ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 93 คุยษณา
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 93 คุยษณา
โจทย์โดยคุณต่อ บล็อกการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาลของเรานี่เอง
โจทย์นี้มีข้อกำหนดไว้ ให้เลือกโฆษณาที่ตนเองชอบมาเขียน
จะเขียนวิจารณ์หรืออะไรได้ทั้งนั้น ให้บอกด้วยว่า
โฆษณาที่เลือกมาเขียน เป็นโฆษณาสินค้าหรือบริการอะไร
ขอให้ชื่อตอนนี้ว่า "คำถามที่ไม่มีคำตอบ"
คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ก่อนจะวิจารณ์โฆษณา ก็ต้องไปดูความหมายกันก่อนนะครับ
การโฆษณา เป็นการประกาศสินค้าหรือบริการให้ประชาชน
โดยทั่วไปทราบ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงคุณค่าและความแตกต่าง
และก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั้น
ในยุคปัจจุบันสื่อที่มีผลต่อความคิดและพฤติกรรมของคนใน
สังคมมากที่สุดก็คือ โฆษณาทีวี
ถ้าเรามองในทีวีเราจะเห็นความคิดเห็น ค่านิยม ความเชื่อ
ทัศนคติของคนในสังคมปัจจุบัน
ได้เห็นสิ่งของเครื่องใช้ที่กำลังได้รับความนิยม
และมีการแข่งขันกันเพื่อแย่งลูกค้าด้วยกลวิธีต่างๆ
จนบางครั้งก็เหมือนการทำสงครามย่อมๆกันอยู่
ส่วนใหญ่ก็จะพูดทำนองว่ามาซื้อแล้วใช้แล้วจะมีความสุข
จากการได้ครอบครองสิ่งต่างๆที่สื่อต้องการสร้างค่านิยมขึ้น
จะได้ความสวยงามของเรือนร่าง ผิวพรรณ เส้นผม
รูปร่างหน้าตาอันอ่อนเยาว์ ได้เพิ่มระดับรสนิยม
ด้วยการมีของกินของใช้ มีมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่แพงสุดๆ
มีบ้าน มีคอนโดใจกลางเมือง มีรถหรูราคาแพง
บอกความมีระดับของผู้ครอบครองว่าอยู่ในสังคมระดับสูง
ถ้าความสุขเกิดจากการบริโภค การมี การอยู่การครอบครอง
ได้จริงอย่างที่โฆษณากันแล้วคนสมัยนี้คงจะสำลักความสุข
กันเลยทีเดียวเพราะมีแต่ของล่อตาล่อใจมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ที่จริงกลับมีจิตใจที่รุ่มร้อนเพราะอยากได้อยากมีไม่สิ้นสุด
ผู้คนที่ดูโฆษณาถูกยั่วยุให้เสพและบริโภควัตถุ
อย่างไม่รู้ตัวทุกเมื่อเชื่อวัน
จะต้องมีเงินมากสักเท่าไหร่ถึงจะพอกับสิ่งของมากมายขนาดนั้น
สังคมให้คุณค่าของคนที่วัตถุมากกว่าความดีที่มีอยู่ในจิตใจ
ก่อให้เกิดการทุจริตเพื่อให้ได้เงินกันมากๆ
ในทุกระดับทุกวงการอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าพูดรวมๆเราจะเห็นโฆษณาซ้ำๆกันไม่กี่อย่างแค่นั้นเอง
แชมพูสระผมมาเป็นลำดับต้นๆ
ตามมาด้วยเครื่องสำอางที่ทาแล้วลบเลือนริ้วรอย หลายร้อยอย่าง
ทาแล้วหน้าขาว รักแร้ขาวและเรียบเนียนอีกนับร้อยๆชนิด
เครื่องดื่มสารพัดอย่างที่อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง
เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง พวก เอ็ม 150 กระทิงแดง คาราบาวแดง
เครื่องดื่มชาเขียว เครื่องดื่มที่กินแล้วฉลาด กินแล้วหุ่นดี
บำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ซึ่งไม่รู้ว่ากินแล้วได้สรรพคุณจริง
อย่างที่ว่าหรือไม่ แต่ก็ทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
ถ้าในทีวีจานดำส่วนใหญ่จะเป็นการลดน้ำหนัก เช่น การใส่ชุดลด
น้ำหนัก เช่นโอนามิ ที่มีดาราหรือคนที่ใช้ออกมายืนยันกัน
แทบทุกวันว่าได้ผลจริง หรือ พวกยาลดความอ้วน
ยาที่กินแล้วผิวขาว หลากหลายผลิตภัณฑ์ ไม่รู้ว่าทานไปแล้วจะ
ตับไตเครื่องในจะพังกันหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ
แปลกนะครับที่มีคนมากมายในโลกไม่มีอาหารจะกิน
แต่ในเมืองไทยกินกันเกินจนต้องเสียเงินลดน้ำหนัก ลดหุ่น
คนในประเทศแอฟริกาที่ไม่ค่อยมีกินเห็นแล้วคงขำไม่ออกแน่ๆ
ทีวีก็อยู่ได้ด้วยเงินโฆษณาที่เป็นสปอนเซอร์หล่อเลี้ยงค่าใช้จ่าย
แต่ละช่องที่ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลในอัตราที่สูงมาก
คนที่ซื้อสินค้าก็แบกราคาค่าโฆษณาสินค้านั้นด้วยโดยไม่รู้ตัว
ในบรรดาโฆษณามากมายนี้ก็ยังมีประเภทที่มีสาระให้ผู้ชม
และสร้างจิตสำนึกที่ดีของคนในสังคมอยู่บ้าง
ให้ผลสะท้อนกลับเป็นการยกระดับความเชื่อมั่น
ในการให้บริการของบริษัทผู้ทำโฆษณานั้นเอง
มีหลายๆอันที่ผมชอบ แต่เนื่องจากเกรงว่าอาจะจะซ้ำกับเพื่อนๆ
ถ้าเลือกเฉพาะที่ฉายกันตอนนี้ ผมจึงขอยกเอาโฆษณา
ของบริษัทไทยประกันชีวิตเมื่อประมาณสี่ปีที่แล้วมาหนึ่งเรื่อง
เป็นการแสดงการร้องเพลงหมู่ที่มีเด็กๆชั้นประถมน่าตาน่ารัก
โดยมีคุณแม่ของพวกเธอที่มารับฟังด้วยความชื่นชม
เพลงนั้นชื่อว่า Que sera, sera หรือเพลงที่เรียกกันเล่นๆว่า
Whatever will be, will be
ขอลอกเนื้อเพลงไว้ตรงนี้เลยนะครับ
เนื่อเพลง Que sera, sera
When I was just a little girl, I asked my mother,What will I be? Will I be pretty?Will I be rich? Here's what she said to me:
Que sera, sera,Whatever will be, will be; The future's not ours to see. Que sera, sera,What will be, will be.
When I was just a child in school, I asked my teacher, What will I try? Should I paint pictures Should I sing songs? This was her wise reply:
Que sera, sera,Whatever will be, will be; The future's not ours to see. Que sera, sera,What will be, will be.
When I grew up and fell in love. I asked my sweetheart, What lies ahead? Will we have rainbows Day after day? Here's what my sweetheart said:
Que sera, sera,Whatever will be, will be; The future's not ours to see. Que sera, sera,What will be, will be.
Now I have Children of my own. They ask their mother, What will I be? Will I be handsome?Will I be rich? I tell them tenderly:
Que sera, sera,Whatever will be, will be; The future's not ours to see. Que sera, sera,What will be, will be. Que Sera, Sera!
เนื้อเพลง que sera sera คำแปล
ครานั้น ฉันเป็นเพียง เด็กหญิงน้อย เพียรเฝ้าคอย ไถ่ถาม ความสงสัย
คุณแม่จ๋า อีกนานช้า หนูเติบใหญ่ จักเป็น เช่นไร โปรดไขขาน
หนูจักร่ำรวย สวยแส้ไหมแม่ขา คุณแม่ เจรจา อย่างอาจหาญ
เกอะ เซรา เซรา อีกมินาน ใดบันดาล ล้ำล้วน แต่ควรดล
อนาคต มิใช่ เราได้แลเห็น ใดจักเป็น จึ่งบังเกิด เลอเลิศล้น
เกอะ เซรา เซรา หนูพึงยล ใครคือคน กำหนด อนาคตกัน
คราเป็นสาว พราวพร้อมพรัก รักรุกเร้า จึ่งคอยเฝ้า ถามความในหวานใจฉัน
สิ่งใดหนอ รอข้างหน้า สารพัน หรือรายรุ้ง ลาวัณย์ ประทับนาน
โอ้ ยอดหทัยใคร่เสนอ เกอะ เซรา เซรา คือคำหวาน
ใดควรดล ล้นล้วน จักบันดาล อนาคตกาล มิใช่ เราได้แล
ครั้นเมื่อฉัน มีเด็กน้อย คอยถนอม หนูหนูพร้อม ใจถาม ความคุณแม่
หนูจักเป็นเช่นไรใคร่รู้แท้ ร่ำรวยหรือ แม้หล่อเหลา หนูเฝ้าขอ
ฉันจึงเอ่ย ตอบพลาง อย่างนุ่มนวล อันใดควร ดลจึงเกิด ประเสริฐหนอ
เกอะ เซรา เซรา แหละเพียงพอ มิพึงรอ อนาคต ใช่กำหนดเองฯ
ที่มาของคำแปล คุณดาวประจำเมือง
ในเว็ป//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W2210987
/W2210987.html
ฉากในเรื่องจากที่ชม ตอนแรกเราจะเห็นใบหน้าอันน่ารัก
ไร้เดียงสาและแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ของหนูๆทั้งชายและหญิง
กล้องค่อยๆจับห่างออกมาจะเริ่มเห็นว่ามีบางคนพิการมากบ้าง
น้อยบ้าง
แล้วก็เห็นสีหน้าและแววตาของคุณแม่ ของเหล่าตากล้องและทีม
งาน ที่ฟังเพลงอันไพเราะจากน้ำเสียงของหนูน้อยที่มีความพิการ
เมื่อทุกคนได้ชมแล้วคงเกิดคำถามมากมายในใจ
ว่าที่แท้แล้วชีวิตของเรานี้ใครเป็นคนกำหนด
หนูๆที่น่ารักทำไมต้องเกิดมาพิการ ชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
สำหรับพ่อแม่ที่ดูลูกๆที่รักแล้วคำถามนี้ชวนให้น้ำตาไหลนะครับ
แต่ในมุมของเด็ก ไม่ว่าพวกเขาจะเกิดมาเป็นอย่างไร
เขาก็ยังสดใสและมีรอยยิ้มได้เสมอ
พวกเขาในวัยเช่นนี้อาจสงสัยว่าทำไมเขาและเธอไม่เหมือน
เพื่อนๆคนอื่นเป็นบางครั้ง แต่ความพิการก็ไม่สามารถ
ลบความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของพวกเขาไปได้
พวกเขาเกิดมาพิการเพียงร่างกายหรือสมอง
แต่จิตใจไม่ได้พิการไปด้วย ทุกคนยังเปรียบเสมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์
จิตใจที่ดีงามย่อมสามารถนำชีวิตไปสู่ความสุขได้เสมอ
แม้ร่างกายจะเกิดมาเป็นเช่นไรก็ตาม
บางครั้งผมเห็นคนพิการทางสมองวันๆได้แต่ยิ้มเหมือนมีความสุข
เมื่อเทียบกับคนดีๆที่แบกภาระหนักอึ้งในชีวิต
ต้องหน้าดำคร่ำเครียด ไม่รู้วิธีปล่อยวางความทุกข์ออกจากใจ
ใครเล่าจะมีความสุขมากกว่ากัน
มีอีก MV หนึ่งที่ผมได้ดูแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เป็นความเมตตาของสุนัขที่พยายามจะเป็นเพื่อนกับหนูน้อยพิการ
เห็นแล้วรู้สึกว่าแม้สุนัขจะไม่ได้พูดภาษาอะไรออกมาให้เราได้ยิน
แต่สิ่งที่เขาสื่อออกมามันยิ่งใหญ่เกินกว่าคำบรรยายใดๆในโลก
เพราะมันมาจากใจที่แสดงความรักและอยากเป็นเพื่อนด้วย
กิริยาเหมือนคนปลอบประโลมเด็กให้หายหวาดกลัว
แรกๆเด็กน้อยไม่อยากให้มายุ่งด้วย
แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกันจนได้
เพลงก็ไพเราะและมีความหมายดีมากๆ
ดูแล้วผมก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า
ทำไมคนที่สามารถสื่อสารภาษามนุษย์เหมือนกันแท้ๆ
ทำไมถึงไม่เลือกที่จะแสดงวาจาหรือคำพูด
ที่แสดงถึงความรักความห่วงใยต่อแสดงความเป็นมิตรกันบ้าง
คนสมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะแบบนี้คือ
ถ้าดีกว่าก็อิจฉา ถ้าเสมอกว่าก็คอยแข่งขัน ถ้าด้อยกว่าก็ดูถูกกัน
ทำไมความรักและจิตใจของคนสมัยนี้จึงคับแคบลงกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
มีประโยคหนึ่งที่ได้ยินจนเคยชินและพูดกันบ่อยจนยอมรับทั่วไปแล้วว่า
"เราต้องการคนที่รักและเข้าใจเราและยอมรับเราได้ทุกเรื่องที่เราคิดและทำ"
แต่อาจมีความหมายแฝงเป็นนัยลึกๆไว้ก็คือ
"เราไม่อยากรับรู้หรือยอมรับความคิดหรือการกระทำของคนอื่นต่อเราแม้แต่น้อย"
นี่คือสิ่งที่แฝงในคำพูดข้างบนที่มักพูดกัน
ถ้าระหว่างเราและเขามีความแตกต่างกันทางความคิด ความเชื่อ ศาสนา
เราจะยังคงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติในสังคมเดียวกัน
ยังสามารถเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคมเดียวกันได้อย่างปกติสุขหรือเปล่า
ถ้าคนที่เราพบและคุยด้วยไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกันกับเรา
หรือให้ประโยชน์กับเราแล้วหล่ะก็
เราจะยังคงทักทายแสดงความเป็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์มนุษย์กันได้หรือเปล่า
เรายังคงยิ้มให้เขาได้บ้างหรือเปล่า
หรือความรักและรอยยิ้มนั้นสงวนการรับรู้ไว้
สำหรับคนที่จะให้ประโยชน์แก่เขาได้เท่านั้น
เพราะบ่อยครั้งที่เรามีรอยยิ้มส่งออกไปก่อน
แต่เรากลับได้ความเฉยเมยกลับมาเสมือนเรานั้นไม่มีตัวตนบนโลกนี้
นี่คือความจริงของสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน
หรือในใจของคนในสังคมส่วนใหญ่ตอนนี้
จะมืดมิดไปด้วยอัตตามานะทิฏฐิ
ถือตัวถือตนแบ่งชั้นวรรณะรวยจนสูงต่ำ แบ่งเขาแบ่งเรา
จนสู้สุนัขหัวใจเปี่ยมไปด้วยเมตตาสูงส่งตัวนี้ไม่ได้ซะแล้ว
อยากฝากแง่คิดดีๆไว้ในงานเขียนชิ้นนี้
และหวังว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ^^
เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์
ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่านให้กำลังใจติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกทุกๆคนที่ยังไม่ลืมกัน
ขอบคุณโจทย์ดีๆจากคุณต่อ
ขอบคุณที่โลกนี้มีความจริงมากมายให้เราได้เรียนรู้
และขอให้เพื่อนๆมีความสุขในวันลอยกระทงกันทุกๆคนนะครับ ^^
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2556 |
|
80 comments |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2556 21:07:54 น. |
Counter : 2641 Pageviews. |
|
|
|