ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ
ได้แก่ สบู่อาบน้ำ ,ครีมอาบน้ำ มีหลักในการเลือกเหมือนกันคือ ควรประเมินสภาพผิวเสียก่อน

ผิวแห้งต้องระวัง อย่าใช้มีฟอง มีกลิ่น
ควรเลือกใช้สบู่อ่อน หรือครีมอาบน้ำที่มีฟองน้อยๆ หรือใช้สบู่ที่มีตัวทำความสะอาดน้อยที่สุดเป็นหลัก กรณีผิวแห้งมากไม่ควรเลือกใช้สบู่ หรือใช้สบู่เฉพาะบริเวณซอก ที่เหงื่อไคลออกมาก ส่วนลำตัวควรเลือกไม่มีฟอง ไม่มีกลิ่น ในฤดูหนาวอาจใช้ shower oil หรือสบู่ที่ไม่มีฟอง ร่วมกับการพิจารณาค่า pH หรือความเป็นกรด-ด่างประกอบด้วย ถ้า pH สูงความเป็นด่างมากจะระคายเคืองกับผิวได้ ควรเลือกใช้ค่า pH ที่ผิวของเราเป็นอยู่คือ ที่ 5.5 หรือ 6 แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ไม่ระบุค่า pH มาให้ และ บางยี่ห้อไม่ระบุส่วนผสมทั้งหมดลงไปบนฉลาก

ซื้อขนาดเล็กเสมอ และเลิกใช้เมื่อมีอาการแพ้
กรณีที่ไม่สามารถทราบสารเคมีที่คุณแพ้ได้ อาจใช้วิธีลองถูกลองผิด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กมาทดสอบดูก่อนว่าระคายเคืองผิวหรือไม่ หากผิวแห้ง ตึง ลอก เป็นผง เป็นขุย ก็ควรเลิกใช้

อาการระคายเคืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับสบู่ที่ใช้เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับน้ำที่ใช้ด้วย ถ้าใช้น้ำเย็นก็สามารถใช้สบู่ที่มีฟองได้ร่วมกับทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำ ถ้าใช้น้ำร้อนอาบน้ำจะทำให้ให้ผิวแห้ง ระคายเคืองง่ายยิ่งขึ้น ควรเลือกใช้ shower oil แทนสบู่ ร่วมกับทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำ

ผิวแพ้ง่ายเลี่ยงใช้สบู่ฆ่าเชื้อ
ผู้มีปัญหาระคายเคืองผิวเนื่องจากสบู่อาบน้ำ ไม่แนะนำให้ใช้สบู่ฆ่าเชื้อทุกชนิด เพราะสารต้านเชื้อโรคทั้งหลายมีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรียบนผิวหนังที่เป็นเจ้าบ้านของเราไปด้วย อาจเกิดการแพ้ อักเสบง่ายขึ้น เพราะเสียสมดุลแบคทีเรียที่ปกป้องผิวตามธรรมชาติ แต่แนะนำให้ใช้สบู่ประเภทนี้ทำความสะอาดบริเวณซอกต่างๆ ของร่างกาย เหมาะสมสำหรับนักกีฬา ผู้ที่เหงื่อออกมาก และมีกลิ่นตัว

ผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย ธรรมชาติของผิวแห้งที่ขาดการบำรุงจะเกิดริ้วรอยตื้น ๆ เล็ก ซึ่งฟื้นฟูให้เรียบตึงเหมือนเดิมค่อนข้างง่าย ด้วยการทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีน้ำเสริมให้กับผิว จะทำให้ริ้วรอยหายเร็วขึ้น เพราะเกิดจากความแห้งของผิวเท่านั้น สามารถลบเลือนได้ภายใน 7 วัน แต่ริ้วรอยอีกประเภทหนึ่งที่เป็นร่องชัดเจน เกิดจากอนุมูลอิสระ เซลล์เสื่อมจากความชรา เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยประเภทนี้ มอยเจอร์ไรเซอร์ไม่สามารถช่วยขจัดริ้วรอยได้ภายใน 7 วัน เหมือนประเภทแรกแต่อาจจะช่วยได้เพียงบางส่วน ไม่ทั้งหมด จึงต้องเลือกครีมที่มีส่วนผสมอื่น ๆ เป็นหลัก

เลือกส่วนผสมเรตินอล & โคเอนไซม์คิวเทน
เรตินอล เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่พัฒนามาจากยา ซึ่งช่วยลดริ้วรอยได้ค่อนข้างดีแต่มีปัญหาระคายเคืองสูง จึงพัฒนามาเป็นอนุพันธ์ที่ระคายเคืองน้อยกว่า เมื่อทาลงบนใบหน้าซึมเข้าสู่ผิว แล้วจะเปลี่ยนเป็นกรดเรติโนอิก หรือวิตามินเอ อาจทำให้ระคายเคืองผิวเล็กน้อย เช่นหน้าแห้ง ลอก จึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด

โคเอนไซม์คิวเทน ร่างกายสามารถสร้างโคเอนไซม์คิวเทนได้เอง โดยช่วยให้ผิวหนังและอวัยวะทุกส่วนในร่างกายซ่อมแซม ดำเนินเป็นไปตามปกติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายเราจะสร้างได้น้อยลง โคเอนไซม์คิวเทนนี้ใช้ได้ผลแน่นอน ในความเข้มข้น 1.0 % ขึ้นไป ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วไปมักมีความเข้มข้นน้อยกว่านี้คือประมาณ 0.1 , 0.3, 0.03% ซึ่งช่วยลดริ้วรอยได้ในระดับหนึ่ง แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ ไม่สามารถฟื้นฟูผิวได้ภายใน 7 วัน ยกเว้นว่าทาในความเข้มข้นที่สูงก็ให้ผลดีกว่าการใช้ครีมที่ไม่มีส่วนผสมนี้อยู่เลยสำหรับผู้สูงอายุที่มีริ้วรอยลึก ส่วนผสมดังกล่าวข้างต้นนี้สามารถบรรเทาได้บ้าง หรือกรดผลไม้ AHA ก็ช่วยลดริ้วรอยได้บ้างเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเพื่อหน้าขาวใส
คุณเคยสงสัยบ้างไหม มีผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าขาวได้จริงหรือ ความจริงก็คือ บนฉลากผลิตภัณฑ์ทำให้หน้าขาวทั้งหมด จะมีส่วนผสมของสารกันแดดเป็นองค์ประกอบหลัก บุคคลที่ทำงานในสำนักงานที่ไม่ได้ถูกแสงแดดมากอาจไม่ได้ทาครีมกันแดดมาก่อน เมื่อใช้ครีมนี้หน้าจึงขาวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะป้องกันแสงแดดไม่ให้เร่งการสร้างเม็ดสีขึ้น ร่วมกับส่วนผสมจากชะเอม (Licorice) และโคจิกแอซิค (Kojic acid) เป็นสารเคมีลดการสร้างเม็ดสีได้และวิตามินซี

ซื้อขวดเล็กก่อน
วิตามินซีเป็นสารประกอบที่ไม่เสถียร เมื่อสัมผัสกับอากาศจะสลายและสูญเสียคุณสมบัติได้ง่าย จึงควรเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ขวดใหญ่ แต่ควรเลือกขนาดพอเหมาะใช้ระยะ 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพราะทุกครั้งที่เปิดขวดใช้ ปริมาณวิตามินซีจะลดลงเรื่อยๆ ส่วนผสมอย่างอื่น เช่น อะบูติน (abutin) ก็สามารถทำให้หน้าขาวได้ ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำให้หน้าขาวอย่าลืมสังเกตฉลากว่ามีส่วนผสมดังกล่าวหรือไม่