เมื่อเกือบๆ 2 สัปดาห์ก่อน วาได้รับเชิญให้ไป Workshop เกี่ยวกับเทคโนโลยีความงามใหม่ๆ
ที่ ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC (Aesthetic Innovation Center) คลีนิคเพื่อความงาม
ระดับพรีเมี่ยมแห่งใหม่และศูนย์อบรมแพทย์ความงามระดับนานาชาติ
ซึ่งรายละเอียดน่าสนใจมากๆ ทำให้วาตอบรับเข้าร่วม workshop ครั้งนี้ทันที
ครั้งแรกในเมืองไทยกับโปรแกรมการเนรมิตผิวเกิดใหม่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากเกาหลี
กับเทคโนโลยี Air Dissector โปรแกรมแก้ริ้วรอย ร่องลึก รอยหลุมสิวลึก รอยแตกลายงา
ตามลำตัว ด้วยการปรับโครงสร้างผิวหน้าใหม่เพื่อผิวตึงกระชับ เนียนใสไร้ริ้วรอย
รูขุมขนแลดูเล็กลง โดยแพทย์มือหนึ่งของวงการร้อยไหมและแพทย์ต้นแบบการร้อยไหม
Ultra V Lift คนแรกของเมืองไทย นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
ด้วยเทคโนโลยีการแยกชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ตามธรรมชาติ
ทั้งในแนวระนาบและแนวตั้ง ทำให้ผิวหน้าฟู ตึงกระชับ ชั้นผิวหนาและแข็งแรงขึ้น
อายุผิวหน้าอ่อนเยาว์ลง โดยใช้เทคโนโลยีแรงดันอากาศสูง ก่อนผลักวิตามิน สเต็มเซลล์
และสารบำรุงผิวเข้มข้นสูงสูตรเฉพาะ A.I.C. ด้วยขั้นตอน Skin Stamp เพียง 3 วัน
หลังเข้ารับบริการ ริ้วรอยจะหายไปอย่างเห็นได้ชัดโดยกระบวนการการสร้างเซลล์ผิวใหม่
ตามธรรมชาติอย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
ภาพการทำ Intradermal Air Dissector
พอได้ไปฟังบรรยายจากคุณหมอ ก็ทำให้รู้ถึงนวัตกรรมใหม่ๆมากมายของเกาหลี
ที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนในเมืองไทย ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมากค่ะ
ซึ่ง 1 ในนั้น ก็คือ Intradermal Air Dissector ซึ่งสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น
- กระตุ้นการฟื้นฟูผิว
- แก้ร่องลึกติด แผลเป็นลึก
- ลดขนาดรูขุมขน
- กระตุ้นรากผม
ซึ่งได้เห็นวิธีทำมากับตาแล้ว แอบน่ากลัวนิดนึง แต่คุณหมอบอกว่าผลลัพท์มันอเมซิ่งมาก
มีพี่ Blogger คนอื่นๆได้ลองทำมาแล้ว เดี๋ยวรอดูผลจากพี่ๆเค้าอีกที เหมาะมากกับคนที่
มีรูขุมขนกว้าง และใต้ผิวมีผังผืดเยอะๆ ผิวไม่เรียบ นะคะ
ภาพการทำ Skin Stamp
และมีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ใครทำก็ติดใจ นั่นก็คือ Skin Stamp ที่ทำแล้วหน้าใส
ภายใน 3 วัน มันน่าทึ่งมาก! ซึ่งวิธีทำไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ที่มีเข็มเล็กๆ Stamp
ที่ผิวหน้าเบาๆ ใส่ยาและสารบำรุงสูตรของคุณหมอในขั้นตอนการทำ เพียงเท่านี้ ก็หน้าใสแล้ว!
ตัวนี้จะเน้นให้ผิวเนียนเรียบและใสขึ้นนะคะ
วาได้ดูคนอื่นทำแล้วเช่นเดียวกัน แล้วก็ได้เห็นผลลัพท์ว่ามันอเมซิ่งจริงๆ จนอยากทำบ้างงงง
เพราะหน้าใสจริงอะไรจริง ถ้ามีโอกาสได้ทำกับหน้าตัวเอง คงได้เอามาโม้ให้อ่านกันค่ะ
มาถึงสิ่งที่วาได้ทดลองทำกันบ้าง
ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อะไร แต่เป็นการแก้ปัญหารูปหน้า ที่วาคิดว่าเป็นปัญหา
ของวามาตลอดชีวิต นั่นก็ใต้ตาอันน่ากลัวของวานั่นเอง ซึ่งคุณหมอบอกว่า
นอกจากริ้วรอยใต้ตาแล้ว ยังมีแอ่งใต้ตาที่เป็นเงาดำที่ต้องแก้ไข เลยเลือกวิธีแก้ไขปัญหา
ของหน้าวาด้วย .... การฉีดสารเติมเต็ม หรือที่เรารู้จักกันดีว่า การฉีด Filler นั่นเอง
วาสรุปการทำในวันนั้น พร้อมข้อมูลทั้งหมด เอาไว้ในคลิปนะคะเชิญทัศนาได้ตามอัธยาศัยจ้า
VIDEO
ปัญหา ของหน้าวาคือ มีแอ่งใต้ตา ทำให้หน้าดูโทรม มีริ้วรอยใต้ตาค่อนข้างเยอะ
คุณหมอวินิจฉัยแล้ว เห็นว่าเป็นเพราะ กระดูกโหนกแก้มที่ใหญ่ เลยทำให้มีแอ่ง
และเป็นริ้วรอยที่เกิดจากแนวกระดูกบนหน้า และเส้นเอ็น
การแก้ไข ฉีด Filler เติมเต็มแอ่งใต้ตา บนแนวกระดูก ด้วย เข็มหัวทู่* ทำให้ดูแอ่งตื้นขึ้น
ทำให้หน้าตาดูสดใสขึ้นไม่ดูตาโหลตลอดเวลาเหมือนเดิม
เข็มหัวทู่ คือ เข็มที่ใช้สำหรับ ฉีดสารต่างๆเข้าไปในผิว จะมีความปลอดภัยมากกว่า
เข็มปลายเล็กแหลม ที่มีใช้กันปกติในปัจจุบัน เพราะถ้าแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ เข็มหัวแหลม อาจจะมีพลั้งพลาด ไปโดนจุดสำคัญต่างๆ เช่น เส้นเลือดใหญ่บนใบหน้า
อาจจะทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังได้ แต่การใช้ เข็มหัวทู่ในการรักษา ต้องเป็นแพทย์
ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เพราะจะมีวิธีฉีดที่แตกต่างออกไป แต่ปลอดภัยมากกว่าค่ะ
คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขยายค่ะ
มาดูผลลัพท์หลังทำกันค่ะ
ภาพด้านซ้ายมือคือก่อนฉีด และ ภาพขวามือคือหลังจากฉีด Filler เรียบร้อยแล้ว
หลังฉีดจะเห็นได้ว่าหน้าดูเติมเต็มขึ้นทันที และมีเพียงรอยเข็ม แค่ 2 รูเล็กๆเหมือนสิวเท่านั้น
ซึ่งคุณหมอบอกว่า ร่องด้านขวา ลึกกว่าด้านซ้าย มันจะฟูขึ้นมาอีกนิดหน่อย ต้องผ่านไปซัก 1 สัปดาห์ ดูว่ามีฟูขึ้นแค่ไหน พอหรือไม่ ต้องเติมหรือเปล่า แล้วค่อยว่ากัน
กลับถึงบ้าน วาก็คลีนซิ่งหน้า ล้างหน้าปกติ ไม่มีอาการช้ำ เขียว ม่วง หรือบวมใดใดเท่าไหร่
มีอาการตึงๆเล็กน้อยบริเวณที่โดนฉีด
รูปซ้ายมือ ก่อนล้างหน้า รูปขวามือ ล้างหน้าเรียบร้อยตามปกติ มีรอยเล็กๆ 2 จุด
ช่วงวันที่ 1 กันยายน วาเริ่มรู้สึกว่า Filler มันฟูขึ้น จนรู้สึกว่า มันเป็นริ้วๆใต้ผิว ด้านขวา
ที่คุณหมอบอกว่า มันลึกกว่า ฉีดแล้วไม่ค่อยยก เท่าอีกข้างนึง ดูรวมๆก็อาจจะไม่เห็น
ความแตกต่าง แต่ถ้าดูใกล้ๆจะเห็น ซึ่งก็ได้แจ้งไปที่คุณหมอ และนัดวัน Follow up
เป็นวันที่ 4 กันยายน ระหว่างนี้ วาก็สังเกตุตัวเองต่อไป แต่มันเจ๋งมากคือ ไม่ปวดไม่บวม
แต่มีเจ็บใต้ผิวเล็กน้อย เวลาจับ หรือล้างหน้า เช็ดหน้าแรงๆเท่านั้น
วันที่ 4 กันยายน ผ่านไป 10 วัน หลังฉีด Filler ไป ได้เวลานัดไปพบคุณหมออีกครั้ง ก็แอบเห็นมีริ้วๆตุ่มๆอยู่ (เห็นกันไหมคะ ^^") ก็เลยเก็บภาพตอนเช้าก่อนไปหาคุณหมอเอาไว้ วันนี้สังเกตุได้ว่า ใต้ตาดูเต็มขึ้นพอสมควร ตาลึกโบ๋สีดำ ดูดีขึ้นพอสมควรเลยยยย
Before & After หลังทำ 10 วัน คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขยายค่ะ
หลังจากไปพบคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า เส้นเอ็นใต้ตาวามันดีดขึ้นมา เลยดูนูนขึ้นเล็กน้อย
คุณหมอเลยกดกระจายๆให้ ปรากฏตุ่มนั้นหายไปเฉยเลย รู้งี้กดเองที่บ้านตั้งนานแล้ว 555
เลยได้ถ่ายรูป Update หลังทำ 10 วันมาด้วยค่ะ มุมเดิม
คุณหมอบอกว่า ฉีดไป 1 หลอด ถือว่าดีขึ้น แต่ยังไม่เต็ม ถ้าฉีดอีกครั้งอาจจะไม่ถึง 1 หลอด
ถ้าจะเอาให้เนี๊ยบเป๊ะ ต้องฉีดให้นูนขึ้นมาเลย แล้วร้อยไหมเก็บเอา ฟังดูเรื่องเยอะและน่ากลัว
แต่ด้วยผลลัพท์ที่เห็น ถ้าต้องทำจริงๆ วาก็สู้ค่ะ เพราะถ้าใต้ตาจะเนียนเรียบเหมือนคนอื่นๆบ้าง
คงจะมีความสุขมากกกกกกกกกกกกกกก 555555
รูปนี้ด้านบน เป็น Before ก่อนฉีด Filler นะคะ รูปกลางบนแต่งหน้าหนามาก
ยังปิดใต้ตาไม่มิดเลย ส่วนรูปล่าง คือหลังฉีดแล้ว วาแต่งหน้าเบามากเพราะไม่อยากล้างเยอะ
กลัวไปเช็ดแล้วไปรบกวนตรงที่ฉีด ใต้ตายังดูมีเงาดำน้อยกว่าเดิมเยอะเลย Happy ส่วนที่ตุ่ยๆใต้ตานั้น เป็นเส้นเอ็นนะคะ คุณหมอบอกว่า ต้องใช้ Botox ช่วยด้วย
แต่ต้องดูตอน Filler เข้าที่ก่อนอีกทีนึง
หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีปัญหาคล้ายๆกับวานะคะ วาไม่ได้แนะนำว่า
ที่นี่ดีที่สุด วาเพียงบอกเล่าประสบการณ์ทั้งหมดที่วาได้ไปเจอ และไปทำมาเท่านั้น
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ และ จำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ของแต่ละบุคคลนะคะ :)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Sponsor by : ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC แพทย์ผู้ทำการรักษา : นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
ราคา : ฉีด Filler ราคา 28000 - 30000 บาท / 1 หลอด
(ราคาขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ท่านไหนนะคะ เคสวา 30000 บาทค่ะ )
** Promotion พิเศษ คุณหมอบอกมาค่ะ** ถ้าแจ้งว่า เห็นมาจาก Blogger นังนู๋วา มีส่วนลดพิเศษด้วยนะจ๊า
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-287-1200 จ้า