ใครที่มีโรคภูมิแพ้ เป็นโรคประจำตัว คงเข้าใจดีว่า เมื่อาการ
กำเริบขึ้นนั้นจะรู้สึกไม่สบายตัว เช่น มีอาการระคายเคืองตา
ตาบวม น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล หอบ มีผื่นคัน
อาเจียน ท้องเสีย ใบหน้าบวม แตกต่างกันไป
โดยอาการของโรคภูมิแพ้ที่กำเริบขึ้นมานั้น เป็นเพราะร่าง
กายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งบางคนรู้ดีว่า ตนเองแพ้สิ่งใดใน
ขณะที่บางคนอาจยังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม วิธีทางการ
แพทย์สามารถให้คำตอบได้ว่า อะไรเป็นสารก่อภูมิแพ้ต่อผู้ป่วย
แต่ละราย ซึ่งนิตยสารประจำโรงพยาบาลเวชธานี เผยไว้ว่า มีการ
ทดสอบโรคภูมิแพ้ 2 วิธี คือ "การทดสอบในร่างกาย" แบ่งเป็น
การทดสอบทางผิวหนัง โดยนำเอาน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้มา
หยดลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขนหรือแผ่นหลัง แล้วใช้ปลาย
เข็มกดลงบนผิวหนังเพื่อให้น้ำยาซึมซับลงไป ทิ้งไว้ราว 20 นาที
ตุ่มใดที่ผู้ป่วยแพ้จะมีรอยนูนคล้ายตุ่มยุงกัด แพทย์จะวัดขนาด
ของรอยนูน สำหรับการทดสอบทางผิวหนังนี้ ผู้ป่วยควรงดใช้ยา
แก้แพ้ แก้คัน ยาลดน้ำมูก ยาเสริมภูมิ และยารักษาภูมิแพ้ อย่าง
น้อย 7 วัน ก่อนตรวจ
อีกรูปแบบของการทดสอบในร่างกาย คือ ทดสอบโดยการ
ท้าทาย โดยนำสารก่อภูมิแพ้ปริมาณเล็กน้อยตามที่คำนวณได้
มาทดสอบ อาจใช้การรับประทาน ฉีด หรือทา แล้วค่อยๆ เพิ่ม
ปริมาณ
ส่วนวิธีที่สอง "การทดสอบนอกร่างกาย" เช่น การเจาะเลือดไป
ตรวจ ที่จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหยุดยาได้ แต่อย่างไรก็ตาม
การทดสอบโรคภูมิแพ้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในโรง
พยาบาลเพื่อความปลอดภัย.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์