มหาสมุทรสีเทาขาว ล้ำลึกเหลือคณา

โอ้ละหนอ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โอ้ละหนอ's blog to your web]
Links
 

 

ว่าด้วยเรื่องสมอง ชาย หญิง เกย์ เลสเบี้ยน และทฤษฏีการเกิดรักร่วมเพศ

สวัสดีค่ะ


ดิฉันขอนำเสนอเรื่องของเพศที่สาม-สี่ และกลไกการเกิดซึ่งเป็นปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่หลายท่านอยากรู้

และ เกือบทุกครั้งที่มีการตั้งกระทู้เกี่ยวกับปัญหานี้ มักจะเกิดเหตุกระทบกระทั่งจนกลายเป็นดราม่ากันขึ้นมาบ่อยๆ

บทความนี้ของดิฉันจึงมีจุดประสงค์ที่จะนำเสนอเนื้อหาและผลการทดลอง ที่ศึกษาความแตกต่างระหว่างเพศทางกายภาพ และทฤษฎีกลไกการเกิดรักร่วมเพศ

... โดยมองว่าเพศที่ 3- 4 เป็นความแตกต่าง ไม่ใช่ความผิดปรกตินะคะ...

หากกระทู้นี้จะเกิดข้อถกเถียง หรือข้อขัดแย้ง ขอความกรุณาให้ใช้เหตุผล และสติปัญญามาแย้งกัน ดิฉันเชื่อว่าคนที่เข้ามาชมทุกท่านมีวุฒิภาวะพอค่ะ..


ดิฉันมีการทดสอบสำหรับทดสอบว่าสมองของพวกคุณทำงานในลักษณะคล้ายสมองของผู้หญิง หรือสมองผู้ชายมาฝากค่ะ

//www.bbc.co.uk/science/humanbody/sex/add_user.shtml

การทดสอบนี้อิงตามการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เคยทำกันมาก่อน

** ผลการทดสอบไม่ได้บอกว่าคุณเป็นรักร่วมเพศ แค่บอกลักษณะการทำงานของสมองว่าเหมือนเพศไหนเท่านั้นค่ะ**

เพื่อให้เข้าใจง่าย บทความฉบับนี้ขอเรียก..

ชายรักร่วมเพศ = เกย์
หญิงรักร่วมเพศ = เลสเบี้ยน

นะคะ...


เราแบ่งเพศได้เป็น 3 ลักษณะ คือ:

- แบ่งเพศ ตามพันธุกรรม (Genotypic sex)
ผู้หญิง XX chromosome ผู้ชาย XY chromosome

- แบ่งตามลักษณะที่ปรากฏ (Phenotypic sex)
ได้แก่ ลักษณะของอวัยวะที่บ่งบอกเพศ เช่น อวัยวะเพศ มดลูก รังไข่ อัณฑะ รวมถึงพฤติกรรมที่แสดงออก

- แบ่งตามการรับรู้ของตนเอง และความรับรู้ของสังคม (Gender)



การพัฒนาของอวัยวะบ่งบอกเพศ
(The Development of Male and Female Phenotypes)


จะว่าไป.. ทุกคนเคยเป็นผู้หญิงมาก่อนค่ะ แต่เพิ่งมาเปลี่ยนแปลงในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งท้อง เป็นช่วงที่ตัวอ่อนเริ่มเกิดการพัฒนาการสร้างอวัยวะบ่งบอกเพศ

- ช่วงแรก เซลต้นกำเนิด Primordial gonads ฟอร์มตัวในบริเวณใกล้ไต พัฒนาเป็นกลุ่มเซล " Mullerian duct" และ "Wolffian duct" แล้วพัฒนาต่อไปกลายเป็น Urogenital groove ซึ่งจะกลายเป็นอวัยวะเพศ (external genitalia) ต่อไป

ตัวอ่อนเพศชายที่มีโครโมโซม XY

โครโมโซม Y มี Sry gene จะสร้าง Testicular determining factor (TDF) ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) และเกิดการสร้าง Mullerian-inhibiting hormone

ซึ่งจะทำให้ Mullerian duct ไม่พัฒนา และ Wolffian duct พัฒนาเป็น ระบบอวัยวะเพศชาย

ตัวอ่อนเพศหญิงที่มีโครโมโซม XX

ไม่มี TDF ฮอร์โมนเพศชาย และ Mullerian-inhibiting hormone

ทำให้ Wolffian duct ไม่พัฒนา แต่ Mullerian duct พัฒนากลายเป็น ระบบอวัยวะเพศหญิง

หัวนมของผู้ชายก็เป็นสิ่งที่เหลือจากการพัฒนาระบบอวัยวะเพศค่ะ


ภาพประกอบแสดงพัฒนาการทางเพศของตัวอ่อนค่ะ

A และ B แสดงพัฒนาการในสัปดาห์ที่ 4–7
D, F และ H แสดงพัฒนาการของเพศหญิงในสัปดาห์ที่ 9, 11, และ 12,
C, E, และ G แสดงพัฒนาการของเพศชายในช่วงเดียวกัน

(//www.ncbi.nlm.nih.gov/bookshelf/br.fcgi?book=neurosci&part=A2100)



ทำไมเราถึงคิดแบบผู้ชาย หรือผู้หญิง สมองของเราต่างกันใช่ไหม ?
(The Effect of Sex Hormones on Neural Circuitry)



ใหนูทดลองพบว่าฮอร์โมนเพศมีผลต่อการเติบโตของสมองอย่างมาก
แต่ในตัวอ่อนมนุษย์ พัฒนาการของสมองจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมน และสารต่างๆ เพื่อควบคุมพัฒนาการของสมอง


โครงสร้างสมองของผู้ชาย และผู้หญิงต่างกัน

ความแตกต่างระหว่าเพศของสมองมีหลายบริเวณ สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypthalamus) ซึ่งทำหน้าที่ที่สำคัญหลายประการ ก็มีความแตกต่างระหว่างเพศ เช่น บริเวณ Interstitial nuclei ของสมองส่วนไฮโปทาลามัสส่วนหน้า (Interstitial nuclei of anterior hypothalamus; INAH) สมองส่วนนี้แบ่งเป็นหน่วยย่อยได้อีก 4 หน่วย (INAH-1, -2, -3, -4)

พบว่า

- ผู้ชายมีสมองส่วน INAH1 1,2 และ 3 (INAH1-3)ใหญ่กว่าผู้หญิง 2 เท่า
- INAH-1 ของเด็กหญิงและเด็กชายมีขนาดเท่ากัน จนกระทั่งอายุ 2–4 ขวบ INAH-1 ของเด็กชายจะพัฒนาให้มีขนาดใหญ่กว่าของเด็กหญิง
- INAH-2 ของเด็กหญิงใหญ่กว่าผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ และหญิงวัยหมดประจำเดือน


แสดงความแตกต่างของสมองส่วน INAH ของผู้ชาย และผู้หญิง

(A) แสดงตำแหน่งของ INAH 1–4 (สีแดง)
(B–D) INAH ของผู้ชาย (ซ้าย) และของผู้หญิง (ขวา)
(B) INAH-1. (C) INAH-1 และ-2
(D) INAH-3 และ -4





ในเมื่อโครงสร้างต่างกัน แล้วประสิทธิภาพ สมองผู้ชายต่างกับสมองผู้หญิงอย่างไร ?


แตกต่างกันหลายประการค่ะ ยกตัวอย่างเช่น...

- ผู้หญิงมีการทำงานของสมองซีกขวา เด่นกว่าซีกซ้าย
(โดยเฉพาะบริเวณ inferior frontal, inferior posterior, และ middle temporal gyri)
นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการมองด้านซ้าย (left visual field) ได้ดีกว่าผู้ชาย

- ส่วนผู้ชายมีการทำงานของสมองซีกซ้าย เด่นกว่าขวา
(โดยเฉพาะบริเวณ inferior posterior temporal lobe และ fusiform and lingual gyri)

สมองซีกซ้าย

ควบคุมร่างกายซีกขวา
เป็นสมองด้านที่เกี่ยวกับการใช้ ตรรกะ ควบคุมเรื่องรายละเอียด ข้อเท็จจริง การใช้เหตุผล ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ การวางแผน ความปลอดภัย การปฏิบัติ การมองเห็น คำพูด

สมองซีกขวา

ควบคุมร่างกายซีกซ้าย
ควบคุมเกี่ยวกับ อารมณ์ ความรู้สึก การปรับตัว จินตนาการ ความเพ้อฝัน ปรัชญา ศาสนา การฝีมือ และศิลปะ ความเชื่อ ความชื่นชม .
นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นสมองเจ้าอารมณ์ เพราะเกี่ยวกับ ความหุนหันไร้การไตร่ตรอง ความชอบเสี่ยง

... ด้วยเหตุนี้ จึงมี แนวโน้ม ว่า ผู้หญิงมีความสามารถด้านภาษาดีกว่าผู้ชาย ส่วนผู้ชาย ทำงานด้านการคำนวณ และวิทยาศาสตร์ดีกว่า

- นอกจากนี้ ผู้ชายมีความทักษะด้านการระบุทิศทางที่ดีกว่าผู้หญิง
จากการทดสอบด้วยเขาวงกต ผู้ชายจะหาทางออกจากเขาวงกตได้เร็วกว่าผู้หญิง เนื่องจากการประเมิณทิศทาง และการตัดสินใจ ใช้สมองต่างกัน

การทดสอบบอกแนวโน้มถึงประสิทธิภาพการทำงานของสมองระหว่างเพศค่ะ แต่ประสิทธิภาพการทำงานจริงๆ ยังต้องมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง ..




สมองของผู้ชาย ผู้หญิง สมองเกย์และเลสเบี้ยน ต่างกันไหม ?


ต่างกันในหลายบริเวณค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น

1. เมื่อเปรียบเทียบ INAH ของผู้ชาย (Heterosexual males) และ เกย์ (Homosexual males)

พบว่า INAH-3 ของผู้ชายใหญ่กว่าของเกย์ 2 เท่า

2. นอกจากนี้ สมองอีกส่วนหนึ่ง คือ บริเวณ Suprachiasmatic nucleus ของสมองส่วนไฮโปทาลามัส ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระบบสืบพันธุ์ พบว่า...

- เกย์มีสมองส่วนนี้ใหญ่กว่าของผู้ชาย
- เมื่อเทียบกับผู้หญิง สมองส่วนนี้ของเกย์มีขนาดพอๆกัน

3. ในผู้ชายที่แปลงเพศกลายเป็นหญิง (male-to-female transgender) พบว่าส่วน Stria terminalis ในสมองไฮโปทาลามัส มีขนาดใกล้เคียงกับชองผู้หญิง และมีขนาดเล็กกว่า เมื่อเทียบกับของผู้ชาย


ภาพประกอบ แสดงความแตกต่างของสมองส่วน INAH ของผู้ชาย และเกย์

(A) เปรียบเทียบสมองส่วน INAH-3 ระหว่างเกย์ และผู้ชาย
(หัวลูกศรแสดงขอบเขตของสมอง)
(B) กราฟเปรียบเทียบสมองส่วน Suprachiasmatic nucleus (SCN) ระหว่างเกย์ และผู้ชาย
สมองส่วน SCN ของเกย์ใหญ่กว่า (กราฟด้านซ้าย) และมีจำนวนเซลประสาทเยอะกว่า (กราฟด้านขวา) ผู้ชายที่เป็น และไม่ได้เป็นโรคเอดส์
(A from LeVay, 1991; B after Swaab and Hofman, 1990.)
//www.ncbi.nlm.nih.gov/bookshelf/br.fcgi?book=neurosci&part=A2127



4. ผลการสแกนสมองพบว่า สมองส่วน Amygdala ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ รวมถึงความรู้สึกทางเพศ ของเกย์ (HoM) และผู้หญิง (HeW) มีการทำงานคล้ายกัน และผู้ชาย (HeM) กับเลสเบียน (HoW) สมองส่วนนี้ก็ทำงานคล้ายกันเช่นเดียวกัน

ที่มา //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2453705/?tool=pubmed



ทำไมลักษณะทางกายภาพ กับลักษณะนิสัยถึงต่างกันล่ะ ?
นี่แสดงว่าขณะเกิดการพัฒนาการต้องเกิดอะไรขึ้นมาล่ะสิ...

กลไกการเกิดพฤติกรรมรักร่วมเพศยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะ มีผู้ตั้งทฤษฎีหลายข้อ ซึ่งดิฉันจะขอยกมานำเสนอบางทฤษฎีนะคะ

ทฤษฏีว่าด้วยการเกิดเป็นเพศที่ 3-4


1. เกิดจากยีน

จากการสังเกตว่าครอบครัวที่มีประวัติว่าสมาชิกคนใดคนหนึ่งเป็นเพศที่ 3 จะมีโอกาสสูงที่ลูกหลานจะเป็นเพศที่ 3 มากกว่าครอบครัวที่ไม่มีประวัติ
จึงมีงานวิจัยเพื่อหาว่ายีนใดที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักร่วมเพศ และพบว่ายีนที่ “น่าจะ” เกี่ยวข้องนั้น..

- น่าจะส่งผ่านมาทางพันธุกรรมฝ่ายแม่ (X linkage genes transmission)
- อยู่ที่บริเวณ Xq28 และยีนที่อาจเกี่ยวข้องบริเวณอื่นๆ เช่น 7q36, 8p12 และ 10q26

อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองที่ได้ยังไม่แน่นอน เรื่องของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดพฤติกรรมการร่วมเพศยังหาข้อสรุปไม่ได้ และต้องศึกษาต่อไปค่ะ

2. ระดับของฮอร์โมนเพศชาย ไม่สมดุลขณะอยู่ในท้อง

ปัจจุบันยังไม่ทราบว่าปริมาณฮอร์โมนเพศชายส่งผลต่อการเกิดพฤติกรรมรักร่วมเพศอย่างไร

แต่คาดว่าความไม่สมดุล (อาจจะมากไป หรือน้อยเกินไป) ของฮอร์โมนเพศชาย (Androgens โดยเฉพาะ Testosterone) มีผลต่อการระบุเพศ และการเจริญเติบโตของของตัวอ่อน


โดยระดับของฮอร์โมนเพศที่เราเจอขณะที่ท้องสามารถดูได้ผ่านลักษณะต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น..

2.1. อัตราส่วนระหว่างนิ้วชี้และนิ้วนาง (The ratio of the second to fourth finger lengths; 2D:4D ratio)

- ลักษณะมือผู้ชาย (เจอฮอร์โมนเพศชายมากกว่า) จะมีอัตราส่วนนี้ต่ำกว่าลักษณะมือผู้หญิง (นิ้วนางยาว-นิ้วชี้สั้น)

- เลสเบี้ยน มีอัตราส่วน 2D:4D ratios ต่ำกว่าผู้หญิง ส่วนลักษณะมือเกย์พบทั้งลักษณะมือชาย และมือหญิง

2.2. มือข้างที่ถนัด

จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ชายมีการทำงานของสมองซีกซ้าย (ซึ่งควบคุมร่างกายซีกขวา) เด่นกว่าซีกขวา ส่วนผู้หญิงจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดังนั้น เกย์จึงมีแนวโน้มที่จะถนัดมือซ้าย

2.3. ความยาวของกระดูกขา แขน และมือ

ความยาวของกระดูกขา แขน และมือ เป็นกระดูกท่อนยาว (Long-bone)
ในเด็กชายที่เป็นเกย์ มีแนวโน้มที่กระดูกท่อนยาวจะสั้นกว่าเด็กชาย และลักษณะนี้จะหายไปในช่วงวัยเจริญพันธุ์จากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศที่มีต่อการเจริญเติบโตของกระดูก


.. อย่างไรก็ตาม ลักษณะดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการแนวโน้มด้วยการใช้ลักษณะทางสถิติเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในการทำนายพฤติกรรมได้


ภาพประกอบแสดง อัตราส่วนระหว่างนิ้วชี้และนิ้วนาง



3. ลำดับการเกิด และภูมิคุ้มกันของแม่
พบว่า เกย์มีแนวโน้มที่จะมีจำนวนพี่ชาย มากกว่าผู้ชาย
เรื่องนี้อาจอธิบายได้จากทฤษฎีภูมิคุ้มกันของแม่

ทฤษฎีนี้อ้างว่า ขณะตั้งท้อง ร่างกายแม่จะมองตัวอ่อนเพศชาย (ที่มีโครโมโซม XY) เป็นสิ่งแปลกปลอม และสร้างแอนติบอดี้พิเศษออกมา เรียกว่า Y-linked minor histocompatibility antigens (H-Y antibodies)

ซึ่ง H-Y antibodies มีผลต่อสมองของตัวอ่อน จะสะสม สร้างมากขึ้น และส่งผลต่อสมองของตัวอ่อนเพศชายในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป


(ที่มา //www.pnas.org/content/103/28/10531.full )



เกลียดเกย์ ลูกชาย (น้องชาย) ทำท่าว่าจะเป็น จะบังคับได้ไหม


ดิฉันมีเคสมาเล่าให้ฟังค่ะ

" The Case of John/Joan "

ช่วงต้นของยุค 1960s
ฝาแฝดชายชาวแคนดาเข้ารับการตัดหนังหุ้มอวัยวะเพศออก เมื่ออายุ 7 เดือน

ปรากฏว่า หนึ่งในฝาแฝดนั้นประสบอุบัติเหตุจากการผ่าตัด ทำให้ต้องตัดอวัยวะเพศทิ้ง

ดร. John Money (นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Johns Hopkins) และเหล่าแพทย์ ณ สมัยนั้นได้ให้คำแนะนำกับพ่อ แม่เด็กว่าให้เลี้ยงแฝดชายที่ถูกตัดอวัยวะเพศนั้นแบบเด็กหญิง (เพื่อป้องกันปัญหาทางจิต) ส่วนแฝดอีกคนเลี้ยงแบบเพศชายเหมือนเดิม

ดังนั้นเด็กชายคนนั้นจึงเข้ารับการผ่าตัดตบแต่งอวัยวะเพศชายที่เสียหายให้มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง เมื่ออายุ 17 เดือน และถูกเลี้ยงดูแบบเด็กหญิง (โดยเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเกิดมาเป็นหญิง) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยดร. John Money ได้ศึกษาชีวิตของเด็กคนนี้ตลอดมา และบันทึกนามแฝงของคนไข้ก่อนผ่าตัดว่า “John” และเปลี่ยนเป็น “Joan” เมื่อจอห์นผ่าตัดกลายเป็นเด็กหญิงแล้ว

แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูแบบผู้หญิง และมีอวัยวะเพศเป็นหญิง แต่สาวโจนกลับมีปัญหาเกี่ยวกับบุคลิกภาพในการเป็นผู้หญิงอย่างรุนแรง จากบันทึกการสัมภาษณ์ เธอเล่าว่า มีปัญหาเช่น ตอนเด็กๆ ไม่อยากนุ่งกระโปรง ยืนถ่ายปัสสาวะ (urinated standing up) รู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวเองที่ผิดปรกติไปอยู่เสมอ และปฎิเสธการทานฮอร์โมนเพศหญิงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์

เมื่อทนกับความบีบคั้นไม่ไหว หลังจากคาดคั้นหาความจริงจากพ่อแม่ โจนทราบความจริงว่าตนเองเป็นชายเมื่ออายุ 14 ปี

โจนรู้สึกโล่งใจมาก และหันกลับไปสวมเสื้อผ้าผู้ชาย และดำเนินชีวิตผู้ชายอีกครั้ง และพยายามผ่าตัดแปลงเพศให้กลับมาเป็นชาย รวมถึงแต่งงานมีภรรยา และรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยง

อย่างไรก็ตาม จอห์นไม่สามารถทนรับกับบาดแผลทางจิตที่มีมาตั้งแต่วัยเด็ก และปัญหาทางทัศนคติทางสังคมได้ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายเมื่ออายุประมาณ 40 ปี


(หมายเหตุ ถ้าอ่านตำราเกี่ยวกับจิตวิทยาบางเล่ม อาจเปลี่ยนนามแฝงของจอห์น/โจน เป็นชื่ออื่นค่ะ)




ทำไมคนบางคนถึงรังเกียจเกย์ เลสเบียน ?

การรังเกียจ ที่ลามไปเป็นความก้าวร้าว จนเกิดเป็นคดีอาชญากรรมนั้น เป็นปัญหาที่สำคัญที่เหล่านักจิตวิทยากำลังวิเคราะห์หาสาเหตุ และพยายามแก้ปัญหา

ขอยกสถิติคดีอาชญากรรมที่เกิดจาความเกลียดชัง ที่มีสาเหตุจากความแตกต่างระหว่างเพศ ในสหรัฐ จากการรวมรวมของ FBI มานำเสนอค่ะ..

2006 พบ 1,415 ราย แบ่งสาเหตุเป็น

- 62.3 % จากการเกลียดเกย์ (anti-male homosexual biased)
- 20.7 % จากการเกลียดเกย์ และเลสเบียน (anti-homosexual biased)
- 13.6 % จากการเกลียดเลสเบียน(anti-female homosexual biased)
- 2.0 % จากการเกลียดเพศตามปรกติ (anti-heterosexual biased)
- 1.5 % จากการเกลียดพฤติกรรมไบเซกช่วล (anti-bisexual biased)

2005 พบ 1,171 ราย แบ่งสาเหตุเป็น

- 60.9 % จากการเกลียดเกย์
- 19.5 % จากการเกลียดเกย์ และเลสเบียน
- 15.4 % จากการเกลียดเลสเบียน
- 2.0 % จากการเกลียดเพศตามปรกติ
- 2.3 % จากการเกลียดพฤติกรรมไบเซกช่วล


อ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ FBI Hate Crime Statistics
//www.fbi.gov/hq/cid/civilrights/hate.htm



นักจิตวิทยาได้พยายามวิเคราะห์สาเหตุว่าทำไม คนบางคนถึงได้รังเกียจและก้าวร้าวใส่เพศที่ สาม-สี่กันนัก ดิฉันขอสรุปสาเหตุที่ทำให้คนบางคน ความก้าวร้าวใส่เกย์ เลสเบี้ยน จากรีวิวของ Dominic J. Parrott (2008) ได้แก่

1. อคติทางเพศ (Sexual prejudice)

มีทัศนคติที่ไม่ดีกับ พวกรักร่วมเพศ ไบเซกช่วล หรือต่างเพศ

2. การแบ่งแยกเกย์ เลสเบี้ยน และเพศอื่นๆออกจากสังคม

เมื่อสังคมอนุรักษ์นิยม แยกบทบาทชาย หญิงชัดเจน เกย์ เลสเบียนจึงเป็นคนนอกสังคม ความก้าวร้าว จึงเกิดจากการที่ต้องการทำตามกระแสของสังคม และไม่อยากแปลกแยกจากคนอื่น

3. ต้องการความตื่นเต้น สนุกสนานจากการก้าวร้าวใส่ผู้อื่น

พบมากในเด็กวัยรุ่นทั้งเพศหญิง และชาย และมักอยู่เป็นกลุ่ม เดี่ยวๆมักไม่กล้าโดยเหยื่อที่โจมตีได้ง่ายคือเกย์ และเลสเบี้ยน ซึ่งถือเป็นคนส่วนน้อยในกลุ่มคน
บ่อยครั้งที่พบว่าเหล้า และสิ่งเสพย์ติดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมนี้

4. ก้าวร้าวจากกลไกป้องกันตัว

ลึกๆแล้วกังวลว่าตนจะเป็นเกย์ หรือมีประสบการณ์เกิดความรู้สึกทางเพศแบบรักร่วมเพศ ทำให้ต้องแสดงความก้าวร้าวออกมาเพื่อปกปิดความจริง

5. ทำตามกลุ่ม

พบมากในกลุ่มเด็กวัยรุ่นชาย เพื่อนทำอะไร ตนทำด้วยเพราะไม่อยากออกจากกลุ่ม





ดิฉันไม่ได้หวังหวังว่าบทความนี้จะเปลี่ยนใจใครได้
แต่อย่างน้อยขอแค่ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติกันและกันมากขึ้นอีกนิดนะคะ ..


อ้างอิง

1. Purve D. et al. Neuroscience. 3rd edition: page 711-735

2. Sex, Sexuality, and the Brain //www.ncbi.nlm.nih.gov/bookshelf/br.fcgi?book=neurosci&part=A2098

3. Rahman Q. The neurodevelopment of human sexual orientation. Neurosci Biobehav Rev. 2005;29(7):1057-66. Epub 2005 Apr 25.

4. Louis Gooren. The biology of human psychosexual differentiation. Hormones and Behavior 50 (2006): 589–601

5. Savic I, Lindström P. PET and MRI show differences in cerebral asymmetry and functional connectivity between homo- and heterosexual subjects. Proc Natl Acad Sci U S A. 2008 Jul 8;105(27):9403-8. Epub 2008 Jun 16.
//www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2453705/?tool=pubmed

6. X chromosome again linked to homosexuality
//findarticles.com/p/articles/mi_m1200/is_n19_v148/ai_17884162/

7. Roselli CE, Stormshak F. Prenatal programming of sexual partner preference: the ram model. J Neuroendocrinol. 2009 Mar;21(4):359-64.

8. Manning JT, Robinson SJ. 2nd to 4th digit ratio and a universal mean for prenatal testosterone in homosexual men. Med Hypotheses. 2003 Aug;61(2):303-6.

9. Finger Forecasts
//www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2006/10/16/AR2006101600941.html

10. Puts DA, Jordan CL, Breedlove SM. O brother, where art thou? The fraternal birth-order effect on male sexual orientation. Proc Natl Acad Sci U S A. 2006 Jul 11;103(28):10531-2. Epub 2006 Jun 30.
//www.pnas.org/content/103/28/10531.full

เรื่องของจอห์น และโจน

11. Colapinto, J. (2000) As Nature Made Him: The Boy Who Was Raised as a Girl. New York: Harper Collins.

12. Diamond M., Sigmundson H. K. Sex reassignment at birth: Long-term review and clinical implications. Arch. Ped. Adolesc. Med. (1997); 151: 298–304.
//archpedi.ama-assn.org/cgi/reprint/151/3/298

13. Dreger A. D. Ambiguous sex' or ambiguous medicine? The Hastings Center Report. (1998); 28: 24–35.

14. Hate Crimes Motivated By Sexual Orientation Bias
//gaylife.about.com/od/hatecrimes/a/statistics.htm

15. FBI Hate Crime Statistics
//www.fbi.gov/hq/cid/civilrights/hate.htm

16. Dominic JP. A theoretical framework for antigay aggression: Review of established and hypothesized effects within the context of the general aggression model. Clin Psychol Rev. 2008 July ; 28(6): 933–951.


ผิดพลาดประการใดขออภัย และรบกวนชี้แนะด้วยค่ะ..

ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ





//topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/11/X8560745/X8560745.html




17 พ.ย. 52 23:11:46




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
2 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 12:47:37 น.
Counter : 12516 Pageviews.

 

แวะมาทักทายครับ :)))

บทความ มีระโยชน์มากกกก

ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

เอาไว้เล่าให้เพื่อนฟัง...55

แบบทดสอบ ยังทำไม่เสร็จเลยอะครับ(เยอะมาก)

 

โดย: MoBo 28 พฤศจิกายน 2552 22:48:52 น.  

 

เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากคะ
เคยคุยกับเพื่อนว่าสงสัยเรื่องนี้อยู่พอดีเลยคะ
เอาไว้ไปเล่าให้เพื่อนฟังคะ
ทำแบบทดสอบแล้วคะ(นานมาก)ได้50%ระหว่างชายกับหญิง

 

โดย: เด็กติ๊งต๊อง 18 ธันวาคม 2552 13:58:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.