Group Blog
 
 
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 
National Visa (Type D), Germany Embassy



  สวัสดีค่ะ บล็อกนี้จะเขียนถึงประสบการณ์การจัดทำเอกสาร และสัมภาษณ์วีซ่า ประเภทวีซ่าแบบพำนักระยะยาว National Visa (Type D) ที่สถานทูตประเทศเยอรมนีค่ะ เนื่องจากว่าก่อนจะไปทำวีซ่าได้หาข้อมูลเองเยอะพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่วีซ่าเชงเก้น (Type C) บล็อกนี้เลยจะมาเขียนประสบการณ์ของตัวเองเผื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นๆค่ะ

>> วีซ่าแบบพำนักระยะยาว National Visa (long-term stay, over 90 days) เป็นวีซ่าเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศเยอรมนี (ระยะเวลาพำนักเกินกว่า 90 วัน)
บุคคลที่ทำวีซ่าประเภทนี้ เช่น วีซ่านักศึกษาแลกเปลี่ยน (ของเราเป็นกรณีนี้ค่ะ), วีซ่าเรียนภาษา, วีซ่าติดตามคู่สมรส, วีซ่าผู้ทำงาน Au-Pair เป็นต้น

>> ก่อนอื่นขอบอกข้อมูลเบื้องต้นของเราก่อนนะคะ
อายุ 25 ปี เป็นนักศึกษาปริญญาโท ไม่ได้ทำงาน เป็นคนต่างจังหวัดแต่เรียนในกรุงเทพ
Passport มีวีซ่าอเมริกา แบบ J-1 (Work & Travel 2013) ประเทศอื่นๆ ที่เคยไปเที่ยวมี มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเก๊า, เกาหลี, ญี่ปุ่น ค่ะ ไม่เคยถูกปฎิเสธวีซ่า ไม่เคยไปยุโรปมาก่อน และไม่มีคดีอาชกรรมร้ายแรงใดๆ รวมทั้งไม่มีโรคร้ายแรงค่ะ

ทำวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยน 1 เทอม ที่ Stuttgart Media University รัฐ Baden-Württemberg

ส่วนข้อมูลอื่นๆ จะบอกตามแต่ละข้อในหัวข้อการจัดเตรียมเอกสารค่า ^_^


1. การจัดเตรียมเอกสาร

สำหรับวีซ่าแบบ National Visa เพื่อการศึกษา เอกสารตามเว็บไซต์สถานทูตเยอรมนี มีดังนี้ค่ะ


เอกสารทุกอย่าง ต้องมีทั้งตัวจริง และสำเนา 2 ชุดค่ะ ให้เรียงเอกสารตามนี้เลยนะคะ
เอกสารทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ หรือแปลภาษาเยอรมัน

1.1) Passport ตัวจริง และสำเนาเฉพาะหน้าที่มีชื่อ
- สำหรับคนที่มีวีซ่าอื่นๆมาก่อน ควรสำเนาหน้าวีซ่าไปด้วย และพกเล่มเก่าไปด้วยค่ะ

1.2) Application Form สำหรับ National Visa ที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้ว 2 ชุด เซ็นต์ชื่อในหน้าที่ 4 ด้วย (หากเป็นผู้เยาว์ ต้องให้ผู้ปกครองเซ็นต์) >> National Visa Form <<
- ตัวอย่างการกรอก เราก็หาไม่ค่อยเจอเลยค่ะ มีแค่อันนี้ที่คำถามค่อนข้างตรง https://www.facebook.com/videshconsultz/posts/512107295517249 แนะนำการกรอก Application Form
ติดรูปถ่ายแบบไบโอเมตริก ให้เรียบร้อยทั้ง 2 ฉบับเลยนะคะ

รูปถ่ายแบบไบโอเมตริก
ขนาด 3.5 cm x 4.5 cm พื้นหลังสีขาว ควรเปิดให้เห็นใบหู รูปต้องเห็นทั้งหน้าชัดๆ คือต้องเห็นส่วนใบหน้าในรูปมากกว่า 80% นะคะ เน้นๆหน้าเลย ***สำคัญมาก!!!
ถ้าเป็นร้านถ่ายรูปใหญ่ๆ แค่บอกเค้าว่าถ่ายรูปทำวีซ่าประเทศเยอรมนี เค้าจะทราบค่ะว่าต้องวางหน้าอย่างไร แต่หากใครไม่มั่นใจ ควรเอารูปตัวอย่างด้านล่างนี้ให้ร้านถ่ายรูปดูนะคะ จะได้ไม่ผิด



1.3) หนังสือตอบรับการเข้าเรียน (Letter of Admission) อันนี้เป็นหนังสือจากมหาวิทยาลัยนะคะ

นอกจากนี้ เราเตรียมเอกสารเพิ่มเติม คือ
- เอกสารทุนที่ได้รับ (เราได้ทุนจากรัฐ Baden-Württemberg ค่ะ) จะมีเอกสารใบ Confirmation การได้รับทุน และเอกสารสัญญาทุน
- เอกสารการจองหอพัก 
- Letter of Motivation เขียนบรรยายว่าทำไมเราจึงอยากไปเรียนที่มหาลัยวิทยาลัยนี้ สาขานี้ สามารถค้นตัวอย่างได้จาก Google เลยค่ะ แต่เอกสารนี้เป็นเอกสารที่เราเขียนตอนขอทุนอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเขียนใหม่
- Resume แบบสั้นๆ แค่แผ่นเดียว 

1.4) หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษาที่ผ่านมา
- ตรงนี้เราเอาเอกสารของป.ตรี และป.โทค่ะ
ป.ตรี = ใบ Transcript, ใบรับรองจบ/ใบรับรองวุฒิ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าใบปริญญาบัตรนะคะ
ป.โท = ใบ Transcript ถึงเทอมล่าสุด, ใบรับรองว่ากำลังเป็นนักศึกษาอยู่

1.5) หลักฐานแสดงความรู้ภาษาเยอรมัน
- อันนี้เราไม่มีค่ะ ใช้ภาษาอังกฤษแทน (TOEIC)

1.6) หลักฐานการเงิน
- สำหรับวีซ่านักศึกษาแบบที่ไปอยู่เป็นปี อาจจะต้องเปิด Block Account ในเยอรมนี อย่างน้อยเดือนละ 659 ยูโร แต่ของเราเป็นนักศึกษาทุนและแค่แลกเปลี่ยน 1 เทอมเลยไม่ต้องเปิดค่ะ 
**ของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เพราะกรณีของเราเจ้าหน้าที่ก็ต้องปรึกษาเจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันก่อนค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในส่วนวันสัมภาษณ์

ตรงนี้เราเลยใช้เอกสารของพ่อทั้งหมด โดยให้พ่อเป็น Sponsor ให้ เอกสารมีตามนี้ค่ะ (อันนี้เป็นเอกสารที่เราใช้ประสบการณ์มาจากที่เคยขอวีซ่าอเมริกา)
- Sponsorship Letter 
ระบุชื่อพ่อว่าเป็นสปอนเซอร์ให้เรา เพื่อไปทำอะไร เป็นระยะเวลาแค่ไหน และให้พ่อเซ็นต์ชื่อให้เรียบร้อย (หาตัวอย่างดูตาม Google)
- สำเนา Passport หรือสำเนาบัตรประชาชนของพ่อ เซ็นต์รับรองสำเนาให้เรียบร้อย
- เอกสารรับรองความสัมพันธ์ (เช่น ทะเบียนบ้าน ใบสูติบัตร) *แปลเป็นอังกฤษหรือเยอรมัน
เอกสารที่มีการแปล
แปลภาษาอังกฤษ = จะต้องนำตัวจริง  สำเนาตัวจริง และฉบับแปล ไปให้กรมกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ ปั๊มตรารับรองการแปลก่อนด้วยนะคะ (เราจ้างบริษัทแปลให้ดำเนินการให้ทั้งหมดค่ะ)
แปลภาษาเยอรมัน = จะต้องใช้บริษัทแปลที่สถานทูตเยอรมนีกำหนดเท่านั้น ตรงนี้เราไม่ได้แปลเลยไม่มีข้อมูลการรับรองการแปลน้า
- หนังสือรับรองการทำงานของพ่อ 
ระบุชื่อบริษัท ตำแหน่ง เงินเดือน
- Bank Guarantee
- Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- สมุดธนาคารตัวจริง และสำเนา *อัพเดทสมุดก่อนด้วยน้า

1.7) ประกันสุขภาพ
- ตรงนี้ทางมหาลัยของเราทำให้พร้อมเอกสารการรับเข้าเรียนเลยค่ะ ถ้าเป็นกรณีอื่นๆอาจจะต้องทำที่ไทยให้ครอบคลุมระยะที่อาศัย ต้องลองหาข้อมูลกันอีกทีนะคะ (ไม่มีข้อมูลจริงๆ แงง)

หมายเหตุ: เราไม่มีเอกสารจองตั๋วเครื่องบิน ไม่มีแผนท่องเที่ยวใดๆ

เอกสารที่พิมพ์เอง พิมพ์ให้ดูดีให้เรียบร้อย จัดหน้าให้สวยงาม และหากมีรูปควรติดรูปที่เป็นทางการค่ะ เอกสารทุกแผ่นควรเรียบสวยงาม ใส่แฟ้มให้ดีอย่าให้ยับนะคะ


2. การสัมภาษณ์

ก่อนไปสัมภาษณ์จะต้องมีการนัดคิวก่อนค่ะ ระบบเก่าจะเป็นการโทรไปนัด แต่ระบบใหม่ใช้การนัดผ่าน >> website <<
*เลือกประเภทวีซ่าที่ต้องการขอให้ถูกต้องนะคะ และเลือกวัน-เวลาที่ต้องการนัด กรอกข้อมูลชื่อ เลข Passport และ E-mail 
หลังจากนั้นจะมี E-mail ส่งไป ให้ Print E-mail นั้นออกมา เพื่อไปยืนยันการนัดตอนก่อนจะเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยค่ะ ***สำคัญมาก!!!

ก่อนไปสัมภาษณ์ ตรวจเอกสารให้เรียบร้อย โดยจากเอกสารในข้อ 1. ให้จัดเอกสารไว้ 2 ชุดค่ะ โดยที่จัดเฉพาะสำเนาแยก 2 ชุดเท่านั้น ส่วนตัวจริงให้ถือไว้ในมือหากมีการเรียกดูค่ะ (ตอนของเราเจ้าหน้าที่เรียกดูตัวจริงแค่ Letter of Admission เท่านั้นค่ะ)

>> แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์ที่เจอมาค่ะ
เรานัดล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ได้สัมภาษณ์วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เวลา 9.30 ค่ะ
สถานทูตเยอรมนี อยู่ตรงถนนสาทรใต้ เราไปโดย MRT ลงสถานนีลุมพินี ออกทางออก 2 แล้วเดินตรงยาวเลย ผ่าน Q-House ผ่านป้ายรถเมล์ก็ถึงเลยค่ะ

- หน้าสถานทูตจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยรับอยู่ด้านหน้า จะปล่อยให้เข้าไปทีละ 2-3 คน เพื่อตรวจกระเป๋า ตรวจจับโลหะ และฝากของ (มือถือและแทปเล็ตต้องปิดเครื่องและฝากไว้ตรงนี้) จะได้ป้ายฝากของมา เก็บไว้ให้ดีเพื่อมาเอามือถือคืนตอนกลับ

- เดินเข้าไป มองด้านขวาจะมีห้องเล็กๆ ตรงนี้เราเอาใบ E-mail ที่ปริ้นท์ออกมาส่งให้เจ้าหน้าที่ค่ะ เค้าจะเช็คว่าเรานัดมาถูกต้อง หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอที่เก้าอี้สีแดง รอจนกว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดไว้ (เราไปถึงตอน 9.00 เลยนั่งตรวจเอกสารไปพลางๆ พอ 9.15 ค่อยลุกขึ้น)

- เมื่อถึงเวลาก่อนเวลานัดสัก 15 นาที ให้เดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะหน้าห้องสัมภาษณ์ โดยยื่นใบ E-mail ใบเดิม เจ้าหน้าที่จะถามเล็กน้อยว่ามาทำวีซ่าประเภทอะไร เพื่ออะไร และบอกให้เราเข้าไปกดบัตรคิว

- เข้าไปด้านในห้องสัมภาษณ์ เข้าปุ๊บมองขวาเลยนะคะ จะเจอเครื่องกดบัตรคิวสีขาว เป็นจอแบบสัมผัส ให้กดช่องประเภทวีซ่าที่ต้องการขอ (ของเราเป็น National Visa กดเคาน์เตอร์ 13 ค่ะ)

- เมื่อได้บัตรคิวมาแล้ว ให้เข้าไปนั่งรอหน้าเคาน์เตอร์ จนกว่าจะมีหมายเลขของเราขึ้นมาบนจอ

ตรงนี้ ภายในห้องสัมภาษณ์จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหน้าเป็นเคาน์เตอร์ 1-9 เป็นแบบติดๆกันเลย พูดอะไรกันจะได้ยินทั้งหมด T^T เรานั่งรอคิวอยู่ตรงนั้นได้ยินหมดเลย เรื่องส่วนตัวของคนไปสัมภาษณ์ = ='
แต่เคาน์เตอร์ 10-13 จะอยู่ลึกเข้าไป เป็นห้องแยกค่ะ มีประตูปิด ดูน่ากลัวเล็กน้อยเพราะเราต้องเข้าไปต่อตัวต่อกับเจ้าหน้าที

- พอถึงคิวเราสัมภาษณ์ เหมือนเจ้าหน้าที่จะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อยจากเคสก่อนหน้า แต่เค้าก็ปรับอารมณ์ลงมาได้ค่ะ ต่อไปนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ของเรานะคะ

จนท. : มาทำอะไร (ห้วนๆสั้นๆ น้ำเสียงเย็นชา T^T)
เรา : ขอวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ
จนท. : ส่งเอกสารมา เฉพาะสำเนาสองชุด
เรา : (วางเอกสารลงในช่อง แบบสั่นๆเล็กน้อย 5555)
จนท. : (เปิดเอกสารดูทีละหน้า) ขอดู Letter of Admission ตัวจริง
เรา : (ส่งให้)
จนท. : (ดูเอกสาร Admission แล้วนับนิ้ว คาดว่าคงนับว่ากี่เดือน 555) เปิดเรียนวันไหน เรียนรวม 5 เดือนเหรอ
เรา : เปิดวันที่ 1 มีนาคม สอบเสร็จ 22 กรกฎาคมค่ะ 
จนท. : เรียนเป็นภาษาอังกฤษใช่ไหม พูดภาษาอังกฤษได้นะ
เรา : พูดได้ค่ะ (อิชั้นมั่นหน้ามาก ซ้อมบทมาจากบ้านแล้ว 55555)
จนท. : (เปิดเจอหน้าเอกสารทุน) นี่ได้ทุนอะไร รายละเอียดเป็นยังไง
เรา : เป็นทุนของรัฐค่ะ ให้เดือนละ 600 ยูโร เป็นเวลา 5 เดือน
จนท. : แล้วที่เหลือล่ะ
เรา : พ่อเป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ ตามเอกสารที่แนบไป
จนท. : แบบนี้ต้องเปิด Block ป่ะเนี่ย (ปิดไมค์ และหายไปด้านหลัง)
เรา : (คิดในใจ ชิบหายแล้วกรู T^T)
จนท. : (กลับมา พร้อมเจ้าหน้าที่อีกคน มาเปิดดูเอกสารของเราอย่างละเอียดทีละแผ่น **ตรงนี้เราสังเกตว่าเค้าดู Bank Statement นานอยู่นะ) จะไปวันไหนดีคะ 
เรา : (เอ้าเห้ยยย ทำไมกลับมามีหางเสียงแล้ว แถมน้ำเสียงอ่อนลงมาก เหมือนคนละคน) คิดว่าจะไปก่อนเปิดเทอมสักสองสามวันค่ะ
จนท. : วันไหนดีล่ะ พี่ไม่มีปฏิทิน เดี๋ยวหาแปป (แล้วก็เปิดปฏิทิน) 26 กุมภาเอามั๊ย จองตั๋วเครื่องบินยังเนี่ย
เรา : (คิดในใจอีกละ เห้ยยย ชั้นเลือกวันได้ด้วยเหรอ ไม่ถามอะไรชั้นแล้วเหรอ) จริงๆหนูกะจะไปก่อนแต่ไม่กล้าจองตั๋วเพราะยังไม่รู้วันที่จะได้วีซ่าอ่ะค่ะ
จนท. : เหรอๆ งั้นเอาเผื่อเยอะๆเลยดีมะ เนี่ยออกวีซ่าให้ได้เลยนะ
เรา : 15 กุมภาได้มั๊ยคะ (เผลอพูดไป ตอนนั้นคิดแวบนึงว่า ชิบหายแล้วกล้าถามได้ไง)
จนท. : เอาวันที่ 15 นะงั้น พี่ออกวีซ่าให้เลยนะ จะเที่ยวมั๊ย กลับสักสิงหาเนอะ
เรา : ก็ดีค่ะ ขอบคุณค่าาาา
จนท. : รับเองหรือให้ส่งคะ อยู่กรุงเทพหรือเปล่า มารีบที่พี่หลังปีใหม่ได้ไหม
เรา : รับเองได้ค่ะ
จนท. : หนูไม่ต้องเสียเงินค่าทำวีซ่านะ เพราะเป็นนักศึกษาทุน แล้วเอาใบนี้มายื่นที่พี่วันที่ 12
แล้วเจ้าหน้าที่ก็เขียนใบสีเขียวๆ ให้เราเอามายื่นที่เค้าเลย สรุปว่าได้รับเล่มวันที่ 12 มกราคม 2559
*จนท.ขอรูปเพิ่มอีกใบนึง อย่าลืมเขียนชื่อสกุล หมายเลขPassport ไว้ด้านหลังด้วย

คำถามเราไม่เยอะเท่าไหร่ จริงๆเตรียมข้อมูลไปพอสมควรแต่ไม่โดนถามเลย = =' 
สุดท้ายคำแนะนำคือ ทำเอกสารให้เรียบร้อยและพร้อมจะดีที่สุด เวลาสัมภาษณ์จะได้ใช้เวลาไม่นาน
สำหรับของเราก็มีข้อมูลมาแชร์เพียงเท่านี้นะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีค่าา





Create Date : 23 ธันวาคม 2558
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2559 14:42:16 น. 0 comments
Counter : 9867 Pageviews.

ล็อคอินนี้สีชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add ล็อคอินนี้สีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.