|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
2 สิงหาคม 2554 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
..คำร้องขอต่อสายลม..
ถามว่าในชีวิตเกือบๆ 40 ปีของดิฉัน ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ดิฉันตอบไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะรู้สึกว่า ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายเหลือเกิน
ดิฉันได้เรียนรู้ว่า พี่ฟ้านั้นอยู่ไกลเหลือเกิน ไกลจนสัมผัสและแตะต้องไม่ได้
จนทำให้บางครั้งโลกนี้ดูเวิ้งว้างไปหมด
ในขณะเดียวกัน ความไกลของพี่ฟ้า ก็ทำให้ดิฉันก้มหน้าลงมามองพี่ดิน และเงยหน้ามองในระนาบสายตา
และดิฉันก็พบว่า ยังมีสิ่งสวยงามต่าง ๆ แทรกซ้อนอยู่มากมายจนละลานตา
ความงดงามนั้นอาจไม่เท่าพี่ฟ้าในจินตนาการ แต่เราก็สามารถเอื้อมมือไปสัมผัสแตะต้องได้
บางครั้ง อาจทำได้ถึงขั้น เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของดอกหญ้าริมทางเสียด้วยซ้ำ
เมื่อมองให้ไกลออกไป ดิฉันพบว่า โลกเรานี้ช่างสลับซับซ้อนและหลากหลายเสียเหลือเกิน
เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร กว่าที่เราจะสามารถเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับทุกสิ่งได้
ซึ่งสิ่งนั้น แม้ระยะเวลาชั่วชีวิตดิฉัน ก็อาจไม่เพียงพอ
ดิฉันจึงเงยหน้ามองพี่ฟ้า ก้มหน้าดูพี่ดิน แล้วมองในระนาบสายตาอีกครั้ง กระซิบบอกตัวเองว่า ดิฉันพร้อมแล้ว ที่จะสัมผัสและเข้าไปอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆ ที่รายล้อมรอบตัวดิฉัน
อย่างน้อยๆ ชีวิตนี้ของดิฉัน ก็ไม่อ้างว้างจนเกินไปนัก
ดิฉันบอกตัวเองว่า ดิฉันพยายามจะมองให้ครบทุกมุม ทุกด้าน ทุกวิธี
ดิฉันอาจจะยืนขึ้นมองในแนวตั้ง หรือ ล้มตัวลงไปนอนเพื่อมองให้ชัดในแนวนอนด้วยก็เป็นได้
การล้มตัวลงนอนมองพี่ฟ้าที่อยู่ไกลออกไป บางครั้งดิฉันก็พบว่า พี่ฟ้านั้นก็สลับซับซ้อนไม่แพ้พี่ดินที่ดิฉันทอดร่างอยู่เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ดิฉันจึงไม่อาจเข้าใจพี่ฟ้าได้ พอๆ กับที่ไม่อาจเข้าใจพี่ดินได้เฉกเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ดิฉันจึงได้ข้อคิดว่า ไม่ว่าพี่ดินหรือพี่ฟ้า ต่างก็มีความซับซ้อนพอๆ กัน
เป็นหน้าที่ของดิฉันเอง ที่ต้องพยายามเรียนรู้ ให้รู้ดิน รู้ฟ้า รู้ว่าจะมีชีวิตเช่นไร จึงจะเป็นสุขใจ และราบรื่นมากที่สุด
แม้ว่าจะมีกัลยาณมิตร เช่น ต้นไม้ ใบหญ้า ขุนเขา ลำเนาไพร เป็นพี่น้อง หากแต่บางครั้ง พี่น้องทั้งหมดก็มีวิถีชีวิตเป็นของเขาเอง
ดิฉันเพียงแต่ต้องเดินเข้าไปหาเขา ให้เขาโอบกอดให้ความอบอุ่นแก่ใจในบางครั้งที่ใจอ่อนล้าเหลือเกินเท่านั้นเอง
ในขณะเดียวกัน บางทีดิฉันก็อาจต้องระวังพี่น้องที่อารมณ์แปรปรวนบ้าง เช่น พี่ลม ที่บางทีก็โชยชื่นเย็นใจ แต่บางทีก็พัดแรงจนดิฉันตั้งตัวไม่ติด
แถมบางครั้ง ยังไปพัดให้เพื่อนมนุษย์ของดิฉันซะแรง จนเขาเดินเซมากระแทกไหล่ดิฉันบ้าง
หรือพัดซะดิฉันเองก็เดินเอียงกะเท่เร่ ไปเหยียบเท้าเขาบ้าง ในบางครั้ง
ที่ต้องระวัง ไม่ใช่ระวังแค่ทิศทางพี่ลม แต่ดิฉันต้องระวังกาย วาจา และใจ ของดิฉันด้วย หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจากการกระทำของดิฉัน ดิฉันจำเป็นต้องขอโทษ
แต่หากความผิดพลาดของพี่ลมที่พัดเป่าจนเพื่อนดิฉันซวนเซมากระแทกดิฉัน ดิฉันก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย
เพราะจนอายุป่านนี้แล้ว ดิฉันเรียนรู้ว่า น้อยคนนักที่จะเลวโดยสันดาน หรือโดยการอบรมเลี้ยงดู
บางทีเขาอาจแค่หลงผิด
หรือไม่บางทีเขาก็อาจไม่ผิดหรอก แต่เป็นเพราะไม่หนักแน่นมั่นคงพอ ที่จะยืนนิ่งๆ เมื่อลมพัดมาแรงๆ
หลายครั้งชีวิตของดิฉันจึงต้องรอให้แสงแดดที่เห็นอยู่ลิบๆ ส่องมาตรงที่ดิฉันยืนอยู่ นั่งอยู่ นอนอยู่ เพื่อให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน
ลบรอยเหลี่ยมเงามืดมัวที่เมฆเบื้องบน และลมเบื้องล่างประสานกำลังกันชัดเจน
และเมื่อซวนเซไปแล้ว รวมถึงลืมเรื่องเก่าๆ ไปแล้ว แต่พี่ลมยังคงพัดวนอยู่ริมหู
บางทีดิฉันจึงต้องวิงวอนสายลมว่า ปล่อยให้ดิฉันรู้เอง เห็นเองบ้างก็ได้ค่ะ
ดิฉันปล่อยเวลาให้พี่ฝนชำระล้างคราบไคลความสกปรกในใจออกไปเยอะแล้ว
ดิฉันปล่อยให้พี่แสงแดดแผดเผาเชื้อโรคร้ายอันอาจจะเกิดมีขึ้นหลังจากสายฝนชำระล้างไปก็มากแล้ว
พี่ลมอย่าได้มาพัดให้ฝุ่นที่มันทอดร่างเรี่ยดิน รอวันสะสมให้ครบถ้วนเป็นธุลีดินที่จะยังประโยชน์แก่รากไม้ใบหญ้านำไปใช้เป็นภักษาหาร มังสาหารต่อไป
น่าจะดีกว่า ให้ฝุ่นตะกอนเหล่านั้น ฟุ้งกระจายกลายเป็นอุปสรรคในทัศนวิสัยอันงดงามแห่งใจ ที่ได้ยินยอมให้สรรพสิ่งชำระล้างให้หมดจดแล้วเลย
นะพี่ลมนะ
อย่างน้อยๆ เมื่อมองย้อนกลับไปยังข้อผิดพลาดบกพร่องที่มีอยู่มากมาย ทั้งจากที่กระทำตัวเอง และจากการที่โดนผู้อื่นกระทำ
ดิฉันก็จะได้วางใจเป็นกลาง และยอมรับได้ด้วยตัวเองว่า มันก็เป็นอย่างนั้นเองในโลก
มิใช่เกิดขึ้นเพราะใครๆ ใดๆ มากระทำหรือพัดซ้ำให้เรื่องดังกล่าวเหล่านั้น ไม่จบไม่สิ้นลงไปสักที
คงพูดได้แต่เพียงเท่านี้ หวังว่าพี่ลมจะเข้าใจสิ่งที่ดิฉันกำลังจะสื่อนะคะ
และคงจะไม่ว่ากระไร ถ้าตอนนี้ดิฉันจะขอให้ พี่ฝนทำหน้าที่ชำระล้างจิตใจของดิฉันต่อไป
คงต้องขอพี่ลมเลยเรื่อยลอยไปพัดทางอื่นก่อน หากจะย้อนกลับมาพัดดิฉัน ก็ขอเป็นสายลมบางเบาที่ให้แต่ความรื่นเย็น โดยมิต้องมีกระแสฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
หรือพัดวนเป็นสายร้อนแรงดั่งพายุ ที่โหมให้ใจดิฉันคลอนแคลนหรือภิณฑ์พัง...
ได้ไหมเจ้าคะ
และบางที ถ้าพี่ลมเองหยุดพัดนิ่งๆ สักครู่ พี่ลมอาจจะพบว่า โลกนี้ก็สุขสงบและสวยงามเมื่อยามอยู่นิ่งๆ ก็ได้นะคะ
ดิฉันต้องยอมรับว่า จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ดิฉันแทบไม่เคยรู้จักพี่ลมเลย อย่าว่าแต่พี่ลมเลยค่ะ พี่ฝน พี่ต้นไม้ พี่เมฆ พี่แสงแดด ฉันก็ไม่รู้จักใกล้ชิดสนิทสนมเช่นกัน
แต่เท่าที่ทราบ พี่เหล่านั้น เขายังอยู่นิ่งๆ และมาแบบรู้ระยะเวลา และเท่าที่ดู เขาก็ไม่ค่อยคิดจะทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับดิฉันมากเท่าใดนัก
ดิฉันไม่รู้หรอกว่า พี่ลมคิดอะไรอยู่ ไม่เข้าใจจริงๆ ค่ะ เพียงแต่วิงวอนขอไว้ว่า ช่วงนี้พี่ลมอย่าเพิ่งพัดมาทางนี้เลยนะคะ
ทุกอย่างมันสงบลงแล้ว สงบลงไปนานแล้วค่ะ อย่าโหมพัดให้ฟุ้งกระจายเลยนะเจ้าคะ ขอร้อง
อย่างน้อยๆ เมื่อเราต่างแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เราอาจยังพอเห็นความสลับซับซ้อนของพี่เมฆ พี่ฟ้า ที่อยู่ไกลๆ ไปจากเรา
และก่อนสิ้นแสงตะวัน ไม่ว่าจะมีสิ่งใดกั้นสายตาเราจากท้องฟ้า
เราก็จะยังพอมองเห็นแสงทองที่สาดส่องมาเบื้องหลัง
ถือว่าดิฉันขอร้อง ซ้ำอีกครั้งก็แล้วกันนะคะ พี่ลม
ปล่อยให้ดิฉันมีวิถีชีวิตของดิฉันที่เงียบสงบอย่างนี้ อย่าได้โหมกระพือสิ่งไร ให้เกิดความร้อนใจตามมาภายหลังอีกเลย
ขอบคุณค่ะ หากพี่ลมจะปฏิบัติตามคำขอของดิฉันในครั้งนี้
. . . . . . . . . . .
แฟนเพจ "มรกตนาคสวาท" นะคะ
//www.facebook.com/Maewmaewpicture
ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์ เช่นเคยค่ะ
Create Date : 02 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 12:10:53 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2962 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อาบอง IP: 223.207.98.169 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:11:40:40 น. |
|
|
|
โดย: อาบอง IP: 223.207.98.169 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:11:41:27 น. |
|
|
|
โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:11:49:26 น. |
|
|
|
โดย: สัญญาลมปาก วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:11:57:15 น. |
|
|
|
โดย: kwan_3023 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:16:34:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|