที่พยายามอธิบายเหตุการณ์ในอดีต เพื่อใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน และทำนายเหตุการณ์ในอนาคต - เป็นการวิจัยเอกสาร ไม่ต้องเก็บข้อมูลภาคสนาม ข้อมูลต่างๆเกิดขึ้นในอดีตส่วนใหญ่ได้จากแหล่งทุติยภูมิ
ทุติยภูมิ (Secondary Data) :ข้อมูลที่ถูกจัดทำและรวบรวมโดยบุคคลหรือองค์กรอื่นตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำ ที่ถูกรวบรวม สรุปผล และเผยแพร่ให้ทราบในรูปแบบต่าง ๆ ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) : เป็นข้อมูลประเภทที่จัดเก็บจากต้นกำเนิดของข้อมูลโดยตรง จึงให้รายละเอียดที่ลึกซึ้ง ทันสมัย มีความผิดพลาดน้อย แต่เป็นข้อมูลที่ยังต้องนำมาจัดระเบียบ รวบรวมตีความ และประมวลผล เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น
ลักษณะที่สำคัญของการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
- ผู้วิจัยไม่มีส่วนร่วมในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น - ไม่สามารถสร้างสถานการณ์เพื่อทดสอบใหม่ได้ - การวิเคราะห์ข้อมูลจะใช้วิธีทางตรรกวิทยา วิพากษ์วิจารณ์ข้อมูลมากกว่าจะใช้วิธีการทางสถิติ
ตรรกวิทยา (Logic) : การใช้ความคิด อ้างเหตุและผลแสดงออกมาเป็นภาษา
@เชิงบรรยายหรือพรรณา (Descriptive Research) :
เป็นการศึกษาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันโดยค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ และนำผลที่ได้มาทำนายปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ลักษณะการวิจัยเชิงบรรยาย
- เป็นการศึกษารวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสภาพปัจจุบัน เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้วและส่งผลถึงปัจจุบัน - ในกระบวนการวิจัยเชิงบรรยาย จะไม่มีการสร้างสถานการณ์ใด ๆ ขึ้นมา แต่จะเป็นการศึกษาสภาพต่าง ๆ ที่เป็นข้อเท็จจริง - ส่วนใหญ่จะไม่มีการกำหนดตัวแปรอิสระและตัวแปรตามแต่อย่างใด แต่อาจมีการกำหนดสมมติฐานขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวิจัย
@@การวิจัยเชิงบรรยายแบ่งเป็น 3 ประเภท
1.การศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Studies) : เป็นการวิจัยเพื่อศึกษาปัญหาอย่างกว้างๆ โดยการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงหรือลักษณะทั่วๆไป ให้เกิดความเข้าใจ หรือนำไปปรับปรุงในการปฎิบัติงานด้านต่างๆ
@@@การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) - การสำรวจองค์กร หรือแหล่งเงินทุน (Organization Survey) : สภาพทั่วไปขององค์กรเช่น ทางด้านการบริหารและการจัดการ บุคลากร การเรียนการสอน การวางแผน การวัดและประเมินผล การเงิน อาคาร สถานที่ทำเล ที่ตั้ง สภาพแวดล้อม - การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) : โครงสร้างของงาน สภาพการทำงาน ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพของบุคลากรในการทำงาน การสรรหา คัดเลือก ค่าตอบแทน - การวิเคราะห์เอกสาร (Documentary or Content Analysis) : เป็นการวิจัยเพื่อสำรวจและศืกษาสภาพความเป็นจริงของเหตุการณทั้งในอดีตและปัจจุบัน จากตำรา เอกสาร บทความ สิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งจากฐานข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรากฏเป็นหลักฐานและมีการเผยแพร่อยู่ในปัจจุบัน - การสำรวจประชามติ (Public Opinion Survey) มติมหาชน : เป็นการวิจัยเพื่อสำรวจความคิดเห็นและความนิยมของประชากรเกี่ยวกับปัญหาหรือประเด็นที่น่าสนใจต่างๆ เช่น “ความคิดเห็นของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีต่อถนนคนเดิน”
(การสำรวจประชามติ ความหมายใกล้เคียงกับคำว่าการทำโพล (Poll) การสำรวจที่ครอบคลุมท้งั การสำรวจความคิดเห็น เจตคติ ความเชื่อ และพฤติกรรมของประชาชนต่อปรากฏการณ์ทางสังคมทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว หรืออาจจะยังไม่เกิดขึ้นก็ได้)
- การสำรวจชุมชน (Community Survey) เป็นการวิจัยเพื่อสำรวจประชากรเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ในด้านต่าง ๆ รวมทงั้ เจตคติและสิ่งแวดล้อม เช่น อาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา ครอบครัว ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม สุขภาพ การเกิด การตาย ที่อยู่อาศัย การศึกษา ความเชื่อ ความคิดเห็น การปกครอง และกฎหมาย เป็นต้น
2. การวิจัยเชิงความสัมพันธ์ (Interrelationship Research)
เป็นการวิจัยเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริงหรือตัวแปรต่าง ๆ ว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร การวิจัยประเภทนี้จะทำให้ได้รับความรู้ในเชิงลึกและสามารถวินิจฉัยได้ถูกต้องขึ้นเกี่ยวกับตัวแปรที่ศึกษา เพื่อ นำผลการวิจัยไปพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงของอีกตัวแปรหนึ่งหากทราบความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวแปร
@การวิจัยเชิงความสัมพันธ์ จำแนกได้ 3 ประเภท
1] การศึกษารายกรณี หรือกรณีศึกษา (Case Studies) การศึกษาแบบนี้มุ่งเน้น การศึกษาเฉพาะเรื่อง เช่น การศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคของแต่ละชุมชน 2] การวิจัยเปรียบเทียบผลเพื่อศึกษาสาเหตุ (Casual Comparative Studies) เป็นการศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น “การศึกษาสาเหตุที่ทำให้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดปัญหาไวรัส” 3] การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (Correlation Research) เป็นการหาระดับความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์หรือผลของตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้นที่เกิดขึ้นกับตัวแปรตาม เช่น “การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อกับระดับความรู้ที่มีต่อสินค้า”
3.การวิจัยเชิงพัฒนาการ (Developmental Research)
เป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นการติดตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์หรือสภาพการณ์ใดๆ เมื่อเวลาล่วงเลยไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อศึกษาพัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของสิ่งต่างๆที่ต้องการศึกษาว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือมีพัฒนาการอย่างไร ผลสรุปจากการติดตามลักษณะการเปลี่ยนแปลง จะนำไปใช้ในการวางแผนการดำเนินการต่อไป
@@@ การวิจัยเชิงทดลอง หมายถึง กระบวนการที่ผู้วิจัยจงใจเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือสร้างสภาพการณ์ขึ้นเอง เพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง เช่น “เปลี่ยนแปลงปริมาณแสงสว่างบนโต๊ะอ่านหนังสือ เพื่อศึกษาว่าจะมีผลต่อพฤติกรรมการอ่านอย่างไร”
แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. การวิจัยเชิงทดลองแท้ (True Experimental Research) : เป็นการวิจัยในห้องทดลอง หรือห้องปฏิบัติการ ซึ่งสามารถควบคุมตัวแปรได้ทั้งหมด 2. การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) : เป็นการวิจัยทางพฤติกรรม และสังคม ที่ศึกษาข้อมูลของคน หรือเป็นการทดลองภาคสนาม ที่ทำในสภาพธรรมชาติ สามารถทำได้ง่ายและมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ แต่ไม่สามารถสรุปผลได้ชัดเจน
สรุปแบ่งตามระเบียบวิธีวิจัย
@การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความจริงในอดีตที่ผ่านมา @การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความจริงในสภาพปัจจุบัน @การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความรู้ความจริงที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาช่วย เพื่อพิสูจน์ผลของตัวแปรที่ศึกษา มีการทดลองและควบคุมตัวแปรต่าง ๆ
Business research @ Management Tools
การวิจัยธุกิจ เป็นการสำรวจที่มีระบบ มีการควบคุม ค้นคว้าทดลอง ใช้หลักการและเหตุผล เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สนใจ เพื่อการตัดสินใจในการบริหาร
@@ความหมายของการวิจัยธุรกิจ คือ การศึกษาค้นคว้าหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ด้วยวิธีที่มีหลักเกณฑ์ถูกต้องตามระบบระเบียบ มีวัตถุประสงค์ ขอบเขตที่ชัดเจน และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้บริหารดำเนินการตัดสินใจทางธุรกิจ
@ขอบเขตของการวิจัยธุรกิจ
1. การวิจัยทางด้านการจัดการ (Management Research) : เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ ประสิทธิผลของการจัดการ การตัดสินใจ แรงจูงใน เช่น “การวิจัยทัศนคติของผู้จัดการที่มีต่อบุคลากรในหน่วยงานควรจะเป็นอย่างไร และควรจะใช้นโยบายแบบประชาธิปไตยหรือแบบเผด็จการ” 2. การวิจัยด้านการบัญชี (Accounting Research) : การวิเคราะห์ต้นทุน บันทึกทางการเงิน สรุปผลและตีความหมายทางการเงิน 3. การวิจัยด้านการเงิน (Finance Research) : การวิจัยฐานะการเงิน อัตราดอกเบี้ย ราคาหุ้นในตลาด เงินทุนหมุนเวียน 4. การวิจัยด้านการตลาด (Marketing Research) : การวิจัยแรงจูงใจในด้านการซื้อ การพยากรณ์ตลาด การตั้งราคา การเลือกช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดสายงานด้านการตลาด 5. การวิจัยด้านการผลิต (Production Management Research) : การวิจัยเกี่ยวกับการตั้งอาคารโรงงานที่เหมาะสม ระบบการติดต่อภายในโรงงานมีประสิทธิภาพ การควบคุมการผลิต การกำหนดวิธีการผลิต สินค้าคงคลังการกำหนดเวลาและอัตราการผลิต การจ่ายงาน การจัดสายงาน การกำหนดบุคลากรในแผนการผลิต 6. การวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ (Business Economics Research) : การพยากรณ์อุปสงค์ในสินค้า ความหยืดหยุ่นของราคาสินค้า นโยบายเกี่ยวกับงบประมาณเงินทุน 7. การวิจัยทางสังคมศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ : การวิจัยถึงความสัมพันธ์ระว่างธุรกิจและการเมือง จิตวิทยาและสังคมวิทยา - วิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ เช่น รายได้ประชาชาติ อัตราการจ้างงาน ดอกเบี้ย - วิจัยด้านสังคม เช่น การศึกษา การกระจายของประชากร เชื้อชาติ ประเพณี ศาสนา - วิจัยด้านการเมือง เช่น นโยบายของรัฐบาล กฎหมาย - วิจัยในด้านการแข่งขัน เช่น ศึกษาสภาพของธุรกิจที่ดำเนินกิจกรรมคล้ายกัน เพื่อทราบจุดแข็ง จุดอ่อนของกิจการ
@@ระเบียบวิธีวิจัยธุรกิจ
1.การกำหนดปัญหา 2.การตรวจเอกสาร 3.การตั้งสมมติฐานของการวิจัย 4.การออกแบบการวิจัย 5.การเก็บรวบรวมข้อมูล 6.การวิเคราะห์ข้อมูล 7.การอภิปรายผล หรือการตีความข้อมูล 8.การเขียนรายงานวิจัย
1. การกำหนดปัญหา - เริ่มจากเลือกเรื่องที่เราสนใจเพื่อกำหนดประเด็นปัญหาวิจัย - ต้องแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่สองตัวแปรขึ้นไป - ควรเน้นเรื่องที่มีประโยชน์และให้ความรู้ใหม่จริงๆ - เป็นปัญหาของการวิจัยที่สามารถหาคำตอบได้ - กำหนดขอบเขตของปัญหาชัดเจน ไม่คลุมเครือ - กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ทราบทิศทางในการวิจัย 2. การตรวจเอกสาร เป็นการทบทวนเอกสาร ตำรา ทฤษฎีและผลงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบถึงแนวคิด หลักการ หรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นๆว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่า งานวิจัยที่จะทำนั้น เหมือนกันหรือแตกต่างกันกับงานวิจัยของผู้อื่นที่ทำไว้หรือไม่ 3. การตั้งสมมติฐานของการวิจัย เป็นข้อความที่บอก หรือคาดคะเนว่าตัวแปรที่จะศึกษานั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร คาดคะเนว่าคำตอบของปัญหาในการวิจัยนั้นคืออะไร โดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีและต้องกำหนดตัวแปร แยกว่าอะไรเป็นตัวแปรอิสระ อะไรเป็นตัวแปรตาม 4. การออกแบบการวิจัย เป็นการวางแผนกำหนดวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบของปัญหา หรือข้อสมมติฐานของการวิจัย เช่น - ต้องการข้อมูลเรื่องอะไร : What - หาข้อมูลจากที่ใด : Where - ข้อมูลจากใคร : Who - ใช้เครื่องมืออะไรในการเก็บข้อมูล - วิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร : How - นำผลการวิจัยไปใช้อะไร : Why 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บข้อมูลจากเอกสาร การเก็บข้อมูลภาคสนาม 6. การวิเคราะห์ข้อมูล - วิเคราะห์ค่าของตัวแปรที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ และปฐมภูมิ เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย - ข้อสมมติฐานที่ต้องพิสูจน์ ต้องใช้สถิติประเภท T-test, Z-test, F-test, X-square หรือ ANOVA 7. การอภิปรายผล หรือตีความข้อมูล เป็นการอธิบายผลของการวิเคราะห์ข้อมูล ตีความหมาย อธิบายรายละเอียดเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ 8. การเขียนรายงานการวิจัย นำผลการวิจัยที่ได้ออกเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ
@ประโยชน์ของการวิจัยธุรกิจ
1. ทำให้ได้ทฤษฎี หรือแนวทางความคิดใหม่ เรียกว่า “วิจัยบริสุทธิ์ หรือ การวิจัยพื้นฐาน (Pure Research)” 2. สามารถนำมาช่วยในการแก้ปัญหา หรือตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่า “การวิจัยประยุกต์ (Applied Research)”
@@ประโยชน์ของการวิจัยประยุกต์กับธุรกิจ 1. การวางแผน (Planning) : เพื่อกำหนดแผนงานไว้ล่วงหน้า ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง และต้องทำอย่างไร 2. การจัดองค์กร (Organizing) : เพื่อให้การดำเนินงานภายในมีความคล่องตัว ยืดหยุ่นในการประสานงาน 3. การจูงใจ (Motivation) : เพื่อหาสิ่งจูงใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจและเต็มใจ 4. การควบคุม (Controlling) : เพื่อตรวจสอบ วัดผลงานให้เป็นไปตามแผน และหาข้อผิดพลาดเพื่อทำการแก้ไข
@@@ประโยชน์ที่ผู้บริหารจะได้รับจากการวิจัย 1. ช่วยให้เกิดความรู้ใหม่ๆ รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ เข้าใจในสิ่งที่รู้มากยิ่งขึ้น เช่น ทฤษฎีราคา การโฆษณา การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ ฯลฯ 2. ช่วยในการแก้ปัญหา เช่น ลดค่าใช้จ่าย ต้นทุนลดลง ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น 3. ช่วยในการกำหนดนโยบายและวางแผนการลงทุนอย่างรัดกุม 4. ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของนักบริหารในการวินิจฉัยสั่งการ หรือตัดสินปัญหาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น 5. ช่วยให้นักบริหารสามารถติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของตนได้ 6. ช่วยให้มีผลงานวิจัยเพิ่มมากขึ้น และนำไปพัฒนาระบบต่างๆให้ดียิ่งขึ้น 7. ช่วยให้เกิดการประสานงานและความเข้าใจกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ
การนำผลวิจัยไปใช้ในทางธุรกิจ สามารถนำไปใช้ได้กับ ผู้ผลิต ผู้จัดการ นักการตลาด นักการเงินและบัญชี รวมถึงพ่อค้าขายส่งและขายปลีก เช่น
@ ทางด้านการเงิน : ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเงินโดยตรง เช่น การจัดการธนาคาร บริษัทเงินทุน การค้าหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการดำเนินงานด้านการเงินขององค์กรธุรกิจ @ ทางด้านการผลิต : การจัดตั้งโรงงาน ทำเลที่ตั้งของอุตสาหกรรม การปลูกสร้างอาคาร ระบบการสื่อสารภายใน การควบคุมการผลิต การกำหนดวิธีการผลิต @ ทางด้านการตลาด : ทำเลค้าขาย ราคา การส่งเสริมการขาย ส่วนแบ่งทางการตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภค
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 |
|
12 comments |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2552 9:31:18 น. |
Counter : 22195 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ม่อนจัง IP: 192.168.77.70, 61.19.69.59 8 พฤศจิกายน 2552 17:17:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้ำฝน IP: 114.128.55.46 15 กุมภาพันธ์ 2553 10:37:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูน้ำ IP: 202.176.96.86 3 ตุลาคม 2553 12:51:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 5 ตุลาคม 2553 12:32:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 8 ตุลาคม 2553 9:25:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: swkt (tewtor ) 12 เมษายน 2554 0:09:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซากุระ IP: 125.27.28.78 20 มิถุนายน 2554 10:22:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขวัญ IP: 27.55.161.66 27 ธันวาคม 2555 0:09:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณัฎฐ์ IP: 101.109.113.28 9 เมษายน 2556 10:25:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 11 เมษายน 2556 13:13:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: nook IP: 110.168.185.154 29 เมษายน 2558 20:16:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ.หน่อย (Benjawan_B ) 7 มิถุนายน 2558 12:18:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|