:: บ้านกาแฟ // ดอยสุเทพ,แพนด้า ::

วันนี้จะขอเปลี่ยนแนวอีกครั้ง ไปเที่ยวเชียงใหม่ รับลมหนาวกันนะคะ
ทริปนี้เดินทาง 1 กุมภาพันธ์ 2551 (เอาที่เคยอัพลง Pantip มาสะสมใน Blog นะคะ)
เดินทางด้วยสายการบิน Air Asia ค่ะ ซึ่งแน่นอนไม่ 0 บาทเราไม่จอง ^^

เวลาดี ตี 5 ครึ่ง ที่สุวรรณภูมิ ซึ่งมันสายแล้วนะน่ะ (-*-)



และเราก็เช็คอินทัน เย่ๆ..ได้บอร์ดดิ้งพาสมา เดินไปจนถึงเกต
เค้าต่อแถวขึ้นเครื่องกันแล้ว จะรีบไปหนายยย ..
พอนั่งประจำที่เรียบร้อย หลับไป 2 ตื่นยังไม่ออกเลยค่ะ 555
เค้าคงเติมน้ำมันอยู่



เวลาผ่านไป เราก็ทะยานขึ้นสู่ฟ้ากันแล้วเย่ๆๆ สวยจังเลย สว่างพอดี สว่างมาก
สว่างเกินไปแล้ว โอ้ยร้อนนนนนนนนน ใครเค้าให้นั่งฝั่งนี้เนี่ย แดดส่อง กำ!!



ถึงเชียงใหม่ซักทีเหอะค่ะ ร้อน 5555 แต่พอมาถึงแล้วอากาศหนาวก็มาทักทายเราเต็มที โหยเริ่ด!
หนาวจัง รับรู้ถึงความหนาวเลย หันไปเห็นปีกเปียกๆ โอ้..ไอน้ำเกาะปีก แสดงว่าหนาวมาก
พอมันจอดเท่านั้นล่ะ ฝนตกนี่นา แป่วววววววววววววว!! นึกว่าหมอก (-*-)

เราก็ไปรับรถที่สนามบินค่ะ เค้าบอกจะมาชูป้ายรอรับ แต่ไหงไม่มีหว่า โทรถามไปมา
ยังมาไม่ถึง เอิ๊กกกกก...รอแปปนึงเราก็ได้น้อง ยาริส มาในราคา 1090 บาท
+ ประกัน Full Option อีกวันละ 200 บาท เป็น 1290 บาทถ้วน จาก เจอร์นี่ นะคะ
ได้มาก็ฝ่าฝนกลับบ้านกันเถอะ!!



แล้วเราก็มาถึงที่พักที่จองเอาไว้ บ้านกาแฟ น่านเอง น่ารัก และถูกดีค่ะ
วันที่เรามาคือวันศุกร์ โทรมาบอกเค้าล่วงหน้า ว่าจะมา 2 คน เค้าก็เลยให้ห้องด้านหน้ากับเรา
จอดรถหน้าบ้านเลยค่ะ แต่ถ้ากลางคืนเอาเก็บในรั้วบ้านได้ จอดได้ 4 คันโน่นแหน่ะ



รูปข้างบนเป็นเช้าอีกวันนะคะ ฝนเลยไม่ตก จริงๆฝนตกกระหน่ำเลยอ่ะ
เลยไม่สามารถถ่ายรูปได้ตอนมาถึง เข้าไปในบ้านก็จะเจอ 2 ห้องติดกันด้านหน้า

ห้องที่วาอยู่ ราคา 450 บาท นอนได้ 3 คน ค่ะ ห้องไม่กว้างมาก แต่น่ารักดี
ได้อารมณ์เหมือนไปนอนบ้านญาติ ไม่เหมือน นอนโรงแรมอะไรแบบนี้ ชอบจัง
มาถึงก็หลับ คร่อก!!! ตื่นตั้งแต่ตี 3 ง่วงงงงงง



แผนแรกเริ่มเดิมทีของเราคือจะมาดูซากุระค่ะ แต่มันไม่บานแล้ว เลยเที่ยวเชียงใหม่ไปเรื่อยๆแล้วกัน
เริ่มแรกคิดไว้ว่าจะไปดอยสุเทพ แต่ฝนเจ้ากรรมดันมาตกซะได้ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่นาน ก็เลย...

ตกก็ตกไป ยืมร่มเค้าไปอันนึง ไปหาที่เที่ยวกันเหอะ นนนี่ก็เห็นดีตามนั้น
แต่ตายังจ้อง TV ช่องบอลไม่กระพริบเลย (-*-)
แต่ในที่สุด ก็ยอมไปแต่โดยดี เพราะโดนสายตาพิฆาตจากวาไป 1 ดอก 55555

พอหลุดถนนวันเวย์มาได้แบบมั่วๆ กางแผนที่ด้วยความชำนาญ(เหรอ?)
เราก็มุ่งสู่ทางไปดอยสุเทพพอดี เอาเลย ตรงไปเลยค๊าบบบ เค้าว่ากันว่า
ต้องจอดไหว้ ครูบาศรีวิชัย เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน



แล้วก็มุ่งหน้าสู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพกันเย่ๆๆ แต่ฝนจะตกทำไมเนี่ย กลัวนะนี่
บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น....

วา :: นน เคยขับรถขึ้นเขางี้ป่าวอ่ะ
นนนี่ :: เคยขับมาแล้วดอยสุเทพเนี่ย ขับง่ายจะตาย
วา :: แล้วเคยขับขึ้นเขาฝนตกแบบนี้ป่ะ
นนนี่ :: ก็ไม่เคยอ่ะ
วา :: ........
วา :: แล้วเคยขับแบบขึ้นเขามีหมอกหนาๆงี้ป่ะ
นนนี่ :: ครั้งแรกนี่ล่ะ
.....................................(เงียบไปซักพัก)
นนนี่ :: วา...
วา :: หืมม
นนนี่ :: วาหลับไปเหอะ ดีมะ
วา :: วาก็ว่างั้นอ่ะแหล่ะ (-*-)



แล้วเราก็มาถึงงงงงงงงงงง เย่ๆๆๆ ถึงวาจะไม่ได้หลับ แต่ก็ปรับเบาะนอน ไปเลย แบบไม่มองทาง
คือ เป็นอะไรที่เวียนหัววิ๊งๆ แล้วก็กลัวๆ ฝนตกหมอกหนา ถนนลื่น เหอๆ
จอดรถไว้แล้ว ขึ้นไปไหว้พระกันดีกว่า



ปีนขึ้นไปกว่าจะถึงเล่นเอาลิ้นห้อย รู้ตัวเลยว่า แย่แล้ว วาเอ้ยยย
วนๆถ่ายรูปแถวๆนั้น ไม่ค่อยมีอะไร นอกจากเมฆหนาๆ ทะมึนๆ เปียกๆชื้นๆ
มองไม่เห็นวิวเมืองเชียงใหม่เท่าไหร่
เลยขึ้นไปไหว้พระด้านบน แล้วก็ไปเสี่ยงเซียมซี

ซักพัก ก็เหมือนมีหมอกลงจัดมากกกกกกก มองคนในระยะ 5-6 เมตรไม่ชัดแล้ว
แล้วก็ดูเหมือนฝนจะตกลงมาด้วย หนาวจังเลยยยยยยยยย
ดอยสุเทพคราวก่อนของวา อายุ 9 ขวบ ผ่านไปเกือบ 16 ปี ได้รูปมัวๆมาตรึม ขอบคุณมากค่ะ

(-*-)



ขาลง ไม่ไหวแล้ว แต่ด้วยความ งก และไม่อยากให้ นนนี่ดูถูกว่า วาแก่แล้ว เดินไม่ไหว
เราก็(พยายาม)เดินลงเอาค่ะ แต่วาขอไปแอบดู รถราง ซักหน่อย ค่าบริการ คนละ 20 บาท
(จริงๆมันคือ ลิฟท์นั่นเอง ไปยืนถ่ายรูปอยู่ๆเปิดออกมา เหมือนลิฟท์เลย เอิ๊ก...)

หน้าด้านขอเค้าเข้าไปยืนถ่ายรูปด้วย



แล้วก็เดินลงมาอย่างสวัสดิภาพ แต่เหนื่อยแทบขาดใจเลยทีเดียว เหมือนพาอาม่า มาไหว้พระเลย
วาใช้ร่มค้ำยันอ่ะ กร๊ากกก อนาถตัวเอง เหนื่อยได้อีกค่ะ
ลงมาถึงข้างล่าง ฝนก็ตกหนัก หนัก และหนักมาก เลยแวะซื้อสตอเบอรี่กินซะ
(ข่าวว่าไม่เกี่ยวกันเลย...) อร่อยหอมมากๆๆๆ



กลับมาที่รถ มองอะไรไม่เห็นเลย ฝนมาเป็นละออง แบบ เอ่อ เราอย่าไปไหนกันตอนนี้เลยนะ
ไม่อยากจะคิดเลย เวลาขึ้นเขาอ่ะ มองไม่เห็นอะไรเลย (กล้องก็ไม่กล้ายกขึ้นมาถ่ายรูป)
เลยแวะร้านอาหารแถวหน้าวัด หาอะไรทำดีกว่า

เลยได้อาหารว่างมา 1 ชุดค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า




หลังจากอาหารค่อยหายไป สายฝนที่โปรยปรายก็หายไปด้วยค่ะ เย่ๆๆ
ไปดูดอกไม้กันเถอะ ขึ้นไปจากพระธาตุดอยสุเทพนิดเดียวเอง
ตอนนี้ พลขับเริ่ม มีสีหน้าเหยเก เพราะ ไม่ชอบเดินๆๆๆๆๆๆๆดูอะไรแบบนี้
แต่ก็ยอมพาไป แต่โดยดี ไปถึงจอดรถ แล้วก็ไปจ่ายค่าเข้าชม คนละ 20 บาท ค่ะ



ตอนนี้อากาศหนาวๆ เย็นๆ ชื้นๆ ยังมีอยู่ตลอด การเดินชมดอกไม้เราเลย เข้ากะบรรยากาศมากๆ
ดอกไม้สวยเยอะแยะมากมายเลยค่ะ เก็กกันไม่หยุดไม่หย่อนเลย เดินกันจนลืมเหนื่อยทีเดียว



วันนี้วันศุกร์คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมี คู่ลุงๆป้าๆมาหวีดๆกันด้วย

" นู๋ๆถ่ายรูปคู่ให้หน่อย ตรงนี้ค่ะ ขออีกรูปนึง นี่ด้วยอีกรูปนึง นั่นก็สวย นี่ก็งาม "

(-*-) วันหลังเอาตากล้องมาเองนะค๊า (-*-)



มีดอกไม้เยอะมาก กดๆๆอย่างเดียว แถมมีหยดน้ำหลังฝนตกด้วย เริ่ดๆๆ
แต่อย่าถามนะคะว่าดอกอะไร เอิ๊กกกกกกก



มีกุหลาบที่สวยงามมากๆ ดอกอ้วนๆ ต้นสูงๆ ชอบจังเล
แต่ นนนี่ถ่ายรูปวาคู่ดอกไม้ไม่สวยเลยเลยอ่ะ ไม่ยอม!!!



ยังชมสวนดอกไม้ต่อไปเรื่อยๆ เราใช้เวลาที่นี่นานมากๆ คนก็ทยอยมาเรื่อยๆ
อากาศเย็นสบาย มีเจ้าหน้าที่ คอยบอกทางตลอดเวลา



กำแพงดอกไม้ งดงามมากกกกกกกก แต่มีคนตัดหญ้าอยู่ข้างบน นนนี่บ้า ทำไมไม่บอกฟระ หยอกเย้า



พอเดินมาจนสุดทางก็จะเจอ ต้น................. ต้นไทรมั๊ง แหะๆๆๆ
ต้นใหญ่มากๆค่ะ แล้วเราก็วนรอบสวนดอกไม้หน้าพระตำหนัก แล้วก็เดินไปอ่างเก็บน้ำ
ตอนนี้คนอื่นเดินกลับหมดแล้ว เหลือกันอยู่ 2 คน เงียบมากๆ แต่ก็ยังพอมีเจ้าหน้าที่ให้อุ่นใจ



เดินไปเรื่อยๆก็เป็นเหมือนป่าๆ แล้วก็มีบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ยัง มานะไปกันนะคะ ฝนตกหนักแล้วตอนนี้
แต่ก็ยังเดินต่อไป เอาผ้าพันคอมากางกันฝนแล้ว (จะดูให้คุ้ม 20 บาท งกได้อีก)



พอโผล่จากบันไดไป ก็เจอ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ระบำน้ำพุ สวยจังเลย
แต่ลมแรงมาก และหนาวมากกกกกกกกก (ข่าวว่าเค้าให้มาดูพระตำหนัก นี่มาชอบระบำน้ำพุ)

คือตรงนี้เค้าจะเปิดเพลงค่ะ (โปรดสังเกตุลำโพงในภาพ เก๋มากๆ)
เสียงเพลงกังวานไปทั่ว น้ำพุก็เริงระบำไปด้วย ถ้ายวิดิโอมาด้วย แต่เอาลงไม่เป็นค่ะ แหะๆ



ถึงตรงนี้ ถ่ายรูปไปได้ 4-5 รูปก็ต้องวิ่งแล้วค๊าบ ฝนตกหนักมากๆ ก็ไปโผล่ออกทางออกพอดี
ไปเจอต้นไม้แกะสลัก งดงาม และตามด้วย "ไผ่บงใหญ่"
อเมซิ่งต้นไผ่ไทยแลนด์มากๆค่ะ ใหญ่เว่อร์ ใหญ่เกิ๊นนน
เสียงไผ่เสียดสีกัน ดัง คาราบาว คาราบาว ตลอดเวลา

เอ้า งง งง !! .... ดัง แอ๊ด แอ๊ด อ่ะค่ะ กร๊ากกกกกก ตึ่งโป๊ะ!!



หมดแล้ว 40 บาท เอ้ย สวนดอกไม้ค่ะ สวยงามมากกกกก
ก็เลยเดินออกมาไปเข้าห้องน้ำ พอเดินไปเรื่อยๆก็เจอวิวสวยงาม
แล้วก็ไปถ่ายรูปกัน เสียดายฟ้าปิด เห็นแต่เมฆ



ตรงนี้มีป้อม จุดสังเกตุไฟป่าอยู่ เดินไปเรื่อยๆจะเจอป้ายจุดชมวิว แต่บรรยากาศวังเวงพิกล
พอเดินไปเรื่อยๆก็เจอป้ายบอกไปศาลและ ................... ความว่างเปล่า
แอบหลอนแล้วค๊าบบบ กลับกันดีกว่า

หนาวมากๆเลยค่ะตอนนี้



กลับขึ้นมาแวะซื้อน้ำกิน แต่ป้าเค้าใจดีมากๆเรียกไปผิงไฟ ขอบคุณค่า เราเลยเสียค่าผิงไฟไปเป็น
กาแฟร้อนขนมปังปิ้ง แต่วาขอเป็น กาแฟเย็น


 


อิ่มแล้ว เราก็ลงจากดอยแล้วค่ะ รีบไปดูหมีแพนด้ากัน ... ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นแล้ว
ชมดอกไม้เพลินไปหน่อย ข่าวว่าสวนสัตว์ปิด 6 โมงเย็น ไปถึงก็เสียค่ารถ 50 บาท
คนอีก คนละ 50 บาท รวม 150 บาท
(ขึ้นราคาแล้วหรอ อ่านมาไม่ใช่ราคานี้นะคะ -*-)

เข้าไปถึงแพนด้า สะ สะ เสียตังค์อีกรอบ (T.T) อีกคนละ 50 บาทค่ะ
พอดีมันไม่ได้หน้าตาเหมือนพุดเดิลที่บ้าน ก็เลยยอมจ่าย 555

ตามไปดูแพนด้ากัน งดใช้เสียงนะจ้ะ จุ๊ๆ!



ในนี้หนาวมาก เค้าเก็บค่าแอร์นั่นเองค่ะ เอิ๊กกก มูลแพนด้า
ขายได้กล้อนละ 350 บาท โหวววว!! อเมซิ่ง
เมื่อไปถึงก็เจอ..................หมีแพนด้า

หะ หะ หลับ . . . . ง่ะ 50 บาทของช้านนน

แต่พอเดินไปดูอีกตัวนึง มันกำลังนั่งเล่นอะไรซักอย่างอยู่พอดี ใกล้มากก



มีป้ายบอก อ่านซะหน่อย ช่วง ช่วง ตัวไหน หลินฮุ้ย ตัวไหน



สรุป หลินฮุ้ย หลับ ที่นั่งเล่นอยู่ชื่อ ช่วง ช่วง ค่ะ เล่นแบบหันตรูดให้อ่ะ
แต่ซักพักก็เบื่อ ก็เลยนั่งแทะไผ่ แง่บๆๆๆ น่ารักจังเลยยยย



ดูหมีแพนด้าจนจุใจแล้ว (จริงๆยัง แต่ ช่วง ช่วง รำคาณคนเยอะเลยหนีขึ้นไปนั่งข้างบนซะงั้น)

เราเลยไปดู หมีโคอะล่ากันต่อ ไปถึงก็เจอมันหลับอีกแล้ว แง๊วววววววววว!!!
แล้วก็เดินดูสัตว์อื่นๆเรื่อยๆค่ะ เพลินมาก เค้าเลี้ยงสัตว์ในที่ใหญ่โตดีจัง



รูปข้างบน ขออำพรางหน้าบานๆของวานิดนึง เริ่มมียางอายขึ้นมาตะหงิดๆค่ะ

ก็เจออะไรก็แวะๆๆๆ แล้วก็พยายามหา เสือกับสิงโต แต่หาไม่เจอ
วนอยู่ 3 รอบ ผ่านทางเดิมซะงั้น แผนที่มันมั่วนั่นเอง (ไม่คิดจะโทษตัวเอง)



งูน่ากลัวมากกกกกกกก เห็นแล้ว ยึ๋ยๆๆๆๆๆ ยังไงก็ไม่รู้ ขาวอวบ ขาวอวบ



เมื่อหาไม่เจอแล้วก็เลยไปดูแพนกวินดีกว่า ดูเหมือนมันแปลกๆไม่หนาวเท่าไหร่ กระจกเป็นฟ้าเชียว
ได้เห็นไกลๆเองอ่าค่ะ แต่ก็โอเค แพนกวินคงไม่อึดอัดดี (มั๊ง)



แล้วเราไปปจอดถามป้าขายของในสวนสัตว์ว่า เสือกับสิงโต อยู่ตรงไหน
เค้าตอบว่า ... " เสือเปิ้ลจะเก็บตอน 4 โมงครึ่งนะเจ้า ตอนนี้ 6 โมงแล้ว บ่มีเสือให้พ้อแล้วเจ้า "

แหง่ะ... ทำไมต้องเก็บเสื้อด้วยเนี่ยยยยยย ไม่เข้าใจ

ก็เลยกลับบ้านค่ะ 6 โมงกว่า สวนสัตว์ปิดแล้วอ่า
กลับมาถึงก็ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอ 3 ทุ่มกว่าๆก็ออกไปหาอะไรหม่ำๆเป็นอาหารเย็น
ด้วยความที่วาทำการบ้านไปดีมาก เราเลยวนรถอยู่ 1 ชั่วโมง เพื่อหาร้านข้าวต้มบาทเดียว -*-

ก็ใครมันจะไปจำได้ว่าตรงไหนมันวันเวย์อ่ะ เกือบจะฆ่ากันตายเพราะโมโหหิว

กว่าจะเจอร้าน เกือบ 5 ทุ่มแล้ว หิววววววววววววววววว!!!!
อาหารร้านนี้ ทำไวมากๆ และไม่แพงด้วยค่ะ 40 บาท 50 บาท 60 บาท
ข้าวต้ม ข้าวสวย 1 บาทเท่าน๊านน!!



หลังจากอิ่มแล้วก็เข้านอนค่ะ ก่อนนอนก็คิดว่า ขอให้พรุ่งนี้อากาศดี ไม่มีฝน
แต่ก็ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน
ใจอยากไป ดอยอินทนนท์มากๆ สูงสุดในสยาม มีรถทั้งที ก็เอาให้คุ้มไปเลย
แต่ใจนึงก็คิดว่าไกล เปลืองน้ำมัน แต่ก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว ก็เลยนึกไม่ออก
นอนดีกว่าไปคิดเอาข้างหน้า ที่สำคัญ ยังไม่มีที่นอนในคืนต่อไปเลย แป่ว!!....

- ต่อตอน 2 จ้า -
 




Create Date : 03 กันยายน 2553
Last Update : 9 กันยายน 2553 23:59:33 น. 1 comments
Counter : 2474 Pageviews.

 
ปิ๊กไปเชียงใหม่เฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง แต่เที่ยวไม่ทั่วเลยอ่ะค่ะ ส่วนใหญ่เหมือนเปลี่ยนที่นอนซะมากกว่า ขลุกอยู่แต่ในโรงแรม เหอๆๆ

ps.เรื่องเที่ยวนี่อาศัยอ่านเอาในบล็อก55555


โดย: กำไลสีส้ม วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:8:30:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นังนู๋วา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]








Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นังนู๋วา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.